วันนี้เราอยู่ที่สมุย มาเที่ยว มาเยี่ยมน้องชาย (ลูกพี่ลูกน้อง)
ครอบครัวเราที่สิงคโปร์ก็บินมาสมทบด้วย ก็เที่ยวกันสนุกสนาน ของกินแพง แต่ถ้าฉลาด ไปตลาดตอนเช้า ๆ มันก็จะมีของกินสำหรับคนในพื้นที่ ข้าวราดแกง กล่องละ 40 บาทก็มีอยู่นะครับ ไม่ใช่ทุกอย่างแพง ขายให้นักท่องเที่ยวไปหมด น้องชายเรากับแฟนเขาซื้อบ้านกันอยู่ที่สมุยเพราะแฟนของน้องชายทำงานอยู่ที่นี่ ของสายการบิน Bangkok Airways พวกเขาก็เลยตั้งหลักปักฐานกันอยู่ที่นี่ ซื้อบ้านซื้ออะไรแล้ว เรามาเที่ยวก็อดไม่ได้ที่จะแวะดูโครงการบ้านจัดสรรอะไรต่าง ๆ ด้วย เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะคุ้มค่าการลงทุนหรือเปล่า เราก็ดูไปเรื่อย ๆ เงินออสเตรเลียตอนนี้ก็อ่อนตัวเหลือเกิน แต่ถ้าเก็บเอาไว้เฉย ๆ มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เพราะอัตราค่าเงินเฟ้อก็สูง ค่าของเงินมันก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ สู้เราเอามาซื้อและสะสมเป็นสินทรัพย์อย่างอื่นน่าจะดีกว่าหรือเปล่านะ เรามาเที่ยวก็ไม่อยากมาเที่ยวให้มันเสียเปล่า เราก็มีการแวะดูบ้าน ดูโครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ในโครงการเดียวกันกับที่ที่น้องชายเราอยู่ด้วย ที่สมุยมีคนซื้อบ้านปล่อยให้คนเช่าระยะยาวเยอะ เพราะสมุยเองก็มีชาวต่างชาติที่เขาไป retire อยู่ที่นี่ด้วย อยู่แบบระยะยาวนิดหนึง ไม่ได้อยู่แค่ 1-2 เดือน และบ้านก็สามารถปล่อยให้เช่าด้วยราคาที่สูงได้ ก็ปล่อยให้เช่าผ่านบริษัท agentcy ซึ่งเราก็จะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายในเรื่องของการหาคนเช่าและการจัดเก็บค่าเช่า มันก็อีก 1 option ที่น่าสนใจ ยกเว้นแค่เรื่องค่าเงินออสเตรเลียที่อ่อนตัวเหลือเกิน แต่ถ้าจะเก็บเงินเอาไว้ในธนานคารเฉย ๆ มันก็ยิ่งไม่ก่อเกิดประโยชน์อะไร เพราะค่าเงินก็ต้องลดลงไปเรื่อย ๆ ตามอัตราเงินเฟ้อ inflation rate มันก็เป็นอะไรที่น่าคิดนะ แต่เราก็ต้องบวก ลบ คูณ หาร ให้ดี ๆ เพราะการโอนตังค์กลับไปเมืองไทยตอนนี้เป็นอะไรที่ไม่น่าทำเลยจ๊ะ หรือเราจะยอมกัดฟัน กลืนเลือด แล้วก็คิดซะว่าทำงานหนักอีกหน่อย เพื่อที่จะได้เงินส่วนต่างที่มันหายไปจากอัตราการแลกเปลี่ยนที่มันอ่อนตัวดีนะ เรื่องทำงานหนัก เรื่องอึด เราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เราคิดว่างานเราเข้ามาเรื่อย ๆ อยู่แล้ว เราไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องไม่มีงานทำแน่นอน ถ้ามันมีความจำเป็นที่จะต้องทำ เราก็คงต้องทำหนะจ๊ะ หนักอีกนิด อึดอีกหน่อย แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรที่แน่นอน เราก็คิดว่ามันเป็นสมการ การลงทุนที่น่าคิดนะ แต่ตอนนี้เราก็สองจิตสองใจอยู่ แต่ในใจลึก ๆ ก็อยากจะซื้อเก็บเอาไว้ สะสมไปเรื่อย ๆ เอาไว้เป็นอีกรายได้ เป็นอีกหนึ่ง passive income เราไม่ต้องการทำงานจนแก่ เราต้องการ live our lives ด้วย ดังนั้น passive income strategy จึงเป็นอะไรที่สำคัญ สมุยก็มีเสน่ห์ในแบบของสมัยเหมือนกัน เสน่ห์ในแง่ของการลงทุนนะ ไม่ว่าจะในฐานะการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือนักลงทุน การทำบัญชี หรือเรื่องการเงินเล็ก ๆ น้อย เราต้องสามารถทำเองได้ เบื้องต้นก่อน ก่อนที่จะถึงมือนักการบัญชีหรือ accountant
ทันทีที่เราเซ็นเอกสารทำ settlement กับทนายความของอีกฝ่ายหนึ่งของตึกที่เราซื้อที่ Queanbeyan เมื่อวันที่ 30 Nov 2018 นั่นแหละคือวันที่ home loan หรือ mortgage มันเริ่มคิดดอกเบี้ยเลยทันที ดังนั้นเราก็ต้องเริ่มทำบัญชีเลยทันที เราก็อยากจะรู้ว่า cashflow มันเป็นยังไง เงินเข้าเท่าไหร่ เงินออกเท่าไหร่ ค่าเช่าที่เราได้ week ละ $270 ของตึกที่ Quenbeayan ซึ่งก็ถือว่า OK แต่เราก็ต้องมีรายจ่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวก strata management fee, ค่า realestage agent fee และอื่น ๆ อีกมากมาย ดอกเบี้ยของเดือน Dec 2018 ก็ออกมาแล้วครับ $644.71 RAMS คิดออกมาเป็นเดือน แต่ถ้าเราคิดเป็นอาทิตย์มันก็จะตกอยู่ที่ $644.71 x 12 / 52 (ปีหนึ่งมี 52 weeks นะครับทุกคน) = $148.78/week นี่คือดอกเบี้ย home loan แต่อาทติย์ แต่มันก็ต้องลดลงทุกอาทิตย์แหละ เพราะเราก็ direct deposit ค่าเช่าจากตึกที่ Queanbeyan เองและค่าเช่าตึกบ้านชายโสดด้วย ก็จะมีตังค์ stream เข้ามาจาก 2 ที่ OK แหละดูผิวเผิน ดูเหมือนว่าจะเป็น positive income เพราะเงินเข้าเยอะมากกว่าเงินออก $148.78 ที่มันหายไป เป็นดอกเบี้ยให้ธนาคารกินกำไรทุก ๆ อาทิตย์มันก็ไม่ไหวนะ แต่มันก็เป็น part of the game, part of the package ก็เราไปเอาตังค์เขามาหนิ OPM; Other People Money เราก็ต้องจ่ายดอกเบี้ย อันนี้ก็ no choice ดังนั้นการทำ spreadsheet ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ ทุกคนต้องหัดทำนะครับ มันทำไม่ได้ยากมาก โดยส่วนตัวแล้ว เราชอบทำ spreadsheet อยู่แล้ว เพราะมันเป็นอะไรที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกิจหรือการลงทุน เราก็อาจจะพูดในฐานะของเด็ก IT นะ แต่สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย อย่างน้อยก็เรียนรู้แค่ บวก ลบ คูณ หาร ก็ได้นะครับ บวก + ลบ - คูณ * หาร / และก็การใช้สูตรในการคำนวณ หรือพวก builtin functions ที่เขามีให้ และก็ความรู้เรื่อง "cell" "cell" ก็คือตารางสีเหลี่ยมนั่นแหละ เราเรียกกันว่า cell แนวตั้งคือ column; A, B, C....etc...etc... แนวนอนคือ row; 1, 2, 3, 4...etc..etc.. cell ก็คือไอ้ตัวแนวตั้งมาตัดกับแนวนอน cell ด้านซ้ายบนสุดเลย ก็เริ่มจาก A1 A1 ก็คือ column A, แถวที่ 1 อะไรประมาณนี้ ไปลองศึกษากันดูนะครับ โดยส่วนตัวแล้วเราใช้ Googlesheet เพราะชอบที่มันทำทุกอย่าง online ง่ายและสะดวกดี เราเลิกใช้ MS-Excell มานานแล้ว น่าจะเกือบ 10 ปีได้ เพราะตั้งแต่เริ่มใช้พวก GoogleDocs, GoogleDrive ตั้งแต่สมัยเรียนที่ Uni, UOW เราก็ใช้ product ของ Google เรื่อยมา ยิ่งตอนนี้หันมาใช้ Chromebook นะ ทุกอย่างสะดวกสบายมาก ชอบตัวเลขหรือไม่ชอบตัวเลข, you've got no choice นะครับ ถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจ เราก็ต้องเรียนรู้ ถ้าเราเป็นนักลงทุน เราก็ต้องเรียนรู้ ของแบบนี้มันศึกษากันได้ ง่าย ๆ ไม่ยาก ทุกคนมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างนะครับ เริ่มจากจุดที่เรายืนอยู่ ณ วันนี้นี่แหละ ทุกอย่างไม่มีคำว่า "สายเกินไป" มันมีแค่จะ "ทำ" หรือ "ไม่ทำ" แค่นั้น ข้อมูลทุกอย่างเราเอามาเปิดเผย เอามาแบ่งปัน เพราะเราอยากจะเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ ทุกคนทำได้ ไม่ต้องไปเข้า course อะไรให้วุ่นวาย หาหนังสือมาอ่าน รักการอ่าน ทุกอย่างจะค่อย ๆ ตามมาเอง "Readers are Leaders" นะครับ Diversify คือความหลากหลาย คือการกระจาย
ไม่ว่าจะเป็นการกระจายความเสี่ยง หรือการกระจายการลงทุน เราก็เรียกว่า diversify หมดเลย การ diversify ของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนลงทุนในอสังหาริมทรัพทย์ด้วย ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย ก็แล้วแต่ความชอบและความถนัดของแต่ละคน เราลงทุนอะไรหลาย ๆ อย่างมาหมดแล้ว ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ตอนที่เป็นโปรมแกมเมอร์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือไม่เยอะ (ที่สิงคโปร์) หรือว่าการลงทุนในกองทุนรวม (Unit Trust หรือ Mutual Fund) เราก็มีทั้งที่นี่และที่สิงคโปร์ ตอนที่เราเริ่มทำงานเป็นคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ใหม่ ๆ ตอนนั้นเรายังเด็กนัก มีความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยลองเล่นหุ้นดู ลองลงทุนใน Unit Trust ดู แต่ตอนนี้เราไม่ได้เล่นหรือลงทุนกับตลาดหลักทรัพย์แล้ว เรายังไม่พร้อมที่จะกลับไปลงทุนแบบนั้นอีก เพราะเราไม่มีเวลาที่จะมาศึกษาการขึ้นลงของตลาดอะไรขนาดนั้น ส่วน Unit Trust หรือ Mutual Fund เนี๊ยะ เราก็คงจะไม่แตะอีกเลย เพราะเมื่อเริ่มได้เรียนรู้และได้ศึกษาเรื่องการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นจากการอ่านหนังสือพวก personal finacial หรือว่าหนังสือการลงทุน investment ทั่วไปแล้ว พวก Unit Trust หรือ Mutual Fund คนที่ได้ตังค์สุดท้ายแล้วก็คือ fund manager ไม่ใช่เรา แต่พวก Unit Trust และ Mutual Fund ที่เรามี เราก็จะปล่อยมันเอาไว้อย่างนั้นแหละ ไม่ได้ไปแตะอะไรมัน ปล่อยให้มันทำงานของมันไปเงียบ ๆ แต่จะไม่ซื้อเพิ่ม ตอนนี้เราสนใจการลงทุนของอสังหาริมทรัพย์มากกว่า เราก็ diversify ด้วยการลงทุนที่ออสเตรเลียด้วย ที่สิงคโปร์ด้วย และที่เมืองไทยด้วย เราซื้อ property ที่สิงคโปร์ได้จ๊ะ เพราะเราเป็นคนที่นั่นด้วย เราเป็นสิงคโปร์ PR Apartment ที่สิงคโปร์เราซื้อเอาไว้นานแล้ว น่าจะ 7-8 ปีได้ ซึ่งก็มีคนเช่าตลอด และก็เป็น positive cashflow income มาโดยตลอดคือ มีคนเช่า และค่าเช่าก็ cover ค่า mortgage อยู่แล้ว ดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารที่สิงคโปร์ถูกมาก; 2.99% เราก็กู้มา max สุดเลย 29 ปี แต่ทุกปีเราก็มีการ top up ตลอดคือทุกครั้งที่เรากลับไปสิงคโปร์ เราก็จะเอาตังค์ไปจ่ายเพิ่มด้วย หรือทุกครั้งที่ครอบครัวของภรรยาเราเดินทางมาที่ออสเตรเลีย เราก็จะให้พวกเขาถือตังค์เอากลับไปด้วย และปรกติอัตราการแลกเปลี่ยนเงินของออสเตรเลียกับสิงคโปร์ก็ใกล้เคียงกันมาก แทบจะเป็น 1:1 เลยก็ว่าได้ แต่ว่าช่วงนี้เงินของสิงคโปร์ก็จะแข็งตัวกว่าค่าเงินสกุลของออสเตรเลียเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นไร นิดหน่อย เพราะปีที่แล้วเมื่อต้นปีเราถือไปเยอะแล้ว ปีที่แล้ว ซึ่งก็เดือนที่แล้วนี่เองที่ภรรยาเรากลับไป ก็ถือไปได้ไ่ม่เยอะ เพราะ custom ห้ามถือเงินเข้าออกประเทศเกิน $10,000 ต่อคน แต่เราก็มีบัตร ATM ไปกดเอาตังค์ที่โน่นได้ ถึงแม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนมันจะแย่หน่อย แต่เราก็ต้องการเป็น debt free ให้ได้เร็วที่สุด ทั้งที่จริง ๆ ไม่ต้องก็ได้ เพราะ apartment ที่สิงคโปร์มัน take care ตัวของมันเอง แต่บางทีการที่เราไม่มีหนี้ มันก็สบายใจดี เราซื้อ apartment ที่สิงคโปร์มาก็ 7-8 ปีแล้ว ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 2.99% กู้มา 29 ปี ก็ผ่อนเดือนละประมาณ $880 (ที่สิงคโปร์เราผ่อนกันเป็นเดือน ไม่มีแบบเป็นอาทิตย์หรือรายวันแบบออสเตรเลีย เพราะทุกอย่างผ่านระบบ online ถ้าต้องการ top up ส่วนต่าง เราก็ต้องเข้าไปที่ office) เราปล่อยให้เช่า $2,300 ต่อเดือน ที่สิงคโปร์ เราไม่ต้องจ่ายค่า agent fee 7% เหมือนที่ออสเตรเลีย ที่สิงคโปร์ standard agent fee คือค่าเช่า 1.5 เดือนซึ่งเราถือว่าเป็นอะไรที่ fair มาก ไม่โดนหักจ่ายทุกเดือน ๆ เหมือนที่ออสเตรเลีย จะเห็นว่าค่าเช่าเราได้เยอะกว่าเงินที่เราต้องจ่ายคืนธนาคารทุกเดือน ๆ และค่า maintenance ที่สิงคโปร์ก็ไม่มีอะไรเยอะเหมือนที่ออสเตรเลีย เราก็คิดว่าจะผ่อนหมดภายในปีนี้ เพราปลายปีนี้ เราก็แพลนกันเอาไว้ว่าจะกลับไปสิงคโปร์ เพราะเพื่อน ๆ ก็เริ่มถามหาแล้ว ภรรยากับลูก ๆ เรากลับไปที่สิงคโปร์ตอนนี้ ยกเว้นเรา เราขออยู่ทำงาน และสิงคโปร์เราก็อยู่ที่นั่นมานาน และเราก็ไปจนเบื่อ แต่เราก็คิดว่าสิ้นปีเราคงจะไป ไปเจอะเจอเพื่อนฝูงบ้าง อะไรบ้าง และเราก็คงไป pay off ในส่วนต่างของ mortgage ที่เหลือ ซึ่งไม่มากนัก ที่สิงคโปร์ เราโชคดี เพราะ agent ที่ดูแล apartment ของเราเป็นเพื่อนของเราเอง เรียนจบ IT แต่เบื่องาน IT เลยผันตัวเองไปทำงานทางด้านนี้ เขาสบายไปแล้ว ทำงานอิสระ กะเวลาทำงานของตัวเองได้ ดังนั้นใครอยากจะลงทุน ก็ลอง diversify portfolio ของเราดูนะครับ ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ต่างรัฐ ต่างประเทศ หรือการลงทุนหลาย ๆ รูปแบบ เอาที่ตัวเองถนัด เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ทุกคนทำได้ ด้วยสมองและ 2 มือที่มี ขอให้ได้เริ่มทำ เหนื่อยก็พัก แต่อย่าหยุด ทุกอย่างไม่ได้มาง่าย ๆ มันต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและแรงงาน Don't stop 3 feet from gold. |
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
September 2024
|