สิ้นสุดกันทีกับการที่ต้องวิ่งตะลอน ๆ หาดูบ้านมา 1 ปีกว่า ๆ
มันเหนื่อยมาก ทุก ๆ วันเสาร์เรา plan ชีวิตอะไรไม่ได้ ไปไหนไม่ได้ ต้องออกไปดูบ้าน ไป inspect บ้าน จากบ้านหลังแรกที่เรา offer ไปเมื่อ Nov 2020 มาลงตัวที่หลังนี้ Oct 2021 จากหลังแรกที่ offer ไปตอน Nov 2020 มาถึงหลังนี้ก็เป็นหลังที่ 5 ที่เรา offer ได้ 4 หลังที่ชวดไป ก็เป็นเพราะเราติดนั่น นี่ โน่นบ้าง โดยเฉพาะหลังที่ 4 ที่ชวดไป ห่างกับหลังนี้แค่อาทิตย์เดียว คือเราเซ็นสัญญาช้าไปครึ่งชั่วโมง คนอื่นที่เขาพร้อมจะเซ็นเลย เขาก็เลยชิงเอาไปก่อน ช่วงนี้มันเป็น market ของ vendor จริง ๆ จ๊ะ คนขายชนะทุกอย่าง คนซื้อแย่งกันซื้อ ก็เอาเป็นว่ามาลงเอยที่บ้านหลังนี้ ที่ offer มาได้หลังที่ 5 บ้านหลังนี้ก็จะเป็นอสังหาริมทรัพย์หลังที่ 4 ประเทศออสเตรเลียของครอบครัวเรา มันเป็นหลังที่ 4 ก็จริง แต่มันคือหลังแรกที่เป็น "family home" เพราะ 3 หลังก่อนหน้านั้นมัน investment property หมดเลย เราปล่อยให้คนเช่า แต่หลังนี้พวกเราจะอยู่กันเอง ก็เลยเลือกกันเยอะนิดหนึง ก็เลยต้องพิถีพิพันกันหน่อย เลือกกันอยู่เป็นปี หากันอยู่เป็นปี กว่าจะลงตัว บ้านหลังนี้เรา offer ไปเมื่อ 09 Oct 2021 Settlement กัน 24 Nov 2021 และรับกุญแจกัน 25 Nov 2021 2 วันก่อน settlement เราก็โอนเงินออกจากบัญชีจนมือสั่น ตัวเลขมันเยอะมาก แต่ก็ต้องทำ เพื่อที่จะได้ move on ไปทำอะไรอย่างอื่นกับชีวิต ไม่งั้นมันก็ต้องมาวิ่งดูบ้านกันทุก ๆ เสาร์ มันเหนื่อยมาก ต้องเจอเองจ๊ะ!!! ก็เอาเป็นว่าเรา "เทหมดหน้าตัก" เหลือตังค์ในบัญชี $447 และอีกบัญชีหนึ่งประมาณ $2,200 บันเทิงจ๊ะ ชีวิตนี้ บันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำว่าเหลือเงินในบัญชี "$447" OK แหละ จบสิ้นภารกิจของชีวิต ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ ก็ไม่ต้องอะไรมากมายแล้ว เรากับครอบครัวก็คงไม่ย้ายเลยทันทีหรอก พวกเราไม่รีบ แค่รู้ว่าได้ซื้อบ้านของตัวเองแล้ว ก็สบายใจแล้ว บ้านที่เช่าอยู่ทุกวันนี้พวกเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก เพราะพวกเราก็มีเงินจากค่าเช่าบ้านอีก 3 หลังมา cover อยู่ มันก็เลยลงตัว เราก็เลยไม่จำเป็นต้องรีบ ก็ต้องรอให้ลูกลิงตัวโตสอบ HSC เสร็จ และพวกเราก็คงจะ renovate เปลี่ยนนั่น นี่ โน่นตามใจภรรยาว่าเขาอยากเปลี่ยนอะไรบ้าง ก็ทำให้ดีเลยทีเดียวแล้วค่อยย้าย และตอนย้ายพวกเราก็จะไปกันเฉพาะเสื้อผ้า furniture ทุกสิ่งอย่างคงไม่หอบไป มันถึงเวลาที่ต้องจากลากันไป เพราะตู้เย็นที่ใช้ ก็ซื้อมาตั้งแต่ 2001 sofabed ตรง living room ก็ซื้อมาตั้งแต่ 2001 เป็นของ brand new ก็จริง แต่มันก็ 20 ปีที่แล้ว มันคงถึงเวลาที่พวกเราต้องจากลากันไปแล้วหละ พวกเราคงซื้ออะไรใหม่หมดเลย เริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่บ้านหลังใหม่ โต๊ะ เก้าอี้ ก็คงไม่หอบอะไรไป ขอเป็นพวก "travel light" หลาย ๆ คนบอกว่าย้ายบ้านคงจะเหนื่อย pack & unpack แต่ใน case ของพวกเราคิดว่าคงไม่ เพราะพวก furniture อะไรก็คงไม่ขนไป ส่วนของใช้อะไร โดยส่วนตัวแล้วเราก็เป็นพวก "minimalist" อยู่แล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเยอะ จะเยอะก็คงเป็นพวก trophy ของลูกลิงตัวเล็ก dance trophy อะไรต่าง ๆ นานาของเขา เสร็จสิ้นกันที พอกันที กับการหาบ้านมา 1 ปีกว่า ๆ project ต่อไป เราก็มีอยู่ในใจแล้วแหละ แต่ตอนนี้ขอพักก่อน เพิ่งได้กุญแจมาไม่กี่วัน และราคาบ้านตอนนี้ก็โหดมาก ถ้าใครรอได้ก็ควรรอปีหน้า ที่เขียนมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบอกว่า "ทุกสิ่งอย่าง เราสร้างเองได้ ด้วยสมองและสองมือที่มี" เราไม่จำเป็นต้องคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ประเทศออสเตรเลีย ถ้าไม่ขี้เกียจก็ไม่อดตาย ส่วนจะร่ำรวยหรือเปล่านั้น ก็ต้องแล้วแต่ธุรกิจหรือหน้าที่การงานที่เราทำ หากเราไม่ย่ำอยู่กับที่ พยายามพัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ ทุกอย่างมันต้องดีขึ้น ทุกอย่างมี way ของมัน เป็นผู้ให้ก่อนที่จะเป็นผู้รับ ที่เหลือ ทุกอย่างมันมี way ของมันเอง สุขที่สุด ณ จุดที่เป็น |
AuthorJohn Paopeng Archives
December 2024
Categories |