สิ่งที่ครอบครัวเราได้รับจาก medical team ที่ Wollongong public hospital นั้นประเมิลค่ามิได้
คุณหมอหรือทีมผ่าตัดดีอะไร ยังไง เราไม่รู้ เพราะเราไม่ได้เข้าห้องผ่าตัดด้วย แต่พอภรรยาเราถูกย้ายเข้าไปอยู่ที่ ward พักฟื้น OMG... พยาบาลที่นั่น ดีมากทุกคน They are such an angel. ใจเย็นกับคนไข้มาก ภรรยาเราต้องการความช่วยเหลือจากพยาบาลจริง ๆ ก็แค่วันแรกที่ออกมาจากห้องผ่าตัด วันพฤหัส หลังจากนั้นเขาก็ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่เราก็สังเกตจากการพูดคุยของพยาบาลกับคนไข้คนอื่น ๆ ที่เป็นคนแก่เอย อะไร นั่น นี่ โน่น คือเขาต้องใจเย็นมาก ถึงจะเป็นพยาบาลได้ เห็นเขาแล้วยอมรับเลย แล้วไม่ใช่แค่พยาบาลคนใดคนหนึ่งนะ ทุก ๆ คนที่เข้าเวร เข้ากะสลับสับเปลี่ยนกันไป ทุกคนใจเย็นมาก ดูแลคนไข้เป็นอย่างดี มันก็ทำให้เรามองสะท้อนกลับมาที่ตัวเรานะ เราไม่น่าจะได้แม้แต่ครึ่งเสี้ยวของพยาบาลพวกนี้ มันต้องมีใจรักจริง ๆ นะถึงจะทำงานแบบนี้ได้ คือ "ข้าน้อยขอคารวะ" จริง ๆ มันทำให้เราภูมิใจในภาษีที่เราจ่ายไป มันไม่สูญเปล่า นี่คือ public hospital นะครับ ค่าใช้จ่าย $0.00 จริง ๆ แล้วภรรยาเราสามารถออกจากโรงพยาบาลวันเสาร์แล้ว แต่เขาก็รู้สึกไม่ secure รู้สึกไม่ safe อยากอยู่ใกล้มือหมอ อยากอยู่ใกล้ medical team มากกว่า ซึ่งทางโรงพยาบาลก็อนุญาตให้อยู่ต่อ พอวันอาทิตย์ เมื่อวานจะต้องกลับ ก็มีพยาบาลที่น่ารักมาก แอบมากระซิบว่า ถ้าอยู่ต่ออีก 1 ได้ ให้อยู่ต่อ เพราะหมอที่มาตรวจวันจันทร์ จะเป็นหมอทั้งทีม 2-3 คนมาตรวจพร้อมกัน ในขณะที่หมอที่มาตรวจเข้าเวรช่วงเสาร์-อาทิตย์จะเป็น junior doctor ภรรยาเราก็รับข้อเสนอสิจ๊ะ จะรออะไร ซึ่ง medical team ที่เข้ามาตรวจวันนี้ก็ให้ข้อมูลดีมาก บอกว่ากลับบ้านแล้วจะต้องทำอะไร step 1-2-3-4 และก็จะมีพยาบาลมาที่บ้านทุกวัน โอ๊ว มันดีเยี่ยงนี้เอง ในช่วงที่ทำ paperwork ก่อนออก เราก็เลยลงมาที่ cafe ด้านล่าง ซื้อ hot chocolate with oat milk x 10 แก้ว ขึ้นไปให้พยาบาลทุก ๆ คน พยาบาลมีไม่ถึง 10 และที่ cafe ด้านล่าง ตรง counter เราก็บอกพนักงาน "I will pay for everyone behind me; $200" ทุกคน (อาจจะไม่หมดทุกคน เพราะเราจ่ายเอาไว้แค่ $200) ที่ order หลังเราก็ไม่ต้องจ่าย สิ่งที่เราได้รับคือ ทุกคนเดินเข้ามาขอบคุณ มีการ shakehand นั่น นี่ โน่น หลาย ๆ คนก็ confuse เพราะคงไม่เคยมีใครจ่าย coffee ให้พวกเขามาก่อน (แก้วละ $5) but it is "a good confuse". ที่อยู่ในแถวก็มีนักเรียนฝึกหัดหลายคน เราสังเกตจากชุด uniform; จาก Western Sydney Uni บ้าง, จาก UOW บ้าง, จาก Newcastle Uni บ้าง (มาฝึกงานไกลมาก) เราก็บอกพวกนักเรียนฝึกงานทั้งหลายว่า "you guys are angel, the things that you guys do is amazing" เสร็จแล้วเราก็ถือ hot choc x 10 แก้วขึ้นไปที่ ward ทั้งหมดที่เขียนมานี้ เราไม่ได้ต้องการอวดอ้างสรรพคุณว่าอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ก็แค่อยากจะบอกว่า อะไรก็ตามแต่ที่เราทำแล้ว มันทำให้โลกมันน่าอยู่ขึ้น ทำไปเถอะเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่กำลังใครมี บางคนก็อาจจะบอกว่า ใช่สิ P' J มีตังค์ เปล่าเลย เราไม่ได้มีตังค์ คราวก่อนตอนซื้อบ้าน ก็เหลือเงินในบัญชี $446 เองนะ มันไม่ได้เกี่ยวว่ามีตังค์หรือไม่มีตังค์ ถ้า action ที่ come from your heart คนอื่นก็จะสัมผัสได้ ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่เราทำ จะเป็น inspiration ให้ใคร someone เอาไปทำต่อกับคนอื่น ๆ บ้าง paying forward เท่าที่เราทำได้ ช่วยเหลือคนอื่น เท่าที่เราทำได้ แบบไม่เดือดร้อนตัวเอง แล้วโลกนี้มันก็จะน่าอยู่ขึ้น ไม่ต้องดีสำหรับใคร แค่ดีต่อใจเราก็พอ ...รัก... 23/05/2022 วันอาทิตย์ที่ 17 Apr 2022 เราไปดู Shen Yun โชว์มา
เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร ก็แค่คิดว่าคงเป็นพวกการแสดงธรรมดา กายกรรมเอย Chinese Classical Dance เอย blah.... blah จริง ๆ แล้วคือเราอยากไปพักผ่อนแหละ อยากให้กำไรกับชีวิตในวัยละอ่อนแบบนี้บ้าง ก็แค่นั้นเอง ภรรยาเราบอกว่ามันเป็นโชว์ที่แบนในประเทศจีนนะ เราก็คิดว่าเอ๊ะ แล้วพวกเขาจะฝึกกันยังไง แล้วออกมาแสดงกันยังไง เอาเป็นว่าความรู้เกี่ยว Shen Yun โชว์เป็นศูนย์ และแฟนเราก็บอกว่าที่มันโดนแบนที่ประเทศจีนเพราะเป็นการแสดงของกลุ่ม Falun Gong (คนไทยออกเสียง "ฟา หล่ง กง") เราก็เออ เออ ไปกับนางแค่นั้นเอง ก็จนถึงวันที่เข้าไปดูโชว์ แล้วถึงถึงบ้างอ้อว่าทำไมโชว์นี้ถึงโดนแบน โอ๊ย... คุณพระ การเปิดตัวโชว์แรก ก็ไม่แปลกใจเลยที่โดนแบน ก็สมควรแล้วหละที่โดนแบนในประเทศจีน มันเป็นการโชว์ของลัทธิ Falun Gong เต็ม ๆ เลย มันเต็มไปด้วย political messages และก็ลัทธิความเชื่อของกลุ่ม Falun Gong ถ้าไม่โดนแบนในเมืองจีนนี่ก็แปลกละ 1 นาทีแรก คิดในใจว่า "ฉันไม่น่าหลงเข้ามาในนี้เลย พระเจ้าช่วย ใครก็ได้ช่วยเอาฉันออกไปจากที่นี่ที" แสง สี เสียง ตระการตาอยู่แล้ว หยิ่งใหญ่ แต่เนื้อเรื่องและ concept เป็นอะไรที่ไม่ work เปิดตัวมาโชว์แรกคือ fail มาก ประมาณว่า มีพระพุทธเจ้าอยู่บนสรวงสวรรค์และหมู่นางฟ้าและเทพบุตรจะลงมาโปรดสัตว์บนโลกมนุษย์ ลอยผ่านจักวาล ผ่าน universe มา เหมือนมนุษย์ต่างดาว เฮ้ย....นี่มัน Scientology ของ Tom Cruise หรือเปล่า พระเจ้าช่วย โอ๊ย... ถ้าไม่โดนแบนในประเทศจีนนี่คือแปลก!!! ทุก ๆ โชว์จะมีพิธีกรอธิบายเนื้อหาและเนื้อเรื่อง ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน มีหลายโชว์มากที่แซะรัฐบาลจีน เอ๊า ถ้าเธอไม่ชอบเค๊า เธอก็ไม่ต้องไปแซะเขาก็ได้ ก็ spread the word, spread the belief ของลัทธิตัวเองไป ถ้าแซะรัฐบาลจีนซะขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่โดนแบนในประเทศจีน พอดู ๆ ไปและมีคำอธิบายไป เราก็เลยถึงบางอ้อว่า: - Shen Yun ตั้งอยู่ที่ New York, USA ไม่ใช่ประเทศจีน (เริ่ม make sense ละ) - นักแสดงทุกคนฝึกการแสดงกันมาจาก New York - Shen Yun ก่อตั้งเมื่อปี 2006, ก็ไม่นานนะ - Shen Yun ไปแสดงอยู่ตามเมืองต่าง ๆ พร้อม ๆ กันถึง 16 ที่ในเวลาเตรียมกัน ก็แสดงว่าต้องมีนักแสดง 16 groups ออกเดินทางแสดงทั่วโลก เราเดาเอาว่ากลุม Falun Gong ก็น่าจะเป็น "ผู้ลี้ภัยทางการเมือง" ที่อยู่ที่สหรัฐ ดังนั้น ชี้โพรงให้กระรอก ใครคิดจะขอวีซ่าลี้ภัย (Protection Visa) ที่ประเทศออสเตรเลีย ก็นี่เลยจ๊ะ ถ้าเป็นคนจีนก็เข้าไปเป็นคนของ Fulan Gong แต่คนไทยก็ไม่น่าจะได้ เพราะประเทศไทยไ่ม่ได้แบน Fulan Gong (หรือเปล่านะ) เสร็จโชว์จาก Sydney แล้ว, Shen Yun ก็ไปโชว์ต่อตามเมืองต่าง ๆ เช่น Adelaide, Melbourne, Gold Coast ใครอยากจะไป experience อะไรแบบนี้ก็ลองดูได้ครับ แต่สำหรับเรา ครั้งเดียวพอจ๊ะ เราไม่ชอบไปดูโชว์ที่มันมีการเมืองเข้ามาเกี่ยว มันเป็น propaganda ซึ่งไม่ OK มันหมดสนุกในการดู ถ้าใครเป็นสายการเมือง ก็จัดเต็มเลยจร้า แต่เราขอ bye และก็มี propaganda ของลัทธิ Fulan Gong เยอะเกิน แสดง ๆ อยู่ก็วิ่งไปคารวะพระพุทธเจ้า แสดง ๆ อยู่พระพุทธเจ้าก็มาปราบมาร เฮ้ย.... มันจะอะไรกันนักกันหนา มันเยอะเกิน เราเห็นมาเยอะแล้วในหนังจีนกำลังภายในต่าง ๆ ในทีวีที่พระพุทธเจ้าลงมาปราบมารอะไรประมาณเนี๊ยะ มันก็เลยหมดสนุก Overall; once is enough anyway... that is just my thought.... :) 23/04/2022 2 อาทิตย์ก่อนที่ Elon Musk เข้ามาถือหุ้น 9% ของ Twitter เขาก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไปเลยทันที ในใจเราก็แอบคิดว่า "เออ ดี เราคงเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบางสิ่งบางอย่าง" เพราะ Elon Musk ก็เป็น the biggest disruptor อยู่แล้ว ตั้งแต่สมัย PayPal จนตอนนี้มาก่อตั้ง Tesla ที่ดังไปทั่วโลก ทุกคนอยากจับจองเป็นเจ้าของ
Tesla คือบริษัทที่ผลิตรถยนต์ 100% electric car เจ้าแรกของโลก ในขณะที่หลาย ๆ บริษัทตอนนั้นยังผลิตรถ hybrid อยู่เลย เราทำงานในโลกออนไลน์ เราก็ต้องคอยดูการเคลื่อนไหวของ patform ต่าง ๆ เท่าที่เราสังเกตนะ เราก็คิดว่า Twitter คงจะตายหรือปิดตัวไปเร็ว ๆ นี้เพราะคนใช้น้อยมากถ้าเปรียบเทียบกับ patform อื่น ๆ อย่าง Facebook หรือ Instagram อาจจะเป็นการคาดเดาที่ผิดก็ได้ แต่เราก็คิดของเราแบบนี้ ส่วน Facebook เองก็มีปัญหาในเรื่องของ privacy เพราะ Facebook ก็รู้ข้อมูลส่วนตัวเราเยอะเกินไป เพราะ Facebook มี pixel คอย trace การเคลื่อนไหวออนไลน์ของเรา รู้ไปหมดว่าเราทำอะไรบ้าง การที่ Elon Musk เข้ามาถือหุ่นใหญ่ของ Twitter นั้น เราคิดว่ามันเป็น "ความแค้น" ส่วนตัวของ Elon Musk กับ Mark Zuckerberg มากกว่า เพราะทั้ง 2 คนเคยไปปราศัยที่งาน ๆ หนึ่งเกี่ยวกับอนาคตของ AI (Artificial Intelligence) แล้วปรากฏว่าทั้ง Elon และ Mark เองพูดไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ในงานวันนั้น แต่ละคนมีความคิดไม่เหมือนกันในเรื่องบทบาทของ AI ที่มีต่อชีวิตเรา หลังจากนั้น Elon Musk ก็จะตำหนิ Facebook นั่น นี่ โน่น อยู่เรื่อย เดี๋ยวก็บอกว่า Facebook ไม่ safe มั่งหละ Facebook invades privacy มั่งหละ และเขาก็ปิดบัญชี Facebook ของ Tesla ไปด้วย แต่เขาก็ยังคงมีบัญชีของ Instagram ซึ่งเราก็ follow เขาอยู่.... oops!!! แต่ Instagram ก็เป็นของ Facebook/Meta นะ :) Mark Zuckerberg เองก็ชอบกินรวบเหมือนกัน anyway... เราก็คิดว่าการที่ Elon Musk เข้ามาถือหุ้นใหญ่ของ Twitter เราก็แอบคิดในใจว่า เออ มันต้องมีการ shake up กันเกิดขึ้นแน่นอน อย่างน้อย ๆ Facebook ก็น่าจะเริ่มมีคู่แข่งบ้าง เพราะตอนนี้ Mark Zuckerberg ก็กินรวบทั้ง Facebook (Meta) และ Instagram แต่ไม่ทันไร ข่าวก็ออกมาเมื่อวันที่ 14 Apr ว่า Elon Musk ต้องการ take over Twitter ไม่ใช่แค่ถือหุ้น 9% และดูเหมือนว่าจะเป็น hostile take over ซะด้วยสิ อุ๊ย... แบบนี้ ไม่น่ารัก!!! เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำนี้ของ Elon Musk เท่าไหร่ hostile take over เป็นอะไรที่ไม่น่ารัก มันเหมือนนายทุนรังแกผู้ค้ารายเล็ก การที่คนเราเป็น the richest man in the world ไม่ได้แปลว่าเราสามารถทำอะไรก็ได้ ความถูกต้องอะไรหลาย ๆ อย่างมันก็ต้องมี; ethical เดี่ยวเรามาดูกันว่า Elon Musk จะ take over Twitter ได้มั้ย หรือจะยังคงถือหุ้นใหญ่ 9% ต่อไป หรือว่าเขาจะเทขายหุ้นทิ้ง ต้องจับตามองจ๊ะ :) อาจารย์ Kevin เป็นพระฝรั่ง พูดไทยได้
ท่านเคยจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าโพธิศรัทธาที่ Wilton เรารู้จักท่านมา 7 ปีแล้ว ตอนนี้ท่านไม่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าที่ Wilton แล้ว เราก็ยังรักและเคารพท่านเหมือนเดิม มีอยู่ช่วงหนึ่งท่านไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไทยที่ Canberra ช่วงที่ท่านเรียนปริญญาโททางด้านจิตวิทยาที่ ANU เราก็เคยไปกราบท่านอยู่ครั้งหนึ่ง พอท่านเรียนจบ ท่านก็ไปจำพรรษาอยู่ที่ Adelaide เป็นเวลา 3 เดือน ตอนนี้ท่านอยู่ศูนย์ปฏิบัติธรรมใน Melbourne (ไม่รู้ว่าชื่อว่าอะไร) วันนี้เราได้โคจรมาเจอท่านที่ Wollongong เรารู้สึกเป็นบุญของเราเหลือเกิน เพราะท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พระอาจารย์เควินบวชที่วัดไทย วัดมาบจันทร์ ที่ จ.ระยอง ท่านเลยพูดไทยได้ ท่านเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อนันต์ และอาจารย์อนันต์เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ชา และเคยอยู่รับใช้หลวงปู่ชาที่วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ธรรมเนียมการปฎิบัติแบบสายวัดป่าจึงสืบทอดกันมา ถึงแม้ว่าวัดหนองป่าพงจะเป็นวัดป่าสายมหานิกาย แต่การปฏิบัติก็เคร่งครัดเหมือนวัดป่าสายธรรมยุติ ใครอยากรู้ว่า "มหานิกาย" กับ "ธรรมยุติ" แตกต่างกันยังไง ลองหาข้อมูลใน Internet นะครับ ไม่รู้นะ เราว่าการที่พระฝรั่ง ที่เกิดในประเทศตะวันตกแบบนี้ (Mildura VIC) แล้วมาหลงไหลและศรัทธาพระพุทธศาสนาแบบนี้ มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก แตกต่างจากกพระ "หาแสง" ที่แสวงหาเงินเข้าตัวเอง พระวัดป่าสมถะ ไม่ถือปัจจัย ไม่รับปัจจัย แตกต่างจากวัดบ้าน พระอาจารย์จะกลับมาที่ Wilton อีก เดี๋ยวเราก็จะทำหน้าที่ขับรถรับส่งสนามบิน ช่างเป็นบุญของเราเหลือเกินที่เราได้อุปภากพระอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเช่นนี้ เดี๋ยวเราต้องหาโอกาสไปไหว้ท่านที่ Melbourne แล้วหละ "Unconditional love" นั้นมีอยู่จริง
มันมาได้ในหลายรูปแบบ เมื่อเรารักใครซักคนจนหมดหัวใจอย่างไม่มีข้อแม้ แบบไม่ปรนเปรอด้วยวัตถุนิยม อันนั้นแหละ เราเรียกว่า "conditional love" "Unconditional love" ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม มันคือสิ่งที่สวยงาม ลูกหมาจากลุงไปจะครบ 2 ปีแล้ว เดือนหน้า ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง 2 เดือนแรกที่หนูจากไป ลุง… น้ำตาเปียกหมอนทุกคืน หลับไปทั้งน้ำตาตลอด ตอนนี้ บางวันอยู่เงียบ ๆ คนเดียว น้ำตาก็ยังไหลอยู่ 2 ปีผ่านไป ทุก ๆ คนในครอบครัวก็ต้องรักษาหัวใจที่เปราะบางกันไป คนที่ยังอยู่ ก็ต้องดูแลกันต่อไป มันก็ทำให้ครอบครัวเหนียวแน่นกันมากขึ้น แต่ก็ไม่อยากให้ใครต้องจากเราไปก่อนเวลาอันควร หัวหงอกเผาหัวดำ มันไม่ง่ายหรอกนะ ใครไม่เจอ ไม่มีทางได้รู้ ก็มีหลายครั้ง ที่ลุงเองก็อดคิดไม่ได้ว่า "ถ้าหนูยังอยู่" หนูคงจะเป็นแบบนั้น แบบนี้ เพราะลุงวาง plan ชีวิตไว้ให้หนูหมดแล้ว จบ ม.6 แล้วจะไปเรียนอะไรที่ไหน ลุงก็พร้อม support ลุงก็ไปดูบ้านจัดสรรใกล้ ๆ มหาลัยให้แล้ว และจะซื้อให้เป็นชื่อลูกหมาด้วย พร้อมจะทำทุกอย่างให้กับเค๊า ที่ลุงหามาให้ไม่ได้ ก็น่าจะเป็นดาว เดือน กับ ตะวันนี่แหละ แต่เค๊าก็มาจากเราไปก่อนเวลาอันควร มันเจ็บ มากถึงมากที่สุด เท่าที่เกิดมามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ มันเหมือนโลกทั้งใบถูกถล่มลงมาตรงหน้า "ทำไม" "ทำไม" และ "ทำไม" มันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ ทำไมมันต้องเกิดขึ้นกับครอบครัวเราด้วย ทุกอย่างในชีวิตกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ครอบครัวเราก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทุกคนก็ต้องจับมือกันไว้ให้แน่น ๆ ไม่ปล่อยมือกัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย และใช้กรรม เป็นเรื่องปรกติ เรารู้ แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่าแล้วทำไมต้องเป็นตอนนี้ แล้วทำไมต้องเป็นหลานเราด้วย "ทำไม" "ทำไม" และ "ทำไม" มันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ แต่ก็อดที่อยากจะถามไม่ได้ แต่หนูก็เกิดมาให้ลุงรัก เป็นพี่ชายที่ดีให้กับลูกลิง ลูกลิงกลับเมืองไทยทีไร เค๊าก็ต้องไปนอนห้องเดียวกันกับพี่ชายเค๊า ไปไหน เราเอาหลานเราไปด้วย เกาะสมุยเอย หาดใหญ่เอย หรืออยากจะไปเดินเล่นซื้อของที่ MBK สุวรรณภูมิคือจุดนัดพบของเรากับหลาน เราไม่ได้ปรนเปรอหลานด้วยสิ่งของ แต่ถ้ามีของจำเป็นที่หลานต้องใช้ ลุงก็พาบิน domestic เข้ากรุงเทพ เข้ามาซื้อของแบบบินเช้า เย็นกลับได้ และก็ให้นั่งชั้นพิเศษด้วย ลุงทำมาหมดแล้ว เพื่อหลานคนนี้ ลูกหมาของลุง รักมาก ก็เจ็บมาก อันนี้จริง ใครไม่เจอ ไม่มีทางได้รู้ หลาย ๆ คนชอบบอกเราว่า “หลานไปดีแล้ว” แต่เราก็อดที่จะแย้งพวกเขาในใจไม่ได้ว่า “ถ้าหลานยังอยู่ หลานก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้เหมือนกัน” "unconditional love" หากใครได้สัมผัส หากใครได้เจอ มันเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่สวยงาม มากถึงมากที่สุด แด่ "ลูกหมา" ของลุง รักเสมอ คิดถึงตลอด อยู่ในใจเสมอ ทุก ๆ ที่ที่ลุงไป LOVE 16/01/2022 เขียน ณ หาดป่าตอง ภูเก็ต; Phuket Sandbox เด็กหนุ่มสาว เมื่อครั้นเรียนจบก็ตั้งหน้าตั้งตาหางานหาการกัน
เราเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อครั้งเรียนจบจาก UOW เราก็ไปเป็น programmer อยู่ 4 ปี มีความสุขลั๊ลล๊า เงินเยอะ ไม่มีภาระ โถ เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสานัก สมัยก่อนมันยังไม่ได้ social media แบบนี้ เราเองก็ไม่ได้มีเวลาอ่านหนังสือเรื่องการเงิน การลงทุนอะไรต่าง ๆ เรื่องพวกนี้ไม่มีสอนในโรงเรียน เรารู้แค่ว่า จบ ป.ตรี ก็ต้องทำงาน แล้วก็ต้องต่อ ป.โท เพราะเพื่อน ๆ ในกลุ่มทุกคนเรียนต่อ ป.โท หมดเลย เราก็ต้องเรียนต่อ ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนเรียนโทก็เคยเขียน essay ได้ 100% ก็เลยเรียนไปเรื่อย ๆ ทำงานไปด้วยตอนนั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก เหมือนชีวิตมันถูกวางมาแล้ว ว่าจบ Computer Science มามันต้องทำอะไร เป็นอะไร มีเพื่อนแบบไหน แต่โลกปัจจุบันกับโลกของเราเมื่อสมัยก่อนมันต่างกันนัก ตอนนี้เขามี "อายุน้อยร้อยล้าน" มีแม่ค้าออนไลน์ LIVE ขายกระเป๋าได้ยอดขายวันละล้านบาท และอื่น ๆ อีกมากมาย โลกทุกวันนี้มันมี Internet มันมี information superhighway เด็ก ๆ รุ่นใหม่เข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้เยอะ ได้ไว เราก็แค่อยากจะแอบกระซิบเบา ๆ กับน้อง ๆ รุ่นใหม่ว่า การมีงานทำหนะดีจ๊ะ แต่ชีวิตหนูจะดีกว่าถ้าหนูเริ่มจากการทำงาน เป็น employee แล้วค่อย ๆ ขยับมาเป็น self-employed แล้วค่อยขยับไปเป็น employer/business owner แล้วเป็น investor เข้าใจแหละว่าคนเราต้องเริ่มจากที่ไหนซักแห่ง ก็เริ่มจากการเป็น employee นี่แหละ ให้จำไว้เสมอว่า การทำงาน หรือ JOB มันก็ไม่ต่างจาก "Just Over Broke" หรอก คือมันมีพอกินพอใช้ อาจจะเหลือเก็บ แต่ไม่รวย ถ้าเราอยากจะออกจากวงจรเดิม ๆ ของ rat race เราก็ต้องมีเป้าหมาย มี goals in life แล้วค่อยขยับขยายชีวิตไปในทิศทางที่เราต้องการ ใครจะวิ่งเร็วอะไร ยังไง ช่างเขา ถ้าเราเดิน แต่ "เดินไม่หยุด" เราก็ถึงเส้นชัยของเราได้เหมือนกัน ดอกไม้ดอกออกสวยงามตามฤดูกาลของมัน ฤดูนี้อาจจะไม่ใช่ฤดูของเรา แต่เมื่อฤดูออกดอกของเรา เราก็จะเบ่งบานและสวยงามได้เหมือนกัน ในแบบของเรา #RealMeBeauty การทำงานวันนี้ การ concentrate อะไรในวันนี้ อย่าลืมเงยหน้าขึ้นแล้วมองเส้นชัยที่อยู่ข้างหน้าด้วย ว่าจริง ๆ แล้วเราต้องการชีวิตเราแบบไหน ชีวิตเรา เราออกแบบเองได้ ต้องการ Retire Young, Retire Rich (RYRR) ตามแบบ Robert Kiyosaki ก็ทำได้ หรือต้องการ New Rich (NR) แบบ Tim Ferris ก็ทำได้ ก็ลองหาหนังสือของ 2 คนนี้มาอ่านดูครับ แล้วชีวิต you จะเปลี่ยนไป จริง ๆ เราถึงเส้นชัยของเรานานแล้ว 2 ปีที่แล้ว แต่เราก็เลือกที่จะยังทำงานอยู่ ทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ ดีที่สุด อยากให้ทุกคนถึงเส้นชัยเหมือนกัน ตามมานะครับ เราจะก้าวเดินไปพร้อม ๆ กัน ทุกหนทางมีอุปสรรคเสมอ โปรดอย่าเห็นเราเฉพาะตอนที่เราอยู่บนที่สูง ระหว่างทางมันก็ยากลำบากอยู่เหมือนกัน ตัวเราเองก็ต้อง work hard and work smart ทุกประสบการณ์มันจะทำให้เราแกร่ง การหางานเป็นสิ่งที่ดี และอย่าลืมวางแผนอะไรยาว ๆ นะครับ จากพนักงาน เราจะก้าวไปเป็นอะไร แล้วก็จะเป็นอะไรต่อจากนั้น แล้วก็จะเป็นอะไรต่อจากนั้น และจากนั้น และจากนั้น ดู Oprah Winfrey เป็นตัวอย่าง เขาเริ่มจากอะไร แล้วตอนนี้ empire เขาใหญ่ขนาดไหน ตอนที่เราหางาน ตอนที่เราสมัครงาน ลองมองภาพรวม ภาพใหญ่ ๆ ด้วยนะครับ JOB น้อยจากที่จะนำมาซึ่ง Financial Independence หรือ Financial Freedom. ลอง plan อะไรกันยาว ๆ ดู ธุรกิจ ถ้าวางระบบดี ๆ มันสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
ทุกวันทำงานคือวันหยุด ทุกวันทำงานคือ holiday อยู่แล้ว เพราะเราทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเข้า office ทั้งปี แล้วมาหยุดพัก break แค่ไม่กี่วันช่วง Xmas หรือปีใหม่ เราคิดว่าระบบแบบนั้นมันเก่าไปแล้ว ของเราโชคดี เพราะทำอะไรเริ่มจาก "ความไม่มี" เราก็เลยต้อง "resourceful" ก็ต้องคิดเยอะกว่าคนอื่น "ทำธุรกิจคิดเยอะ จึงเหนื่อยน้อย" ทุกวันนี้ก็เลยสบาย เพราะเราสามารถทำงานได้จากที่ไหนก็ได้ ไม่ได้เกี่ยวกับ COVID ไม่ได้เกี่ยวกับ Work From Home เพราะระบบการทำงานของเราถูกออกแบบมาแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็เพราะ "ความไม่มี" ไง เราก็เลยต้องประหยัด เราก็เลยต้อง resourceful เราก็เลยต้องออกแบบธุรกิจของเราแบบนี้ ไม่เน้นหน้าร้าน ไม่เน้น office ตายตัว ใช้พลังโซเซียลมีเดีย และพลังออนไลน์ล้วน ๆ ก็เพราะเป็นเด็ก computer science ก็เพราะเป็นอาจารย์สอนหนังสือ สอนวิชาคอมพิวเตอร์ และวิชาของ Year 11-12; Information Processing and Technology (IPT) มันก็ topic เรื่อง "Telecommuting" ด้วย เมื่อเราสอนลูกศิษย์แล้ว เราเป็นอาจารย์ เราก็ต้องนำเอาสิ่งที่เราสอนมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของเราด้วย มัน "work" มากสำหรับเรา สำหรับคนอื่นเป็นยังไงเราไม่รู้ แต่สำหรับเรา เราสะดวกแบบนี้ และก็ชอบแบบนี้ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากจะทำธุรกิจ one peice of advice = ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน วันนี้ขอฝากเอาไว้แค่นี้ครับ :) ผ่านไป 4 weeks สำหรับการเปิดตัวสินค้า "J. Dok Jig" น้ำจิ้มซีฟุ๊ด และน้ำยำ ในระหว่างที่รอน้ำปลาร้า
มันเป็นสินค้าที่ไม่เคยคิดจะทำ เพราะใจจริงก็มัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่แต่กับเรื่องน้ำปลาร้า มันคิดแค่ว่าก็ "พิมรี่พาย" ยังมีน้ำปลาร้าเลย เราก็อยากมีมั่ง แค่นั้นเลยจริง ๆ สินค้าอย่างอื่นรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้อะไรมากมาย แต่พอมาลองทำ เอ๊ะ มันก็ไม่ได้ยากหนิ ที่ผ่านมาก็มัวแต่งมโข่งอยู่กับการทำน้ำปลาร้าที่เมืองไทย กระบวนการเยอะ ถ้าจะทำอะไรให้มันถูกต้อง เราไม่ใช่แค่รับสินค้ามา แล้วมาโพสต์ขายออนไลน์ในออสเตรเลีย มันไม่ใช่ มันต้องฉลากโภชนาการที่ถูกต้อง นั่น นี่ โน่น บอกแล้วไง ถ้าจะทำอะไรให้มันถูกต้องหนะ มันใช้เวลานาน แต่จะเหนื่อยน้อยภายหลัง "ธุรกิจ คิดเยอะจึงเหนื่อยน้อย" น้ำจิ้มกับน้ำยำของเราเปิดตัวมา 4 weeks มียอด order 31 ลัง OK แหละกับการเริ่มต้น ส่วนมากคนที่สั่งก็เป็นคนที่ follow เรานี่แหละ กราบขอบคุณทุก ๆ order ทั้ง ๆ ที่หลาย ๆ คนไม่เคยชิม ไม่เคยทานมาก่อน เขามาอุดหนุนเพียงเพราะ "อยากอุดหนุน" เพียงเพราะอยาก support เพราะเขารู้ว่านี่เป็นสินค้า เป็น product ของเรา เรารู้สึกซาบซึ้งจริง ๆ เพราะการที่ใครจะมาสั่งสินค้า 1 ลัง 50 ขวด มันไม่ง่ายนะ เพราะ 50 ขวดมันก็เยอะ ราคาก็แพง มันแสดงถึงหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า "1,000 True Fans" มันทำให้เรารู้ว่าเราไม่ "โดดเดี่ยว" ทุกเหตุการณ์ มันสอนอะไรเราเสมอ หลาย ๆ คนถ่ายรูปสินค้า ลงโซเซี่ยลมีเดียให้ ช่วย promote ให้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้อะไรเลย ทุกอย่างจะเกิดขึ้นด้วยพลังของโซเซี่ยลมีเดีย พลังของการบอกต่อ พลังของ words of mouth เรื่องนี้เรารู้ดีว่าจะต้องทำยังไง มันก็คงไม่แตกต่างกับ "Coke และ McDonald" Coke และ McDonald เองก็มีเรื่องราวและความสัมพันธ์ที่ยาวนาน ใน McDonald ทุกสาขาทั่วโลกจะ สินค้าเครื่องดื่มจะมีแค่มาจากบริษัท Coco-Cola เท่านั้น จะไม่มี Pepsi เพราะอะไร ลองไป search ดู blog เก่า ๆ ของเราดูนะครับ มันเป็น relationship ที่งดงาม มันเป็น relationship ที่ WIN-WIN Anyway, ทุกการทำธุรกิจ ทุกการลงทุน ทุกการลองทำอะไรใหม่ ๆ ออกจาก comfort zone ทุกอย่างต้องมีการเรียนรู้ ปรับปรุงและแก้ไข เราก็ต้องเรียนรู้กันไป เพราะทุกอย่างก็ใหม่สำหรับทุกคน โรงงานเองก็ยังใหม่ อาจจะไม่เคยมี order เข้ามาทุก ๆ อาทิตย์แบบนี้ ลังบรรจุสินค้าต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ เดี๋ยวฉลากก็ต้องมีการเปลี่ยนสีใหม่ ไม่ให้เหมือนกันมาก ก็ไม่เป็นไร โรงงานก็จะหยุดผลิตช่วง 23 Dec 2021 - 05 Jan 2022 เราก็ใช้เวลานี้ในการคิดและปรับปรุง แก้ไขกันไป จะต้องทำอะไร ยังไงบ้าง อาจจะมีอีกหนึ่งสูตรสำหรับน้ำจิ้มซีฟุ๊ด - เป็นสูตร origial สูตรดั้งเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร - อีกสูตรเป็นแบบเผ็ด "x 2" เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ส่วนน้ำยำเราก็คงออกมาเป็นอีกหนึ่ง product ใหม่ เป็นฉลากเขียว เอาใจสายคลีน low sugar low sodium no MSG no peservative ต่าง ๆ นานา ก็อาจจะไม่ได้เน้น mass market มาก ก็เจาะเฉพาะกลุ่ม niche market ไปเลย กลุ่มตัวเองนี่แหละ เพราะเราก็เน้นสายคลีนอยู่แล้ว ไม่ต้องขายเยอะ ขายนิด ๆ หน่อย ๆ กร้อมแกร้มกับคนรอบข้างก็พอแล้ว :) แค่ให้พอกับ minimum order ที่ทางโรงงาน OEM กำหนดมาก็ OK ละ ฉลากเขียวก็จะทำออกมาเพื่อสนองความต้องการของตัวเราเองอย่างแท้ทรู ธุรกิจมันต้องเริ่มจาก passion ก่อนสิ อะไรที่เราชอบ มันต้องออกมาดี ผู้บริโภคต้องสัมผัสได้แหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าโรงงานจะสามารถผลิตสินค้าสายคลีน (ฉลากเขียว) ให้เราได้หรือเปล่า เป็นอะไรที่ต้องจับเข่าคุยกัน เพราะต่างฝ่ายก็ต่างใหม่ด้วยกันทั้งคู่ เดี๋ยวต้องคอยดูว่าจะออกมายังไง บันทึกเอาไว้ อีกหนึ่งความทรงจำของ "J. Dok Jig" 18/12/2021 ขำ ๆ ไม่คิดมาก: ซื้อบ้านยังไงไม่ให้ทะเลาะกัน
คู่สามีภรรยาหรือคู่รักต่างเพศ
คู่รักเพศเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่ชายชายหรือคู่หญิงหญิง
สิ้นสุดกันทีกับการที่ต้องวิ่งตะลอน ๆ หาดูบ้านมา 1 ปีกว่า ๆ
มันเหนื่อยมาก ทุก ๆ วันเสาร์เรา plan ชีวิตอะไรไม่ได้ ไปไหนไม่ได้ ต้องออกไปดูบ้าน ไป inspect บ้าน จากบ้านหลังแรกที่เรา offer ไปเมื่อ Nov 2020 มาลงตัวที่หลังนี้ Oct 2021 จากหลังแรกที่ offer ไปตอน Nov 2020 มาถึงหลังนี้ก็เป็นหลังที่ 5 ที่เรา offer ได้ 4 หลังที่ชวดไป ก็เป็นเพราะเราติดนั่น นี่ โน่นบ้าง โดยเฉพาะหลังที่ 4 ที่ชวดไป ห่างกับหลังนี้แค่อาทิตย์เดียว คือเราเซ็นสัญญาช้าไปครึ่งชั่วโมง คนอื่นที่เขาพร้อมจะเซ็นเลย เขาก็เลยชิงเอาไปก่อน ช่วงนี้มันเป็น market ของ vendor จริง ๆ จ๊ะ คนขายชนะทุกอย่าง คนซื้อแย่งกันซื้อ ก็เอาเป็นว่ามาลงเอยที่บ้านหลังนี้ ที่ offer มาได้หลังที่ 5 บ้านหลังนี้ก็จะเป็นอสังหาริมทรัพย์หลังที่ 4 ประเทศออสเตรเลียของครอบครัวเรา มันเป็นหลังที่ 4 ก็จริง แต่มันคือหลังแรกที่เป็น "family home" เพราะ 3 หลังก่อนหน้านั้นมัน investment property หมดเลย เราปล่อยให้คนเช่า แต่หลังนี้พวกเราจะอยู่กันเอง ก็เลยเลือกกันเยอะนิดหนึง ก็เลยต้องพิถีพิพันกันหน่อย เลือกกันอยู่เป็นปี หากันอยู่เป็นปี กว่าจะลงตัว บ้านหลังนี้เรา offer ไปเมื่อ 09 Oct 2021 Settlement กัน 24 Nov 2021 และรับกุญแจกัน 25 Nov 2021 2 วันก่อน settlement เราก็โอนเงินออกจากบัญชีจนมือสั่น ตัวเลขมันเยอะมาก แต่ก็ต้องทำ เพื่อที่จะได้ move on ไปทำอะไรอย่างอื่นกับชีวิต ไม่งั้นมันก็ต้องมาวิ่งดูบ้านกันทุก ๆ เสาร์ มันเหนื่อยมาก ต้องเจอเองจ๊ะ!!! ก็เอาเป็นว่าเรา "เทหมดหน้าตัก" เหลือตังค์ในบัญชี $447 และอีกบัญชีหนึ่งประมาณ $2,200 บันเทิงจ๊ะ ชีวิตนี้ บันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำว่าเหลือเงินในบัญชี "$447" OK แหละ จบสิ้นภารกิจของชีวิต ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ ก็ไม่ต้องอะไรมากมายแล้ว เรากับครอบครัวก็คงไม่ย้ายเลยทันทีหรอก พวกเราไม่รีบ แค่รู้ว่าได้ซื้อบ้านของตัวเองแล้ว ก็สบายใจแล้ว บ้านที่เช่าอยู่ทุกวันนี้พวกเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก เพราะพวกเราก็มีเงินจากค่าเช่าบ้านอีก 3 หลังมา cover อยู่ มันก็เลยลงตัว เราก็เลยไม่จำเป็นต้องรีบ ก็ต้องรอให้ลูกลิงตัวโตสอบ HSC เสร็จ และพวกเราก็คงจะ renovate เปลี่ยนนั่น นี่ โน่นตามใจภรรยาว่าเขาอยากเปลี่ยนอะไรบ้าง ก็ทำให้ดีเลยทีเดียวแล้วค่อยย้าย และตอนย้ายพวกเราก็จะไปกันเฉพาะเสื้อผ้า furniture ทุกสิ่งอย่างคงไม่หอบไป มันถึงเวลาที่ต้องจากลากันไป เพราะตู้เย็นที่ใช้ ก็ซื้อมาตั้งแต่ 2001 sofabed ตรง living room ก็ซื้อมาตั้งแต่ 2001 เป็นของ brand new ก็จริง แต่มันก็ 20 ปีที่แล้ว มันคงถึงเวลาที่พวกเราต้องจากลากันไปแล้วหละ พวกเราคงซื้ออะไรใหม่หมดเลย เริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่บ้านหลังใหม่ โต๊ะ เก้าอี้ ก็คงไม่หอบอะไรไป ขอเป็นพวก "travel light" หลาย ๆ คนบอกว่าย้ายบ้านคงจะเหนื่อย pack & unpack แต่ใน case ของพวกเราคิดว่าคงไม่ เพราะพวก furniture อะไรก็คงไม่ขนไป ส่วนของใช้อะไร โดยส่วนตัวแล้วเราก็เป็นพวก "minimalist" อยู่แล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเยอะ จะเยอะก็คงเป็นพวก trophy ของลูกลิงตัวเล็ก dance trophy อะไรต่าง ๆ นานาของเขา เสร็จสิ้นกันที พอกันที กับการหาบ้านมา 1 ปีกว่า ๆ project ต่อไป เราก็มีอยู่ในใจแล้วแหละ แต่ตอนนี้ขอพักก่อน เพิ่งได้กุญแจมาไม่กี่วัน และราคาบ้านตอนนี้ก็โหดมาก ถ้าใครรอได้ก็ควรรอปีหน้า ที่เขียนมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบอกว่า "ทุกสิ่งอย่าง เราสร้างเองได้ ด้วยสมองและสองมือที่มี" เราไม่จำเป็นต้องคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ประเทศออสเตรเลีย ถ้าไม่ขี้เกียจก็ไม่อดตาย ส่วนจะร่ำรวยหรือเปล่านั้น ก็ต้องแล้วแต่ธุรกิจหรือหน้าที่การงานที่เราทำ หากเราไม่ย่ำอยู่กับที่ พยายามพัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ ทุกอย่างมันต้องดีขึ้น ทุกอย่างมี way ของมัน เป็นผู้ให้ก่อนที่จะเป็นผู้รับ ที่เหลือ ทุกอย่างมันมี way ของมันเอง สุขที่สุด ณ จุดที่เป็น |
AuthorJohn Paopeng Archives
February 2024
Categories |