สิงคโปร์ คนส่วนใหญ่มีการศึกษาที่ดี อัตราการอ่านออก-เขียนได้ค่อนข้างเยอะ
คนจึงทำงานเป็น white collar กันเยอะ ทำงานที่ office กัน ไม่ค่อยมี blue collar ไม่ค่อยมีทำงานที่ใช้แรงงาน คนงานที่ใช้แรงงานหลาย ๆ อย่าง import มาจากต่างประเทศ cleaner ที่ MRT stations ส่วนมากเป็นชาวศรีลังกา คนเก็บขยะของเทศบาล ส่วนมากเป็นชาวศรีลังกา คนงานทำถนนหนทาง บางส่วนก็เป็นแรงงานไทย แม่บ้าน หรือคนรับใช้ในบ้าน ก็จะมาจากอินโดนีเซีย หรือ ฟิลิปปินส์ ต่าง ๆ นานา อันนี้คือแค่ตัวอย่าง หลัง ๆ มาก็จะมีคนมาจากพม่าด้วย อันนี้คือ something new เพราะแต่ก่อนไม่ค่อยมีคนมาจากพม่าเท่าไหร่ ที่ประเทศสิงคโปร์ เราก็จะ slang หลาย ๆ อย่างที่พวกเราใช้ เราก็ได้เรียนรู้ slang เหล่านี้ตอนที่เราอยู่ที่นั่น "Yaya Papaya" คือ Singaprean slang ที่หมายถึง snob ที่หมายถึงคนที่ชอบ "เชิด" หรือ "Yaya" แต่ก็เติมคำว่า "papaya" เข้าไปเฉย ๆ ให้มันสอดคล้อง ในขณะที่เรานั่งรออาหารอยู่ที่ hawker centre แถวบ้านน้องสะใภ้ แถว Changi/Bedok ก็จะมีป้ามานั่งที่โต๊ะไม่ไกลจากเรามาก ป้าก็ถามพนักงานต่างชาติที่มาเช็ดโต๊ะที่ป้านั่ง ว่ามาจากไหน อะไร ยังไง มาเรียนหนังสือ หรือมาทำงาน blah...blah... เดี๋ยวก่อนนะครับ มันค่อนข้างเป็นมารยาทของคนทั่ว ๆ ไปที่เราจะไม่ไปถามเรื่องราวส่วนตัวอะไรของใครมาก น้องเขาเอาอาหารมาเสริฟ เราก็แค่ "ขอบคุณ" ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปถามอะไร ยกตนข่มท่าน เพียงเพราะน้องพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปลก ๆ ป้าก็จะมีความ bossy นิสต์นึง เรานั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ก็ได้แต่มองและถอนหายใจ Note: ป้าอาจจะไม่มีเจตนา เราอาจจะคิดไปเอง อาจจะด้วยน้ำเสียงและสำเนียงของป้า!!! ปีนี้เราตัดสินเรียนเพิ่มอีกใบครับ Gradudate Diploma of Psychology
Gradudate Diploma มันคืออนุปริญญาโทนะครับ ไม่ใช่ Diploma ตาม TAFE ตาม college Gradudate Diploma = สูงกว่าป.ตรี แต่ต่ำกว่า ป.โท สำหรับคนที่ป.ตรี แล้วอยากปลี่ยนสายหรือเรียนในสายอื่น ๆ ที่ตัวเองไม่มีพื้นฐานการก่อน มันคือปริญญาอีกใบนะครับ ไม่ใช่แค่ประกาศนียบัตร 1. UTS Postgrad เรีนกัน 6 intakes ต่อปี ประมาณว่า intake ละ 2 เดือน ถ้าลง intake ละ 1 วิชาก็จบ 1.5 ปี เพราะของเราต้องเรียน 10 วิชา แตกต่างจาก UNSW นะครับ UNSW เรียน 3 terms ประมาณว่าเทอมและ 3 วิชา UOW เรียน 2 semesters ต่อปี หรือถ้า Postgrad ก็มีแบบ intake แต่ปีละ 4 intakes Term, Intake, Semester ไม่เหมือนกันนะครับ แล้วแต่มหาลัย 2. อะไร ใด ๆ เราคุยกับภรรยาแล้ว เราคงเรียน intake-เว้น-intake จะได้ไม่กระทบกับเวลาของครอบครัวมาก เรียน ๆ ชิล ๆ ไม่รีบ จบเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เราไม่ได้จะเอาความรู้หรือวุฒิการศึกษาไปทำมาหากินอะไร เราเรียนเพื่อ "รู้" เฉย ๆ สนองความ "อยากรู้" ล้วน ๆ แต่ความอยากรู้นี้ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่าย $40K วิชาละ $3.9K กว่า ๆ ถ้าคิดเป็นตัวเลขกลม ๆ ก็วิชาละ $4K นี่คือราคาของ citizen นะครับ ต่อให้เป็น citizen ก็เถอะ ก็แพงอยู่ แต่มันใช้ HECS ได้แค่นั้นเอง 3. เราจะไม่ใช้ HECS เพราะเรากับภรรยาค่อนข้าง heavily invest กับอสังหาที่นี่ เราจะต้องไม่มีหนี้ หรือมี liability ที่ไม่จำเป็น เพราะถ้ามีหนี้ มันก็จะทำให้ borrowing power ลดลง ก็จะทำให้ทำเรื่อง home loan ยาก เราก็เลยต้องจ่ายค่าเทอม upfront เราก็คุยกับภรรยาแล้วว่า เราก็จะเอาตังค์ค่า consultation ที่ได้จากงาน consult ทางโทรศัพท์นี่แหละ มาเป็นค่าเทอม เราจะไม่ยุ่งหรือวุ่นวายกับเงินในบริษัท หรือเงินส่วนอื่น ๆ งาน consult เราปรกติวันหนึ่งก็รับ 3 สาย (Mon - Sat) ก็พอได้อยู่ ดังนั้น ก็ตัดไปเรื่องค่าเทอม ไม่มีอะไรต้อง worry $40K เยอะจริง เอาไปวาง deposit ซื้อบ้านได้ แต่เราอยากเรียนจริง ๆ ครับ อยากรู้ และอยากได้ qualification ที่มัน formal ไม่ใช่ไปซื้อหนังสืออ่านเองจาก Dymocks งั้น ก็ไปให้สุดทางเลยละกัน $40K วน ๆ ไป แต่เราไม่รีบไง เรียน intake-เว้น-intake และ intake ละ 1 ตัว :) 4. เรียนเพื่อ "รู้" เฉย ๆ มีจริงครับ หน้าที่การงานเราลงตัวแล้ว เราพร้อม semi-retire แล้ว เราไม่ได้กะจะเอาความรู้นี้ไปทำมาหากินอะไร แต่อย่างน้อยมันน่าจะทำให้เราเข้าใจคนมากขึ้น เราทำงาน "J Migration Team" มาก็ 16 ปีแล้ว เจอเรื่องราวมาเยอะ เราอยากให้คำแนะนำคนอื่น แต่มันก็ติดตรงที่เราไม่มีความรู้ทางด้านนี้แหละ งั้นก็ไปเรียนให้มันเป็นเรื่องเป็นราวเลยละกัน จะได้ไม่ "คาใจ" ไม่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ 5. Intake หน้า (July) คงไม่ลง ขอเวลาทำใจ ไหนจะย้ายบ้าน ย้ายอะไรอีก จะลง intake แรกตอน August 2024 6. ทุกการตัดสินใจ ผ่านการอนุมัติจาก CEO แล้ว อันนี้สำคัญ เพราะเงินที่ต้องจ่ายก็เยอะ และเวลาจะต้องกระทบกับเวลางานหรือเวลาครอบครัวน้อยที่สุด อันนี้คือปริญญาใบที่ 7 ครับ เรียนมาแล้ว 4 มหาลัยที่นี่ (UOW, USQ, ANU & CSU) UTS ก็จะเป็นมหาลัยที่ 5 จริง ๆ ชีวิตเราอยู่เฉย ๆ ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร Lifelong learning มีจริง เราทำให้เห็นแล้ว อะไรที่ทำแล้วมีความสุข อะไรที่ทำแล้วไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน "ทำ" เถอะ I hope my actions will inspire someone in some way. ถ้าเราคิดว่าเรา "ทำได้" เราก็จะ "ทำได้" ครับ |
AuthorJohn Paopeng Archives
September 2024
Categories |