Richard Brandson (เจ้าของ Virgin Group) เป็นคนไปไหนมาไหนต้องมีสมุด Note Book พกไปด้วยเสมอ เพราะบางทีเขาอาจจะมีความคิดอะไรฉุกคิดขึ้นมาตอนไหน เขาก็จะจด
ปี 2018 เราก็เลยเริ่มมี note book พกกับเขาบ้าง เอาใส่ไปไหนมาไหนกับกระเป๋าของคอมพิวเตอร์ laptop ด้วย เวลาไปไหนมาไหน เวลาอ่านหนังสือ ชอบข้อความไหน เราก็จะจดเอาไว้ นั่นคือ 2018 เวลาดู facebook LIVE ของใครที่เราชอบ หรือดู YouTube ของใครที่เราชอบ เราก็จะจดเอาไว้ ด้านหลังจะใช้เป็น take note เวลาลูกค้าเข้ามาคุย เข้ามาปรึกษา ก็ใช้ไปจนหมดเล่ม เริ่ม 01 Jan 2019 เราก็เลยซื้อ A4 Note Book มาใช้เป็นกิจลักษณะไปเลย หน้าแรกเราเขียนเป้าหมายชีวิต (Life Goals) ของเราเอาไว้ เขียนเอาไว้เมื่อ Jan 2019 และก็เขียนเฉพาะหน้าแรก เริ่ม 01 Jan 2019; ในวันที่เหนื่อยหรือหมดกำลังใจ เราก็จะเอา A4 Note Book เล่มนั้นมาเปิดอ่านหน้าแรก เพราะมันมี Life Goals ของเรา นาน ๆ จะเปิดอ่านที ไม่ได้อ่านทุกวัน อ่านเพื่อให้กำลังใจตัวเอง อ่านเพื่อตอกย้ำให้กับตัวเองว่าสิ่งที่เราทำไปอยู่ทุก ๆ วัน เราทำไปเพื่ออะไร ในสมุด A4 Note Book หน้าแรกของเรานั้น เราเขียนเป้าหมายชีวิตเอาไว้ 9 ข้อ เป้าหมายชีวิตก็ต้องมีการกำหนดเวลาด้วย ถ้าไม่มีการกำหนดเวลา มันก็จะเป็นแค่ "ความฝัน" เป้าหมายบางเป้าหมายก็ทำสำเร็จแล้ว เราบางอันก็วางเป้าเอาไว้ว่าภายใน Dec 2019 เราต้องการอะไรบ้าง อยากทำอะไรให้สำเร็จบ้าง เป้าหมายของเราหลาย ๆ อย่างก็เป็นเรื่องการลงทุน และการใช้ชีวิต เรื่อง se-mi retire หรืออีกกี่ปีจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนบ้าง เพราะเราเป็นคน 3 ประเทศ; Thai, Australia & Singapore บางเป้าหมายก็พูดถึงการเรียนด้วย เพราะเราชอบเรียนหนังสือ เป็นเด็กเรียนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ปีนี้เราก็ได้มีโอกาสฟัง audiobook ของ Brian Tracy; "One Million Dollar Habits" Brian Tracy เขียนหนังสือเยอะมาก ลอง search ดูใน Google ได้ Brian Tracy แนะนำว่าให้ลองเขียนเป้าหมายชีวิตของเราดู เขียนทุก ๆ วัน ทุก ๆ เช้า แล้วให้มีสมุด Note Book เล่มหนึ่ง ตื่นเช้ามาทุก ๆ วัน ให้เขียนและลอกเป้าหมายชีวิตนั้น ๆ นั้นวันละหน้า เพื่อมันจะได้ซีมซับเข้าไปที่จิตใต้สำนึก; subconcious ของเรา hmmm... เราก็คิดว่ามันไม่มีอะไรเสียหายนะ จะลองทำดูก็น่าจะได้ จะได้เป็นการตอกย้ำเป้าหมายอะไรต่าง ๆ ของเรา เพราะที่ผ่านมา เราก็แค่เปิดอ่านเฉย ๆ คราวนี้จะต้องเขียนและคัดลอกทุกวันเลย ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะ OK เพราะตอนที่เขาเขียนเป้าหมายเอาไว้เมื่อ 01 Jan 2019, เราก็เขียนเอาไว้ 9 ข้อ อาทิตย์ที่แล้วก็เลยไปที่ OfficeWorks แล้วซื้อสมุด A5 Note Book มาเล่มหนึ่ง ก็เป็นการลงทุนกับชีวิตด้วยราคา $7.29 มันไม่มีอะไรที่จะต้องเสียจริง ๆ จ๊ะ ลองทำดู สมุดเล่มนี้มี 300 หน้า ปรกติเราเป็นคนเขียนหนังสือหน้าเดียว (นิสัยส่วนตัว) เพราะไม่ชอบพลิกหน้าสมุด อีกด้านก็เดี๋ยวเขียนด้านหนึ่งเสร็จแล้วก็ค่อยพลิกกลับหัวกลับหาง แล้วเขียนไล่มาใหม่ สมุด A5 Note Book เล่มนี้ มันจะไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย นอกจากไอ้เป้าหมายชีวิตอะไรของเรานั่น เขียน ๆ ไปก็อาจจะเปลี่ยนไปบ้าง เพราะบางอัน เราก็ทำได้แล้ว ก่อน Dec 2019 สาเหตุที่ต้องไปซื้อสมุด Note Book เล่มใหม่เพราะที่เรามีอยู่ตอนนี้ มันเป็นเล่ม A4 ใหญ่เทอะทะ ไม่คล่องตัว ตอนนี้ก็เลยเปลี่ยนมาเป็น A5, มันเอาใส่กระเป๋าคอมพิวเตอร์ได้ง่าย เอาติดตัวง่ายเวลาเดินทางด้วย เหมือนเล่ม pocket book อะไรประมาณนี้ ขนาด Richard Brandson เขายังมีสมุด note book เลย เวลาไปไหนมาไหน เราจะมีบ้างก็คงไม่ผิดใช่มั้ย :) ใครจะลองเอาไปปรับใช้ ก็ทำได้นะครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ :) ที่ NSW อาทิตย์ที่ผ่านมาก็เป็น school holidays
ธุรกิจร้านอาหารและ hospitality industry โดนมรสุมกันเยอะช่วง covid19 ช่วงปิดเทอมแบบนี้ เราก็ขอเอาใจช่วยผู้ประกอบการ hospitality industry ทุกท่าน ทั้ง big or small scale ช่วง Covid-19 ร้านอาหารอะไรต่าง ๆ ก็บอบช้ำมากันมากแล้ว เราเห็นใจผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารทั้งหลาย ช่วงปิดเทอมแบบนี้ ปล่อยให้พวกเขาได้ทำเงินกันบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย ถ้าลูกค้าที่ไปทานอาหารที่ร้านอาหาร ถ้าอาหารไม่อร่อยหรือบริการไม่ดี ลูกค้าก็แจ้งกับเจ้าของร้านโดยตรง ไม่ต้องออกสื่อโซเซียล หรือถ้าพนักงานบริการไม่ดี ก็สูดลมหายใจลึก ๆ เข้าปอด เพราะบางทีเราก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว และก็คิดซะว่าเด็ก ๆ ยังด้อยประสบการณ์ชีวิต ผ่านโลกมาน้อย ถ้าจะ complain ให้ complain ไปที่เจ้าของร้านโดยตรง ไม่ต้องไปลงที่เด็ก ไม่ต้องออกสื่อโซเซียล โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา เราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ไปทานอาหารที่ cafe ที่ออกแนวฝรั่ง อยากทานเผ็ดใช่มั้ย ได้เลย พกพริกไปเองสิ นี่มัน cafe ออกแนวฝรั่ง อย่าคิดเพียงแค่ว่าเป็นร้านคนไทย หรือพนักงานเสริฟเป็นคนไทย อาหารไม่อร่อย ก็ไม่ต้องกลับไปกินสิ ใครจะว่าอะไรเธอ พนักงานบริการไม่ดี ก็ไม่ต้องกลับไปกินสิ ใครจะว่าอะไรเธอ จะเอามาออกสื่อเพื่ออะไร ว่างจัดหรือไง?? เว้นที่ว่างที่พวกเขาได้หายใจบ้าง ปล่อยผ่านเพื่อให้พวกเขาได้มีที่ยืนบ้าง เอาเวลาของ you ไปทำมาหากินดีกว่ามั้ย พวก blogger review อาหารมีเยอะแล้ว ป้า ๆ ไม่ต้อง อยากกินอาหารอร่อย ถูกปาก ให้ทำกินเองที่บ้าน…. มันอาจจะเป็นแค่ soy latte ที่ธรรมดามาก
มันอาจจะเป็นแค่ soy latte ที่ไม่ได้ทำมาจาก Barista มือ top ๆ มันอาจจะเป็นแค่ soy latte ที่ไม่ได้มาจากร้าน cafe สุดฮิปในเมือง แต่มันคือ soy latte ที่ทำด้วยใจ แต่มันคือ soy latte ที่เสริฟด้วยเด็กที่คิดว่าเรียน primary school อยู่เลย ช่วง school holiday เขาก็คงมาช่วยคุณพ่อคุณแม่ family business กับช่วง Covid แบบนี้ที่ธุรกิจการท่องเที่ยวและ tourism โดนกระทบกันมาก ร้านอาหาร ร้าน cafe โดนกันเยอะ กับ soy latte ที่แสนจะธรรมดา แต่เสริฟด้วยเด็กนักเรียนประถมตัวกระเปี๊ยกน่ารักมาก ช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงาน มันคือ service with love มนุษย์เราบางทีก็ต้องมองข้ามจุด ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ กัน ยิ้มให้กันเยอะ ๆ กล่าวคำว่า "ขอบคุณ" ให้กันบ่อย ๆ อาหารอร่อยก็ไม่ต้องโพสต์ ก็ไม่มีใครว่า อาหารไม่อร่อยก็ไม่ต้องประจาน ก็ไม่มีใครว่า โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา มองคนรอบข้าง ทุกเหตุการณ์ด้วยความเมตตา ชีวิตไม่ต้อง perfect ไปหมดซะทุกอย่าง มองข้ามอะไรไปบ้าง ก้าวข้ามอะไรไปบ้าง แล้วชีวิตจะมีความสุข ที่นี่ที่ไหน... Note: เลือกดื่มกาแฟนานแล้ว ตั้งแต่ Nov 2017 แต่วันนี้พี่ขอละกัน oops..... :) Piction Rd, เราใช้ถนนเส้นนี้บ่อย
ช่วงที่เป็นอาจารย์สอนก็ต้องขับผ่าน Piction Rd ทุกวัน เช้า-เย็น สมัยก่อนมันขับได้แค่ 80km & 90 km เอง ตอนนี้ถนนก็ทำให้ดีขึ้นแล้ว จากที่คดโค้ง ก็ทำให้ตรงมากขึ้น Engineer เราทำได้ทุกอย่าง และก็มีการขยายถนนบางส่วน ตอนนี้พื้นถนนดีมาก สามารถขับได้ 90km & 100km เราคิดว่าขับได้ 90km, 100km ก็ดีอยู่แล้ว และถนนก็เพิ่งปรับปรุงไปเอง พื้นถนนดีมาก และก็มีรั้วกั้นไม่ให้สัตว์ป่าเดินข้ามถนนมาด้วย จะได้ไม่มี road kill ตอนนี้เราก็ใช้ถนนเส้นนี้ในการไปวัด จาก Wollongong ไปวัดป่าที่ Wilton มันแค่ 25 นาทีเอง บางทีเราไม่ต้อง plan อะไรมาก นึกอยากจะไปก็ขับรถไปเลย แป๊บเดียวเอง แต่ช่วง Covid-19 เราก็ไม่ค่อยได้ขับรถไปไหน ไม่ค่อยได้ไปวัด พอ Covid-19 เริ่มคลายตัว อ้าว... บางส่วนของ Piction Rd กำลังมีการขยาย เฮ้ย ทำทำไมเนี๊ยะ ที่เป็นอยู่ปัจจุบันมันก็ดีอยู่แล้ว แค่นี้เราก็ไปบุกรุกป่าพอแล้ว ภูเขาและธรรมชาติดี ๆ เราคิดว่าน่าจะเก็บและอนุรักษ์เอาไว้นะ ปล่อยให้ธรรมชาติ และสัตว์ป่าเขาได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขบ้าง จริง ๆ แล้วภูเขาและป่าพวกนี้มันเป็นของสัตว์ป่า พวกเราไม่ใช่เจ้าของ การที่พวกเราไปขยายถนน ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้จำเป็นอะไรเลย ที่เป็นอยู่มันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็น highway ขับกัน 110km หรอกมั้ง เราไปวัดคราวก่อน ก็เพิ่งจะสังเกตเห็น รู้สึกเศร้านะ ทำไมคนเราจะต้องทำลายป่า ทำลายธรรมชาติเพียงเพราะเพื่อทำให้สิ่งที่เราต้องการ ทำในสิ่งที่เราอยากได้ แค่นี้เองเหรอ สัตว์ป่าและธรรมชาติพวกเขาไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอะไร พวกเราก็ไปเอาเปรียบพวกเขาอย่างนั้นเหรอ That's very sad นะ มาละ P' J สาย green & clean เมื่อธุรกิจและหน้าที่การงานกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
คนเราก็อาจจะบ้าคลั่งไปกับการทำงานก็ได้ ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะนั่นคือโอกาสทางธุรกิจ มันอาจจะเป็นช่วงตักตวงของชีวิตก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างต้องเดินทางสายกลาง ตั้งอยู่บนความพอดี ใครบอกว่าเป็นเจ้าของธุรกิจสบาย มันต้องทำงานหนักจ๊ะ ทุกอย่างไม่ได้มาง่าย ๆ ทุกอย่างมันแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและแรงงาน เงินไม่ได้หล่นลงมาจากฟากฟ้า กับใครบางคนที่ทำงานแทบจะ 7 วัน หยุดแค่วันอาทิตย์ แต่บางอาทิตย์ก็ยังต้องแอบตอบ email ลูกค้าบ้าง อะไรบ้าง มันไม่ง่ายหรอกนะ 9am - 9pm, 6 days a week ลองมั้ยหละ 72 hr ต่ออาทิตย์ แต่ตอนนี้เราก็ลดเวลาทำงาน นั่น นี่ โน่น ลงไปแล้ว ตามที่เราทำ podcast ไปนั่นแหละ ขอบคุณทีมงานทั้งมือซ้ายและมือขวาและทุกคนที่ยืนเคียงข้างกันมา ก็เพราะทุกอย่างมันต้องมีจุดเริ่มต้น ทุกสิ่งอย่างของชีวิต เมื่อเริ่มต้นใหม่ ๆ มันก็จะยากเสมอ ทำงานหนักตอนเริ่มต้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Bill Gates, Steve Jobs, หรือ Jack Ma ทุกคนเป็นหมด ลองไปอ่านชีวประวัติของคนเหล่านี้ดู เมื่อทุกอย่างเริ่มลงตัว เราก็เริ่มสบาย เหมือนการปลูกต้นไม้ พรวนดิน บำรุงรักษา แล้วรอเก็บเกี่ยว เมื่อเราทำงานหนัก ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย แบ่งเวลาให้กับคนรอบข้างด้วย บอกรักคนข้างกายทุกวัน บอกรักหรือแสดงความห่วงใยของคนที่ไกลตัวอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง สมัยนี้มันทำได้ง่าน ผ่านเทคโนโลยีอะไรต่าง ๆ นานา เมื่อทุกอย่างเริ่มลงตัว ก็อย่าลืม step back แล้วก็ relax บ้าง เพื่อที่เราจะได้มีเวลาไปทำอะไรของเราอย่างอื่นด้วย ไม่ใช่มัวแต่เอาเวลาของเรา ค่าชีวิตของเราไปแลกกับอะไรก็ไม่รู้ สุดท้ายแล้วจะคุ้มหรือเปล่า เรายังไม่ใจเลย กับของนอกกายและเงินทองที่มี ไม่ต้องมีเยอะก็ได้ เอาแค่อยู่แบบไม่เดือดร้อน ไม่เป็นหนี้ ไม่สร้างหนี้ก็พอแล้ว จัดการเวลาทำงานของตัวเอง และเหลือเวลาเพื่อที่จะทำอะไรของตัวเองด้วย แต่ละคนมีความชอบหรือความต้องการในชีวิตที่แตกต่างกันออกไป โดยส่วนตัวแล้ว เราก็อยากมีเวลามาทำ content ของเรา เขียน blog บ้าง ทำ podcast บ้าง เขียน ebook บ้าง นั่น นี่ โน่น ของพวกนี้ไม่ต้องมีผลตอบแทนอะไรมาทางด้านวัตถุหรือเงินทอง เราไม่ได้เดือดร้อนอะไร เราทำเพราะใจรักมากกว่า เขียนหนังสือโดยที่ไม่มีคนอ่าน ทำ podcast โดยที่ไม่มีใครฟัง วาดรูปโดยที่ไม่มีคนดู ก็เพราะมันคือ ikigai มันคือความหมายของการมีชีวิตอยู่ ชีวิตนี้เราผ่านอะไรมาแล้วเยอะแยะมากมาย เจอะเจอทุกคนมาแล้วทุกรูปแบบ โดนหลอกใช้มาแล้วก็เยอะ ทุกวันนี้เราไม่ต้องการที่จะสุงสิงอะไรกับใคร รู้หน้าไม่รู้ใจ แต่เราก็ไม่คิดที่จะไป "รู้ใจ" ใครคนอื่น ชีวิตทุกวันนี้ก็ขอแค่ "รู้ใจ" ตัวเราเอง ละบาป ลดชั่ว ทำดี ก็พอแล้ว กับวัยวุฒิที่มันเพิ่มมากขึ้น กับหัวที่มันก็เริ่มหงอก ริ้วรอยก็เริ่มเด่นชัด กับประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านอะไรมาแล้วเยอะแยะมากมาย กับเรื่องราวของชีวิตที่มันเกิดขึ้น สมัยก่อนเมื่อยังละอ่อน เราจะคิดจะทำอะไรก็ต้องแคร์ความรู้สึกและสายตาของคนอื่น นั่นมันความคิดเมื่อยังละอ่อน ตอนนี้ไม่แล้ว อายุเราก็ขนาดนี้แล้ว ชีวิตทุกวันนี้เราไม่ต้องการอะไรมาก พยายามที่จะไม่สร้างกรรมอะไรต่อใคร ชีวิตทุกวันนี้เราเน้นครอบครัวของเราเป็นหลัก อะไรที่เหลืออย่างอื่นก็ไม่สำคัญ "inner circle" มาก่อนเสมอ หากโลกจะแตกวันนี้ก็ไม่เป็นไร เราได้ทำหน้าที่อะไรของเราหมดทุกอย่างแล้ว หน้าที่ของคนเป็นลูก หน้าที่ของคนเป็นหลาน หน้าที่ของพี่ชาย หน้าที่ของลุง หน้าที่สามี หน้าที่ของพ่อ หน้าที่ของผู้นำของครอบครัว เราคิดว่าเราทำอะไรหมดแล้ว ไม่มีอะไรติดค้าง ไม่มีอะไรค้างคา เราพร้อมที่จะไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั่น ไม่เร่งผล ไม่กังวล วันนี้เราพร้อมแล้ว แล้วท่านหละ พร้อมหรือยัง |
AuthorJohn Paopeng Archives
January 2025
Categories |