การลงทุนของเราค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น
เราไม่ได้เน้นที่ capital growth เพราะเราไม่ได้กะจะขายอยู่แล้ว แต่ถ้ามี capital growth เข้ามาก็ดี เราก็สามารถดึง equity ออกมาเพื่อใช้ equity ตัวนี้ในการซื้อบ้านหลังต่อไป เมื่อเราไม่ได้เน้นที่ capital growth มากนัก เราก็ต้องหักห้ามใจจากการซื้อบ้าน off the plan ซื้อได้ แต่อย่าเยอะมากจนเกินไป เราก็ต้องหักห้ามใจ ไม่ตกเป็นเหยื่อของการตลาด ต้องไม่โดนป้ายยาบ่อย :) การซื้อบ้าน off the plan คือการซื้อสินค้าในราคาปลีก ซื้อสินค้าในราคา at the end of the line product ซึ่งหมายความว่า: - developer ทำกำไรไปแล้ว - real estate agent ทำกำไรไปแล้ว เราเน้น positive cashflow income ตั้งแต่ day 1 นั่นคือซื้อ established home ที่มีคนเช่าอยู่แล้ว อาจจะหายากหน่อย แต่มันก็มีครับ ดูไปเรื่อย ๆ ที่ realestate.com.au สาเหตุที่เราเน้นที่ positive cashflow income ก็เพราะเราต้องการให้ positive cashflow income เหล่านี้เข้ามาแทนที่ active income ที่เราได้จากงานประจำหรือธุรกิจที่เราทำอยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่ positive cashflow income เหล่านี้สามารถ replace income ที่เราได้จากงานประจำหรือการทำธุรกิจ นั่นก็หมายถึง positive cashflow income เหล่านี้สามารถ fund lifestyle เราได้แล้ว เราสามารถมีชีวิตอยู่แบบไม่ต้องทำงานก็ได้ เพราะทุก ๆ 2 weeks เราก็ได้ positive cashflow income เข้ามาในบัญชี การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศออสเตรเลีย เราสามารถบอกให้ agent โอนเงินเข้าบัญชีเราเดือนละครั้งหรือเดือนละ 2 ครั้งได้ เราก็ให้ agent โอนเงินเข้าบัญชีเดือนละ 2 ครั้ง ก็วันที่ 15 ของเดือนและสิ้นเดือน (30/31, 28/29) ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมากที่ทุก ๆ 2 อาทิตย์เรามีเงินเข้ามาในบัญชี แต่อย่าลืมว่าเราก็ต้องจ่าย mortgage นะครับ ดังนั้นจึงสำคัญมากที่ค่าเช่าต้อง cover ค่า mortgage ถ้าไม่ cover มันก็จะกลายเป็น negative cashflow เลยทันที ซึ่งเราไม่ต้องการ negative cashflow คือเราต้องควักเงินเพิ่ม ซึ่งเราจะไม่ทำเป็นอันขาด เราไม่ต้องการซื้อบ้านมาเพื่อเป็นภาระ ซื้อมาเพื่อรอให้ราคาขึ้นแล้วขายต่อ แบบนั้นไม่ใช่ เราซื้อเพื่อเก็บและก็เพื่อเอา passive income จะมากจะน้อย ก็ต้องเป็น positive cashflow ต่อให้เป็น positive cashflow แค่ $1/week ก็ยังถือว่าเป็น positive cashfow คือมีเงินเข้ามาในบัญชี ไม่ใช่ negative cashflow ที่เงินออกจากบัญชี ที่เราต้องไป top up แบบนั้นไม่เอา ส่วนใครที่ซื้ออสังหาแล้วต้อง top up เงินทุก ๆ week หรือเป็น negative gearing ก็ไม่ว่ากัน สะดวกใครสะดวกมัน established homes ที่เราซื้ออาจจะไม่ได้ flashy เหมือนบ้านใหม่ บ้าน off the plan ที่หลาย ๆ คนลงโอ้อวดกันใน social media ว่าบ้านตัวเองสวย บ้านตัวเองหรู แต่มันทำเงินครับ เราซื้อมาเพื่อเป็น passive income ไม่ได้ซื้อมาเป็น trophy ไว้โอ้อวดคน หรือถ้าจะมีก็มีแค่ 1-2 หลังพอ อย่าเยอะมาก ของเราก็แอบมีเหมือนกัน ที่ซื้อไว้ที่ Surfers Paradise (7-Star hotel) อันนี้ให้รางวัลชีวิต เอาแค่ 1-2 หลังพออย่างที่บอก :) Anyway... investment strategy ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใครที่ชอบซื้อมาขายไป ก็ไม่เป็นไร ก็ทำไป ใครก็ชอบ passive income เพื่อ fund your lifestyle ก็ทำไป เราต้องการแบบหลัง ต้องการ semi-retire ต้องการใช้ชีวิตแบบ worry free เรายังมีอะไรหลายอย่างในชีวิตที่เราอยากจะทำ แบบไม่ต้องมา worry เรื่องการทำงาน ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องมานั่งโดนกดดันจากลูกค้าเรื่องการทำ case อะไรต่าง ๆ นานา ชีวิตเรือจ้างก็ใช่ว่าจะสบายนะครับ งานของ "J Migration Team" เงินมันเยอะจริง ไม่เถียง แต่เราก็โดนกดดันหลายอย่างจากลูกค้าเหมือนกัน ชีวิตไม่ง่าย ไม่ได้สวยหรูเหมือนอย่างที่คนภายนอกคิด แต่... anyway... นั่นมันคือชีวิตของ "เรือจ้าง" ถ้าเป็น chef แล้วทนความร้อนของกระทะ ของไฟไม่ได้ ก็ไม่ต้องเป็น chef ฉันใด ถ้าทนแรงกดดันของชีวิต "เรือจ้าง" ไม่ได้ หรือไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ บางทีเราก็ต้องหาอะไรอย่างอื่นทำ แต่ก่อนที่จะหาอะไรอย่างอื่นทำ เราก็ต้องหา income ตัวใหม่ ซึ่งก็อาจจะเป็น passive income ก็ได้ เข้ามา replace income ตัวปัจจุบันอยู่ เพราะชีวิตก็ยังคงต้องกินต้องใช้ passive income ลองศึกษาหาความรู้ดูนะครับ หนังสือดี ๆ มีให้อ่านเยอะ โดยส่วนตัวเราก็อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ มันได้อรรรสในการอ่าน มันได้อ่านจาก original หนังสือไทยที่แปล ๆ กันออกมา ส่วนมากก็จะออกมาค่อนข้างช้า และบางทีเวลาแปลก็ใช้คำศัพท์แปลก ๆ ซึ่งเราไม่อิน Real estatement agent คือคนขายบ้านนะครับ หน้าที่ของเขาคือ "ขายบ้าน" เขาไม่ใช่ financial advisor ต่อให้เป็น financial advisor ก็ตามเถอะ เราก็ต้องดูด้วยว่า "เขาทำได้ในสิ่งที่เขาแนะนำแล้วหรือยัง" โดยส่วนตัวแล้ว เราชอบศึกษาเองครับ เดินไปที่ Dymocks แล้วซื้อหนังสือมาอ่านเอง อ่านเองศึกษาเอง เพราะเราเป็นคนชอบอ่าน อ่านเสร็จก็นำเอามมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง หนังสือบางเล่ม อ่านเมื่อ 10 ปีที่แล้ว อาจจจะไม่เข้าใจ ไม่ get เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างยังไม่พร้อม พอเราได้เริ่มลงทุน แล้วกลับมาอ่านหนังสือเล่มเดิม เออ... เฮ้ย... มันเข้าใจ มัน make sense แบบนี้ก็มีเหมือนกันครับ :) passive income จากอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่ง tool ที่หลาย ๆ คนใช้ในการ retire หรือ semi-retire จริตของใครมันอาจจะแตกต่างกัน ก็ลองศึกษากันดูนะครับ เราก็ได้แต่หวังว่า blog นี้ post นี้จะเป็น inspiration ให้กับใครหลาย ๆ คน ไม่มากก็น้อย Comments are closed.
|
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
September 2024
|