กับหน้าตาที่ดูเหมือนเย็นชา เหมือน "ชานมเย็น"
ก็เราเป็นของเรามาแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็อาจจะเป็นเพราะ เราไม่ต้องการวุ่นวายหรือสุงสิงอะไรกับใคร หยิ่งหรือเปล่า เราไม่รู้ แต่ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร จะให้เดินก้มหน้า เราทำไม่เป็น แต่ก็เลือกที่จะใช้รูปตัวเองในการออกสื่อ ในการ post เกี่ยวกับวีซ่า subclass ต่าง ๆ ถ้า Oprah Winfrey ใช้รูปตัวเองออกหน้าปกนิตยสาร "O" ทุกฉบับ เราก็ใช้รูปตัวเอง พูดถึงวีซ่าทุก subclass ด้วยเช่นเดียวกัน (รูปหมด stock ไปแล้ว ไม่มีเวลาฉ่าย) อากาศที่สูง มันเย็นสบาย กับงาน "J Migration Team" ที่เราทำ
มีหลาย case มากที่เราทำเรื่องอุทธรณ์ให้ลูกค้า ซึ่งเป็น case ที่มาจากทนายหรืออิมมิเกรชั่นเอเจนท์จากบริษัทใหญ่ ๆ ในเมือง บาง case เป็นอะไรที่ไม่น่าพลาด อย่างเช่นลืม upload รูปร้านอาหาร คือแค่นี้จริง ๆ พอเห็น email ของทนายหรือิมมิเกรชั่นเอเจนท์คนที่ทำเรื่องให้ลูกค้า เราก็พอจะรู้แหละว่ามันมาจากบริษัทไหน เราก็แค่เกิดคำถามขึ้นในใจว่า "ทำไม" คนพวกนี้ไม่เห็นมีใครไป post อะไรในกลุ่ม "เผือก" หรือกลุ่ม facebook group อะไรเลย งงมาก แปลกใจ แล้วทำไมเราโดน ก็เคยมีน้อง "someone" บอกว่า "ไม่ถูกด่าในเผือก ไม่ได้แปลว่าไม่โดนด่าข้างนอก" เออ มันก็น่าจะจริง แต่เราก็แค่สงสัยว่าทำไมคนอื่น บริษัทอื่นไม่โดน หรือเอเจนท์นักเรียนที่เมืองไทย บางคนก็ active มากกับการ comment อะไรต่าง ๆ ใน "เผือก" หรือตามพวก facebook group อื่น ๆ แต่อีกในใจหนึ่งก็ช่างมันเถอะ เขาทำที่อื่นไม่ผ่าน เขาก็มาอุทธรณ์กับเราเองแหละ ยังไงก็ได้ ได้หมดถ้าสดชื่น... หลังจากที่ครอบครัวเราออกตระเวนออกดูบ้านช่วง weekend หลาย ๆ weekend ทีผ่านมา
สิ่งที่เราได้เรียนรู้ก็คือ
พอมันไปบ่อย ๆ ได้ศึกษาบ่อย ๆ มันก็เริ่มมีประสบการณ์ทางด้านนี้นะ :) หลายครั้งเหลือเกินที่คนที่ติดต่อเข้ามาที่เป็นฝรั่ง
ที่มีภรรยาหรือแฟนเป็นคนไทย ส่วนมาก (ไม่ทุกคน) ที่ติดต่อเข้าจะขาดความ "เกรงใจ" ฝรั่งหลาย ๆ คน (ไม่ทุกคน) ชอบคิดว่าเราเป็น "ของตาย" ชอบคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล เอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ บางทีเราก็อยากจะบอกว่า อย่ามองเราเป็นแค่เพียงเพราะว่าเราเป็นคนเอเชีย ฝรั่งพวกที่เป็น bogan ก็เยอะ เราก็พยายามเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ พยายามปล่อยผ่าน เพราะ bogan ก็คือ bogan เราไปเอาอะไรกับเขามากไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่ที่ประเทศนี้มานาน เราจะรู้ดีว่า เราจะไปหาเหตุผลอะไรกับคนพวก bogan แทบจะไม่ได้เลย นอกจาก bogan แล้วเราก็ยังต้อง dealing กับใครบางคนที่มีความคิดเห็นเฉพาะตัว ที่บางทีการศึกษาก็ไม่ได้บ่งบอกอะไรเลย เพราะบางคนก็ทำงานเป็นถึง professional เป็นพวก white collar แต่ก็กลับทำตัวไม่แตกต่างจากพวก bogan ก็มี บางคนก็ email มาจิกอยู่นั่นแหละว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว เรื่องยื่นไปแล้ว มันก็ต้องรอหนะ เพราะเราไม่ใช่ case officer จนบางทีเราก็เลยบอกว่า เอางี้ละกัน "ฉันคืนเงินให้เธอหมดเลย แล้วเธอก็ไปตามเรื่องเอาเองละกัน" แล้วเราก็ให้หมายเลข reference number ให้เขาไปติดต่อ case officer ติดต่อสถานทูตเองเลย เราก็ไม่ได้ปล่อยลอยแพซะเลยทีเดียว ทั้งที่ case นี้เป็น case ที่ไม่มีปัญหาเรื่องเอกสารอะไรเลย เอกสารครบ น้องคนไทยเป็นคนดี แต่เสียดายที่แฟนทำตัวแบบนี้ และการที่เราจะต้องมานั่งดูแล case เขาตั้ง 2 ปี ต้องมา dealing กับ harsh และก็ unfriendly email แบบนี้ เราก็คงไม่เอา เหตุผลง่าย ๆ ของเขาคือ เขาบอกว่า "ถ้าเขา charge ลูกค้าเขาด้วยราคาเท่านี้ เขาก็จะคุุกเข่า เข้าหาลูกค้าเลย" โอ๊ว.... คุณพระ เจอ email เข้าไปแบบนี้ เราก็เลยขอบัญชีธนาคารของเขา แล้วก็โอนเงินคืนทั้งหมด ทั้งหมด 100% เลยจ๊ะ ไม่หักอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องใช้เงินที่ไม่ใช่ "Happy Money" คืนเงินเขาไป ทั้ง ๆ ที่เราก็ยื่นเรื่องให้หมดแล้ว ดูแล case มาก็ประมาณ 8-9 เดือนแล้ว วีซ่าจะผ่านอยู่แล้วเห็น ๆ ถ้ารออีกนิดนะ มันก็เป็นไปตามวาระป๊ะ ตามคิวของ case officer เขาจะให้เราไปเร่งไม่ได้ ถ้าเรา email เข้าไปที่อิมมิเกรชั่น เราก็รู้อยู่แล้วว่าทางอิมมิเกรชั่นจะตอบกลับมายังไง แล้วถ้าใช้คำว่า ถ้าเขา charge ลูกค้าเขาด้วยราคาเท่านี้ เขาจะคุกเข่าเข้าหาเลย แบบนี้ก็ไม่ใช่แนวเราละ มันหมดยุคคุกเข่าละมั้ง จะให้เรามาเป็น "บ่าวของนาย" นั่งตะหมอบตอบขา เราทำไม่เป็นหรอก ตัดไฟเสียแต่ต้นลมตอนนี้จะดีกว่า ดีกว่าที่จะต้องมานั่งดูแล case เขาไปอีก 2 ปีกว่าเรื่องจะจบ ตัดมะเร็งร้ายออกไปจากชีวิต เพื่อที่เราจะได้มีเวลา เอามาดูแลลูกค้า case ที่เขาคู่ควรต่อการดูแล เขาก็คงงงไปเลย ว่า huh คืนเงินหมดเลยเหรอ ใช่จ๊ะ เราคืนหมดเลย 100% ของนอกกาย เราหาเอาใหม่ได้ เราไม่ลงไปเล่นกับ pig เพราะถ้าลงไปเล่นกับ pig มันก็มีแต่จะเปลื้อนโคลน พวกเรา "ทีม J" ไม่ใช่ "ของตาย" จ๊ะ ทุกวันนี้งานเราก็สวนกระแส Covid อยู่แล้ว อยากจะให้คุณภรรยาหรือแฟนที่เป็นคนไทย บอกสามีหรือแฟนของคุณด้วยว่า "ทีม J" ไม่ง่าย อย่ามาคิดเอาเปรียบ เพียงเพราะเราหัวดำ แต่มั่นใจว่าหัวดำคนนี้มีศักยภาพมากกว่าหัวทองหลาย ๆ คน ทีมเราเป็นทีมหัวดำนำทางก็จริง แต่หัวดำคนนี้ก็มีทีมงานที่เป็นหัวทองทำงานให้ถึง 5 ชีวิตเน้อ ไม่ใช่อุจาระ อุจาระ I feel comfortable in my own skin. หรือบางคนที่ติดต่อมาแล้ว ก็ยึก ๆ ยัก ๆ อยู่นั่นแหละ จะทำหรือไม่ทำ ตัดสินใจเป็นเรื่องเป็นราวไปเลยจะดีกว่ามั้ย email มาครั้งแรก เราก็ตอบไปแล้ว email มาครั้งที่ 2 บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาจะทำเอง เพราะเขาคิดว่าเขาน่าจะทำเองได้ email ครั้งที่ 3 บอกว่า ไม่ทำเองละ อยากให้ "ทีม J" ทำให้ เราตอบทุก email ที่เข้ามา hmmmm.... ถ้าติดต่อมาแล้ว ยึก ๆ ยัก ๆ แบบนี้ เราไม่มีเวลาจริง ๆ วันหนึ่งมันมีแค่ 24 hr จ๊ะ เราต้องทำงาน ดูแลลูกค้า ดูแลทีมงาน ถ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ ซึ่งก็ไม่ผิด ทุกคนเปลี่ยนใจได้ แต่มันก็คงผิดสถานที่และเวลา เพราะเราไม่มีเวลาที่จะ deal ด้วยจริง ๆ ต้องกราบขอโทษจากใจจริง ก่อนที่จะติดต่อเข้ามา ผลงานและ profle ของเราอยู่ที่หน้า page แล้ว มันน่าจะช่วยในการตัดสินใจของลูกค้าได้ว่าจะทำ หรือไม่ทำ คุย ๆ อยู่แล้วหายไปเราไม่ว่า แต่ถ้าจะกลับมา กรุณาต่อบัตรคิว ไม่ง่ายหรอกกับการที่ต้อง dealing กับคนร้อยพ่อพันแม่ รู้หน้าไม่รู้ใจ ใครไม่ได้ทำงานหรือยืนในจุดที่เรายืนอยู่ ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง ชีวิตมันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มันเป็นเรื่องปรกติ
เด็ก ๆ หลายคนที่เคยเรียนที่ UOW ที่เคยทำงานกับเราตอนที่เราเปิดร้านอาหาร เมื่อพวกเขาเรียนจบ หลาย ๆ คนก็เข้าไปทำงานกันที่ Sydney หลาย ๆ คนย้ายจาก Wollongong ไป Sydney บางคนก็ไปเติบโตในสายงานที่เขาเลือกทำ มีครอบครัว มีบ้าน เป็นหลักเป็นแหล่งแล้ว บางคนก็ย้ายจาก Wollongong - Sydney - Newcastle หรือคนที่เรารู้จัก บางคนก็ย้ายจาก Sydney ไป Brisbane บางคนก็ย้ายจาก Sydney ไปอยู่เมืองรอบนอก จาก Sydney ไป Mittagong/Borwal/Moss Vale ชีวิต มันคือการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ชีวิตมันก็ต้อง move on กันจริง ๆ ก็เพราะนี่คือ "ชีวิต" ทุกคนก็ move on ไปเพื่อไปเติบโตกัน กับการที่ตะลอนออกไปดูบ้านกัน
เสาร์ที่แล้ว พวกเราก็เห็นบ้านที่คิดว่าเป็น "potential" ที่พวกเราต้องการ และราคาก็อยู่ใน range ที่พวกเราสามารถจัดการได้ เราก็ SMS เสนอราคาไปตามราคาที่เขาโฆษณา เราก็เสนอราคาไปตาม range ที่เขาให้มานั่นแหละ แต่ก็เราก็ range ที่ต่ำที่สุด real estate agent ก็ติดต่อมาว่า มีคนเสนอไปแล้ว 2 คน และ 2 คนก็เสนอกมากกว่าเรา real estate agent ถามเราว่า เราต้องการที่จะเสนอในราคาที่สูงกว่านี้ไหม เราตอบไปว่า "ไม่" เราจะเสนอราคานี้แหละ (เพราะมันก็อยู่ใน range ที่เขาโฆษณา) ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ทุกครั้งที่มีการซื้อขายบ้าน real estate agent จะถามเราเสมอว่าจะ offer ในราคาที่่สูงกว่านี้มั้ย การที่เรา stick to the plan ทำอะไรไม่ต้องรีบ ดีที่สุด real estate agent ก็คือ real estate agent, เขาก็ต้องการขายในราคาที่สูงที่สุด เพื่อที่จะได้ค่า commission ที่สูงที่สุด ดังนั้นบางทีเราก็ไม่ต้องไปคล้อยตามเขาให้มาก บางอย่าง การทำอะไรที่ไม่ต้องรีบมาก ทุกอย่างมีกลไกของมัน demand & supply ก็หาไปเรื่อย ๆ ไม่รีบ แต่ก่อนอื่น ขอไปจัดการเรื่อง pre-approved homeloan ก่อน ธุรกิจช่วง Covid ของหลาย ๆ คนไม่ง่ายนะ
โดยเฉพาะพวกที่มีหน้าร้าน เราเห็นใจทุกคน ร้านอาหารบางร้านก็ต้องปิดตัวถาวร เจ้าของร้านอาหารบางคนก็เอาของเก่าออกมาขาย เจ้าของร้านอาหารบางคนก็ต้องทำอาหารกล่องออกขายในสื่อ online ด้วย ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลยนะ |
AuthorJohn Paopeng Archives
March 2025
Categories |