หลายครั้งเหลือเกินที่คนที่ติดต่อเข้ามาที่เป็นฝรั่ง
ที่มีภรรยาหรือแฟนเป็นคนไทย ส่วนมาก (ไม่ทุกคน) ที่ติดต่อเข้าจะขาดความ "เกรงใจ" ฝรั่งหลาย ๆ คน (ไม่ทุกคน) ชอบคิดว่าเราเป็น "ของตาย" ชอบคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล เอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ บางทีเราก็อยากจะบอกว่า อย่ามองเราเป็นแค่เพียงเพราะว่าเราเป็นคนเอเชีย ฝรั่งพวกที่เป็น bogan ก็เยอะ เราก็พยายามเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ พยายามปล่อยผ่าน เพราะ bogan ก็คือ bogan เราไปเอาอะไรกับเขามากไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่ที่ประเทศนี้มานาน เราจะรู้ดีว่า เราจะไปหาเหตุผลอะไรกับคนพวก bogan แทบจะไม่ได้เลย นอกจาก bogan แล้วเราก็ยังต้อง dealing กับใครบางคนที่มีความคิดเห็นเฉพาะตัว ที่บางทีการศึกษาก็ไม่ได้บ่งบอกอะไรเลย เพราะบางคนก็ทำงานเป็นถึง professional เป็นพวก white collar แต่ก็กลับทำตัวไม่แตกต่างจากพวก bogan ก็มี บางคนก็ email มาจิกอยู่นั่นแหละว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว เรื่องยื่นไปแล้ว มันก็ต้องรอหนะ เพราะเราไม่ใช่ case officer จนบางทีเราก็เลยบอกว่า เอางี้ละกัน "ฉันคืนเงินให้เธอหมดเลย แล้วเธอก็ไปตามเรื่องเอาเองละกัน" แล้วเราก็ให้หมายเลข reference number ให้เขาไปติดต่อ case officer ติดต่อสถานทูตเองเลย เราก็ไม่ได้ปล่อยลอยแพซะเลยทีเดียว ทั้งที่ case นี้เป็น case ที่ไม่มีปัญหาเรื่องเอกสารอะไรเลย เอกสารครบ น้องคนไทยเป็นคนดี แต่เสียดายที่แฟนทำตัวแบบนี้ และการที่เราจะต้องมานั่งดูแล case เขาตั้ง 2 ปี ต้องมา dealing กับ harsh และก็ unfriendly email แบบนี้ เราก็คงไม่เอา เหตุผลง่าย ๆ ของเขาคือ เขาบอกว่า "ถ้าเขา charge ลูกค้าเขาด้วยราคาเท่านี้ เขาก็จะคุุกเข่า เข้าหาลูกค้าเลย" โอ๊ว.... คุณพระ เจอ email เข้าไปแบบนี้ เราก็เลยขอบัญชีธนาคารของเขา แล้วก็โอนเงินคืนทั้งหมด ทั้งหมด 100% เลยจ๊ะ ไม่หักอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องใช้เงินที่ไม่ใช่ "Happy Money" คืนเงินเขาไป ทั้ง ๆ ที่เราก็ยื่นเรื่องให้หมดแล้ว ดูแล case มาก็ประมาณ 8-9 เดือนแล้ว วีซ่าจะผ่านอยู่แล้วเห็น ๆ ถ้ารออีกนิดนะ มันก็เป็นไปตามวาระป๊ะ ตามคิวของ case officer เขาจะให้เราไปเร่งไม่ได้ ถ้าเรา email เข้าไปที่อิมมิเกรชั่น เราก็รู้อยู่แล้วว่าทางอิมมิเกรชั่นจะตอบกลับมายังไง แล้วถ้าใช้คำว่า ถ้าเขา charge ลูกค้าเขาด้วยราคาเท่านี้ เขาจะคุกเข่าเข้าหาเลย แบบนี้ก็ไม่ใช่แนวเราละ มันหมดยุคคุกเข่าละมั้ง จะให้เรามาเป็น "บ่าวของนาย" นั่งตะหมอบตอบขา เราทำไม่เป็นหรอก ตัดไฟเสียแต่ต้นลมตอนนี้จะดีกว่า ดีกว่าที่จะต้องมานั่งดูแล case เขาไปอีก 2 ปีกว่าเรื่องจะจบ ตัดมะเร็งร้ายออกไปจากชีวิต เพื่อที่เราจะได้มีเวลา เอามาดูแลลูกค้า case ที่เขาคู่ควรต่อการดูแล เขาก็คงงงไปเลย ว่า huh คืนเงินหมดเลยเหรอ ใช่จ๊ะ เราคืนหมดเลย 100% ของนอกกาย เราหาเอาใหม่ได้ เราไม่ลงไปเล่นกับ pig เพราะถ้าลงไปเล่นกับ pig มันก็มีแต่จะเปลื้อนโคลน พวกเรา "ทีม J" ไม่ใช่ "ของตาย" จ๊ะ ทุกวันนี้งานเราก็สวนกระแส Covid อยู่แล้ว อยากจะให้คุณภรรยาหรือแฟนที่เป็นคนไทย บอกสามีหรือแฟนของคุณด้วยว่า "ทีม J" ไม่ง่าย อย่ามาคิดเอาเปรียบ เพียงเพราะเราหัวดำ แต่มั่นใจว่าหัวดำคนนี้มีศักยภาพมากกว่าหัวทองหลาย ๆ คน ทีมเราเป็นทีมหัวดำนำทางก็จริง แต่หัวดำคนนี้ก็มีทีมงานที่เป็นหัวทองทำงานให้ถึง 5 ชีวิตเน้อ ไม่ใช่อุจาระ อุจาระ I feel comfortable in my own skin. หรือบางคนที่ติดต่อมาแล้ว ก็ยึก ๆ ยัก ๆ อยู่นั่นแหละ จะทำหรือไม่ทำ ตัดสินใจเป็นเรื่องเป็นราวไปเลยจะดีกว่ามั้ย email มาครั้งแรก เราก็ตอบไปแล้ว email มาครั้งที่ 2 บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาจะทำเอง เพราะเขาคิดว่าเขาน่าจะทำเองได้ email ครั้งที่ 3 บอกว่า ไม่ทำเองละ อยากให้ "ทีม J" ทำให้ เราตอบทุก email ที่เข้ามา hmmmm.... ถ้าติดต่อมาแล้ว ยึก ๆ ยัก ๆ แบบนี้ เราไม่มีเวลาจริง ๆ วันหนึ่งมันมีแค่ 24 hr จ๊ะ เราต้องทำงาน ดูแลลูกค้า ดูแลทีมงาน ถ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ ซึ่งก็ไม่ผิด ทุกคนเปลี่ยนใจได้ แต่มันก็คงผิดสถานที่และเวลา เพราะเราไม่มีเวลาที่จะ deal ด้วยจริง ๆ ต้องกราบขอโทษจากใจจริง ก่อนที่จะติดต่อเข้ามา ผลงานและ profle ของเราอยู่ที่หน้า page แล้ว มันน่าจะช่วยในการตัดสินใจของลูกค้าได้ว่าจะทำ หรือไม่ทำ คุย ๆ อยู่แล้วหายไปเราไม่ว่า แต่ถ้าจะกลับมา กรุณาต่อบัตรคิว ไม่ง่ายหรอกกับการที่ต้อง dealing กับคนร้อยพ่อพันแม่ รู้หน้าไม่รู้ใจ ใครไม่ได้ทำงานหรือยืนในจุดที่เรายืนอยู่ ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง |
AuthorJohn Paopeng Archives
December 2024
Categories |