และแล้วหลังจากที่เรามี drama เรื่อง HECS เพราะกู้ตังค์เรียน คนที่เป็น Australian citizen เขาก็ใช้ HECS เรียนกันทั้งนั้นแหละ เราก็งงว่าเอ๊ะ ทำไมตอนทำ home loan เมื่อต้นปี ตอนที่ซื้อบ้านชายโสด ทำไมทาง RAMS ไม่ได้ขอข้อมูลเรื่อง HECS เราก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราเป็นหนี้ HECS เท่าไหร่ เพราะตอนเรียน เราก็มีหน้าที่เรียน พอสิ้นปีงบการเงิน ทาง ATO ก็หักเงินค่า HECS ไปทุก ๆ ปี ก็มีแต่ accountant แหละที่รู้ว่าเราเป็นหนี้ HECS เท่าไหร่ สรุปเราเป็นหนี้ HECS อยู่ $28,000 (เอาตัวเลขจริงมาเปิดเผยเลยจ๊ะ ไม่มีอะไรที่จะปิดบัง เราต้องการที่จะแชร์เรื่องราวและประสบการณ์การลงทุนจริง ๆ ให้ทุกคนเป็นความรู้) เราก็ถาม RAMS ว่าจะให้เราจ่าย HECS นี้เลยมั้ย $28,000 มีพอจ่าย แต่ที่เราไม่ได้จ่าย HECS เพราะทุก ๆ ปีคนที่เป็นคนที่นี่เราก็จ่าย HECS คืนในรูปแบบของภาษีทุกปีอยู่แล้ว RAMS บอกว่ายังไม่ต้องจ่ายก่อนก็ได้ เขาถามเราว่าเราสามารถที่จะ lower credit limit ของบัตร Amex และบัตร credit เราได้มั้ย เราก็บอกว่าถ้าจะให้ลดลงก็ได้นะ แต่บัตร credit เราไม่ได้เป็นหนี้เรามีเอาไว้ทำงาน เวลาจ่ายค่าวีซ่าให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าก็โอนตังค์เข้ามาก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงไม่มีหนี้บัตร credit ทาง RAMS ก็บอกว่า เวลาเราทำเรื่องกู้ตังค์ ทางธนาคารไม่ได้ดูหรอกว่า เราเป็นหนี้บัตร credit หรือเปล่า เขาจะดูว่าเรามี credit limit อยู่ที่เท่าไหร่ เพราะนั่นคือ liability เออ จำได้ ทาง RAMS เคยบอกเราแล้วตอนที่ทำเรื่องคราวก่อน แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้มีหนี้สินอะไร แต่ anyway, เราก็ส่ง statement อันล่าสุดไปให้ทาง RAMS ดูว่าบัตร credit เราไม่มีหนี้ ไม่มีอะไร หลังจากนั้นอีก 2 วัน home loan ก็ approve (วันศุกร์ 28 Sep 2018) เสร็จแล้ว เราก็จัดการจ่าย 10% deposit ไปที่ realestate agent ที่ Queanbeyan หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็ได้รับ email จากเพื่อนทนายของเรา ว่าเราได้รับ contract เรื่อง apartment จากเจ้าของเก่าแล้ว สรุป ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี apartment หลังนี้ก็กำลังจะเป็นของเราภายในอีกไม่กี่วัน 2 bedrooms 60 ตารางเมตร มีคนเช่าแล้ว passive income ทำได้ ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น เราเริ่มต้นที่ Queanbeyan เพราะราคาย่อมเยาว์ มันจะเป็น stepping stone ให้เราก้าวต่อไป ไม่ว่าใครจะทำอะไร ยังไงก็ตามแต่ อย่ามัวแต่หาเช้า กินค่ำ ไปวัน ๆ นะครับ ทำอะไรเพื่ออนาคตด้วย คิดเผื่อเอาไว้ด้วยว่า ณ วันที่เราไม่ต้องการไม่ทำงานแล้ว เราจะเอารายได้มาจากที่ไหนกิน เงินเก็บอย่างเดียวไม่พอหรอก เราต้องมีรายได้มาจากการลงทุนด้วย เราต้องมี income stream เข้ามาได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง passive income มีหลายวิธี แล้วแต่ใครเลือกที่จะทำแบบไหน แล้วแต่ทางเลือกของใครมัน แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน คนไทยทำได้ คนไทยอยู่ที่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้ ถ้าไม่ขี้เกียจ เราไม่ได้รูปภายใน apartment เยอะ เพราะคนเช่าอยู่ เราก็เกรงใจเขา
หลังจากที่อาทิตย์ก่อน เรา busy เรื่องกรอกเอกสารการทำ home loan
ไอ้เราก็คิดว่า เราคงสบายละ รอแค่ทาง home loan เขา approve loan มา แต่เปล่าเลยครับ ปรากฎว่าเขาขอข้อมูลเรื่องการเป็นหนี้ของ HECS ซึ่งเราต้องให้ accountant เป็นคน print ออกมาจาก HECS Portal เพราะเราไม่มี access HECS คือเงินที่เรากู้รัฐบาลเรียน คนที่เป็น citizen ที่นี่สามารถใช้ HECS ในการเรียน ป.ตรี และ ป.โท ซึ่งเราก็ใช้ HECS มาโดยตลอด นอกจากทาง Home Loan จะขอข้อมูลเรื่อง HECS แล้ว เขายังขอข้อมูลเรื่องพวก trading name ต่าง ๆ ที่เราไม่ได้ trade แล้วด้วย ซึ่งทาง accountant ต้องเป็นฝ่ายออกหนังสือรับรองให้ เราก็ email ไปหา accountant วันจันทร์ตอนเย็น วันอังคารเราก็ยุ่งทั้งวัน ไม่ได้ follow up ปรกติ accountant ของเราจะทำงานเร็วมาก เราติดต่อกันทาง email ตลอด แต่เอ๊ะ ทำไมคราวนี้ช้า วันพุธเราก็เลยต้องโทรเข้าไปหา ปรากฏว่าเขายังไม่ได้ check email เป็นไปได้ยังไงเนี๊ยะ แต่เราก็คุยกันทางโทรศัพท์ แล้วเราก็บอกเขาไปว่าเราต้องการอะไร แต่ดูเหมือนว่า ABN ของเรามีปัญหา หาพวก trading name เก่า ๆ ไม่เจอ มี 1 trading name ที่หายไป เราก็บอกว่า you จัดการให้ด้วยก็แล้ว เราก็คิดว่าวันพฤหัสบดี ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย แต่เปล่าเลยครับ เขาบอกว่า เขากำลัง check ข้อมูลให้ อ๋อ ปรากฎว่า ตัว ABN ที่เราใช้ มันก็มีตัวหนึงเป็นของบริษัท อีกตัวหนึ่งเป็นของส่วนตัว เป็น sole trader เราก็คิดว่าวันศุกร์ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย เราจะได้ส่งเอกสารต่อไปให้กับ home loan broker เพราะวันศุกร์เราก็เข้าไปทำงานที่ Sydney office ทั้งวัน เสร็จแล้ววันศุกร์ค่ำ ๆ เราก็กำลังจะเดินขึ้นรถไฟ ไม่ได้ check email ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น และก็ไม่อยากจะ check email หรือทำงานบนรถไฟด้วย ซึ่งจริง ๆ ก็ทำได้นะ เพราะมี laptop มี pocket wifi แต่เราก็อยากจะใช้ชีวิตแบบชิว ๆ ฟัง audiobook ของเราบ้าง Accountant โทรมาขอโทษ เขาบอกว่า เขากำลังจะส่งเอกสารให้ แต่พนักงานของเขาบอกเขาว่าเราต้องจ่ายตังค์ก่อน $250 ที่เขาโทรมา เพราะเขาไม่อยากให้เราเข้าใจผิด เพราะเราเป็นลูกค้าเขามา 15 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปัจจุบัน แต่พนักงานเขาก็ส่งเป็น online payment link มาให้ คือเราต้องกดจ่ายเงินผ่านระบบ online ก่อนว่างั้นเถอะ เราก็บอกว่าเดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะจัดการให้ ก็ปรากฏว่าอีก 1 วันสูญหายไปเฉย ๆ ไม่ได้เอกสารอะไรเลย แล้วเราก็จ่าย Online ไป $250 วันรุ่งขึ้น ซึ่งก็คือเมื่อวาน เป็นวันเสาร์ เขาไม่ทำงานอีก เราก็คงต้องรอพรุ่งนี้ วันจันทร์ละมั้ง ทุกอย่าง stop ทุกอย่าง stuck เพราะต้องมารอเราจ่ายค่าเอกสาร $250 นี่นะ คือแบบว่าเราซื้อบ้าน ซื้อ apartment กันราคาหกหลักนะ แต่เราก็เข้าใจหละ พนักงานที่ส่ง link มาเป็นเด็กใหม่ เราไม่รู้จักเขามาก่อน ชื่อ Thomas เราไม่ว่ากัน เขาก็คงทำงานของเขา ไม่โกรธหรอก แต่แค่รำคาญ หลังจากที่จ่ายตังค์ไปแล้วเมื่อวาน ก็เขียน email ไว้แล้ว แต่ไม่ได้กด send ไป เพราะไม่อยากสร้างปัญหา เพราะถ้าเราส่งไป เขาก็ต้องส่งกลับมาอธิบายจุดยืนของเขาอยู่ดี มันเสียเวลาซึ่งกันและกันเฉย ๆ เพราะ accountant เจ้าของบริษัทโทรมาขอโทษเราล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่วันศุกร์ ก่อนที่เราจะ check email ก็สรุปว่า ทุกอย่างก็ต้องช้าไปอีก 1 อาทิตย์ ช่างเป็นอะไรที่น่าเบื่อจริง ๆ นี่แหละรสชาติของชีวิต แต่เราก็จะไม่ยอมให้ไอ้พวกเหตุการณ์อะไรแบบนี้มาหยุดยั้งเราได้ มันเป็นแค่อุปสรรคเล็ก ๆ เดิมพันชีวิตเราเยอะกว่า เพราะอนาคต และ passive income เป็นอะไรที่สำคัญ The big picture ของเราสำคัญกว่า อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้ นี่แหละนะ รสชาติของชีวิต วันอาทิตน์ที่แล้วเราได้ quotation การเข้าตรวจเช็คสภาพบ้านจาก Jim's Building Inspection จาก franchisee ที่อยู่แถว Queanbeyan & Canberra เขา quote เรามา $790
แต่เราก็ใช้บริการของ Jim's Building Inspection นะ เมื่อปีที่แล้ว Oct 2017 franchisee อีกคน เราจ่ายไปแค่ $400 บริษัทเดียวกัน แต่ละคน franchisee ระยะเวลาแตกต่างกัน 11 เดือน ราคามันแตกต่างกันขนาดนี้เลยเหรอ งั้นขอเวลาเรา shopping around ก่อนละกันนะ เราก็เลย email หาคนที่เคย inspect apartment ให้เราเมื่อปีที่แล้ว เพราะเขาก็เป็น franchisee ของ Jim's Building Inspection เหมือนกัน แต่เราไม่รู้ว่าเขาจะมา inspect ให้แถว ๆ Queanbeyan หรือเปล่า เพราะเราคิดว่าเขาเป็น franchisee จากบริษัทเดียวกัน อาจจะมีการแบ่งเขตการรับงานก็ได้ คือจะไม่ล้ำเส้น เขตแดนการทำงานของกันและกัน ปรากฏว่าใหม่นะ เขาไม่มีการแบ่งเขตการทำงาน เขาสามารถไป inspect apartment ให้เราได้ที่ Queanbeyan และคิดแค่ $500 OK แหละ แพงกว่าปีที่แล้ว $100 แต่เราก็คิดว่า อาจจะเป็นค่าเดินทางของเขา และราคาของปีนี้ก็อาจจะขึ้นแล้วก็เป็นได้ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือถูกกว่า $790 เราก็เลยเลือกเอาคนเดิมที่เราเคยใช้บริการเขา เราจ่ายเงินวันจันทร์ เขาก็ไปจัดการให้เลยทันทีวันอังคาร เป็นอะไรที่รวดเร็วทันใจ แบบนี้ต้องใช้บริการกันไปนาน ๆ เพราะยังไงเสีย หลังนี้ก็จะไม่ใช่หลังสุดท้ายของการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ของเราแน่นอน นี่ ถ้า building inspector ที่ Queanbeyan ให้ราคาเราดีกว่านี้ ป่านนี้เราก็คงได้ร่วมงานกันแล้ว เพราะช่วงนี้เราก็กำลัง focus กำลังการซื้อ การลงทุนของเราไปที่ Queanbeyan ก่อนที่เริ่มมองหาไปที่อื่นด้วย ช่างน่าเสียดายจริง ๆ นะ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เราไป inspect apartment เพื่อให้คนเช่าที่ Queanbeyan
เราไป inspect วันเสาร์ 01 Sep 2018 วันอาทิตย์ 02 Sep 2018; เราก็ email ไปหา real estate agent เลย เราเสนอราคาที่เราคิดว่า OK สำหรับเราไป วันจันทร์ที่ 03 Sep 2018; real estate agent โทรมาหาเราว่า ถ้าเราเพิ่มราคาที่เราเสนอไปอีก $2,000 เขาก็จะ accept the offer ของเรา เราบอกเขาว่า เดี๋ยวขอคุยกับภรรยาเราก่อน จริง ๆ มันเป็นราคาที่อยู่ใน budget ของเราอยู่แล้ว เพราะเรากับภรรยาคุยกันแล้ว ว่าเราจะ OK กันอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ หลังจากนั้นเราก็ตอบตกลงไปว่า ราคานี้ OK ตอนนี้เรายังไม่ได้จ่ายตังค์อะไร ใด ๆ ทั้งสิ้น ยังอยู่ในขั้นตอนของการทำ contract จัดการเรื่อง home loan เมื่อวานเราก็เข้าไปติดต่อ Jim's Building Inspection ให้เข้าไปตรวจเช็คสภาพ apartment ว่ามีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือเปล่า สภาพ apartment OK มั้ย ก่อนที่จะทำสัญญาและจ่ายค่ามัดจำ 10% ของราคาบ้าน สาเหตุที่เราเลือก Jim's Building Inspection ก็เพราะว่า เราเคยใช้บริการของบริษัทนี้มาก่อน ตอนที่ซื้อบ้านชายโสด และเขามี franchisee อยู่ทุกที่ ที่แน่ ๆ คือเขาติดต่อมาได้ตลอดเวลา วันนี้เขาก็ติดต่อมาวันอาทิตย์ ซึ่งรวดเร็วมาก เพราะเราเข้าไปกรอกข้อมูลใน website เมื่อคืน เราก็จะได้กรอกเอกสารและให้ Jim's Building Inspection ติดต่อกับ real estate agent เพื่อทำการเข้าไปตรวจเช็คสภาพตึก สถาพห้อง นี่ก็เป็นอีกก้าวเล็ก ๆ ของเรา เรายังไม่รู้ว่ามันจะออกหัวหรือก้อย ไม่รู้ว่า contract และทุกอย่างจะ go through มั้ย เราไป inspect ตึกนี้ไม่นาน เข้าไปดูแค่ 5 นาที ถ่ายรูปกลับมาบ้างเล็กน้อย แล้วก็กลับมาคุยกับภรรยา unit 60 ตารางเมตร มีคนเช่าอยู่แล้ว และทาง property manager ก็กำลังจะขึ้นค่าเช่าด้วย ที่เราไม่ใช้เวลานานในการตัดสินใจเพราะเราศึกษาข้อมูลมาแล้ว พวกอสังหาริมทรัพย์ที่เราจะซื้อ เราจะเลือกเฉพาะที่มีคนเช่าอยู่แล้วเท่านั้น บวกลบคูณหารแล้วจะต้องเป็น positive cashflow เท่านั้น จะได้ไม่ต้องควักเงินจากกระเป๋าเรา และพวกอสังหาริมทรัพย์ที่เราจะซื้อเพื่อการลงทุนนี้ เราก็จะไม่รีบจ่ายให้หมดเหมือนตอนที่ซื้อบ้านชายโสดด้วย บ้านชายโสดที่ซื้อเอาไว้ เรารีบจ่ายให้หมดภายใน 2 เดือนเพราะเราคิดว่าเราจะอยู่เอง มันไม่ได้สร้างรายได้อะไรจากค่าเช่า ดังนั้นเงินเรามีเท่าไหร่ เราเททั้งกระเป๋า รีบโปะภายใน 2 เดือนจบ ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้หลอกว่าเอกสาร อะไร ต่าง ๆ ทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีมั้ย ก็คงต้องค่อย ๆ ทำไป ก็เพราะชีวิตคือการลงทุน ลงทุนแบบ positive cashflow เท่านั้น passive income นั้นทำได้ไม่ยาก มันไม่ใช่แค่ทฤษฎี เราอยากจะข้อมูลและประสบการณ์จริงมาแบ่งปันกับทุกคน "ททมาโน ปิโยโหติ" ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ทำไมหลาย ๆ คนเขาเปิดสอนคอร์สออนไลน์กันเรื่องการลงทุนนะ เราจะขอเอาประสบการณ์จริงมาแบ่งปันกันไป ผ่านทางหน้า facebook page ผ่านทาง blog ตัวนี้ก็แล้วกัน blog นี้มีประโยชน์โปรดแชร์ |
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
September 2024
|