ช่วงกลางปีของปีนี้ที่มีข่าวที่สหรัฐว่า facebook มีการรั่วไหลข้อมูลของคนที่ใช้ facebook ให้กับบริษัททำการตลาดในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ และทำให้เกิดการ influence ผู้บริโภคในช่วงการเลือกตั้ง หลาย ๆ คนก็ออกมาต่อต้านและ boycott facebook กัน
หนึ่งในนั้นคือ Elon Musk เศรษฐีระดับโลก ถ้าใครได้อ่านหนังสือหรือฟัง audiobook ชีวประวัติของ Elon Musk ก็จะรู้ว่า Elon Musk ไม่ค่อยชอบ Mark Zuckerberg เท่าไหร่ เพราะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องของ AI Elon Musk เป็นคนฉลาด เก่ง และอารมณ์ร้อน (ลองอ่านชีวประวัติของเขาดูนะครับ) ถ้า Musk ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เขาก็ลบ facebook page ของบริษัทเขาไม่ว่าจะเป็น facebook page ของ Tesla ซึ่งมีคนติดตามเป็นหลายล้านคน คนรวย คนดัง คนเก่ง อย่าง Musk คิดจะทำอะไรก็ได้ ไม่เห็นแปลก เพราะเข้าก็ใช้ Twitter และ Intagram ซะเป็นส่วนมาก โดยส่วนตัวเราเอง เราก็ follow Musk ใน Twitter อยู่แล้ว Elon Musk เป็นบุคคลที่น่าสนใจคือ เขาตอบ Twitt และ Intagram ของเขาเอง นี่คนที่รวยระดับโลก และยุ่งสุดขีดแต่ก็มีเวลาที่จะ interact กับคนที่ติดตามเขา น่าชื่นชมมาก โดยส่วนตัวแล้ว เราชอบ Elon Musk ถึงแม้เขาจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราก็มองเฉพาะข้อดีของเขาก็แล้ว หลายคงอาจจะมองว่า อ้าว เขาไม่ใช้ facebook แล้ว แต่ก็ยังใช้ Intagram ซึ่งก็เป็นของ facebook อยู่ดี ก็ใช่นะ แต่ feature ของ facebook และ Intagram ต่างกัน และ demographic ของคนที่ใช้ก็แตกต่างกันด้วย Majority ของคนที่ใช้ facebook ก็จะอยู่ในช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไป Intagram user ก็จะเป็นคนหนุ่มสาวช่วงอายุ 25 ปีอะไรประมาณนี้ ดังนั้นสำหรับ content marketer แล้ว เราก็ต้องเรื่อง features ที่แตกต่างและกลุ่มคนที่ใช้สื่อต่าง ๆ ด้วย อย่างถ้าเป็นคนจีนก็ต้องใช้ "WeChat" เพราะประเทศจีนไม่มี facebook อย่างนี้เป็นต้น อาทิตย์ที่แล้ว facebook ก็มีข่าวออกมาอีกว่ามีข้อมูลของคนที่ใช้ facebook รั่วไหลอีกแล้ว คราวนี้ Jim Carrey ดารา Hollywood ก็ออกมา Twit ว่าเขาลบ facebook account ของเขาแล้ว เราไม่ได้เป็น fan ของ Jim Carrey หรอกนะ แต่ก็เห็นในข่าวก็แค่นั้นเอง สำหรับ content marketer แล้ว เราต้องรู้ทิศทางและกระแสของการใช้ social media ของผู้บริโภคด้วย เหตุการณ์พวกนี้มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนจะเลิกใช้ facebook เลยทันที แต่มันก็ทำให้เรารู้ว่า มันไม่มีอะไรที่อยู่ยงคงกระพัน สำหรับคนไทยแล้ว ก็ลองดู "Hi5" สิ แต่ก่อนมีคนใช้เยอะแยะ ตอนนี้ดับไปแล้ว หรือถ้าเป็นต่างประเทศ ก็ MySpace ซึ่งก็เปิดตัวช่วงเดียวกันกับ facebook แต่สำหรับคนที่มี personal branding ที่ดีแล้ว คนจะ follow เขาไม่ว่าเขาคนนั้นจะย้ายตัวเองไปที่ platform ไหน ดังนั้นสุดท้ายแล้ว มันก็ต้องเน้นจะสร้าง personal branding ให้เด่นชัด ทุกคนมีจุดเริ่มต้น การ online marketing ของเรา เริ่มต้นจาก blogger.com คือการเขียน blog และสร้าง content บน blogger.com แล้ว content พวกนี้จะไม่หนีหาย ต่อให้ algorithm ของ facebook เปลี่ยนไปหรือจะอะไรยังไงก็ตามแต่ เราเห็นหลาย ๆ เขียนพยายามเขียน blog บน facebook ซึ่งเราคิดว่าผิด เพราะคน search หายาก เราต้องเขียน blog ของเราสิ จะ host ไว้ที่ไหนก็ได้ แล้วค่อย copy หรือเอา link มาแปะที่ facebook blog ที่เราเขียนก็จะมี:
ตอนนี้เราก็เริ่มมา spend more times ทำ website ของเราด้วย ก็ค่อยทำ ๆ ไป ค่อย ๆ เขียน content ไป มั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องออกมาเป็นรูปเป็นร่างแน่นอน เราไม่ได้ตื่นมาตี 4 ตี 5 เพื่อทำอะไรเล่น ๆ ขำ ๆ ทุกอย่างที่ทำ เรามีจุดหมายที่แน่นอนและเด่นชัดเสมอ http://jmigrationteam.com http://johnpaopeng.com ทั้งหมดนี้ คือทำเองคนเดียวครับ ไม่มีคนช่วยทำ เราก็อยากจะให้ทุกคนลองศึกษาเรื่อง content marketing ดูนะครับ สร้าง content บ้าง อย่าเป็นแค่คนเสพ content อย่างเดียว คิดแล้วทำ ลงมือทำ "ทำทันที" นะครับ |
AuthorJohn Paopeng Archives
September 2024
Categories |