จาก blog ก่อน ๆ ที่เรา post ไปว่าเราไป inspect บ้านที่ Queanbeyan 2 หลังพร้อมกัน
เรา offer ไปทั้ง 2 หลัง หลังที่ 2 ตอบกลับมาก่อน เราก็จัดการเรื่องเอกสารของหลังที่ 2 ก่อน แต่ก็มาเจอปัญหาเรื่อง special condition ของ sale contract อย่างที่เรา post ไป หลังที่ 1 ที่เราไม่ได้ดำเนินเรื่องเอกสารตั้งแต่แรก เพราะทาง agent เสนอให้เรา offer ในราคาที่สูงมากกว่านี้ ซึ่งเราบอกว่าเราไม่ต้องการเสนอราคาที่สูงไปกว่านี้ เราเป็นคน offer คนแรกเลย แต่ก็ไม่ได้สานต่อ และหลังจากนั้น 2-3 อาทิตย์ก็มีคนมา offer บ้านหลังนี้ไป ในระหว่างที่หลังที่ 2 ที่เรากำลังจัดการเรื่องเอกสาร เริ่มส่ออาการไม่ได้ เราก็เลย email ไปหา agent บ้านหลังแรกว่า จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ถ้าสัญญาการซื้อขายบ้านหลังนั้นไม่ successful ให้เขาติดต่อเราด้วย หลังจากนั้น 3-4 วัน agent บ้านหลังแรกก็ติดต่อมาจริง ๆ เขาบอกว่าคนที่ offer ไปคนนั้นยังไม่ยอมเซ็นสัญญาสักที ราคาเขาตกลงกันอยู่ที่ $**4,000.00 เราบอก เราไม่ต้องการ match the price เพราะเราไม่ต้องการ price war และอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราก็ไม่รู้ว่า agent พูดจริงมากน้อยแค่ไหน agent ขายบ้านกับขายรถ ให้ระวังจ๊ะ เราบอกว่าเราจะเสนอราคาไปที่ $**0,000.00 หลังจากนั้นประมาณ 3-4 ชั่วโมง เขาก็โทรมาอีกว่า ให้เรา offer สัก $**2,000.00 ได้มั้ย เราบอกว่าเดี๋ยวขอคุยกับภรรยาเราก่อน จริง ๆ $2,000.00 เรา offer ได้แหละ แต่ของแบบนี้มันก็ต้องคุยกันกับคนในครอบครัว เราก็เลย SMS กลับไปว่า OK เรา happy ที่จะเพิ่มให้อีก $2,000.00 หลังจากนั้นเราก็ปล่อยให้ทนายความของทั้ง 2 ฝ่ายคุยกัน เราก็ทำเรื่องขอ Home Loan เข้าไปใหม่ เราก็ใช้ฟอร์มเดิมแหละ แค่เปลี่ยนที่อยู่ของบ้านหลังใหม่ หน้าเดียว เพราะเอกสารอะไรอย่างอื่น ข้อมูลมันก็เหมือนเดิม เพราะเราก็เพิ่งจะส่ง Home Loan Application ไปให้ RAMS เมื่อเดือนที่แล้วเอง ผ่านมาแล้ว 2 อาทิตย์ ทุกอย่างน่าจะลงตัว ส่งทำ building inspection แล้ว ทนายความก็เช็คเรื่อง sale of contract อะไรแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตอนนี้ก็เหลือแค่ strata report แค่นั้นเอง ส่วนเรื่อง home loan เราก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ต่อให้ loan ไม่ approve เราก็ยังมี re-draw facility จากบ้านหลังที่ 2 และ saving ที่เรามีอยู่ในมือ ซึ่งก็น่าจะ cover ราคาบ้านได้ ไม่มีปัญหาอะไร ใน home loan application เราขอกู้ไป 100% เดี๋ยวก็รอดูกันว่าจะหมู่หรือจ่า ว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน แต่เราก็คิดว่า บ้านหลังนี้ หลังที่ 3 ของ investment property ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เราก็พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนสัญญาซื้อขายกัน บ้านหลังนี้เราก็จะปล่อยให้เป็นกลไกของ home loan ไป กลไกของ OPM; Other People Money เราคงไม่จะรีบที่จะรีบโปะหรือว่าอะไรทั้งสิ้น ก็ให้มันอยู่ใน family trust, discretionary trust ของเราไป ตอนนี้เราก็เลยเริ่มที่จะมองหา family home กัน ตามที่ post ไปใน blog และ investment property ต่อ ๆ ไปเราก็คงจะลองดูที่ Gold Coast, QLD บ้าง หรือไม่ก็พวก commercial property และบ้านที่เป็นหลังด้วย เราคิดว่าพวกตึก พวก apartment ที่เรามีอยู่มันก็ OK แล้ว บวกกับพวก condo ที่เมืองไทยด้วย คงถึงเวลาแล้วที่เราจะค่อย ๆ ขยับฐานการลงทุนของเราไปที่อื่นบ้าง ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ ทุกอย่างเริ่มเป็นรูปร่าง ป่าล้อมเมือง ทำได้เท่าที่เราทำและเท่าทีกำลังเรามี เราจะไม่ทำอะไรเกินตัว ไม่สร้างหนี้สินให้เป็นภาระโดยที่จำเป็น ทุกอย่างต้องอยู่ในกลไกที่เราวางเอาไว้ เราไม่ได้ทำสะเปะสะปะ ทุกอย่างมีการคิด ศึกษาและวางแผนเอาไว้แล้ว "การอ่าน" ช่วยได้เสมอ passive income มันก็ไม่ได้ทำปุ๊บแล้วได้ปั๊บเลยทันที มันต้องมีการหว่านเมล็ด พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ดูแลรักษา และรอให้สิ่งนั้นงอกเงย จากสมองและสองมือ self-made เราคิดว่าเราทำได้ เราไม่จำเป็นต้องคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เรื่องการเงิน การลงทุน เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องศึกษาและเรียนรู้ อย่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามชะตากรรม passive income ถ้าเราสามารถทำได้ มันก็ดี financial freedom, retire young retire rich มันเป็นอะไรที่จับต้องได้ ถ้ามันมีคนทำได้มาก่อนเรา แสดงว่าเราก็สามารถเรียนรู้และทำได้ ทุกสิ่งอย่างในชีวิตคือการเรียนรู้ หากเราเลือกที่จะเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดนิ่ง ทำไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดอยู่กับที่ ความสำเร็จมันก็ไม่น่าอยู่ไกลสักเท่าไหร่ มันต้องทำได้สิ ไม่ช้าก็เร็ว UPDATE: บ้านหลังที่ 3 ที่มีปัญหาเยอะเรื่อง special conditions อะไรต่าง ๆ
สรุปคือเราบอกยกเลิกการซื้อขายไปแล้ว วันพฤหัสที่ผ่านมา; 21 Nov 2019 บ้านหลังนี้ก็กลับเข้าสู่ตลาดอีกเหมือนเดิม ค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับการที่จะซื้อบ้าน หรือ apartment หลังนี้: ค่า building inspection; $400.00 ค่าทนายและ conveyancing; $830.50 จริง ๆ แล้วค่าทนายความและ conveyancing มันต้องเยอะกว่านี้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเขาลดให้เรา และลดให้มากด้วย เพราะเราส่งลูกค้าของ J Migration Team ของเราไปให้เขาตลอด ทุกครั้งที่เราเรียกใช้บริการเขา เราไม่เคยถามเรื่องราคา เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน ตั้งแต่ปี 2003 แล้ว และก็ไม่คิดจะเปลี่ยนทนายความด้วย สรุป บ้านหลังนี้ มันก็คงจะไม่ใช่ของ ๆ เรา แต่ก็ดีแล้วแหละ ถ้าซื้อมาแล้วมีปัญหาภายหลัง มันก็คงไม่คุ้ม ค่าเช่าเยอะจริง แต่ก็คงตัดใจ ไม่เป็นนะ เมื่อถึงเวลาที่ใช่และอันควร เราจะได้สิ่งนั้นมาครอบครองเอง นี่ก็คงไม่ใช่ ไม่ถึงเวลา ก็แค่นั้นเอง investment property ที่เมืองไทย เราก็เลือกกันอยู่นาน เลือกกันอยู่ 2 เดือนกว่า ๆ
คุยกับหลานที่เมืองไทย เขาทำงานเป็นสถาปนิก อยู่ในวงการของอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว คุย ๆ กันอยู่ แล้วก็หายไป แล้วก็กลับมาคุยกันบ้างอะไรบ้าง เพราะเรา concentrate investment property ที่ประเทศออสเตรเลียมากกว่า แต่เราเปรียบเทียบราคาและอะไรหลาย ๆ อย่างกันอยู่หลายที่ ที่ลาดพร้าวบ้าง ที่สุขุมวิทบ้าง ที่รามอินทราบ้าง เปรียบเทียบราคากัน เปรียบเทียบขนาดห้อง ทำเล และค่าเช่าในระแวกนั้น เราก็มาลงเอยกันที่นี่ ที่ "The Origin รามอินทรา" ขนาดห้อง 26 ตารางเมตร ราคา 2.* กว่า ๆ เราซื้อด้วยเงินสด condo และ property ทุกที่ที่เมืองไทย เราซื้อด้วยเงินสด เพราะเราไม่ต้องการทำเรื่องกู้ยืม และเอกสารวุ่นวาย เราอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย แค่หนังสือมอบฉันทะในการซื้อขาย condo แต่ละทีก็วุ่นวายพอแล้ว แต่ปรกติพวกพนักงานขายเขาก็กระตือรือร้นวิ่งเต้นให้อยู่แล้ว เพราะเขาก็อยากจะขายโครงการของเขา ได้ค่าคอมมิชชั่น โครงการนี้เราตัดสินใจจองแล้ววันนี้ 10 Nov 2019 และก็จ่ายตังค์ค่ามัดจำแล้ววันนี้ ให้ครอบครับเราที่เมืองไทยโอนตังค์ไปแล้วเรียบร้อย และรอทำสัญญาวันพฤหัสบดี คิดแล้วทำ ทำทันที ไม่คิดนาน เพราะนี่เราก็เปรียบเทียบราคาและนั่น นี่ โน่น กันมาจะ 2 เดือนละ วันนี้ก็เลยตัดสินใจเลยละกัน เราชอบ design มันเก๋ดี และ location ดีด้วย ติดถนนใหญ่ ติดรถไฟฟ้า คิดว่าน่าจะหาคนเช่าได้ไม่ยาก ถ้าไม่มีคนเช่าก็ไม่เป็นไร เผื่อเวลาแขกไปไทยมาก็สามารถมาพักได้ อะไรประมาณนี้ แต่ก็ซื้อเอาไว้ให้คนเช่าแหละ เป็นอีกส่วนหนึ่งของ passive income strategy ที่เราวางเอาไว้ โครงการนี้ดีมีเครื่องครัวและเฟอร์นิเจอร์อะไรหลาย ๆ อย่างให้ เราไม่ต้องไปวุ่นวายเหมือน 2 ห้องแรกที่เราซื้อกับอีกโครงการหนึ่ง มีแอร์ให้ มีเครื่องครัว, เตาดูด, kitchen bench และ built in kitchen มีตู้รองเท้า ตู้เสื้อผ้า bedframe ที่วาง TV อีกหนึ่งก้าวเล็ก ๆ อีกหนึ่ง jigsaw ของชีวิต อีกหนึ่ง jigsaw ของการมี passive income ชีวิตที่ต้องเดินต่อไปข้างหน้า ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็ต้องทำได้ ชีวิต ไม่ต้องคาบช้อนเงินหรือช้อนทองมาเกิด ชีวิต เราสร้างของเราเองได้ ด้วยสมองและสองมือที่มี ถ้าเราทำได้ คนอื่นก็ต้องทำได้ อย่าให้ความคิดของเรา หรือความคิดของใครมาจำกัดขอบเขตชีวิตหรือความคิดของเราได้ เราต้องกุมบังเหียนชีวิตของเราเอง ...เราทำได้... เสร็จไปแล้วกับอีกหนึ่ง project OK... เดี๋ยวเตรียมตัวหยอดกระปุกกับ project หน้ากันต่อไป ชีวิตที่มันต้องเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน เราก็จะเป็นกำลังใจให้กับตัวเองด้วย สุขที่สุด ณ จุดที่เป็น เดี๋ยว blog นี้เรามาเปรียบเทียบ apartment 2 หลังที่เราไป inspect ที่ Quenbeyan มา ที่เราเคยทำ Facebook LiVE ไปแล้ว ว่าเราชอบทั้ง 2 หลังเลย
หลังแรก ด้านซ้ายมือ: พื้นที่ใช้สอย 76 ตารางเมตร ค่าเช่า $230/week (สามารถขึ้นได้อีกเป็น $240/week) Council rate: $438/quarter Body corp: $675/quarter หลังแรก unit จะอยู่ชั้นบน และตึกก็อยู่บนเนินเขา ดังนั้นบรรยากาศชั้นบน มองไปรอบ ๆ ด้านจะสวยงามมาก เราชอบมาก น่าอยู่ ถ้าให้เรามาอยู่เอง เราก็อยู่ได้ ยกเว้นหน้าหนาว แต่เสียดายที่ค่าเช่ามันได้น้อยมาก $230/week สภาพห้องยังดี ไม่มีอะไรที่ต้องปรับปรุงเลย ห้องอยู่ชั้นบนสุดและมีแค่ 2 units เท่านั้นที่ใช้บรรไดขึ้นลงด้วยกัน มีความเป็นส่วนตัวสูง คนเช่าเป็นชายโสด พักคนเดียว แต่มี 2 ห้องนอน ดังนั้นห้องยังอยู่ในสภาพดีมาก หลังที่ 2 ด้านขวามือ: พื้นที่ใช้สอย 67 ตารางเมตร เล็กกว่าหลังแรก ค่าเช่า $300/week ดีมากถ้าเปรียบเทียบกับหลังแรก Council rate: $443/quarter Body corp: จำไม่ได้ แต่อยู่ใน sale contract นั่นแหละ หลังนี้ unit ก็อยู่ชั้นบนเหมือนกัน แต่วิวก็จะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะอีกด้านมองไปก็จะเห็นตึกอีกตึกหนึง และ unit ก็อยู่ตรงหัวมุม และทางเดินขึ้นลงก็อยู่ตรงหัวมุมซะด้วยสิ อาจจะขาดความเป็นส่วนตัวนิดหนึง เพราะคนก็ต้องเดินขึ้นลง และผ่าน unit นี้ อย่างน้อยก็ประมาณ 4-5 units ก็เดินขึ้นลงทางด้านนี้ แต่เราก็คิดว่าเราไม่ได้อยู่เอง คงไม่เป็นไร (คิดเอง เออเอง) คนเช่าเป็นครอบครัว ดังนั้นจึงมีคนอยู่ทั้ง 2 ห้องนอน สภาพก็ดูเก่านิดหนึงถ้าเปรียบเทียบกับหลังแรก แต่ไม่ได้แย่มาก เราชอบทั้ง 2 หลังนะ เพราะมัน match กับ investment profile ของเรา คือต้องมีคนเช่าอยู่แล้ว และต้องเป็น positive cashflow ตั้งแต่วันแรกเลย เราไม่ทำ negative gearing เราต้องการ positive cashflow income เพื่อที่จะเป็น engine ขับเคลื่อนในการ semi-retire ของเรา เราไม่ต้องการทำงานไปจนแก่เฒ่า 60, 65 จ๊ะ ไม่จ๊ะไม่ I don't think so. เราก็เสนอราคาไปทั้ง 2 ที่ หลังที่ 2 ตอบรับมาก่อน เราก็เลยดำเนินเรื่องกับหลังที่ 2 แต่จะได้หรือเปล่านั้น ก็อย่างที่เราเขียนไป blog ก่อน มันมีติดขัดนิดหนึง ส่วนหลังแรกตอนนี้ก็มีคนมาเสนอราคา เขาก็กำลังแลกเปลี่ยนสัญญาซื้อขายกันอยู่ เนื่องด้วยหลังที่ 2 ที่เรากำลังแลกเปลี่ยนสัญญากันอยู่นี้เกิดมีปัญหาเรื่อง special conditons ต่าง ๆ อย่างที่เห็น เราก็เลยติดต่อ real estate agent หลังแรกไปว่า ถ้า sale contract ของคนแรกมีปัญหา ให้เขาติดต่อเราด้วย เผื่อเราอาจจะ counter offer ไป อะไรประมาณนี้ ลึก ๆ แล้วเราก็ชอบหลังแรกมากกว่าหลังที่ 2 แต่ค่าเช่าก็ถูกเหรอเกิน $230/week เราว่ามันน้อยไป เมื่อเปรียบเทียบกับหลังที่ 2; $300/week ราคาขายของ unit ทั้ง 2 ไล่เลี่ยกันครับ ต่างกันประมาณ $5,000 ไม่ได้เยอะมาก ถ้าเปรียบเทียบค่าเช่าที่แตกต่างกันมาก ต่างกันตั้ง $70/week แหนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกอย่างคือการเรียนรู้ เมื่อชีวิตคนเราเริ่มออกเดินทาง ไม่ช้าก็เร็วเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทาง ขอเพียงแค่เรามีจิตใจที่ตั้งมั่นและรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ มีเข็มทิศชีวิตที่แน่นอน เป้าหมายไม่คลาดเคลื่อน ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ mindset และวิธีคิด บอกกับตัวเองว่า ...เราทำได้... ในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัว
กับ apartment หลังที่ 3 หลังนี้ ราคาก็เสนอราคาไปแล้ว คนขายก็ accept the offer ไปแล้ว ที่ listing ใน website ก็ขึ้น status "under offer" แล้ว Home Loan ก็สมัครไปแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา Building and pest inspection ก็ทำไปแล้ว มีข้อตำหนิอยู่หลายที่ หน้าต่างไม่มีกุญแจบ้างหละ เครื่องดูดอากาศในครัวไม่มีพัดลมบ้างหละ แต่เราก็คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย minor issues แต่หลังจากที่เราให้ solicitor ของเราทำ conveyancing และ check due diligent ให้ ปรากฎว่า: - เจ้าของห้องประกาศขายเพราะว่าล้มละลาย (มิน่าหละ เราเสนอราคาไป เขาก็ตอบรับกลับมาเลย) - ใน sale contract มี special conditions เยอะมาก, solicitor บอกเราว่า เราไม่ควร accept พวก special conditions พวกนี้ เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างมันจะกลายมาเป็นภาระของเราทีหลัง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันคือภาระและหน้าที่ของคนขาย ดู ๆ แล้ว trustee ที่เข้ามาดูแลเรื่อง bankrupcy (liquidator หรือ administrator) ก็อยากจะรีบ ๆ ขายเพื่อปัดภาระไป และก็ใส่ special conditions มาเยอะมาก เราก็บอกให้ solicitor ของเราต่อรองและ negotiate กับ solicitor ของ trustee ฝ่ายคนขายแล้ว แต่เขาก็บอกว่าเขาไม่ต้องการที่เปลี่ยนแปลงหรือ delete special conditions อะไร เขาต้องการเรา sign contract เลยทันที ในขณที่ socilitor ของเราก็บอกว่าเราไม่ควรที่ซื้อหรือ sign contract in the current form เราก็ต้องเชื่อ solicitor ของเรา วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา; 7 Nov 2019 เราก็เลย email ไปบอก real estate agent แล้วว่าเราคงไม่ proceed กับ sale contract ปัจจุบันที่มีพวก special conditions ต่าง ๆ ตอนเย็นวันพฤหัสบดี, real estate agent ก็โทรมาแล้วพยายาม negotiate แต่เราก็บอกเขาไปแล้วว่า เรื่องพวก legal พวกนี้เราปล่อยให้ solicitor ของเราเป็นคนจัดการและเราก็เชื่อคำแนะนำของ solicitor ของเราเพราะเขาดูแลเรามาตั้งแต่ปี 2003 แล้ว 16 ปีเราไม่เคยเปลี่ยน solicitor ดังนั้นเรื่องการซื้อขายธุรกิจ ซื้อขายบ้าน เราให้ solicitor ของเราเป็นคนจัดการหมดเลย และเขาก็ดูแลและ protect the interest ของเราเป็นอย่างดี ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา ถ้าเขาบอกให้เราเดินหน้า เราก็จะเดินหน้า ถ้าเขาบอกให้เราถอยหลัง เราก็จะถอย ทำไมเราต้องคิดเองด้วยหละ เรามีเรื่องที่จะต้องทำและคิดอื่น ๆ อีกมากมาย เรื่องพวกนี้ เราก็ต้องปล่อยให้ solicitor ของเราจัดการ เราก็เลยบอก real estate agent ไปว่า "ก็ให้ solicitor ของทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันเองละกัน เพราะเราคงต้องเชื่อ solicitor ของเรา" เราต้องไม่เห็นแก่ได้ หรือโลภเพียงเพราะว่าค่าเช่าของตึกดี; $300/week เพราะถ้ามันจะมีปัญหาในระยะยาว มันก็คงไม่คุ้ม เราไม่ต้องการเรื่องปวดหัว เรื่อง headache โดยที่ไม่จำเป็น estate agent ก็เลยบอกเราว่าเดี๋ยววันศุกร์ (8 Nov 2019) เขาจะโทรหา solicitor ของเรา ซึ่งเราก็บอกว่า OK, ให้พวกเขาคุยกันเองเลย ถ้า solicitor ของเราบอกให้เราเซ็นเอกสาร เราถึงจะเซ็น แต่ ณ ตอนนี้ เราแจ้งเขาไปแล้ว ว่าเราจะไม่ proceed กับ sale contract ตัวปัจจุบัน ถามว่าเครียดมั้ย เราไม่เครียดนะ แค่ผิดหวังนิดหน่อย เพราะจริง ๆ แล้วเราก็อยากได้อะไรมาสะสมเอาไว้ เพื่ออนาคต เราต้องการซื้อทุก ๆ ปี อย่างน้อยปีละหลังก็ยังดี passive income มันต้องคิดเรื่อง long-term ด้วย ภรรยาเราก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวหาเอาใหม่ หาเอาใหม่มันก็หาได้แหละหนะ แต่ช่วงนี้มันก็ไม่มี listing ที่ match กับ investment profile ของเราเลย เราก็แอบเสียดายอยู่ลึก ๆ เพราะ new listing แต่ละทีก็ใช่ว่าจะ match กับ investment profile ของเรา ที่เราต้องการ เดือนนี้ก็ Nov แล้ว เดือนหน้าก็ Dec มันก็จะสิ้นปี 2019 แล้ว หมดโควต้าของปีนี้ เพราะเราก็มีโควต้าของแต่ละปีในการซื้อ investment property ทั้งที่นี่และที่เมืองไทย เดี๋ยวก็คงต้องลองดูว่า trustee ฝ่ายคนขายและ solicitor ของเขาจะยอมลบพวก special condition ต่าง ๆ ออกหรือเปล่า ถ้า "ไม่" เราก็คงถอย ไม่ง่ายนะชีวิต แต่ก็ไม่เป็นไรนะ เดินหน้ากันต่อไป ถ้าอันไหนมันจะเป็นของเรา มันก็ต้องเป็นของเรา ถ้ามันไม่ใช่ มันก็คงไม่ใช่ เราต้องไม่เร่งผล ไม่กังวล คิดดี ทำดี ทุกอย่างจะดีเอง อีกหนึ่งมุมของชีวิตการลงทุน ชีวิต passive income "Retire Young, Retire Rich" มันต้องทำได้ มันเป็นอะไรที่จับต้องได้ ศึกษาเรียนรู้เรื่องการเงิน การลงทุน Follow footstep ของ Robert Kiyosaki และ Tony Robbins เราคิดว่ามันต้องทำได้ เรามาเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ มีอะไรเราก็จะ post ที่ blog อย่างที่ทุกคนเห็น ทุกคนมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนสามารถไปถึงเป้าหมาย หรือเส้นชัยเดียวกันได้ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ก็แล้วแต่ต้นทุนชีวิตของทุกคนที่แตกต่างกันออกไป + ความรู้ความเข้าใจ + ความกระตือรือร้นของแต่ละคน และ + ความอึดด้วย อยู่เฉย ๆ ชีวิตเราก็จะอยู่เฉย ๆ อยู่กับที่ อย่างน้อยถ้าเรา fail, เราก็จะ fail forward คิดอะไรอย่าคิดนาน คิดแล้วทำ ทำทันที ทำและก็เรียนรู้ไปด้วย อย่าหยุดนิ่ง เดินหน้ากันต่อไป |
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
September 2024
|