อย่างแรกเลย เราไม่สนับสนุนการทำงานแบบ overwork หรือ workaholic นะครับ...
ปรกติ 10pm เราหัวถึงหมอนแล้ว งานของเราประมาณ 97-98% จะเป็น online application ซึ่งเรา manage และบริหารจัดการเวลาได้ ทำได้จากที่ไหนก็ได้ทั่วโลก ซึ่งบอกเลยว่า "สุข ณ จุดที่เป็น" เราก็จะมีงานแค่ประมาณ 2-3% ที่เป็น paper-based applications ซึ่งต้องมีการเซ็นฟอร์ม แล้วส่ง application ไปทางไปรษณีย์ บาง case ที่ส่งไปที่ Sydney office หลาย ๆ case ก็จะส่งไปที่ Perth office (Family Visas) พอดีวันศุกร์ 15 December 2023 เรามีธุระต้องไป somewhere ตั้งแต่ตี 4; 4am เราก็อยากจะเร่งงานนี้ให้เสร็จ ๆ ไป ไม่เร่งก็ได้ เราไปทำธุระของเราก่อนก็ได้ แต่นั่นหลายถึงการยื่น application ก็ยืดออกไปอีก ซึ่งก็คงไม่ดีแน่ ๆ เลย ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น เราไม่โทษใครทั้งสิ้น เราโทษตัวเองนี่แหละ บางทีรับงานก็คิดว่า "ตัวเองไหว" เราถึงบอกไงว่า "ธุรกิจ ต้องกินแต่พอดีคำ" อ๊ะ.. ไม่ว่ากัน เรียนรู้กันไป anyway... วกมาที่เรื่องนี้ เนื่องด้วยเรามีธุระที่ต้องไป 15 December 2023; 4am แต่เช้าเลย แล้ว 14 December 2023 ก็ดันยุ่งทั้งวัน Child Visa (Subclass 101): x 2 cases นี้ น้องทีมงานเตรียมอะไรไว้หมดแล้ว เราแค่ print เอกสารและฟอร์มออกมา doule check แล้วก็ส่ง post ทางไปรษณีย์ น้องทีมงานทำงานดีมากเลยครับ 110% มันมาช้าที่เรานี่แหละ เพราะต้อง check เองหมดทุกอย่างเลยก่อนยื่น ทุกอย่างต้องผ่านมือเรา ปรกติเราจะส่งเป็น Express Post อยู่แล้ว และจะส่งเป็น "Singnatue on Delivery" ซึ่งต้องไปส่งที่ AustPost; 8:30am - 5:30pm แต่ครั้งนี้คงแค่ไป drop ที่ post box แล้วคอย check tracking number เอา ที่ผ่านมา เอกสารที่ถึงหมด ยังไม่เคยตกหล่น อะไร ใด ๆ กว่าจะได้เริ่มทำ เริ่ม print เริ่ม check ก็ช้า เพราะ 14 December 2023 ก็ยุ่งหัวหมุนมาก โน่นแหละได้เริ่มทำก็ 7pm แล้วมี 2 cases ด้วยนะ พี่กับน้อง paper-based เอกสารทุกอย่างต้องเป็น true certified เดชะบุญ เราเป็น JP ก็เลยรอดไป (JP; Justice of the Peace) เราสามารถเซ็น JP ให้กับลูกค้าได้ เอกสารเยอะ ก็เซ็นเยอะ มันก็ช้าตรงนี้แหละ paper-based application ไม่เหมือน online application ลูกค้าโปรดเข้าใจ (99.99% เข้าในนะครับ ทำงานมา 15 ปี มี "xyz" cases ที่เรา say goodbye) เอกสารเยอะ ก็ต้อง print เยอะ มันก็ช้าตรงนี้แหละ 1 case ก็ประมาณ 3 ชั่วโมงนะครับ กว่าจะเสร็จ ไม่ใช่ง่าย ๆ 3 ชั่วโมง นี่คือทุกอย่างอยู่ในมือเราแล้วนะครับ ไม่รวมอีกหลายชั่วโมง หลาย emails ที่ทีมงานเราต้องติดต่อกับลูกค้าอีก ไม่ง่ายนะครับ บอกเลย ของพวกนี้ อย่าดูแค่ที่ราคา กว่าจะ JP certified เสร็จก็โน่นแหละ 12:30am หลังเที่ยงคืน หลังเที่ยงคืน ขับรถยามวิกาล ออกไป drop เอกสาร ก็ 12:42am เวลา ณ ที่ตู้ Express Post Box ขับรถ ถนนโล่ง อีกหนึ่งประสบการณ์ของชีวิต มันเงียบอะไรเยี่ยงนี้ drop เอกสารลง post box 12:42am (ครั้งเดียวพอนะ จะมีประสบการณ์อะไรแบบนี้ จะไม่ทำร้ายตัวเองแบบนี้อีก) นอกเรื่อง: 1. อาบน้ำ นอน 1am 2. ตั้ง alarm clock เอาไว้ 3am เพราะ 4am ต้องออกแล้ว 3. 2 ชั่วโมง 1am - 3am; 2 ชั่วโมง มันนอนไม่หลับหรอกครับ มันห่วงหน้า พะวงหลัง และมันเลยเวลานอนของเราแล้ว ปรกติเรานอน 10pm พอมานอน 1am มันนอนไม่หลับ ก็ได้หลับตา พลิกตัวไปมา 3am ลุกขึ้นมาอาบน้ำ 4am ก็มีธุระหน้าที่อื่นที่ต้องทำ สรุป 2 ชั่วโมงก็ไม่ได้หลับ แต่ได้เอนตัว เกิดเป็น J ต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย กราบขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านกัน แต่ละคนได้เรียนรู้อะไรบ้างครับ สำหรับเราแล้ว: 1. เราได้เรียนรู้อะไรในการทำงานเยอะ จริง ๆ ก็เรียนรู้อะไรเยอะอยู่แล้ว ทำงานมาตั้ง 15 ปีแล้ว แต่หลาย ๆ อย่างขอ "เก็บเอาไว้ในใจ" แต่ที่แน่ ๆ คือ "สัจจะ" นั้นสำคัญกว่าเงินทอง ถ้ารับงานมาแล้ว รับปากมาแล้ว ก็ต้องทำ กัดฟันแล้วกลืนเลือด เชิดหน้าแล้วยิ้ม ปัญหาอะไร เก็บไว้ในใจ รับรู้และเรียนรู้ว่าจะต้องปรับเปลี่ยนอะไร บอกเล่าเก้าสิบ ชีวิตการทำงานของเราไม่ได้สบายอย่างที่หลาย ๆ คิดนะครับ แล้วคนอ่านหละครับ ได้เรียนรู้อะไรจากความโป๊ะป๊ะของเรามั่ง กราบขอบคุณทุกคนที่ร่วมสนุกใน facebook ส่วนตัว ไม่มีใครตอบถูกเลย... อิ อิ Note: เราเขียนแบบรีบ ๆ ยังไม่ได้ proofread เดี๋ยวกลับมาแก้คำผิด 14 October 2017; เป็นการเจอกันตัวเป็น ๆ ครั้งแรกของพวกเรา 3 คน หลังจากที่คุยกันทาง email และคุยกันผ่าน facebook page กันอยู่นาน
ก็เป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น (หรือเปล่านะ เราไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวใช่มั้ย) Apr 2018 เรากับครอบครัว ก็ไปเยี่ยมพี่เค๊านะ ขับรถไปจาก Mellbourne และ 2-3 ปีที่ผ่าน เราก็แวะไปหาพี่เขาอีก แต่คราวนี้ไปคนเดียว ขับรถไปจาก Wollongong เลย คนในครอบครัวก็ไม่ใช่ แต่ก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเสมอมา พี่เค๊าคือ 200 คนแรก ๆ ที่เข้ามาติดตาม page "J Migration Team" ของเรา และทุกวันนี้ก็ยังคงติดตามและติดต่อพูดคุยกันหลังไมค์ตลอด พี่เค๊าคืออีกหนึ่งฟันเฟืองที่แนะนำลูกค้ามาให้เราเยอะมาก ถึงมากที่สุด พี่เค๊าเป็นคนแรก ๆ เลย เมื่อปี 2015/2016 ที่ช่วยแนะนำลูกค้า "ปากต่อปาก" กันมา ทั้ง ๆ พี่เขาก็ไม่ได้อะไร ครอบครัวเรา 4 คน เป็นหนี้บุญคุญของพี่ ๆ ตลอดไปนะครับ Note: ก่อนลงรูป เราขออนุญาตแล้ว ตั้งแต่ 2017 :) จากที่โพสต์ไปเมื่อวันก่อน ว่าสำหรับปี 2023 เราก็แค่ต้องการอีกแค่ 2 cases ใหญ่ มันจะถึงโควต้า หรือตัวเลขของจำนวน case ที่เราต้องการทำ "ที่อยู่ในใจ"
มันเป็นตัวเลขที่เราได้มาตั้งแต่ประมาณปี 2017 แล้ว และทุก ๆ ปีก็ hit this number เรื่อยมา ไม่ต้องการมากไปกว่านี้ แค่นี้ก็ OK แล้ว เมื่อเรา hit the target แล้ว (13 Oct 2023) เวลาที่เหลือหลังจากนี้จนสิ้นปี ก็ไม่เป็นไร อย่างที่บอก ต่อให้ Nov จะได้ทำ 0 case ก็ไม่เป็นไร ต่อให้ Dec จะได้ทำ 0 case ก็ไม่เป็นไร เชื่อเถอะ ต่อให้ปิดทำการ Dec & Jan เราก็จะยังมี case หยิบหย่อยให้น้อง ๆ ทำอยู่ ไม่ต้องห่วง Dec ก็คงเป็นการ clear case เก่า ๆ ให้หมด Jan ก็คงเป็น heal ใจ heal ร่างสำหรับทุก ๆ คน โน่นแหละ กับมารับงานอีกที 01 Feb 2024 ก็จะยังคง checks email ทุกวัน ทีมงานก็ยังติดต่อได้ทั้งทาง email และ WhatsApp ก็จะเป็นอะไรที่ "เล็ก ๆ เฉพาะคนรู้ใจ" สรุปก็ปิด job ของปี 2023 อย่างสวยงาม เมื่อวันที่ 13 Oct 2023 คำว่า "พอ" ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับเรา เรา "พอ" แล้ว แค่เรา live comfortably เราก็ OK แล้ว ไม่ต้องอะไรเวอร์วังมาก แค่ไม่เดือดร้อนก็พอ มีจุนเจือคนรอบข้างบ้าง อันนั้นก็คือ bonus ของชีวิต ถ้ามีเงินเข้ามาเพิ่มช่วง Nov & Dec ก็ถือว่าดีไป เราก็จะได้เอาไปทำ project อะไรอย่างอื่น อะไร ใด ๆ ทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ ก่อนทำ project อะไร ก่อนตัดสินใจอะไร มันคือการตัดสินใจร่วม ชีวิตครอบครัวจะได้ไม่มีปัญหา สำหรับคนที่ follow เราใน facebook ส่วนตัว (ที่เปิดเป็น public) ก็คงจะพอเห็นอยู่บ้างว่า ปี 2024 เรามี project อะไรบ้าง ทุก project ต้องการผ่านคุยกัน 2 คนกับภรรยา ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่ต้องการบันทึกเรื่องราวของชีวิต บอกเล่าเก้าสิบ และเป็นกำลังใจให้กับหลาย ๆ คนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวกัน เราก็เป็นมดตัวน้อย ๆ ตัวหนึ่งที่ Wollongong ที่สร้างเนื้อสร้างตัว เริ่มจาก "0" จริง ๆ เริ่มจากสมองและสองมือที่มี ทำเองทุกอย่าง เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ ต้องการปรึกษาอะไร ทักเข้ามาได้ ทุก ๆ ปีเรามีตัวเลขที่อยู่ในใจว่าจะต้องทำ case นั้น case นี้ ได้กี่ case
สำหรับเราก็คือ "target ที่อยู่ในใจ" แหละ เดือนนี้ ก็แค่ October เอง แต่ถ้าเราได้ทำอีก 2 cases เราก็ถึงโควต้า หรือ "target ที่อยู่ในใจ" แล้วทั้งปี ต่อให้ Nov: ได้ทำ 0 case ก็ไม่เป็นไร ต่อให้ Dec: ได้ทำ 0 case ก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องหางานให้น้อง ๆ ทีมงานแหละ ไม่ต้องห่วง ก็จะพักกันแค่ Dec & Jan ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ นะครับ เงินทองไม่ได้หล่นลงมาจากฟากฝ้า คนใกล้ตัวเราจะรู้ว่าเราทำงานกันหนักขนาดไหน ส่ง email หากันรัว ๆ บาง case เข้าเนื้อก็มีเยอะแยะ ก็ใจดีเกินไง!!! อะไร ใด ๆ อีก 2 case นะครับ สำหรับปีนี้; 2023 ก็จะได้ปิดยอดอย่างสวยงาม ฮึบ!!! Trip 1 week เต็ม ๆ ที่ Brisbane ที่ผ่านมา เรามีคนช่วยดูแลเรื่องอาหารให้ ตั้งแต่วันแรกที่ check-in ที่ hotel เลย จนถึงวันที่ check-out ทั้งหมดก็ 7 วันพอดีเป๊ะ
3 วันแรก ภรรยาเราเข่าเจ็บ เขากับลูกสาวก็ทานเรากับบ้าง เอาจริง ๆ นะ ลูกสาวทานอะไรง่าย ๆ พวก sushi จาก corner store ด้านล่างอยู่แล้ว พอวันที่ 4 เข่าภรรยาเริ่ม OK เริ่มเดินไปทานนั่น นี่ โน่นกับเพื่อน ๆ เขา dance mums ทั้งหลาย พวกเรามากัน 7 ครอบครัว การแข่งขัน dance ครั้งนี้ที่ Brisbane แต่ส่วนตัวเรา 7 วันเต็ม ๆ ก็มีแค่คืนวันเสาร์นะครับ ที่เราออกไปทานอาหารข้างนอก ออกไปกันเป็นครอบครัว ที่เหลือนอกนั้นตัวเราก็ทานที่ hotel ตลอด และวันที่ทำงานที่ office ที่ Brisbane เราก็ห่อไปทานที่ office หรือน้อง ๆ ก็ทำอะไรมากินกันที่ office มีซื้อกินแค่ 1 มื้อกลางวันแค่นั้นเอง เราไม่ได้งกเงินกับการกินอาหารนอกบ้านนะครับ ค่อนข้างจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำคือ ถ้าทานนอกบ้าน เราก็ไม่ได้มี budget อยู่แล้ว อยากกินอะไรก็กินได้ แต่เราเป็นคนไม่ชอบทานอาหารข้างนอกครับ นอกจาก speical occasion จริง ๆ ที่ต้องเจอคนนั้นคนนี้เท่านั้น ถ้าต้องทานกับครอบครัวหรือทานคนเดียว ก็ทานที่บ้าน หรือถ้าเดินทางก็ทานที่โรงแรมแบบนี้ดีกว่า สาเหตุเพราะ: - เรื่องเวลาที่มันเสียไปกับการเดินทาง การแต่งตัว การไปนั่งรออาหาร - จริง ๆ แล้วเราทานอะไรก็ได้ ทานได้หมด แต่ถ้าเลือกได้ อาหารบ้าน ๆ น้ำพริก ผักลวก ลวกผัก ลวกเห็ด อาหารแบบนี้อร่อยถูกปากมากกว่า อาหารหรูหราหมาเห่า เราก็ทานมาหมดแล้วครับ แทบทุกเมืองที่ไป ก็เฉย ๆ ไม่ได้ fancy อะไรกับมันมาก อาหาร "สังคมนิยม" เราโชคดีที่ Brisbane มีน้องอาสาเป็น catering ให้ ก็เลยสบายตัว สบายท้องเพราะเน้นแต่ผัก เราไม่ใช่ vegetarian นะครับ แต่ถ้าเลือกได้ ก็นี่แหละ ขอเลือกผัก ดีที่สุด เป็น 1 trip ที่เราตัดปัญหาเรื่องอาหารออกไปได้ ครอบครัวเราเป็นครอบครัว free style ที่ไม่ต้องทำอะไรด้วยกันตลอด หรืออยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราชอบอาหารแบบนี้ เราก็กินแบบนี้ที่ hotel ส่วนลูกกับภรรยาเขาก็พากันไป Southbank นั่น นี่ โน่นกัน ก็ไม่เป็นไร ก็แยกกันกินได้ เรา + ภรรยา + ลูกสาว พวกเรา 3 คนไป Southbank กันบ่อยแล้วครับ เพราะลูกสาวมาเรียน ballet ทุก ๆ ปิดเทอมที่ Brisbane เป็นระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา แต่ลูกชายเรายังไม่เคยไป พอลูกชายบินมาสมทบวันศุกร์ เที่ยงวันเสาร์ แม่ + ลูกลิง 2 ตัวก็เลยพากันไปเดินเล่นที่ Southbank ส่วนเราก็นั่งทำอะไรของเราไปที่ hotel เพราะมี email มีอะไรที่ต้องตอบเยอะ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ ก็ต้องแบ่งกันทำ แยกย้ายกันทำ ไม่ต้องตัวติดกัน 4 คนตลอดเวลา ตกเย็นวันเสาร์ พวกเราค่อยออกไปทานอะไรด้วยกัน as a family ก็แค่นั้นเอง หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า "แหม มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ มีคนทำกับข้าวมาให้ที่โรงแรม" hmmmm.... แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนที่เลือกที่จะมองนะครับ ไม่มีถูก ไม่มีผิด แต่สำหรับเรา "ไม่มีเวลา" ก็คือไม่มีเวลาจริง ๆ และอยากจะเอาเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นที่มัน productive กว่าการที่ต้องออกไปทานอะไรข้างนอก แค่นั้นเองเลยจริง ๆ ขอบคุณ supporting team ที่ส่งข้าวส่งน้ำ เปิดตู้เย็นมาที่ hotel (suites) มันรู้สึกอื่นใจที่มีของกินเต็มตู้เย็น นี่คืออีกหนึ่งสาเตุที่เรายอมจ่ายค่าที่พักแพง จ่ายเป็น suites ไปเลย จะได้มี facilities นั่น นี่ โน่น ปีหน้า ลูกลิงตัวเล็กต้องไปเรียน ballet อีก คราวนี้ได้ scholarship มา 2 weeks แต่คราวหน้า น่าจะพักแถว West End เพราะ academy ที่จะไปเรียนอยู่แถวนั้น ที่พักมา BBQ ที่ roof top.... เผื่อ "inner-circle"ชาว Brisbane สนใจ ปีหน้า ชาว West End เจอกันนะครับ จะไปกันยาว ๆ เลย 2 weeks :) Once again, ขอบคุณอาหารที่ prepared with love. See you next year; Brisbane (West End) ในวันที่เกิดเรื่อง emergency
ในวันที่ใครบางคนมี dietary requirement ที่ค่อนข้างพิเศษ เราคุยกันต่างรัฐ คุยผ่าน WhatsApp กับน้อง ๆ ว่าต้องนั่น นี่ โน่น; 1-2-3-4 ทันทีที่ touch down และ check-in ที่โรงแรม น้องก็เอาอาหาร dietary requirement มาส่งทันที มันทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่บนโลกใบนี้ เราไม่ได้สู้ปัญหากันเพียงลำพัง เสาร์ 30 Sep 2023; 8:45am
อาจจะเป็นการพบปะ เมาส์มอย สั้น ๆ แค่ 1 hr เท่าที่เวลามี แต่ทุกครั้งที่ได้เจอกันตัวเป็น ๆ มันก็มีความสุขเสมอ เป็น "ทีม" ที่ "ศีลเสมอ" เป็นกลุ่มคนพลังงานบวก ๆ อยู่แล้วมีความสุข ทุกครั้งที่เจอกันตัวเป็น ๆ idea ต่าง ๆ project ต่าง ๆ ก็ชอบผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ทีมเงยหน้าไม่อายฟ้า ทีมไม่หลับไม่นอน ทีมร้อยแปดพันเก้า project ทีมที่กลายเป็น "ครอบครัว" ไปแล้ว รักที่สุด สุดที่รัก ลูกลิงทั้ง 2 ของเราเริ่มโต เด็ก ๆ เริ่มเดินทางเองคนเดียว บินไปโน่นมานี่คนเดียวได้ ต่อไปถ้าบินมา Brisbane เราค่อนข้างอุ่นใจในระดับหนึ่ง เราค่อนข้างอุ่นใจว่า ถ้าลูกลิงต้องมาทำธุระอะไรที่นี่ ถ้าเผื่อเราติดธุระ หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เหมือนเรามี "ครอบครัว" ที่ Brisbane ที่คอยสอดส่องน้อง ๆ หลาน ๆ ได้ ชีวิตเป็นสิ่งเปราะปราง จะเกิดอะไรกับใครเราไม่รู้ อย่างน้อยกลุ่มคน "เล็ก ๆ เฉพาะคนรู้ใจ" ที่ Brisbane เราก็ไว้ใจได้ สามารถขอความช่วยเหลือเหมือนคนในครอบครัวได้ โดยเฉพาะลูกลิงตัวเล็ก ตารางบินมาอีกละ daddy หาเงินไม่ทัน หรือลูกลิงตัวโต คนนี้เขาเดินทางคนเดียวได้แล้ว เผื่อปิดเทอมจากมหาลัย เผื่อจะบินหรือมี roadtrip มาแถว Brisbane daddy ก็จะได้มี "นักสืบจำเป็น" คอยแอบดูพฤติกรรมของน้องได้!!! คนนี้เริ่มมี roadtrip กับเพื่อนบ้างแล้ว ช่วงปิดเทอมของ UNSW ขอบคุณจักรวาลที่เหวี่ยงให้เรามาเจอกัน ดีใจที่ได้ทำ project อะไรหลาย ๆ project ด้วยกัน และ hopefully, there will more projects to come LOVE... you know who you are :) R U OK? Day คือวันที่ 14 Sep
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าทุกวัน ๆ ควรจะเป็น "R U OK?" Day นะครับ เพราะมันเป็นอะไรที่สำคัญมากเลย การสร้าง awareness เกี่ยวกับ mental health หลาย ๆ คนมองข้ามเรื่องนี้ไป หลาย ๆ คน take it for granted เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เราเป็นพวก ignorance เพราะมันเป็นเรื่องไกลตัว ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา แต่พอเราได้ทำงานตรงนี้จุดนี้ไปนาน ๆ ได้สัมผัสหลากหลายชีวิต หลากหลายครอบครัว จากความคิดอันตื้นเขินของเรา ตอนนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ เราเคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้ว 2-3 รอบใน 3-4 เดือนที่ผ่านมา ก็ลอง ๆ ไล่อ่านดูนะครับ ความเครียดและเรื่องวีซ่ามันมาคู่กัน ความคาดหวังและความเครียดมันก็มาคู่ ๆ กันเหมือนกัน เราอาจจะทำอะไรมากไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็น "listening ears" นะครับ เป็นผู้ฟังที่เห็นอกเห็นใจก็พอ ไม่ต้องพูดไม่ต้องออกความเห็นอะไรมาก เพราะเราไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ เป็นแค่ shoulder ให้เขา lean on เป็น "กระโถนไร้ก้น" ให้เขาได้ระบาย ส่วนใครที่ตกอยู่ในภาวะอะไรก็ตามแต่ ปรึกษาหมอนะครับ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญนะครับ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เสาร์-อาทิตย์ลอง unplugged yourselves ดูนะครับ ลอง social detox ดูนะครับ มือถือลองเปิดเป็น flight mode บ้างนะครับ ไม่ต้องรับทุกสายที่เข้ามาก็ได้นะครับ ช่วยได้เยอะ หากต้องการใครซักคนคุยด้วย โทรไปที่ Life Line ได้นะครับ Ph: 13 11 14 24 hr x 7 days ขอล่ามได้ |
AuthorJohn Paopeng Archives
June 2024
Categories |