นักรบ ในยามสงครามก็ต้องออกศึก
ในยามสงบ ก็ต้องลับมีด ลับดาบ ลับเลื่อย อยู่เรื่อย ๆ ไม่ให้เข้าสนิม คนเราก็เหมือนกัน เราก็ต้องหมั่นลับคมสมอง ลับคมปัญญาของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาตัวเองทั่ว ๆ ไป หรือการใฝ่หาความรู้ในทางด้านของธุรกิจ การบริหาร การเงิน ต่าง ๆ นานา จะตัดต้นไม้ต้นใหญ่ให้ล้ม เลื่อยเราก็ต้องแหลมคม เราก็ต้องลับเลื่อยเราก่อน Sharpen my saw ทำให้ได้หลายแบบ ปรกติเราจะอ่านหนังสือแทบทุกวันอยู่แล้ว หลัง 9pm ก่อนเข้านอน ที่เราเรียกมันว่า DEAR; Drop Everything And Read คือหยุดทุกอย่างที่ทำ แล้วอ่านหนังสือซะ อ่านก่อนเข้านอน เพราะเราจะปิดเครื่องมือ electronic ทุกอย่าง 9pm งานเสร็จหรือไม่เสร็จไม่รู้ รู้แต่ว่าทุกอย่างต้อง shutdown by 9pm อะไรที่ยังไม่เสร็จ เราทำต่อพรุ่งนี้ได้ No screen 1 hr before bed ก็คือเราไม่ควรอยู่หน้าจอ TV, หน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรศัพท์มือถือ 1 ชั่วโมงก่อนนอน เพราะการที่เราอยู่หน้าจอพวกนี้ มันจะเป็นการกระตุ้นสมองของเรา ทำให้เรานอนหลับยากหลังจากนั้น ลองสังเกตุดูนะครับ คนที่ดู TV แล้วเข้านอนเลยทันที หรือคนที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเข้านอนเลยทันที จะใช้เวลานานกว่าปรกติกว่าเขาจะนอนหลับได้ แตกต่างจากคนไม่ได้อยู่หน้าจอ พวกเขาจะหลับได้เร็วกว่า ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะอ่านหนังสือก่อนเข้านอน ปีที่แล้วเราก็อ่าน และฟัง audiobook มากกว่า 40 เล่ม ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มันเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ มันเปลี่ยนแปลงความคิดเราไปได้เยอะ มันช่วยเราในการทำงานด้วย เพราะเราได้มีความรู้รอบตัว หลายด้าน หลายแขนง เวลาเขียนงาน เขียน submission อะไรที่ต้องเขียนเป็น pursuasive writing เขียนโน้มน้าวจิตใจ เรามีข้อมูลเยอะในคลังสมองของเราอยู่แล้ว มันมาจากการอ่านนี่แหละ Leaders are Readers จริง ๆ หลาย ๆ คนอาจจะเลือก No screen 1 hr before bed. No screen 1 hr after bed. คือไม่อยู่หน้าจอ electronic อะไรเลย 1 ชั่วโมงก่อนนอน และ 1 ชั่วโมงหลังจากการตื่น เราก็สามารถเอาเวลาเหล่านั้น ไปอ่านหนังสือ ไปนั่งสมาธิ ไปออกกำลังกาย ไปขีด ๆ เขียน ๆ อะไรบางสิ่งบางอย่าง เขียนบันทึก เขียน journal หรือทำอะไรก็ได้ แล้วแต่ความชอบและ lifestyle หรือจุดมุ่งหมายในชีวิตของแต่ละคน วันเสาร์ที่แล้ว long weekend เราก็ไปเข้าสัมนา เข้า workshop ในเรื่องของกฎหมายอิมมิเกรชั่นของประเทศออสเตรเลีย เสาร์-อาทิตย์ long weekend จะหยุดหรือไม่ได้หยุดบางทีคนที่ทำธุรกิจอย่างเรา มันก็เลือกไม่ได้ ถ้าอยากก้าวหน้า เราก็ต้องอึดกว่าคนอื่น เราต้องเดินหน้า ศึกษาหาความรู้ แน่นอนการเข้าสัมนา การเข้า workshop พวกนี้มันก็ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่เราก็ไม่ได้มองว่ามันคือค่าใช้จ่ายที่สูญเปล่า เรามองมันว่ามันการส่วนหนึ่งของการลงทุนในการทำธุรกิจมากกว่า ถึงแม้จะต้องเหนื่อยในการเดินทาง แต่เราก็มั่นใจว่า ผลลัพธ์มันต้องออกมาดี มันต้องเป็นอะไรที่คุ้มค่า คุ้มค่ากับเวลา คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไป Sharpen my saw อยู่ตลอดเวลา ไม่ให้สมองเราเข้าสนิม เพราะทุกอย่างคือโอกาส โอกาสทางธุรกิจ โอกาสของคนในครอบครัว โอกาสของคนรอบข้าง รวมไปถึงโอกาสของทีมงานด้วย งานเราเยอะ ทีมงานก็ได้ทำงานเยอะ ลูกค้าก็ได้สินค้าและ product ตามที่ต้องการ มันเป็น WIN-WIN-WIN-WIN WIN: ธุรกิจเรา WIN ส่งผลไปถึงคนในครอบครัว และคนรอบข้างของเรา WIN: ทีมงานเรา WIN ส่งผลไปถึงคนในครอบครัว และคนรอบข้างของพวกเขา WIN: ลูกค้าเรา WIN ส่งผลไปถึงคนในครอบครัว และคนรอบข้างของพวกเขา WIN: ถ้าทุกคน WIN ทุกคนก็จะมีความสุข นำไปสู่ซึ่งความสุขและสันติสุขของสังคมและโลกใบนี้ เห็นไหม เราทุกคนสามารถส่งผลกระทบต่อคนอื่น สังคม และโลกใบนี้ได้ สำหรับคนที่ไม่ได้ทำธุรกิจอะไร เราก็สามารถหาความรู้ ลับคมสมองและความคิดของเราไปเรื่อย ได้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การดู facebook LIVE ที่มีประโยชน์ การดู YouTube หรือ video clip ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ ไม่ได้ดูเพื่อความบรรเทิง เวลาว่าง ๆ อย่าลืมลับมีด ลับดาบ ลับเลื่อยของตัวเองนะครับ อย่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า อยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ต้องลุกขึ้นมาทำ อึดกว่าคนอื่น ลงลึก ไม่ลงกว้าง go deeper, no wider เก่งเฉพาะทาง ไม่ใช่รู้เรื่องไปหมดซะทุกอย่างแต่ไม่เก่งอะไรเลย อย่าเป็น Jack of all trades, master to none. ทำอะไรที่ niche เพราะ "Nichest is the richest" |
AuthorJohn Paopeng Archives
September 2024
Categories |