วันนี้วันพุธ 15 Sep 2021
จริง ๆ แล้วเราควรจะนั่งเขียน blog นี้อยู่ที่ Albury อยู่ที่โรงแรมใน Albury ที่ไหนซักแห่ง เพราะเราแพลนเอาไว้ว่าเราจะไปทำอะไร something ที่ somewhere จะไป spend sometime อยู่กับ someone เพราะพี่เขาได้รับ citizen และจะมี ceremony กันวันศุกร์นี้ ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเข้าไปในพิธีหรืออะไรหรอกนะ แค่อยากไปอยู่ในเหตุการณ์ อยากไปถ่ายรูปด้วย อยากไปร่วมแสดงความยินดี อยากไปเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในครั้งนี้ และอีกอย่างงานของเราก็ค่อนข้างลงตัว สามารถไปไหนมาไหนได้ งานส่วนมาก organised by ทีมงาน เราเป็นแค่คนแรกที่เช็คงาน ก่อนที่จะ assigned ให้กับทีมงาน และจะเป็นคนสุดท้ายที่ check งานและทุก case เราต้องเป็นยื่นเอง เราต้องเป็นคน submit เองทุก case ซึ่งเราสามารถทำได้จากที่ไหนก็ได้ ขอให้มี laptop และ internet ดังนั้น เราค่อนข้าง mobile ค่อนข้าง flexible กับการทำงาน ไม่ได้จำกัดว่าต้องทำงานอยู่กับที่ มันก็เลยทำให้การเดินทางอะไรของเราต่าง ๆ ง่ายขึ้น กับการเดินทางในครั้งนี้ที่เราแพลนเอาไว้ มันเป็นอะไรที่เราอยากจะทำ อยากจะไป แต่ทุกอย่างที่แพลนเอาไว้ ก็ต้องพับเก็บใส่กระเป๋าเพราะสถานการณ์โควิด หลาย ๆ คนก็อาจจะคิดว่า เฮ้ย เราต้องลงทุนไปขนาดนั้นเลยเหรอ ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า “ใช่” กับใคร “someone” ที่เขามีบุญคุญกับเรา เราต้อง appreciate เราต้องรู้จักบุญคุญคน ชีวิตคนเรามันถึงจะเจริญ เราไม่เคยลืมว่าเรามีวันนี้ได้เพราะใคร เค๊าคนนั้นอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เค๊าอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่า บางทีการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเค๊ามันมีผลกับเรามาก กับธุรกิจหน้าที่การงานของเรามาก เราเติบโตมาจากบริษัทที่เล็ก ๆ เมือง ๆ เล็ก ๆ ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เราก็ต้องขอบคุณ social network ที่ทำให้เรามีวันนี้ เราต้องขอบคุณคนติดตาม page เรารุ่นแรก ๆ เมื่อปี 2015/2016 กับใคร someone ที่เขาติดตามเรามาตลอด เป็นคนรุ่นแรก ๆ เลยที่ติดตามเรา 200 คนแรก แต่ก่อน 200 คนแรกมันเป็นอะไรที่ cozy มากนะ คุยกัน comment กันไปมาต่าง ๆ นานา เราก็เขียน ก็ post เรื่องไร้สาระไปบ้าง แต่ก็ค่อย ๆ เข้ารูปเข้ารอย แค่เขียนรูกันไป คิดแค่ว่ามีคิดตาม มีคน follow ซัก 6,000 คนก็พอแล้ว เป้าหมายหรือ target เราอยู่แค่ 6,000 คนจริง ๆ พอได้ถึงเป้าหมาย เราก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องตัวเลขของคนติดตามอีกต่อไป เราก็ concentrate ไปกับการทำงาน และเขียน blog ของเราไปเรื่อย สร้าง content ของเราไปเรื่อย ๆ ทุกสิ่งอย่างมันก็ค่อยเป็น snowball effect ของมันเอง จะอะไรยังไงก็ตามแต่ เราต้องไม่ลืมว่าเรามาจากไหน เราเติบโตมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ใครที่คอย support เราเมื่อครั้งกระโน้น ใครเป็นกลุ่มคนแรก ๆ ที่ดู “1st facebook LIVE” ของเรา ใคร interact กับ content ของเรา เราไม่เคยลืม แต่ก่อน เวลาจะทำ facebook LIVE เราต้องทำประมาณ 3pm เพื่อให้ “someone” กับคนที่ร้านของเขาได้ดูกัน แต่ก่อนมันไม่มีใครออกให้ความรู้เรื่องวีซ่าในแบบที่เราทำ เราทำผ่านสื่อ online ด้วยความที่มดตัวเล็ก ๆ จาก Wollongong ต้นทุนไม่สูง เราก็ต้องสื่อ online นี่แหละ ที่มันไม่ต้องใช้ทุนเยอะ แต่ต้องใช้เวลาในการบ่มฟัก กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ไม่ง่ายเลยจริง ๆ เราดีใจที่ใคร “someone” คนนั้น ตอนนี้จะได้เป็น citizen ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นคนทำเรื่องให้เค๊าทุกหมด เพราะ citizen มันก็ไม่ได้ทำกันยาก สำหรับคนที่มีเวลานั่งทำนะ ก็เอาเป็นว่าเราส่งเขาถึงครึ่งทาง ที่เหลือเขาก็จัดการของเขาเอง แต่ความสัมพันธ์และความเป็นกัลยาณมิตรต่อกันมันไม่เลือนหายไปเลย เพราะเค๊า “someone” คนนี้แนะนำคนมาให้เราเยอะมาก มากจริง ๆ เราคิดว่าที่เรามีหลาย ๆ อย่างในชีวิตได้ทุกวันนี้ เขาคนนี้ก็เป็น jigsaw ชิ้นสำคัญมาก เขาคนนี้อาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก ก็อาจจะคิดว่า “ฉันก็แค่แนะนำคนไป” แต่เขาอาจจะไม่รู้ว่า จาก 1 คนที่เขาแนะนำมา คน ๆ นั้นก็แนะนำต่อ และยังคงแนะนำไปเรื่อย ๆ และตัวเขาเองก็ยังแนะนำมาคนอื่น ๆ มาเรื่อย ๆ ยิ่งกว่า MLM ยิ่งกว่า Network Marketing บุญคุญครั้งนี้ใหญ่หลวงนักสำหรับเรา คนอื่นคิดยังไงเราไม่รู้ แต่สำหรับเรา เราคิดและรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ “โฟกัสไปกับสิ่งที่ดี กตัญญูกับสิ่งที่มีอยู่” ใช่ เราก็กตัญญูกับลูกค้าเราไง เราก็กตัญญูกับคนที่ follow เราไง My 1,000 true fans! ไม่ง่ายนะกับการที่เราเปิดใจให้กับ someone หลาย ๆ คนก็พอจะดูออกว่าเราไม่ค่อยอินังขังขอบอะไรกับใครมาก เราเติบโตมากับการใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก อยู่ต่างแดน และใช้ชีวิตเป็นพวก free bird ไม่ค่อยฟังหรือ care ใครมาก แต่กับ “someone” คนนี้ เราเป็นเด็กดีนะ เพราะเขาจะช่วยอธิบายอะไรต่าง ๆ นานาในบริบทของ “คนไทย” ให้เรา ว่าอะไรแบบนี้ บริบทในความคิดของคนไทย เขาคิดกันยังไง อะไรแบบนี้ ซึ่งมันก็สำคัญนะ ถ้าเราต้อง interact กับคนหมู่มาก ในออสเตรเลีย มันมีไม่กี่คนหรอกที่ “กล้า” จะบอกเราว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี อันไหนควร อันไหนไม่ควร คนก็รู้ “ความแรงส์” ของเราอยู่ คนที่เขา “กล้า” เขาหวังดี เราก็ต้องยกไว้เหนือหัว คนเหล่านี้เรามี special space in my heart for them เขียนมาซะนาน จริง ๆ แล้ววันนี้บ่ายเราต้องออกเดินทางแล้วนะ แล้วเราก็กะว่าจะค้างคืนที่ Albury แล้ววันรุ่งขึ้นก็ขับรถต่อไปสถานที่ที่เราควรจะไป ก็ไปลั๊ลล๊า พักผ่อนไปด้วย ชิล ๆ ไปรีบ กะว่าจะเข้าไปนั่งเล่น เมาส์มอยตอนเย็น ไปตั้งแต่เปิดร้าน จะอยู่จนปิดร้านเลย เราไปคนเดียว เราอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ สถานที่แห่งนี้ เราเคยไปมาแล้ว April 2018 3 ปีที่แล้ว แต่มีครอบครัวไปด้วย มันไม่ค่อยคล่องตัว โดยเฉพาะเด็ก ๆ ต้องเข้านอนเป็นเวลา วันศุกร์ก็วันงาน รับ citizen เราก็กะจะอยู่จนถึงวันเสาร์เช้า เสาร์เช้าค่อยขับรถกลับ ทุกอย่างแพลนไว้หมดแล้ว ว่าวันไหนต้องทำอะไร ยังไง ที่ไหน แต่ก็มาล่มเพราะ lockdown เสียดายจัง แต่ก็มั่นใจว่า เขา “someone” คงรับรู้ได้แหละถึงความตั้งใจจริงของเราที่อยากจะไป อยากไปร่วมแสดงความยินดีกับการเดินทางมาถึงฝั่งฝันของเขา เป็นวิมานอยู่บนเดิน ให้ “J” ได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล…. You know who you are. LOVE Wed: 15 Sep 2021 Note1: ยาวมาก ประมาณ 5 หน้า A4 (font size 12, 1.5 line space) Note2: เขียนไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ proofread คิดอะไรได้ก็เขียน เพื่อความ real Note3: ขโมยรูปมาใช้ (อีกแล้ว) ไม่ไ่ด้ขอ แต่คิดว่า เขาคงไม่ mind :) ที่ NSW เราอาจจะไม่ได้โดน lockdown บ่อยนักช่วงเหตุการณ์ของ COVID
ไม่เหมือนรัฐอื่น ๆ ที่เขามี snap lockdown กัน lockdown ของ NSW ก็จะเป็นอะไรที่ยาว ๆ ไปเลย อย่างเช่นครั้งแรกที่โดน lockdown กันทั่วประเทศเมื่อตอน March 2020 หลังจากนั้นทุก ๆ รัฐก็มีการปรับเปลี่ยน strategy การ lockdown ของใครมัน NSW ไม่มี snap lockdown ที่ lockdown กัน 2 วัน 3 วันเหมือนรัฐอื่น ถ้า lockdown ก็คือ lockdown ยาว ๆ กันไปเลย lockdown เมื่อปีที่แล้ว เราก็ปรับตัวและทำตามกฎต่าง ๆ ที่ทางรัฐบาลออกมา ไม่น่าเบื่อ แต่ก็ต้องเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เรายังตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ คอยดู update สถานการณ์จากทางรัฐบาลตลอด แต่พอ lockdown ครั้งนี้ของ NSW; July 2021 เพราะสายพันธุ์ Delta หรือสายพันธุ์อินเดีย มันเป็นอะไรยืดเยื้อ มันเป็นอะไรที่มีความรู้สึกว่าชีวิตมันวน loop กลับมาที่เดิม มันมีความรู้สึกเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ทั้ง ๆ ที่ธุรกิจการงานของเราก็ไม่ได้กระทบอะไรนะกับสถานการณ์ COVID เลย งานอะไรของเราก็ยังคง busy เหมือนเดิม แต่ความกระตือรือร้นมันหายไป เพราะคิดว่าอาจจะเป็นในเรื่องของ physical ด้วย เพราะช่วงหลัง ๆ มาเราเริ่มไป gym ไปออกกำลังกายเป็นกิจลักษณะแล้ว ปรกติก็ไป 5-6 วันต่อาทิตย์ มันเริ่มเป็น routine ที่ดี มันเริ่มเป็น routine ที่ healthy จากแต่ก่อนที่เป็นบ้างาน ทำแต่งาน งาน และก็งาน พอร่างกายเริ่มจะเข้าที่ พอชีวิตเริ่มจะมี routine ที่ดี ก็มาโดน lockdown ซะแล้ว นี่ก็จะเข้าเดือนที่ 3 แล้ว ก็เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ เป็นเรื่องปรกติ จะให้เรามานั่งทำงานหน้า computer ตลอดเวลาก็คงไม่ไหว แต่จะออกไปไหนมากก็ไม่ได้ เพราะโดน lockdown หลาย ๆ คนก็อาจจะบอกว่า ก็ออกไปวิ่งออกกำลังกายข้างนอกก็ได้นะ hmmmm... มันไม่เหมือนกันนะ การไป gym มันมีเครื่องเล่น เครื่องออกกำลังกายมากกว่านั้น มากกว่าการไปวิ่ง jogging ที่ beach พอ routine เริ่มโดน disrupt physiology อะไรต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป จากแต่ก่อน ตอนเช้าเราจะเป็นคนตื่นแต่เช้ามาก 4:30am นี่คือเริ่มจะรู้สึกตัวแล้ว และตื่นพอ ๆ กันกับ alarm clock ตอน 4:45am แต่หลัง ๆ มา เรารู้สึกไม่กระตือรือร้นละ 4:45am alarm clock ดัง บางทีก็นอนบิดตัวไปมาอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมลุก ซึ่งปรกติเราจะไม่เป็นอะไรแบบนั้น ปรกติเราจะกระตือรือร้นมาก ลุกขึ้นมาเขียน journal ตอนเช้า เขียน ebook ตอนเช้า หรือเขียน blog อะไรเงียบ ๆ ของเราคนเดียว ตอนนี้มีความรู้สึกว่า ไม่ค่อยได้ออกไปไหน มีเวลามากพอในการเขียน motivation อะไรต่าง ๆ ก็หายไปบ้าง gym ก็ไม่ได้ไป วัดก็ไม่ได้ไป เราก็รู้สึกว่า routine มันโดน disrupt แต่ก็นั่นแหละ เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ เราก็ต้องปรับตัว รู้แหละว่าตัวเราเองก็ต้องปรับปรุงตัวเองในช่วงสถานการณ์ COVID จะมาอิด ๆ ออด ๆ ไม่ได้ project เราก็เยอะ นั่น นี่ โน่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ebook ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำสินค้า brand ของตัวเอง ทุกอย่างต้องเดินหน้า เราจะไม่ปล่อยให้ COVID มาเป็นข้ออ้างของเรา ไหวนะ... ฮึบ รวบรวมกำลังภายใน แล้วลุยต่อ กับเหตุการณ์บางที มันก็เหมือนกับชีวิตเล่นตลกกับคนเรา
July 2021 เราเข้าไปเป็น volunteer อาทิตย์ละ 1 วันให้กับศูนย์ช่วยเหลือคนไร้บ้านที่ Wollongong (Homeless Centre) และตอนนี้เราก็ได้ร่วมงานกับน้องจิตอาสาที่เมืองไทยที่ทำงานเพื่อคนไร้บ้าน น้องเป็นจิตอาสา full-time เลย ไม่มีค่าแรง ไม่มีค่าจ้างอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น น้องอุทิศตนเพื่อพระเจ้า เพราะน้องผ่านชีวิตการเป็นคนไร้บ้านมาก่อน น้องมีรายได้จากการขายของ online เล็ก ๆ น้อย ๆ นอกนั้นน้องก็อุทศตนเพื่อส่วนรวม และก็อุทิศตนเพื่อพระเจ้า ซึ่งเราก็ admire มาก เราเห็นทำงานของน้องแล้ว น้องทำเพื่อคนอื่น 110% เป็นคนที่ selfless มาก ๆ คิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ น้องเค๊ามีความสุข 110% กับการที่เขาได้ช่วยเหลือคนอื่น มันเต็มอิ่ม มันอิ่มเอิบ เราสามารถสัมผัสได้เมื่อเราได้คุยกับน้องเค๊า wow.... มันช่างเป็นอะไรที่ positve energy มาก ๆ การทำงานของน้อง และองค์กรของน้องจะเป็นไปไดด้วยดีถ้าองค์กรของน้องมีใคร support ในเรื่องของการเงิน น้องอาจต้องหัดทำ proposal เข้าไปเสนอตามองค์กรต่าง ๆ มันน่าเสียดายนะ ที่รัฐบาลไม่ได้เข้ามาช่วยองค์กรอะไรแบบนี้ หรือรัฐอาจจะช่วย หรือมันอาจจะมีองค์กรอื่นที่เราไม่รู้ก็ได้ เราก็ดีใจนะ ที่เราทั้ง 2 คนได้โคจรมาบรรจบกัน อะไรแบบนี้เป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับเรา แต่น้องเค๊าก็อุทศตนเพื่อส่วนรวมมา 8-9 ปีแล้วแหละ ซึ่งเราก็นับถือเค๊าจริง ๆ หรือว่านี่มันคือ destiny ของเรา อีก 4 ปีลูกลิงตัวเล็กก็จะจบ high school แล้ว เราก็คงไม่มีห่วง ไม่มีภาระ อีก 4 ปี... อีก 4 ปี... ก็คงจะเป็น free bird เราก็คงออกไปทำอะไรแบบนั้นเพิ่มมากขึ้น |
AuthorJohn Paopeng Archives
September 2024
Categories |