จอห์น เผ่าเพ็ง เพราะฉะนั้น
  • Blog; journal of life
  • Daddy Diary
  • Investment Diary
  • Business Tips and Tricks
  • ข้างขอบเตียง
  • ครูไทยในต่างแดน
  • ebooks
  • About
  • กราบขอบคุณ

การลงทุนและคำว่าพอ

26/4/2020

 
Picture
การลงทุนและสถานการณ์ของ Covid-19 แบบนี้
แน่นอนตลาดหุ้นก็ตก ใครมีเงินเย็นก็กว๊านซื้อเอาไว้

แต่ในส่วนอสังหาริมทรัพย์ ก็ไม่เห็นราคามันจะลงอะไรเลย เราก็รออยู่ ราคามันก็ยังทรง ๆ ตัว
คนก็ไม่ได้ออกมาขายอะไรเยอะ เพราะเขาก็คงรู้ว่าถ้าเอาออกมาขายตอนนี้ ราคาก็คงจะไม่ดีนัก และที่แน่ ๆ ก็คือมันทำ inspection ยากมาก ต้อง make appointment นั่น นี่ โน่น (แต่ก็ไม่ยากเกินไป อาทิตย์หน้าคงจะลองนั่งดู listing อย่างจริงจัง ข้ออ้างต้องไม่เยอะ)

ในส่วนของตลาดหุ้น แน่นอน ไม่ว่าจะ recession หรือ depression (หนักกว่า recession) ทุกอย่างจะค่อย ๆ rebound

ในช่วง 3-4 weeks ที่ผ่านมา เราก็ช้อนซื้อหุ้นที่เราอยากได้มาบ้างแล้วเป็นบางส่วน
ตอนนี้เราก็หยุดแล้ว ไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มแล้ว
คิดว่าพอใจกับสิ่งที่ได้มา

ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามแต่ เราคิดว่าถ้าคนเราทำอะไรแล้วตั้งอยู่บนพื้นฐานของความพอดี
ไม่โลภจนมากเกินไป ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วเรายังสามารถกว๊านซื้อเพิ่มได้อีก
แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างในชีวิตมันก็ตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนของความไม่แน่นอน
เราไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว

เมื่อเรากินอิ่มแล้ว เราก็ต้องรู้จักที่จะหยุด รู้จักที่จะพอ
portfolio ของเราก็เอาเป็นว่าสามารถซื้อ 2-bedroom apartment ได้หลังหนึ่งโดยที่ไม่ต้องผ่อน

portfolio ของการลงทุน เราก็ทำในรูปแบบ family trust อยู่แล้ว
ถ้าเราต้องเงิน เราก็ขายออกมาได้ 
แต่เราก็หวังกินผลระยะยาว หวัง dividend หวัง passive income มากกว่า
เราลงทุนแบบ long-term แบบ VI; Value Investor

ในวันที่เราไม่อยู่ ลูกเราก็สามารถสานต่อได้ เพราะทุกอย่างจดทะเบียนเป็น family trust; discretionary trust อยู่แล้ว ก็ถือซะว่าเราปูทางอะไรไว้ลูกเราด้วยละกัน เราจะได้ไม่ต้องห่วงในวันที่เราไม่อยู่


ทำอะไรก็ตามแต่ อย่าถลำลึก
เอาแค่พอดี 
ไม่มากเกินไป
ไม่น้อยไป
เดินทางสายกลาง

​ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเงิน การลงทุนหรือการดำรงชีวิตทั่ว ๆ ไป

เมื่อไหร่ที่ความโลภเข้ามาครอบงำ
มันจะให้วิจารณญาญในการตัดสินใจของเราผิดพลาด
ให้พึงระวัง
เราอย่าคิดว่าเราต้อง "เก่ง" หรือ "ชนะ" ตลอดไป
เราต้องเผื่อใจเอาไว้ด้วยกับทุกสถานการณ์

ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ลงทุนด้วยความไม่ประมาท


วิถีการใช้ชีวิต
วิธีการลงทุนของเราอาจจะไม่เหมือนใคร
ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด
แต่วิถีการใช้ชีวิตของเราเป็นแบบนี้
และเราก็ happy
happy มาจากข้างใน

วันนี้เราหยุดแล้ว
แล้วท่านหละ... หยุดหรือยัง...

...รักนะ...
26/04/2020

เรื่องของภาษี เงิน ๆ ทอง ๆ #2

12/4/2020

 
Picture
อะ มาต่อกันอีกภาค 2
เราขอเขียน blog นี้ในมุมมองของเจ้าของธุรกิจก็แล้วกัน เผื่อใครจะได้นำเอาไปประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านอาหาร เจ้าของร้านนวด
หรือพวก self-employed, contractor คนขับ Uber อะไรก็ว่าไป

แต่ก็อย่าลืมว่าเราก็เขียนในแบบและมุมมองของ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก SME; Small and Medium-sized Enterprise สำหรับพวก big business พวกนั้นเขาก็คงรวยอยู่แล้ว ปล่อยพวกเขาไป 

สำหรับเจ้าของธุรกิจ การที่เราจะจ่ายค่าแรงให้กับตัวเองหรือเปล่านั้น เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ดี ๆ 

เจ้าของธุรกิจ ถ้าเป็น Director เราก็สามารถได้ director fee รายได้ตรงนี้ก็จะเอามาคำนวณเป็นรายได้ส่วนบุคคลของเราได้

เจ้าของธุรกิจที่เป็น share holder ของบริษัทก็สามารถได้เงินปันผลจากบริษัทด้วย 
รายได้ตรงนี้ก็จะเอามาคำนวณเป็นรายได้ส่วนบุคคลของเราด้วยเช่นเดี่ยวกัน

แล้วถ้า director ที่เป็น share holder ด้วยหละ เราก็สามารถได้รับ director fee และเงินปันผลจากบริษัทด้วยเช่นเดียวกัน รายได้ตรงนี้ก็จะเอามาคำนวณเป็นรายได้ส่วนบุคคลของเราได้

แล้วถ้า director เป็นพนักงานด้วยหละ เราก็สามารถได้ director fee + ค่าแรงหรือค่าจ้างของพนักงานด้วย รายได้ตรงนี้ก็จะเอามาคำนวณเป็นรายได้ส่วนบุคคลของเรา

คือมันทำได้หมดจริง ๆ 
เจ้าของธุรกิจก็ต้องมี accountant ส่วนตัวแหละ
แต่เราก็ต้องมีความรู้พวกนี้บ้าง เวลาคุยกันกับ accountant เราจะได้คุยกับเขารู้เรื่อง

หรือ director อาจจะไม่เอา direct fee เลยก็ได้
ถ้าเราไม่รับเงิน director fee เลย
เราก็เก็บทุกสิ่งอย่างในรูปแบบของบริษัทก็ได้
แต่ก็อย่าลืมว่าบริษัทก็ต้องจ่ายภาษี flate rate 30%

ส่วนเจ้าของธุรกิจหรือ director คนไหนต้องการจ่ายตัวเองเท่าไหร่ (director fee) ก็ลองดูตารางการเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลข้างบนละกัน
$18,200 หนะไม่ต้องเสียภาษี
แต่หลังจากนั้น มันก็เริ่มต้นขั้นต่ำที่ 19%
แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันได้; 19%, 32.5, 37% และสูงสุดอยู่ที่ 45%
ก็เอาเป็นว่าเราต้อง strategise ตัวเราให้ดีว่าจะทำแบบไหน อะไร ยังไง

การที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียได้ให้รอด
เราก็ต้องมีความรู้ระบบภาษีของที่นี่ด้วย
มี accountant ส่วนตัว
พูดคุยกับ accountant บ่อย ๆ 
จับชีพจรการเงินกันไปเรื่อย ๆ 

ศีกษา
​รู้เท่าทัน

เรื่องของภาษี เงิน ๆ ทอง ๆ

12/4/2020

 
Picture
เรื่องของภาษี เงิน ๆ ทอง ๆ 
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจหรือลูกจ้าง เราว่าทุกคนก็ควรจะมี basic knowledge นะ
ความรู้ขั้นพื้นฐานในการทำบัญชี เรื่องของภาษี

เรื่องรายรับ รายจ่าย เรื่อง GST อะไรต่าง ๆ นานาเราดูแลเองหมดอยู่แล้ว ขัดเกลาตัวเลขก่อน ก่อนที่จะส่งให้ accountant

เอาเป็นว่าการทำธุรกิจตั้งแต่ 2003 มันสอนอะไรเราไว้เยอะ
เพราะภาษีที่ประเทศออสเตรเลียสูงมาก
เราต้องรู้ว่าจะต้องทำอะไร ยังไงกับตัวเลขต่าง ๆ 

ตอนนี้บริษัทก็มีการเปลี่ยนโครงสร้าง เปลี่ยน structure บ้างเล็กน้อย
เราก็มี 2 บริษัท
อันหนึงก็ของ "J Migration Team" และอีกอันหนึ่งก็เป็น investment company ล้วน ๆ  ในนั้นก็จะมีแต่หุ้นและก็อสัหาริมทรัพย์

บริษัทที่ดูแลเรื่องการลงทุน ระบบและโครงสร้างลงตัวแล้ว
เราทำเป็น Discretionary Trust หรือ Family Trust 
ซึ่งแน่นหนาและมั่นคงในหลาย ๆ เรื่อง
เดี๋ยวว่าง ๆ จะเขียนเรื่อง Trust ให้คนได้อ่านกัน เอาแบบภาษาง่าย ๆ ไม่ใช่ภาษาของ accountant

ก็เหลือแต่ของ "J Migration Team" ที่แหละที่ยังไม่ได้เป็น Trust เดี๋ยวขอเวลาหายใจก่อน ว่าง ๆ ค่อยเปลี่ยนละกัน

ทำการค้าในรูปแบบบริษัทมันก็ต้องเสียภาษีรายได้เป็น flat rate: 30% 
ซึ่งเราก็คิดว่า 30% มันก็ OK นะ
แต่มันคือ 30% จากกำไร

ถ้าไม่อยากเสียเยอะ ก็ต้องมีกำไรน้อย ๆ 
แต่ถ้ายอดขายเราเยอะ เราก็ต้องพยายามหารายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมา claim ให้ได้เยอะที่สุด
อันไหน claim ได้ก็ต้องเอามา claim

ใคร Working From Home ก็สามารถ claim $0.80/hr ได้ 
= $6.08 ต่อวัน (เออ เป็นค่ากาแฟ เป็นค่า hot chocolate ก็ได้วะ)

ในพวก accounting software ต่าง ๆ (MYOB, Xero หรือ Quickboom) เขาจะคำนวณ 1 วันทำงานเท่ากับ 7.6 ชั่วโมง
7.6 x 5 = 38 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ นั่นคือชั่วโมงการทำงานทั่ว ๆ ไป

เอ่อ เอามาใช้กับเราไม่ได้เลยจ๊ะ เราทำงานแบบว่า 9am - 9pm; 12 hr กันเลยทีเดียว
แต่ก็ช่างเถอะ อันไหน claim ได้ก็จะ claim ไป

หรือ director fee มันก็จะกลายมาเป็นรายได้ส่วนบุคคลของเรา

รายได้ส่วนบุคคล ถ้าไม่อยากจ่ายภาษี ปีหนึ่งก็ต้องมีรายได้ไม่เกิน $18,200
= $350/week
superannuation 9.5% = $33.25 

อะไรประมาณนี้

ใครก็เป็นเจ้าของธุรกิจ เป็น director ของบริษัท
ก็ไปลองคิดเอาเองละกันว่าเราควรจะจ่าย director fee ให้กับตัวเองหรือ director คนอื่น ๆ เท่าไหร่ดี

ก็เอาเป็นว่าบางอย่างก็ปล่อยให้เป็นปริศนา ให้คนไปคิดกันเองละกัน.... 

ก็เอาเป็นว่าในส่วนบริษัทก็จ่ายไปในส่วนของบริษัท
ในส่วนรายได้ส่วนบุคคล ของ director fee ก็อีกเรื่องหนึ่ง

รู้กันหรือเปล่าเอ่ยว่า Kerry Packer ตอนที่เขามีชีวิตอยู่ เขาเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลเท่าไหร่
Kerry Packer คือเจ้าของ Channel 9, เจ้าของ Crown Casino ก่อนที่ส่งต่อให้ James Packer

Kerry Packer ตอนที่มีชีวิตอยู่ เขาคือคนที่รวยที่สุดในประเทศออสเตรเลีย
และเขาเสียภาษี $0 จ๊ะ
เพราะเขาจ่ายทุกอย่างในรูปแบบของบริษัท
และแทนที่เขาจะจ่ายภาษี เขาบอกว่าเขาเอาเงินมาบริจาคดีกว่า เพราะเขาสามารถเลือกได้ว่าเขาจะบริจาคให้องค์กรไหน แล้วเอาก็เงินบริจาคนั้นมา claim ภาษีได้ แต่ถ้า Kerry Packer เอาเงินเหล่านั้นมาจ่ายภาษี มันก็เหมือนว่ารัฐบาลเอาเงินภาษีส่วนนั้นไปบริหารประเทศ ซึ่งบางส่วนเขาอาจจะไม่เห็นด้วย Kerry Packer จึงเลือกที่จะบริจาคเงินให้กับการกุศลแทน

เรื่องราวของเขาเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
ใครว่าง ๆ ก็ลองศึกษาหรือหาข้อมูลอะไรอ่านเกี่ยวกับ Kerry Packer ดูนะครับ

เรื่องของภาษี เรื่องของเงิน ๆ ทอง ๆ เป็นเรื่องที่เราควรต้องรู้จ๊ะ

Money literacy สำคัญนะจ๊ะพี่น้อง
มันไม่มีสอนในโรงเรียน
เราก็ต้องหาหนังสืออ่านกันเอง ศึกษา รู้เท่าทัน

เงินสำรอง vs เงินลงทุน

5/4/2020

 

ตลาดหุ้น rebound; 23 March 2020

5/4/2020

 
Picture
ก่อนอื่นเราต้องออกไว้ก่อนว่าเราไม่ใช่พวก financial adviser
เราแค่บอกเล่าเก้าสิบในสิ่งที่เราทำและเขียน blog เพื่อเป็นบันทึกของเราเท่านั้น
หากมันจะไป inspire ใครสักคน เราก็ยินดีด้วย
แต่ให้จำไว้เสมอว่า การลงทุนก็เหมือนการวิ่งมาราธอน แต่มันเป็นการวิ่งมาราธอนปลายเปิดทั้ง 2 ด้าน ที่ผู้ลงเข้าร่วมสนามต้องวิ่งแข่งกับตัวเอง ไม่ไปแข่งกับใครคนอื่น และผู้เข้าร่วมการวิ่งมาราธอนก็สามารถเข้ามาร่วม หรือออกจากการวิ่งมาราธอนนี้ได้ตลอดเวลา

ดังนั้นเราก็ไม่ต้องเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับใครต่อใคร หรือกูรูสำนักไหน ๆ 

ก็เอาเป็นว่า สิ่งที่เราเขียนไป ใครจะนำเอาประยุกต์ใช้ยังไงก็ลองดูนะครับ
หรือจะแค่ขำ ๆ อ่านเป็นความรู้ก็ได้

ช่วง Covid-19 ตลาดหุ้นของประเทศออสเตรเลียก็มีการดิ่งลงเหวแบบตั้งตัวไม่ทัน
ใครไหวตัวทัน มีเงินเย็น มีเงินเก็บสะสม สามารถช้อนซื้อหุ้นชั้นดีเอาไว้ก็ดีไป
ของเราก็ช้อนซื้อเอาใว้เป็นบางส่วน มันก็เป็นหุ้นที่เรามีอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็น bargain เพราะเราชื่อมั่นในหุ้นของ 3 บริษัทที่เรามีอยู่แล้ว

ถึงแล้วเราจะไม่ได้ซื้อตอนช่วงที่มัน rock-bottom อย่างน้อยเราก็ไม่ขาดทุนมาก ให้ราคาหุ้นมันเฉลี่ยกันไป แต่จริง ๆ แล้วเราก็ไม่ได้มองในเรื่องของ "ขาดทุน-กำไร" อยู่แล้วเพราะเราก็ไม่กะที่จะขายหุ้นพวกนี้อยู่แล้ว เราซื้อเอาไว้เพื่อการแบ่งปันผล dividend มากกว่า เป็น long-term investment เป็น passive income ดังนั้นการที่เราสามารถซื้อหุ้นพวกนี้ได้ในราคาที่ถูกกว่าปรกติ ก็ถือว่าเป็น bargain แล้ว

ในช่วงของ Covid-19 ตลาดหุ้นก็มีการดิ่งลงเหวอย่างเฉียบพลัน ใครมีเงินเก็บหรือเงินเย็นก็สามารถช้อนซื้อเอาไว้ได้ สบายไป

เราก็ช้อนซื้อเอาไว้ได้ไม่มากนัก ได้มา 2 lots
แต่ช่วงที่เราซื้อ มันก็ยังไม่ใช่ rock-bottom หรอกนะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่ามันจะ rock-bottom เมื่อไหร่เพราะเราก็ซื้อก่อน 23 March 2020

หลังจากนั้นราคาหุ้นมันก็ยังดิ่งลงอยู่ แต่เราก็ไม่มีเงินมากพอที่ช้อนซื้อเอาไว้เพิ่ม เพราะเงินในแต่ละบัญชีเราแบ่งแยกออกมาเป็นสัดส่วน ไม่ก้าวก่ายกัน มันจะได้ไม่มั่ว และมันก็เป็นอีกหนึ่ง discipline ในการบริหารเงินด้วย คือแยกออกมาใครมัน

หลังจากนั้นก็มีการ rebound เมื่อวันที่ 23 March, หุ้นก็เริ่มดีดตัวขึ้นมา
แล้วเราก็เผอิญมีเงินเข้าในบัญชีของการลงทุนหลังวันที่ 23 March เราก็เลยสั่งซื้อเอาไว้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ซื้อในราคาของวันนั้น ๆ ถึงแม้ว่าราคามันจะถูกกว่าปรกติ เราก็เลือกที่ซื้อในราคาที่ต่ำกว่าของวันที่ 23 March อีก ดูสิว่ามันจะเผลอลดลงมาหรือเปล่า คือตอนนี้มัน re-bound เมื่อวันที่ 23 March, แต่เราสั่งซื้อในราคาที่ต่ำกว่าอีก กะว่าจะรอ bargain ว่างั้นเถอะ

ถ้ามันลดลงมาก็ดี
ถ้าไม่ลดลงมาก็ไม่เป็นไร เพราะเราก็ place an order ไปให้มัน expire ภายวันที่ 30 Apr 2020

เราก็พอที่จะศึกษาข้อมูลและ data อยู่บ้าง
เราก็คาดเดาเอาไว้ว่า เหตุการณ์ Covid-19 ก็น่าจะหนักกว่า GFC 2008 อยู่นะ
เพราะเราดูจาก data ผู้คนที่ว่างงานที่สหรัฐอเมริกา เพราะตอนนี้เหตุการณ์คนว่างงานที่ US เพราะ Covid-19 ตอนนี้เยอะมากกว่าตอน GFC 2008 ดังนั้นเราก็คิดว่าเศรษฐกิจโลกที่น่าจะใช้ระยะเวลานานในการฟื้นตัว เพราะเศรษฐกิจโลกตอนนี้ ของแต่ละประเทศมันก็เชื่อมโยงกันหมดเลย ถ้าเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งเกิดมีปัญหา มันก็จะเชื่อมโยงกันหมดเลย

เราก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้
ใครจะอยู่หรือใครจะไป

​ศึกษารู้เท่าทัน
ใช้เหตุและผล และ data ในการตัดสินใจในการลงทุน

    บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ 

    Archives

    January 2025
    December 2024
    September 2024
    March 2024
    December 2023
    September 2023
    August 2023
    July 2023
    June 2023
    March 2023
    February 2023
    January 2023
    December 2022
    October 2022
    September 2022
    May 2022
    April 2022
    March 2022
    September 2021
    August 2021
    March 2021
    January 2021
    September 2020
    June 2020
    May 2020
    April 2020
    March 2020
    January 2020
    December 2019
    November 2019
    October 2019
    September 2019
    August 2019
    July 2019
    June 2019
    May 2019
    April 2019
    March 2019
    February 2019
    January 2019
    December 2018
    November 2018
    October 2018
    September 2018

    RSS Feed


Photos from mikecogh, Grant Source
  • Blog; journal of life
  • Daddy Diary
  • Investment Diary
  • Business Tips and Tricks
  • ข้างขอบเตียง
  • ครูไทยในต่างแดน
  • ebooks
  • About
  • กราบขอบคุณ