จอห์น เผ่าเพ็ง เพราะฉะนั้น
  • Blog; journal of life
  • Daddy Diary
  • Investment Diary
  • Business Tips and Tricks
  • ข้างขอบเตียง Cancer
  • ครูไทยในต่างแดน
  • ebooks
  • About
  • กราบขอบคุณ

บุพเพสันนิวาส ๒

31/7/2022

Comments

 
Picture

โดยส่วนตัวแล้ว เราเป็นคนไม่ดูหนังไทย
เพราะไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วยกับบริบทและขบวนการทางด้านความคิดแบบไทย ๆ หลาย ๆ อย่าง (เราใช้ชีวิตเกินครึ่งชีวิตที่ต่างแดนครับ และไม่เคยทำงานที่เมืองไทย) ก็เลยไม่มีความจำเป็นที่ต้องจ่ายเงินไปดูอะไรแบบนั้น 

หนังไทยเรื่องล่าสุดที่เราคือ "รักแห่งสยาม" และก็ดูผ่าน DVD ไม่ได้ไปดูในโรงหนังด้วย

ส่วนหนังไทยที่มาฉายที่ประเทศออสเตรเลีย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะเราอยู่ที่ Wollongong  ไม่ขับรถไปไกลขนาดนั้นเพื่อไปดูหนังแน่นอน

แต่ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไป
มันมี social media 
เราเข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้ง่าย
และคนจัดคราวนี้ ก็เป็น "มิตรที่ดี" กับเรา

จากคนที่ไม่ดูหนังไทย ก็ต้องไป
จากคนที่ไม่ดูหนังในโรง ก็ต้องไป

ถ้าดูหนังในโรง คือไปดูหนังพวก family movie จาก Pixar ช่วงเด็ก ๆ ปิดเทอม
พอตอนนี้เด็ก ๆ โตกันหมดแล้ว เขาก็ไปดูหนังกับเพื่อนเขา
เราก็เลยไม่ได้ไปดูหนังในโรงเลย ก็เลยสบายไป.... :)

ชอบนั่งสบาย ๆ อยู่บ้านดู Google Movie มากกว่า

ไปดูหนังไทยในออสเตรเลียคราวนี้
นอกจากจะไปดูเพราะไป support "มิตรที่ดี" แล้ว เราก็ได้อะไรกลับมาเยอะ

เฮ้ย... หนังไทยดีมาก
11 เต็ม 10
110%

ไม่ได้อวยเพราะว่ารู้จักกับคนจัด

อันนี้พูดไปตามเนื้อผ้า
ชอบก็ชอบ
11 เต็ม 10  คือเกินชอบ
ถ้าบ้านอยู่ใกล้ Sydney ก็จะไปดูอีกซัก 2 รอบ

ความชอบของแต่ละคน แต่ละบริบทอาจจะไม่เหมือนกัน
สำหรับคอหนังไทย อาจจะมีการเปรียบเทียบเรื่องนั้นกับเรื่องนี้เยอะ
แต่ของเราไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบ

เราชอบใน context ของหนังเอง
In its own merit.

สำหรับคนที่ใช้ชีวิตมาค่อนครึ่งชีวิตที่ต่างแดนอย่างเรา เราชอบฟังภาษาไทยย้อนยุคแบบนี้

มี classic ยิ่งนัก
มันไพเราะ
มันรู้สึก touch อย่างบอกไม่ถูก
มันมีความเป็น soft power แบบไม่ต้องบังคับ ไม่ต้อง force
ทุกอย่างเป็นธรรมชาติมาก
หลาย ๆ อย่างมีความเป็นไทย ซึ่งโดนใจคนแบบเราอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องราว เราชอบเนื้อเรื่องอยู่แล้ว 
ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ถ้าเนื้อเรื่องของหนังทำออกมาในยุคปัจจุบันเราจะชอบหรือเปล่า
เราชอบหนังย้อนยุคแบบนี้มากกว่า

เรื่องดารา พระเอกนางเอก
ไม่ต้องพูดถึง เพราะเราไม่รู้จัก และไม่ใช่คนบ้าดาราอยู่แล้ว
ชอบเนื้อเรื่องที่มัน flow
ชอบความเป็นไทย
ชอบความย้อนยุค
ชอบความมี  "soft power"

Comments

ไม่ต้องมีล้นฟ้า

5/7/2022

Comments

 
Picture
​ไม่ต้องมีล้นฟ้า
ไม่ต้องหาถ้อยคำหวานหวาน
อย่างที่มี ก็ยังใช้อยู่

ขอแค่เงินในบัญชีเท่านั้น
หมายถึงเงินอย่างเดียวเท่านี้
อยากจะโอนอีกที แสดงว่าเธอ... รักฉัน

ไม่ต้องมีเท่าฟ้า แต่ขอให้มีเท่าเดิม
อาจต้องการเพิ่มเติม แต่เงินไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องใช้จนชั่วนิรันดร์
ตราบที่ J นั้นยังหายใจ
ขอให้มากกว่าเดิม ขอให้มากกว่าเดิม

ไม่ต้องฝืนตัวเองเพราะฉัน
ไม่ต้องฝันจะเป็นเหมือนใคร
ก่อนเคยเป็นอย่างไร ก็เป็นเหมือนเก่า

เงินเท่านั้นที่เคยให้ไว้ เงินเท่าไหนก็ไม่สำคัญ
บอกว่า J ต้องการเท่านี้

ไม่ต้องมีเท่าฟ้า แต่ขอให้มีเท่าเดิม
อาจต้องการเพิ่มเติม แต่เงินไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องใช้จนชั่วนิรันดร์
ตราบที่ J นั้นยังหายใจ
ขอให้มากกว่าเดิม ขอให้มากกว่าเดิม

ขอแค่เงินอย่างเดียวเท่านั้น
หมายถึงเงินอย่างเดียวเท่านี้
อยากจะมีอีกทีเพราะเธอรักฉัน

ไม่ต้องมีเท่าฟ้า แต่ขอให้มีเท่าเดิม
อาจต้องการเพิ่มเติม แต่เงินไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องใช้จนชั่วนิรันดร์
ตราบที่ J นั้นยังหายใจ
ขอให้มากกว่าเดิม ขอให้มากกว่าเดิม

ไม่ต้องมีเท่าฟ้า แต่ขอให้มีเท่าเดิม
อาจต้องการเพิ่มเติม แต่เงินไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องใช้จนชั่วนิรันดร์
ตราบที่ J นั้นยังหายใจ
ขอให้มากกว่าเดิม ขอให้มากกว่าเดิม
Comments

ในวันที่ "ไม่มี"

1/7/2022

Comments

 
Picture
ในวันที่เรา "ไม่มี"
ในวันที่เราเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ "J Migration Team"; 2008
ปี 2008, เรายังไม่มีประสบการณ์ ยังไม่ pro 
ค่าบริการเราก็ยังจะน๊อมแน๊มอยู่

Subclass 457; Stage 1-2-3 อยู่ที่ $2,500.00 ต่อ case
ทำกัน 2 คนผัวเมีย ก็ตกคนละประมาณ $1,250 ถูกมากถึงมากที่สุด

และเคยทำ $2,500.00 ต่อ 1 case หนึ่งครอบครัวที่มี พ่อ + แม่ + ลูก 3 คน รวมกันเป็น 5 คน
ตกคนละ $500 มาแล้ว

นี่คือวีซ่า subclass 457
นี่คือวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์สมัยนั้น
เราคิดถูกมาก ถึงมากที่สุด มันยังเป็นช่วงหาประสบการณ์ หาลูกค้า

พอเจอ 5 คน, $2,500.00 เราก็เลยต้องเปลี่ยนวิธีการคำนวณค่าบริการของเรา คิดเป็นต่อหัวแทน

คือคนสมัครหลัก + คนติดตาม คิดลดหลั่นกันมา
ไม่งั้นมันก็ไม่คุ้ม เพราะบาง case ก็มีสมาชิกในครอบครัวเยอะจริง ๆ แล้ว subclass 457 มันก็มีหลาย stage มาก

ตอนนั้นยังทำทุกอย่างคนเดียว ยังไม่มีทีมงาน

ทำวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์; subclass 457 เราก็ต้องการเอกสารจากนายจ้างด้วย นั่นคือใบจดทะเบียนการค้าของบริษัท ถ้าเป็น ASIC Company Extract ก็จะ $17 ถ้าเป็น Business Name Registration ก็ $18 อย่างที่เห็น

ก็อาจจะมีบาง case ที่ลูกค้ายังไม่ได้ส่ง ASIC Company Extract มาให้
ครั้นเราจะรอ เรื่องก็จะช้าอีก เราก็เลยต้องเข้าไปที่ ASIC website แล้วซื้อ ASIC Company Extract ให้ลูกค้า; $17.00

วันนั้นเรายังจำขึ้นใจไม่เคยลืม ถึงแม้มันจะผ่านมาแล้วหลายปีก็ตาม

เราต้องรูดบัตรซื้อ ASIC Company Extract; $17 เพื่อที่จะทำ case ต่อ
จริง ๆ ลูกค้าต้อง supply เอกสารตัวนี้ แต่ก็อย่างที่บอก บางทีลูกค้าก็ช้า เราก็ไม่อยากรอ ก็เลยต้องซื้อเอง

พอซื้อเสร็จ $17
เอาจริง ๆ นะ $17 สำหรับเรามันเยอะมาก ที่เราต้องมารับภาระจ่ายให้กับลูกค้า
สมับก่อน ช่วง 2008 - 2010 เดือนหนึ่งได้ทำ 1 case ก็ดีใจแล้วครับ

คนที่ "ไม่มี" มันก็คือ "ไม่มี" จริง ๆ ครับ เพราะที่บ้านที่เมืองไทย คุณอาบอกว่า "จบ ป.ตรีแล้วห้ามแบมือขอ" คุณอาเนี๊ยะคือ ATM ของเราเลยนะตั้งแต่เด็ก คุณอาพูดมาแบบนี้คือ "จบ" ประโยคเดียวแต่ได้ใจความ

Note: เรากับน้องสาวเติบโตมาจากการดูแลของคุณอากับคุญย่าครับ ไม่ได้เป็นลูกกำพร้า แต่อากับย่าอยากเอามาเลี้ยงเอง (เคยเขียน blog ไปแล้ว)

วันนั้นจำได้ไม่เคยลืม
รูดบัตรจ่าย $17 ค่า ASIC ให้ลูกค้า
2 จิต 2 ใจว่าจะ pass it on ให้ลูกค้าจ่าย $17 ตรงนี้หรือเปล่า หรือเราจะ absorb ค่าตรงนี้เอง $17 เอง

$17 ตอนนั้นมันเยอะมากนะสำหรับเรา 
ตอนนี้ก็ยังเยอะ แต่เราก็คิดค่าบริการที่แตกต่างจากเมื่อ 2008 - 2010

วันนั้น คิดหนัก จำได้ขึ้นใจ
และเราก็ตัดสินใจถูกที่ไม่ pass it on ไปให้ลูกค้า

ทำงานด้วยใจ เล็ก ๆ น้อย ๆ เราไม่เคยไป charge เพิ่ม
​ตอนนั้นลูกค้ายังน้อยอยู่ ดูแลได้ทั่วถึง

ทุกวันนี้เวลารูดบัตรจ่ายค่า ASIC ให้กับลูกค้า เราก็ยังนึกถึงวันนั้นเสมอ

จากวันนั้น จนมาถึงวันนี้ เรามาไกลนัก

ทุกคนจะเห็นเฉพาะตอนที่เราอยู่บนที่สูง แต่ตอนที่เราไต่ต้าวคนจะไม่ค่อยเห็น
ทุกคนจะเข้าหาตอนที่เราเป็นที่รู้จักแล้ว
เราก็พยายาม grounded
พยายาม humble
ใช้ชีวิตอยู่แบบปรกติสุข ไม่ไปสุงสิงอะไรกับใคร เพราะในวันที่เรา "ไม่มี" มันก็ไม่มีใครหรอกที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เราต้องช่วยเหลือตัวเอง 

ณ วันนี้เราอาจจะไม่ได้ "มี" มาก ถ้าพอมีบ้าง เราก็พยายามช่วยเหลือแบ่งปัน อย่างที่ทุก ๆ เห็นเวลาเราโพสต์ นั่น นี่ โน่น เพราะเรารู้ดีว่าในวันที่เรา "ไม่มี" มันลำบากมาก ในวันที่เริ่มต้นทำอะไรมันลำบากมาก

ณ วันที่เขียน blog นี้ (Friday; 01 July 2022) เราต้องรูดบัตรซื้อ ASIC ให้ลูกค้าพอดี ก็เลยต้องเขียนบันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำซักหน่อย จริง ๆ ความทรงจำ ณ วันนั้นมันไม่มีวันลืมหรอก ก็แค่อยากเขียนให้คนได้อ่าน ก็แค่อยากให้คนได้รู้ว่า กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้ (debt free) มันไม่ได้ง่ายเลย

หากเราทำได้ คนอื่นก็ทำได้
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนเสมอ โดยเฉพาะ inner circle ทั้งหลาย.... you know who you are...

...รัก...
01/07/2022
Comments

    Author

    John Paopeng

    Archives

    February 2023
    January 2023
    December 2022
    November 2022
    October 2022
    September 2022
    August 2022
    July 2022
    June 2022
    May 2022
    April 2022
    January 2022
    December 2021
    November 2021
    October 2021
    September 2021
    August 2021
    July 2021
    June 2021
    March 2021
    January 2021
    December 2020
    November 2020
    October 2020
    September 2020
    August 2020
    July 2020
    June 2020
    May 2020
    April 2020
    March 2020
    February 2020
    December 2019
    November 2019
    October 2019
    September 2019
    August 2019
    July 2019
    June 2019
    May 2019
    April 2019
    March 2019
    February 2019
    January 2019
    December 2018
    November 2018
    October 2018

    Categories

    All

    RSS Feed


  • Blog; journal of life
  • Daddy Diary
  • Investment Diary
  • Business Tips and Tricks
  • ข้างขอบเตียง Cancer
  • ครูไทยในต่างแดน
  • ebooks
  • About
  • กราบขอบคุณ