จากประสบการณ์ตรง ณ ตอนนี้นะครับ
สำหรับใครที่คิดจะทำงาน full-time ไปด้วย เรียน Uni ไปด้วย เราไม่แนะนำนะครับ แต่ถ้าเรียน college อันนั้นอีกเรื่องหนึ่ง คุณภาพและความยากนั้นต่างกัน เรียน college กับเรียน Uni นั้นแตกต่างกัน โปรดแยกกันให้ออก ถ้าคุณคิดจะเรียน Uni ต่อให้เป็น part-time ก็ตามเถอะ เราแนะนำนะครับ ทำงานแค่ 4 วันก็พอ; Mon - Thu แล้วคุณก็ dedicate Fri-Sat-Sun กับการเรียน คนไหน work from home ได้ก็สบายไป บอกเลยถ้าจะเรียน Uni; Sat-Sun 2 วันไม่พอ อย่าคิดว่าจะอ่านหนังสือหรือทำการบ้านหลังเลิกงาน 5pm โดยทฤษฎีนั้นทำได้ครับ แต่ในบางปฏิบัติมันยากมากเลยครับ หลัง 5pm สมองคุณจะล้าแล้ว บอกเลยว่าไม่ productive แต่ถ้าคุณ dedicate 3 วันเต็ม ๆ ไม่ทำงาน แล้วเรียนอย่างเดียว อันนี้คุณจะยังคงรักษา standard ของการเรียนเอาไว้ได้ คือถ้าเรียน เราก็อยาก "รู้" จริง ๆ ไม่ใช่เรียน ๆ ข้าม ๆ ส่วนตัวเราแล้ว เราอ่าน online material ทุกหน้าที่ทาง Uni ให้มา ทุก week ไม่เคยข้ามแม้แต่หน้าเดียว จะสังเกตว่า online quiz เราได้คะแนนเต็มหมด 5/5 ทุก week ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ มันคือความพยายาม ขนาดเราเดินทางต่างรัฐ ทำงานต่างรัฐ เรายังอ่าน ต้องทำ assignment เลยครับ ทุกวินาทีมีค่าเสมอ ใครอยากเรียน Uni เรียนได้นะครับ แต่พยายามอย่าทำงาน 5 วัน บอกเลยว่าจะกระทบกับการเรียนแน่นอน ถ้างานของคุณไม่ได้ flexible มากพอให้คุณทำงาน 4 วัน บางทีคุณ "อาจจะ" ไม่เหมาะหรือยังไม่พร้อมที่จะเรียน Uni คือคุณต้องจัดเวลาของคุณให้ได้ โดยเฉพาะคนที่จ่ายเงินเรียนเองอย่างเรา เราไม่ได้ใช้ HECS วิชาละ $4,121 แพงมากบอกเลย!!! อันนี้คือประสบการณ์ตรงนะครับ แต่ถ้าคนอื่นเขาจัดการเวลาและชีวิตได้ดีกว่า เราก็ยินดีด้วย กับใครบางคน การได้ขีด ๆ เขียน ๆ อาจจะเป็นสิ่งที่เขาอยากทำมานานแล้วก็ได้ แค่ "รอเวลา"
เขาอาจจะไม่ต้องการทำเป็นอาชีพอะไรก็ได้ เขาอาจจะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินก็ได้ คือแค่เขา "อยากจะเขียน" ก็แค่นั้นเองจริง ๆ แต่งานเขียน มันก็คือ passive income นะครับ เหนื่อยครั้งเดียว ที่เหลือก็เป็นค่า royalty มันก็คือ passive income นั่นแหละครับ จะมากจะน้อยก็ว่ากันไป ยิ่งตอนนี้มันมีหนังสือที่เป็น ebook และ auidobook เราก็ปล่อยให้ระบบของ platform นั้น ๆ จัดการ เราไม่ต้องไปวุ่นวายอะไรกับเขา เรามีหน้าที่แค่สร้าง content ของเรา สร้าง product ของเรา ก็แค่นั้นเอง หนังสือก็คือ content อย่างหนึ่งครับ ไม่ว่าจะเป็นแบบรูปเล่มหรือ digital การสร้าง content ทำได้หลายแบบ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่กับสื่อเดิม ๆ platform เดิม ๆ ณ กาลครั้งหนึ่ง ภรรยาเรายืม DVD มาจากห้องสมุด หนังเรื่องอะไรเราจำไม่ได้แล้ว แต่ก็ได้รับหลายรางวัลอยู่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นแล้วภรรยาเราก็คงไม่ยืมมาดู มันเป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงครับ เราคิดว่า setting น่าจะอยู่ที่ UK (เราจำไม่ได้ มันนานมาแล้ว) ตัวเอกของหนังต้องไปเป็นทหาร ออกรบช่วงสงครามโลก ในระหว่างที่ออกศึกมันก็มีการยิงกันกับข้าศึก มีคนตายทุกวัน สิ่งที่เราทำได้ให้กับตัวเองเพื่อไม่ให้เกิด depression ก็คือการ "เขียน" ในระหว่างที่ออกศึกเขาก็จะมีสมุดเล่มเล็ก ๆ พกเอาไว้คอยขีด ๆ เขียน ๆ อะไรของเราไปเรื่อย เมื่อสงครามสงบ เขา publish หนังสือของเรา เป็นนิยายวรรณกรรมชื่อหนังสืออะไรเราจำไม่ได้แล้ว หนังสือขายได้มาก คนอ่านติดกันงอมแงม แต่สิ่งที่ตามมาคือ เขาเจอ stalker เจอคนอ่านที่คลั่งไคล้ในตัวละคร ทุกคนพยายามบอกเขาว่า ตัวเองคือตัวละครในเนื้อเรื่อง ทุกครั้งที่เราเจอคนแปลกหน้า ก็จะมีคนเข้ามาทักเขาเสมอและบอกว่าตัวเองเป็นตัวละครในเนื้อเรื่อง เขาเจอ stalker เยอะมากและทุกที่ที่เขาไป เขาก็เลยไม่เคย publish หนังสือของเขาอีกเลย เขาจึงมีผลงานที่ถูก publish ออกมาแค่เล่มเดียว แต่รู้หรือไม่ว่า ทุก ๆ เช้าที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็จะไปอยู่ใน shed ของเขา ซึ่งก็เป็น workshop ในการเขียนหนังสือของเขา เขาเขียนหนังสือ "ทุกวัน" เพียงแค่ไม่เคย publish ก็แค่นั้นเอง Note: ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ 1. ปิดบัญชีเดือน March 2025 ก็ได้เยอะกว่าเป้าหรือโควต้าของทุก ๆ เดือนถึง 3 เท่ากว่า ๆ แต่ก็ยังน้อยกว่าของเดือนที่แล้ว; February 2025 เดือนที่แล้วก็ได้ 3 เท่ากว่า ๆ แต่เป็น 3 เท่าปลาย ๆ นั่นก็หมายความว่ายอดขายของ Feb + Mar 2025 ก็ cover ไปถึง June 2025 อยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้ April - May - June 2025 เราไม่ได้ทำ case แม้แต่ case เดียว เราก็ไม่มีปัญหาอะไร
2. อาทิตย์ก่อนไปกินอาหารกับน้องคนไทยที่ Sydney น้องถามว่า "P' J ทำงานแบบนี้ 'เครียด' ใหม ต้องเจอลูกค้าหลายแบบ หลายเรื่องราว drama online อีก" จากสัจจริงนะครับ ไม่เครียดเลย เพราะเราเคยผ่านเรื่องที่หนักกว่านี้ก่อน: - สูญเสียหลานชาย - แฟนไม่สบาย 2 อย่างนี้คือหนักสุดแล้วในชีวิตของการเป็นมนุษย์ ทุกวันนี้เราจึง focus อยู่แค่ที่ครอบครัวและ "inner-circle" จริง ๆ ปัจจัยภายนอกหรือบุคคนภายนอกทำอะไรเราไม่ได้หรอก เพราะเราไม่ได้สนใจเลยจริง ๆ อันนี้จากสัจจริง ไม่ได้พูดเพื่อให้ตัวเองดูดี ทุกวันนี้ทำงานและอยู่กับคนที่เรารักและรักเราก็ ดีที่สุด และที่สำคัญที่สุดก็คือ เราไม่ได้ไปขอข้าวใครกิน They don't pay my bills... อันนี้คิดแบบนี้จริง ๆ อาจฟังดู ignorance แต่มันทำให้ชีวิตมีความสุขมากเลยนะครับ - เอาครอบครัวเป็นที่ตั้ง - เอา "เงิน" เป็นที่ตั้ง อะไรที่ they don't pay my bills เราก็ไม่ต้องสน ไม่ต้อง care ชีวิตมันก็แค่นี้เลยจริง ๆ ทุกวันนี้ก็เลยไม่ 'เครียด' เอาจริง ๆ นะครับ คนอื่นเขามีหนี้ มีปัญหาเรื่องวีซ่า ซึ่งเราไม่ได้มีปัญหาตรงจุดหนี้ มันเลยไม่มีเครื่องให้เครียด 3. รถ EV ของภรรยาพร้อมรับแล้วตั้งแต่วันพุธ แต่เขาติดธุระ เขาก็เลยไปรับของเขาเองวันพฤหัส ครอบครัวเราค่อนข้าง independent ไม่มีนะครับที่ต้องแห่กันไปเอารถ ตอนเราไปรับรถของเรา เราก็ไปคนเดียว นั่ง Uber ไป ทำเอกสารเสร็จ เราก็ขับรถของเรากลับมา ภรรยาเราเองก็เช่นเดียวกัน เขาก็จะขับรถของเขาไป trade-in แล้วก็จะขับรถคันใหม่ออกมา แค่นั้นเลยจริง ๆ พวกเราไม่โชว์วัตถุสิ่งของ และไม่ใช่วัตถุเหล่านี้โชว์ความสำเร็จ 4. ชีวิตเรากับภรรยาฝ่าฝันกันมาด้วยสมองและสองมือที่มี เรา 2 คนไม่ได้ขอเงินจากทางบ้าน ทุกสิ่งอย่างที่พวกเรามีพวกเราจึง appreciate กับมันมาก ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พวกเรามีอยู่และที่นี่พวกเราก็อยู่กันแค่ 4 คน พ่อ แม่และลูก x 2 ก็แค่นั้นเอง ชีวิตทุกวันนี้เราอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับลมหายใจ ก็มีความสุขแล้ว ครบ จบ UTS Week 2 เกือบตาย
อาทิตย์ที่ผ่านมา งานเรายุ่งจริง อะไรจริง ต้องเข้าไปทำงานที่ Sydney 2 วัน; Wed & Fri ก็เลยเหนื่อย ๆ กว่าจะได้เริ่ม study หรืออ่าน material ต่าง ๆ ก็ Thu ซึ่งไม่แนะนำ ถ้าจะให้ดีคือต้องเริ่มอ่าน study material ตั้งแต่ Mon เลย Thu ถือว่าช้ามาก Fri กว่าจะกลับมาจากทำงานใน Sydney ถึงบ้านก็เหนื่อยแล้วครับ อาบน้ำ นอน ได้เริ่มอ่านหนังสือจริง ๆ คือเมื่อวานเช้า และตอนเที่ยงก็มีนัดกับลูกค้า ออกไปเจอลูกค้าประมาณ 30 นาที ไม่นานมาก กลับมาก็นั่งอ่านหนังสือ อ่าน study material ทั้งวัน จากวันเสาร์จนถึงวันนี้ วันอาทิตย์ 30 March 2025 1. Submit weekly discussion; Sunday 9:30am 2. อ่าน study material ของ week 2 ทั้งหมด; Sunday 5pm 3. Break for dinner แล้วกลับมานั่งทำ online quiz; Sunday 6pm ครบ จบ อาทิตย์นี้ (week 3) ต้องเริ่มทุกอย่างเลยทันที เริ่มอ่านหนังสือ Thu ถือว่าช้ามากสำหรับ week นั้น แล้ว weekend เราก็ออกไปไหนไม่ได้เลย OK.. เสร็จงานของ UTS Week 2 แล้ว เราก็มีเวลาไปทำอะไรอย่างอื่น - ตอบ email งานของ "J Migration Team" - นั่งทำ ebook ต่อ "เหยื่องานฟาร์ม; ออสเตรเลีย" เสร็จแล้ว 99% 30/03/2025 โดยปรกติแล้ว เราจะไม่ค่อยไป hang out อะไรกับใครง่าย ๆ
เป็นคนช่างเลือก และ requirement ของร้านอาหารค่อนข้างชัดว่าต้องอะไร อย่างไร ปรกติเวลาทำงานเสร็จที่ Sydney คือ "ต้องการกลับบ้านไว ๆ" เพราะไม่ชอบรถติดตอน 5pm และจริง ๆ แล้วเราก็ต้องการอยู่แค่กับครอบครัวเราและคนที่เป็น "inner-circle" จริง ๆ บอกตามตรงว่าค่อนข้าง "เจ็บ" กับ relationship บางอย่างที่ผ่านมา เวลาเราให้ใจกับใคร เราค่อนข้าง 110% เราคิดง่าย ๆ ว่าถ้าเราดีกับเขา เขาคงไม่ทำร้ายเรา แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ทุกวันนี้ค่อนข้างระวังตัว ทุกการพบปะ "ดี" เสมอ 1. สำหรับเจ้าของธุรกิจที่เริ่มเองทุกสิ่งอย่าง เริ่มจาก 0 ไม่มีที่ปรึกษา คลำทางกันเอง ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนพูดคุยประสบการณ์มันดีมากเลย คำว่า "คลำทางกันเอง" ถ้าใครไม่ได้เริ่มจาก 0 เหมือนพวกเรา เขาไม่เข้าใจหรอก พอคนที่เริ่มธุรกิจมาจาก 0 ด้วยกันหมด มานั่งโต๊ะเดียวกัน นั่งเมาส์มอยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ มัน heal ใจมากเลยครับ คนที่เคยผ่านความยากลำบากแบบนั้นจะเข้าใจ 2. อันนี้ก็รวมไปถึงพนักงานที่เริ่มล้มลุกคลุกคลานกับเขามาด้วย Note: บางธุรกิจซื้อต่อเขามาแล้ว claim ว่าตัวเองมีประสบการณ์หรืออยู่ใน industry เท่านั้นเท่านี้ปี บอกเลยว่า "fake" มาก เช้านี้ตื่น 4:30am ก่อนนาฬิกาปลุก (5am)
วันนี้ต้องเข้าไปทำงานที่ Sydney office ต้องขับรถไป ต้องมีการเสียเวลาในการเดินทาง May 2025 จะย้ายไป Rockdale แล้ว ก็จะใกล้ Wollongong มากขึ้น 1 ชั่วโมง 15 นาที ถือว่า OK เราสามารถส่งลูกสาวไปโรงเรียนก่อนได้ drop ที่ train station 8:10am แล้วเราก็ขับต่อไปที่ Rockdale ก็ OK อยู่นะ not too bad แต่ตอนนี้ Sydney office ยังอยู่ที่ CBD เหมือนเมื่อหลายปีก่อน การเดินทางมันก็ใช้เวลานิดหนึ่ง แต่มันสะดวกสำหรับลูกค้า ภารกิจวันนี้ก่อนเดินทางไป Sydney 1. clears email 2. จัดการเรื่องรถ EV ให้ภรรยา ครบ จบ ต้องโอนกัน 3 วันเพราะธนาคารเราก็มี daily limit ในการโอน โอนได้ไม่เยอะ คนจน ๆ แต่ก็ซื้อสด เราจ่ายค่ารถทั้งหมด ส่วน extra option ภรรยาจ่ายเอง เช่นเคลือบสีเอย ใส่ tint เอย ต่าง ๆ นานา เราบอกให้เขาเคลือบสีไปเลย $800+ ไม่แพง มันจะได้เงาแวววาว... LOL แล้วเราไม่ยุ่งอะไรกับรถเขา สรุป ตอนนี้ที่บ้านที่มีรถ EV x 2 และ Hybrid x 1 ของลูกชาย เราคิดว่ามี Hybrid คันเดียวก็พอ เวลาเดินทางไกล เราก็ใช้รถลูกชาย (รถเก่าเรา) จริง ๆ แล้วภรรยาเราอยากได้ Hybrid มากกว่า เอาไว้เดินทางไกลได้ด้วย ไม่ต้องหาที่ charge แต่เราเอนเอียงมาทาง EV และเอนเอียงนานแล้ว แค่รอเวลาย้ายบ้านเฉย ๆ ตอนนี้ย้ายบ้านเสร็จสรรพแล้ว เราก็เปลี่ยนมาใช้ EV อย่างเต็มตัว ไม่รู้นะ ความชอบส่วนตัว คือทำไมเราต้องไปเสียเงินจ่ายค่าน้ำมันด้วย เราก็ charge เองที่บ้าน แผง solar cells เราก็มี นั่นแหละ ป้ายยาภรรยาเสร็จแล้ว เราก็ต้องจ่ายให้ด้วย วันนี้ ครบ จบ 3. วันนี้ก็เข้า Sydney ทั้งวัน ตึก World Square แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว แต่เจอคนหลากหลายมันก็สนุกและมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือคน บอกได้เลยครับ face-to-face consultation เราไม่ได้อะไรหรอก นั่งทำงานหน้า computer แล้ว submit cases เราได้เงินเยอะกว่า แต่นั่นแหละ face-to-face consultation มันก็ heal ใจ 4. ตอนเย็น ทำ assignment ทำอะไรต่อของ UTS Note: ปีนี้รอ face-to-face consultation ที่เมืองไทยนะครับ รอ CEO (ภรรยา) อนุมัติ นี่แหละ ชีวิตทุกวันนี้ ก็เลยไม่มีเวลาใส่ใจกับเรื่องไร้สาระ ขอให้เรารู้ว่าเราสู้อยู่เพื่อใคร อย่ามัวใส่ใจเสียงคนเสียงสื่อโซเชี่ยล They don't pay your bills. อย่าสนใจ อย่าแคร์คนอื่นมาก ยกเว้นครอบครัวและ "inner-circle" ที่ "inner" จริง ๆ ชีวิตเราต้องไปต่อ ครอบครัวต้องกินต้องใช้ 28/03/2025 ทุกวันจันทร์ 10:15am เรามีนัดกับ UTS Student Advisor
"เธอได้เริ่มอ่าน material ของ week 2 แล้วหรือยัง??" "what is your plan for this week?? next discussion board อย่าลืม participate นะ" "next online quiz does Sunday นะ" "แล้ว assignment 3 dues 11 April นะ อีก 2.5 weeks เธอควรเริ่มเลย เขียนวันละนิดวันละหน่อย" ป๊าดดดดดด เหมือนเราได้ผู้ปกครองเพิ่มอีกคนหนึ่ง แต่ก็ดีนะ มีคนมา checks progress ทุก ๆ วันจันทร์ จะได้ไม่ leave things last minute!!! อาทิตย์ต้องจ่ายค่าเทอมแล้ว; $4,121 ค่าเทอมขึ้นจากปีที่แล้ว; $3,962 (ถ้าจำไม่ผิด) อันคือต่อรายวิชา ถ้าเรียนมหาวิทยาลัย ราคาก็ประมาณนี้แหละครับ แล้วแต่มหาวิทยาลัย แล้วแต่สาขาที่เรียน เราเลือกที่จะจ่ายเอง ไม่ใช้ HECS ไม่อยากมีปัญหาตอนกู้เงินซื้อบ้าน เราบอกน้อง ๆ คนใกล้ตัว "inner-circle" ของเราเสมอ
"Connection" ไม่ต้องวิ่งหา ทำงานเยอะ ๆ มีเงินเยอะ ๆ เดี๋ยว "Connection" วิ่งมาหาเอง สำหรับเราแล้ว อะไร อย่างไรได้หมด เปิดใจเสมอ แต่ "เกลียด" พวก extremist ที่ต้องเอาคนคิดต่างไปแขวน ช่างน่าสมเพช สมองน่าจะมีแค่นี้จริง ๆ อะ... ไม่ว่ากัน ก็ต้องไม่เข้าใกล้!!! ในระหว่างที่ทำโยคะอยู่นั้น instructor ก็พูด intro อะไรของเขาไปเรื่อย
จากสัจจริงนะ เราไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ แต่วันก่อนไม่รู้เป็นอะไร เออ ที่เขาพูดมันโดนใจนะ!!! เขาก็พูดว่าวางเรื่องทุกอย่างไว้ข้างนอกและก็อยู่ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ เออ เราจะสังเกตุตัวเองว่าตอนทำโยคะ เราก็จดจ่ออยู่การทำนะ ไม่ได้คิดอะไรเรื่องอื่น ซึ่งมันดีมากเลยนะครับสำหรับคนที่งานเยอะ ๆ ภารกิจเยอะ ๆ ตัวเราเองไม่ได้มีความเครียดหรือ stress เรื่องงานแต่อย่างใด เราค่อนข้าง happy กับทุก ๆ สิ่งที่เราทำ ที่เราไปทำโยคะหรือ pilates ก็เพราะเราทำงานอยู่หน้า computer เยอะ ก็ต้อง stretch บ้าง อะไรบ้าง ก็แค่นั้นเอง แต่เราก็คิดว่ามันก็น่าจะมีผลต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ด้วยนะครับ เพราะได้ผ่อนคลาย ไม่ต้องคิดเรื่องงาน ไม่ต้องอะไรมาก ทำท่านั้นท่านี้ท่าโน้นตาม instructor ไป มีความสุขดี เราก็อยากจะฝากและแนะนำสำหรับใครที่มีภาวะของความเครียด หรือซึมเศร้าอยู่ ณ ตอนนี้ ลองทำโยคะดูนะครับ ถ้าเรากำลัง inflow กับสิ่งที่เรากำลังอยู่ มันค่อนข้างผ่อนคลาย ปัญหาทุกอย่างแก้ที่ต้นตอนะครับ "ยา" บางทีก็แก้แค่ปลายเหตุ จิตใจที่เข้มแข็ง ก็มาจากร่างกายที่เข้มแข็ง และอยู่ใน "circle" ที่ดีที่ support ซึ่งกันและกัน ไม่ judgemental ออกจาก routine เดิม ๆ ทุกอย่างต้องดีขึ้น |
AuthorJohn Paopeng Archives
April 2025
Categories |