จอห์น เผ่าเพ็ง เพราะฉะนั้น
  • Blog; journal of life
  • Daddy Diary
  • Investment Diary
  • Business Tips and Tricks
  • ข้างขอบเตียง
  • ครูไทยในต่างแดน
  • ebooks
  • About
  • กราบขอบคุณ

Redraw and Refinance ไม่เหมือนกัน

20/9/2020

 
ช่วงนี้เป็นช่วงการซื้อบ้าน ซื้อเป็น family home ของครอบครัวเรา
เพราะที่ผ่านมา มันเป็นการซื้อเพื่อการลงทุน ดังนั้นหลักในการขอทำเรื่องกู้เงินก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไปและก็มีอะไรหลายอย่างที่เราต้องศึกษาและเรียนรู้

ที่ผ่านมาเราซื้อ apartment เพื่อการลงทุน ราคามันก็ไม่ได้เยอะมาก เวลาทำเรื่องกู้เรื่องอะไรเราก็ไม่ค่อย worries มากเพราะเราก็พอรู้ศักยภาพทางด้านการเงินของเราอยู่

แต่ตอนนี้จะซื้อบ้านเพื่ออยู่เอง สนนราคามันก็อีกรูปแบบหนึ่ง มันก็มีอะไรก็จะต้องคิดเยอะ ต้องวางแผนกันเยอะ

เรามี investment apartment อยู่ 2 หลังที่จ่ายตังค์หมดแล้ว ไม่ติด mortgage และก็มีอีก 1 หลังก็ยังติด mortgage อยู่แต่ก็ไม่มากนัก

สิ่งที่เราอยากจะบอกกันหลาย ๆ คนก็คือ:


1. ที่ประเทศออสเตรเลีย เราไม่สามารถเอาบ้านเข้าธนาคารเพื่อกู้เงินออกมาได้ มันไม่เหมือนที่เมืองไทย ที่เมืองไทยเราสามารถเอาบ้านเอาที่ดินเข้าธนาคารแล้วก็กู้เงินออกมาได้ ก็นี่แหละที่มาของที่ดินและก็บ้านที่เมืองไทยที่โดนยึดกันเยอะ ๆ แต่ที่ประเทศออสเตรเลียไม่มีแบบนั้น ดังนั้น apartment 2 หลังที่เรามี เราจะเอาไปเข้าธนาคารแล้วขอเงินกู้ออกมาก็ไม่ได้ หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าก็เอาไป re-finance ไง อ๋อ.... ไม่ได้จ๊ะ re-finance ต้องเป็นบ้านหรือ apartment ที่ยังผ่อนไม่หมดเท่านั้น บ้านหรือ apartment ที่ผ่อนหมดแล้วหรือไม่ได้เป็นหนี้ธนาคาร จะมาทำเป็น re-finace ไม่ได้ (read point 2)

2. 
Refinance คือการที่เราตอนนี้ผ่อนบ้านอยู่กับธนาคาร 1 อย่างเช่น WestPac สมมุติว่าตอนนี้เราผ่อนบ้านอยู่กับ WestPac ดอกเบี้ย 4.00% และมีหนี้อยู่ประมาณ $200,000.00 ถ้าเรา refinance ก็หมายความว่าเราจะไปยืมเงินมาจากธนาคารอื่นมาปิด WestPac สมมุติว่าดอกเบี้ยของ NAB อยู่ที่ 3.25% ซึ่งก็ถือว่าถูกและประหยัดกว่า WestPac การ refinance ก็คือ

- เราไปทำเรื่องกู้กับ NAB แล้วให้ NAB มาจ่าย $200,000 ที่เราเป็นหนี้กับ WestPac
- แล้วเราก็ไปผ่อน $200,000 กับ NAB ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า นั่นก็คือเราจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.25% แทนที่จะจ่าย 4.00% ที่ WestPac อย่างนี้เป็นต้น

แบบนี้แหละเราเรียกว่า re-finance
​

3. 
Redraw คือการถอนเงินออกจากบัญชีที่เราทำงานผ่อนบ้าน สมมุติว่าเราซื้อบ้านราคา $700,000 แล้วก็ผ่อนกับ WestPac ด้วยดอกเบี้ยที่ 4.00%
- สมมุติว่าราคาบ้าน $700,000 เรากู้มาแค่ $500,000 ซึ่งก็แสดงว่าเราเป็นหนี้ธนาคารแค่ $500,000 + ดอกเบี้ย 4.00%
- เราก็ผ่อนบ้านมาเรื่อย ๆ 2-3 ปี ช่วงไหนเรามีเงินเยอะ เราก็รีบโปะ สมมุติว่าเราจ่ายธนาคารไปแล้วซัก $300,000 เหลือเป็นหนี้ $200,000 + ดอกเบี้ย
- เรากำลังจะซื้อบ้านอีกหลังราคา $800,000 (สมมุติ) เราทำเรื่องกู้แล้ว นั่น นี่ โน่น ที่ NAB แต่เงินมันยังขาดอยู่ $250,000 
- อ้าว เฮ้ย เรามีเงินที่เราผ่อนบ้านอีกหลังอยู่ที่ WestPac หนิ เราผ่อนไปแล้ว $300,000 เราก็สามารถ redraw เงินตรงนั้นออกมาได้ $250,000 เพื่อที่จะมาโปะบ้านอีกหลังที่เราซื้อ $800,000 ที่เงินมันยังขาดไป บางทีชีวิตมันก็ no choice เราก็ต้องถอนตัวนั้นออกมา

ก็แสดงว่าเราก็จะเป็นหนี้กับ WestPac $200,000 + $250,000 ที่ redraw ออกมา + ดอกเบี้ย 4.00% และก็เป็นหนี้กับ NAB เพราะซื้อบ้านอีกหลัง ก็แสดงว่าเราเป็นหนี้ 2 ที่ ซึ่งบางทีเราก็ต้องคิดให้ดี ๆ 

สุดท้ายแล้วเราก็ต้องดูศักยภาพในการจ่ายคืนของเราด้วย ว่าเราไหวไหม อย่าทำอะไรเกินตัว
ถ้าเราคิดว่าเราไหว ก็จัดการเลยสิจ๊ะ รออะไร

นี่แหละ redraw กับ refinance ไม่เหมือนกัน
และที่ประเทศออกสเตรเลียก็ไม่สามารถเอาบ้านเข้าไปเป็นหลักค้ำประกันได้ มันช่วยได้แค่ในเรื่องของ equity ที่เราเคย post ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

หากชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันต่อไป

Equity and Servicing

13/9/2020

 
ช่วงนี้เราก็วิ่งวุ่นอยู่กับเอกสารการขอทำ pre-approved home loan 
ปรากฎว่า pre-approved ได้น้อยมาก
เราก็งง ว่า huh อะไรนะ เรามี equity ตั้งเยอะแยะ ทำไมกู้ได้แค่นี้
แต่ก็นั่นแหละ ทุกสิ่งอย่างในชีวิตมันคือการเรียนรู้
เราก็จะได้รู้ว่า มุมมองของ bank เขาเป็นอย่างไร
มันแตกต่างจากมุมมองของเราแบบไหน
และเราจะต้องทำยังไงเราถึงจะกู้ได้มากกว่านี้

เรากู้ home loan กับ RAMS มาแล้ว 2 ครั้ง ก็ไม่เห็นมีปัญหา เราก็คิดว่าทุกอย่างมันจะต้องผ่านฉลุย อะไรประมาณนี้

โอ๊ว เปล่าเลย
ทุกปี สถานการณ์การทำงานเปลี่ยน
ความสามารถในการจ่ายเงินคืนให้ bank เปลี่ยน

ไอ้เราก็คิดว่า เฮ้ย apartment 2 หลังที่เรากู้มา หลังแรกเราจ่ายหมดภายใน 2 เดือนนะ และหลังที่ 2 ก็ประมาณ 9 เดือนนะ

เปล่าเลย ธนาคารเขาไม่ได้สนใจอะไรตรงจุดนั้นเลย
เขาจะดูแค่ว่า รายได้เธอตอนนี้เท่าไหร่
เธอจะมีกำลังในการจ่ายเงินคืนมั้ย

ธนาคารเขาคิดแค่นี้จริง ๆ 

วงเงินที่เราต้องการกู้ตอนนี้ กับวงเงินที่เรากู้ตอนซื้อ investment properties มันก็แตกต่างกัน
เราจะคิดเหมารวมเอาว่า เฮ้ยที่ผ่าน ๆ มาเราก็กู้ได้ ตอนนี้เราก็ต้องกู้ได้ด้วยสิ
เปล่าเลย
การกู้แต่ละครั้ง ก็ต้องมานั่งดู liability และ asset มันใหม่หมดเลย

ก่อนที่จะทำเรื่อง pre-approved กับ RAMS เราก็คิดว่าเรามี equity เยอะอยู่นะ

Equity ก็คือทรัพย์สินที่เรามี ก็ investment properties ที่เรามี + กับหุ้นใน stock market ก็เยอะอยู่

Liability เราแทบจะไม่มีอะไรเลย
ก็มีแค่ AMex card  1 ใบ ซึ่งก็ไม่เคยเป็นหนี้เลย จ่ายหมดทุก ๆ เดือน และก็ investment property หลังที่ 3 ที่เราซื้อช่วง Jan 2020 ซึ่งก็เหลือไม่กี่เท่าไหร่เอง

เราก็คิดว่า เฮ้ย equity เราเยอะ
เราต้องกู้ได้เยอะสิ
เปล่าเลย 

equity ก็คือ equity 
loan servicing ก็คือ loan servicing 
มันคนละส่วนกัน ต้องแยกกันให้ออก

loan servicing หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่า "servicing" คือความสามารถหรือศักยภาพในการจ่ายเงินคืนให้กับธนาคาร

apartment 2 หลังแรกที่เราสามารถกู้ได้กับ RAMS ก็เพราะตอนนั้นเรายังรับราชการ ยังทำงานประจำอยู่ มี Payslip มีเงินเข้ามาทุก ๆ 2 weeks ว่างั้นเถอะ ธนาคารก็คำนวณมาว่า เออ คนนี้มันคงจะมีเงินเดือนมาจ่ายคืนให้กับธนาคารแหละ เพราะรับราชการหรือเป็นลูกจ้างที่มีรายได้แน่นอน

แต่มาคราวนี้ เราไม่ได้สอนหนังสือแล้ว ไม่มี payslip ก็เลยต้องใช้ financial statement ของธุรกิจอย่างเดียว ซึ่งของเราก็มีของปี 2019 ยังไม่ได้ทำของปี 2020 เพราะธุรกิจสามารถยื่นช้าได้ 1 ปี

ปรากฎว่าเรากู้ได้ แต่กู้ได้น้อยมาก
ถ้าจะกู้ได้น้อยขนาดนั้น ก็เก็บเงินแล้วจ่ายสดไปเลยก็ได้มั้ง แต่จ่ายสดก็อีกแหละ เดี๋ยวก็ต้องจ่ายภาษีเพิ่มอีก นั่น นี่ โน่น และการจ่ายสดมันก็ไม่ใช่ทางออกของทุก ๆ เรื่องเสมอไป มันสบายใจ แต่ไม่มี leverage ซึ่งก็ไม่ดี

สรุปคือ เราต้องยื่นภาษีของปี Jun 2020 แล้วค่อยทำเรื่อง pre-approved อีกรอบ

คราวนี้นอกจาก RAMS แล้ว เราก็จีบ ๆ Aussie Home Loan เอาไว้ด้วย
ก็ต้องมานั่งทำบัญชีกัน ทั้งของบริษัทและก็ทั้งส่วนบุคคล
ก็ดีเหมือนกัน มันจะได้เสร็จ ๆ ไป
ก็จะได้เอาตัวเลขของปี Jun 2020 มาใช้ในการขอ pre-approved home loan กันอีกรอบ
ในขณะเดียวกันก็คงจะหยอดกระปุกต่ออีก 2-3 เดือน 
หยอดกระปุกเอาไว้เป็นแผนสำรอง เผื่อ pre-approved คราวนี้ ได้ตัวเลขไม่เท่าตามที่เราต้องการ ถ้ามันต้องจ่ายสด บางทีมันก็ต้องทำ เพราะเราก็อยากจะได้บ้านภายใน Dec 2020

ถ้าเรากู้ตังค์เพื่อมาซื้อ investment property ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะ investment property ที่เราซื้อมันก็ไม่แพงอยู่แล้ว apartment เล็ก ๆ 2 ห้องนอน 60 ตารางเมตร
แต่บ้านที่เราจะซื้อ มันคือบ้านและมีพื้นที่ มีที่ดินด้วย ไม่ใช่แค่ unit เฉย ๆ 
และบ้านที่พวกเราดูกันก็ประมาณ 500 - 650 ตารางเมตร ราคามันก็จะอีกแบบหนึ่ง
เราไม่ต้องการบ้านหลังใหญ่ แต่เราต้องพื้นที่ ต้องการสวนหลังบ้าน เอาไว้ปลูผักเอาไว้กินเองตอนแก่ ก็แค่นั้นเอง

​ชีวิตบั้นปลายว่างั้นเถอะ

รายละเอียดและ detail ต่าง ๆ มันก็เลยจะแตกต่างจากการซื้อ investment property นิดหนึง

ทุกเหตุการณ์เราก็ได้เรียนรู้เสมอ
อย่างน้อยเราก็รู้ว่า "อ๋อ equity มันคือแบบนี้นะ servicing มันคือแบบนี้นะ"
แต่มันก็จะเป็นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแหละ ที่มันอาจจะวุ่นวายหน่อย อาจจะด้วยวงเงินที่เราต้องการ
ถ้าเสร็จจากการทำ pre-approved หรือ home loan ในครั้งนี้แล้ว ครั้งต่อ ๆ ไปก็คงจะเป็นแค่พวก investment properties แล้วหละ ซึ่งเราก็ซื้อไม่แพงอยู่แล้ว มันก็กู้ง่ายอยู่แล้ว ตรงนั้นไม่ได้หนักใจอะไร

ก็เอาให้ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ก่อน ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ ที่เหลือก็คงง่ายแล้วหละ

เหนื่อยหน่อยนะช่วงนี้
​เฮ้อ....

Investment Diary; Sep update

6/9/2020

 
นานแล้วสินะที่เราไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเรื่องชีวิตการลงทุนหรือว่าอะไรเลย
ก็เพราะช่วงนี้เราก็ busy วิ่ง วุ่น อยู่กับบ้านที่ต้องการที่จะซื้อ ซึ่งก็จะเป็น family home ของเรา ซึ่งเราก็กะว่า จะต้องจัดการให้เสร็จสรรพภายใน Dec 2020

ช่วงนี้ก็เลยต้องหยุดเรื่องการซื้อ investment properties ไปก่อน (ที่ออสเตรเลีย) ก็อยากจะให้มันเป็นเรื่อง ๆ ไป ทั้งที่บางทีก็เห็นบางหลังที่อยากจะซื้อเป็น investment properties นะ เพราะมัน match กับ investment profile ของเราทุกอย่าง แต่ก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อน เราอยากจะให้มันเสร็จเป็นเรื่อง ๆ ไป ไม่งั้นเราก็จะ busy เรื่อง paperwork เกิน

investment properties ที่เรามีอยู่ ที่ประเทศออสเตรเลีย ก็ดีหน่อย เพราะ 2 หลังก็ไม่มี mortgage แล้ว ก็เหลือแค่หลังเดียวที่ยังติด mortgage อยู่ มันก็เลยมาช่วยเป็น asset เป็น equity ในการที่จะกู้ซื้อบ้านหลังต่อไป; family home ของเรา

investment properties ทั้ง 3 หลัง ก็มีคนเช่าอยู่หมดแล้ว
ทุกหลังเป็น positive cashflow income หมด
ก็เป็น passive income ไป ก็ถือว่าได้ทำตามเป้า ที่ได้วางเอาไว้ ปีต่อปี

ส่วน condo ที่เมืองไทย ตอนนี้คนเช่าก็ย้ายออกแล้ว เจอพิษ Covid เข้าไป
คนเช่าก็ไม่มีรายได้ เขาก็ต้องกลับต่างจังหวัด
ตอนนี้ก็ว่างมา 1 เดือนแล้ว
แต่เราก็โชคดีที่ condo ที่เมืองไทย เราก็ซื้อด้วยเงินสด ไม่ได้กู้

และอีกหลังก็กำลังจะเสร็จ Dec 2020  ปีนี้
หลังนี้ก็กะจะจ่ายสดเหมือนกัน

แต่หลังต่อ ๆ ไปที่เมืองไทย ก็คงจะเริ่มกู้แล้วหละ เราก็ต้องเริ่มติดต่อธนาคารและสินเชื่อเอาไว้
เพราะจะให้เรามานั่งซื้อสดทุกหลัง เราก็คิดว่ามันไม่ leverage 
จ่ายสด คือมันสบายใจจริง แต่มันก็ scale มากไม่ได้
มันก็ต้องใช้ OPM (Other People Money) บ้างอะไรบ้าง

เดี๋ยววันนี้ก็คงทักไปหาคนที่เขาเคยลงโฆษณาว่าอยู่ต่างประเทศก็ขอกู้เงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เมืองไทยได้

ที่เมืองไทย ต่อจากนี้ หลังที่ 4-5-6 ก็คงต้องใช้เงินกู้เข้ามาช่วย เพื่อที่จะให้ได้ leverage มากขึ้น ก็จะจ่ายสดเฉพาะช่วงที่มันทำเรื่องกู้ยากจริง ๆ เท่านั้น ก็กะว่าจะลองทำเรื่องกู้ดู

ปีนี้; Dec 2020 เราก็ได้โควต้าของ condo ตามที่เราต้องการอยู่แล้ว

ปีหน้า ถ้ากำลังเรายังมี เราก็จะ double up the speed ดูบ้าง เพื่อที่จะได้ครบตามจำนวนที่เราต้องการไว ๆ 

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องเข้ามาดูเรื่องเศรษฐกิจกันอีกรอบ
การมี condo ที่เมืองไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการมี investment properties ที่นี่
เพราะที่นี่หรือที่สิงคโปร์ เรามี real estate agent ดูแลให้เป็นเรื่องเป็นราว
มันเป็นระบบ ถึงแม้เราจะโดนหักค่า management fee ก็ตามเถอะ มันก็ช่วยตัดปัญหาอะไรต่าง ๆ ไปได้เยอะ

แต่ที่เมืองไทยนี่สิ เราก็เป็นแค่มดตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เราไม่ได้มีทรัพย์สินมากพอที่จะต้องใช้ agent เข้ามาดูแล และระบบ real estat agent มันก็ไม่มีเหมือนต่างประเทศ

ที่เมืองไทย เราก็เลยต้องใช้ระบบครอบครัวบริหารกันเอง ซึ่งก็มีข้อจำกัดเยอะเวลาลงประกาศหรือโฆษณาหาคนเช่า

แต่ก็ไม่เป็นไร
พวกเราก็ค่อย ๆ เรียนรู้ ค่อย ๆ ทำกันไป
เพราะพวกค่าเช่าพวกนี้ ก็ถือเป็น pocket money เป็น extra income ที่เข้ามา ยังไม่ได้เป็นรายได้หลักพอที่เราจะ semi-retire 
เราก็คงต้องค่อย ๆ สร้าง ค่อย ๆ สะสมกันไป
เมื่อ portfolio เราใหญ่มากพอ 
เมื่อ passive income เรามากพอ มากพอกับรายจ่ายและ lifestyle ที่เรามี ก็เมื่อนั้นแหละ ก็คงจะได้ semi-retire กันเป็นเรื่องเป็นราว

semi-retire คือยังทำงานอยู่ ทำไปเรื่อย ๆ แต่ก็จะไม่เร่งรีบหรือเร่งรัดตัวเองอีกต่อไป

จริง ๆ ก็ไม่ได้เร่งรีบหรือเร่งรัดตัวเองมาตั้งแต่ 01 Jul 2020 แล้ว
ตั้งแต่ 01 Juy, เราก็ลด ละ เวลาในการทำงานลงไปเยอะ
ตอนนี้ก็จะค่อย ๆ ลดลงเป็น phase ไป

ชีวิตคนเรา ก็ต้อง plan เอาไว้หนะจ๊ะ ว่าต้องการที่จะทำอะไร ยังไงบ้าง...

อย่าลืมวางแผนชีวิตกัน
อย่าลืม set your life golas กันเน้อ....

    บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ 

    Archives

    January 2025
    December 2024
    September 2024
    March 2024
    December 2023
    September 2023
    August 2023
    July 2023
    June 2023
    March 2023
    February 2023
    January 2023
    December 2022
    October 2022
    September 2022
    May 2022
    April 2022
    March 2022
    September 2021
    August 2021
    March 2021
    January 2021
    September 2020
    June 2020
    May 2020
    April 2020
    March 2020
    January 2020
    December 2019
    November 2019
    October 2019
    September 2019
    August 2019
    July 2019
    June 2019
    May 2019
    April 2019
    March 2019
    February 2019
    January 2019
    December 2018
    November 2018
    October 2018
    September 2018

    RSS Feed


Photos from mikecogh, Grant Source
  • Blog; journal of life
  • Daddy Diary
  • Investment Diary
  • Business Tips and Tricks
  • ข้างขอบเตียง
  • ครูไทยในต่างแดน
  • ebooks
  • About
  • กราบขอบคุณ