ช่วงวิกฤติ Covid-19 คนขายบ้านก็ไม่เยอะ
จะไป inspection ก็ลำบาก นาน ๆ ทีก็จะมี new listing โผล่มาที่เราสนใจ บ้านหลังที่ 4 จะเป็น family home ที่เราจะอยู่กันเอง พวกเราก็เลยเลือกกันช้า ๆ และก็ condition ในการเลือกก็จะเยอะนิดนึง เพราะทั้ง 4 คน; พ่อ แม่ ลูก จะต้อง happy กันหมด เราอยากได้บ้าน 2 ชั้น เพราะอยากมีโต๊ะทำงานหรือโต๊ะอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอนที่สามารถนั่งแล้วมองออกไปข้างนอกได้ มองเห็นวิวนิดหนึงก็ยังดี ไม่ต้องการบ้านชั้นเดียว ที่คนสามารถเดินมาเคาะหน้าต่างได้ แบบนั้นไม่เอา idea เราคืออยากได้บ้านสัก 4 ห้องนอน ห้องหนึ่งทำเป็นห้องทำงานและก็ห้องสมุดส่วนตัว อยู่ด้านล้าง อะไรประมาณนี้ แต่บ้าน 4 ห้องนอนมันก็หายากนะ ก็ต้องค่อย ๆ หาไป เราเห็นพวก brand new, off the plan ก็มี แต่ก็เป็นแค่บ้านชั้นเดียวและพื้นที่หลังบ้านไม่กว้างนัก เราก็อยากจะได้พื้นที่หลังบ้างที่มันกว้างนิดหนึง เพื่อที่จะทำเป็นพืชผักสวนครัว ปลกูผักปลอดสารไว้ทานเอง เสาร์ อาทิตย์ ก็จะได้นั่งทำสวนอะไรของเราไป ชีวิตที่เรียบง่าย ชีวิตที่เพียงพอ อาทิตย์นี้ก็มี new listing อันหนึงโผล่มา บ้าน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่หลังบ้านกว้างขวาง เราก็คิดในใจว่า เออ 3 ห้องนอนก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวไปลอง inspect ดู new listing วันจันทร์ เราติดต่อ real estate agent ไปวัน Thu วันนี้ บ้าน under contract ไปแล้ว ไหนบอกว่า Covid-19 เศรษฐกิจไม่ดี ไม่จริงมั๊ง วันนี้ก็เลยอด inspect บ้านไปเลย ส่วน investment property เราก็แอบ ๆ มองเอาไว้อยู่นอกเมือง แต่เราก็อยากจะ concentrate กับหลังที่ 4 ที่มาเป็น family home มากกว่า ไม่อยากก้าวข้ามหลังที่ 4 ไปเป็นหลังที่ 5 investment property เลย เดี๋ยวเราจะ stretch myself too thin เกินไป เราก็ได้แต่คุยกันเองภายในครอบครัวว่า ก็ไม่เป็นไรนะ ช้าไปนิด ก็คงไม่เป็นไร... ชีวิตวันนี้ Sat: 30/05/2020 กับเหตุการณ์บางอย่าง
1. บางคนก็ลงมาช่วย เราขอกราบขอบคุณทุกคนจริง ๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในนั้น เราก็เห็น และอ่านทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ข้อความ ก็พอจะรู้ว่าใครคือมิตร หวังว่าเราจะได้มีโอกาสตอบแทนคนเหล่านั้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ก็คงเรื่องพวก ๆ วีซ่านี่แหละ เราจะไม่ลืมทุกคนเลยจ๊ะ เราเก็บไว้ทุก screen capture 2. บางคนที่รู้จักเราก็ดูเฉย ๆ เป็นผู้ชมข้างสนาม ก็ไม่เป็นไร เราไม่ว่า เขาก็คงไม่อยากยุ่งด้วย มันไม่ใช่เรื่องของเขา ก็ปล่อยให้ฉันนอนจมกองเลือดอยู่อย่างนั้นแหละ ดีแล้ว (หลาย ๆ คน เป็นคนใกล้ตัว แรง ๆ กันทั้งนั้นเลย พอมาเจอเรื่องแบบนี้ ทุกคนเงียบกริบ ไม่ได้คิดที่ยื่นมือมาช่วยอะไรเลย) 3. บางคนก็ทักมาหลังไมค์ ถามว่าจะให้ช่วยอะไรมั้ย แต่เราก็บอกไปว่า "อย่าเลย" เพราะตัวเขาเองก็เป็นคนที่อยู่ในที่แจ้งเหมือนกัน คนรักเขาเยอะ คนไม่ชอบก็มี เรารู้สึกขอบคุณจากใจจริง 4. บางคนก็เป็นเจ้าของบ้าน ก็เลือกที่จะอยู่เฉย ๆ กัน เราก็ไม่ว่า เพราะนั่นมันบ้านของเขา ก็ปล่อยให้คนตีกันในบ้านเขานั่นแหละ แต่เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรเขา ก็บ้านเขานี่นา เขาจะทำอะไรก็ได้ เราก็เคารพตรงจุดนี้ ทุกวันนี้เรากับทีมงาน 8 คนก็ busy อยู่แล้ว เราก็ต้องกราบขอบคุณลูกค้าที่ช่วยบอกต่อ สถานที่บางสถานที่ เราไม่ได้อยู่ในนั้น มันไม่ใช่สถานที่ของเรา ก็ได้แต่มีน้อง ๆ และพี่ ๆ ที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ I love you to the moon and back. ส่วนตัวเราเองหนะ "พอ" แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้รวยอะไร ถ้า semi-retire วันนี้เลยเราก็ทำได้ เพราะเราก็อยู่แบบพอเพียง ชีวิตไม่ได้มีหนี้สินอะไร หน้าที่ที่ต้องดูแลครอบครัว เราก็พอมี passive income มาจากที่อื่นอยู่แล้ว เป้าหมายชีวิตเราหนะชัดเจน และชัดเจนมาตั้งนานแล้ว เราจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเราเพื่อใครทั้งสิ้น You can't make me. แต่ถ้าเราจะเปลี่ยน ก็เพราะว่าเราอยากเปลี่ยนเอง ไม่ใช่เพราะใครคนอื่น เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็แค่นั้นเอง ตามอายุและวัยที่มันเพิ่มขึ้น ปีนี้ 21 เหมือนเช่นทุก ๆ ที่ปีที่ผ่านมา เดิน ๆ อยู่ แล้วมีคนเดินมาปะทะหน้า เราขอยิงทิ้งและเดินข้ามศพนั้นไป ทางอ้อมมันโค้ง มันไกลจ๊ะ ไม่ค่อยสะดวก You can't break me. เมื่อหลายปีก่อน จำไม่ได้แล้วว่าปีไหน มันนานมากแล้ว
น่าจะไม่เกิน 4 ปีที่แล้ว เรามีน้อง 2 คน เป็นแฟนกัน เขานัดเข้ามาอยากจะปรึกษาเรื่องวีซ่าของเขา เราก็ busy ช่วงนั้นมีบินกลับเมืองไทยด้วย น้องเขาก็รอไม่ได้ ก็เลยนัดเจอกันที่สนามบิน Sydney Airport เราก็บ้าพอที่รับนัดกับลูกค้าที่สนามบิน คือใช้เวลาทุกวินาทีในแต่ละวันให้คุ้มค่าจริง ๆ แต่นั่นมันเมื่อสมัย 3-4 ปีก่อนนะ ถ้าเป็นทุกวันนี้เราก็คงไม่ทำหรอก เพราะบินกลับมาก็เหนื่อยแล้ว อยากจะพัก เราจำได้ว่า เราก็นัดเวลาอะไรกับน้องไว้แล้วเรียบร้อย เราก็กะเวลาที่เรารอรับกระเป๋า นั่น นี่ โน่น เอาไว้พอสมควร เรานัดเจอกันที่ cafe ในสนามบิน พอเราออกมาแล้ว เอ๊า น้องเขายังมาไม่ถึง ยังหาที่จอดรถไม่ได้ สรุปคือเราต้องนั่งรอ บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่ไม่ชอบ เราขอบตรงเวลา ปรกติเราคุยกับลูกค้า เราจะพยายาม limit เวลาเอาไว้ไม่ได้เกิน 1 hr แต่นี่รู้สึกว่าติดลม เราคุยกันนานพอสมควร จำได้ว่า เกิน 1 hr เพราะกว่าจะกลับถึง Wollongong ก็เที่ยง ๆ บ่าย ๆ เพราะจริง ๆ แล้ว flight เที่ยวเช้า เราต้องกลับถึง Wollongong เร็วกว่านี้ เราลืมไปแล้วหละ ว่า case ของน้องเป็นยังไง จนจู่ ๆ เขาทักเข้ามาอีกรอบ และก็ให้เราทำ case ให้ หลังจากที่เขาหายไป 3-4 ปีนะ เพราะก่อนหน้านั้น เขาก็มีนายจ้างที่เขามีบริษัทดูแลในเรื่องอิมมิเกรชั่นอยู่แล้ว เขาก็เลยไม่ได้ใช้เรา มาวันนี้ ผ่านไป 3-4 ปี น้องบอกว่า เขาคือคนที่เรานั่งคุย case กันที่สนามบิน มันก็มี case เดียวนี่แหละที่เรานั่งคุยกันที่สนามบิน Sydney จริง ๆ มีเด็ดกว่านี้อีก คือที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนตี 3 (3am) เพราะเครื่องเราลง 2am แล้วรอต่อเครื่องไปต่างจังหวัดตอน 7am วกกลับเข้ามาที่เรื่องน้องคนที่เรา consult ไปที่ Sydney ก็เอาเป็นว่าเขากลับมาทำ case กับเราแล้ว หลังจากที่หายไป 3-4 ปี พอรู้อย่างนี้แล้ว เราก็พอมีกำลังใจในการทำงานนะ เออนะ เราก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เราไป ไม่ว่าจะดีหรือเลว สักวันหนึ่งมันก็คงจะวกกลับมาหาเรา ไม่ช้าก็เร็ว เผอิญว่านี่เป็นเรื่องที่ดี ก็ดีไป มีงานเข้ามา เราก็ต้องดีใจจ๊ะ ไม่บ่น |
AuthorJohn Paopeng Archives
September 2024
Categories |