ลูกลิงตัวโตสอบใบขับขี่ผ่านแล้ว ในที่สุด
He ก็อยากจะสอบให้ผ่านเร็ว ๆ แหละ แต่การเรียนก็ต้องมาก่อน และ 2 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวก็โดนอะไรกันเยอะ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลากัน เราก็อยากให้ลูกสอบผ่านแหละ เราก็ไม่ไหวกับการเป็นพลขับเหมือนกัน เราจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง 1. รถเราก็คงโอนเป็นชื่อลูกลิง แต่ยังคงเป็น family car ที่ทุกคนใช้ร่วมกัน เพราะมันคือเงิน daddy ที่ซื้อมา 2. ที่โอนเป็นชื่อลูกลิงเพราะ - เวลาขับรถฝ่าไฟแดง หรือ speed camera ลูกลิงต้องรับผิดชอบเอง - ต่อ rego เอง เงินที่ daddy ให้ $100/week (เยอะมาก... oops!!!) นั่นแหละ + เงินที่เขาเป็น tutor เก็บหอมรอมริบเอา เพราะ daddy จ่ายค่าเช่าบ้านใน Sydney ให้แล้ว 3. Daddy ก็คงจะซื้อรถใหม่ EV อันนี้ลูกลิงขับไม่ได้ เพราะรถ daddy แทบจะไม่มี scratch เลย เห็นนิสัยการขับรถของ he ละ ไม่ไว้ใจ!!! 4. ลูกลิงเอาไปขับแถว ๆ UNSW ได้ แต่เราไม่ให้เข้าแถว ๆ China Town... คนขับแถวนั้น "ส่วนมาก" rude (ไม่ทุกคน) 5. เลิกเรียนมาจาก UNSW ลูกลิงกลับถึงบ้านวันศุกร์ เอาละ ทานข้าวเสร็จก็ต้องมีออกไปกับเพื่อนบ้าน นั่น นี่ โ่น่น daddy ไม่มีปัญหา เพราะลูกลิงโตแล้ว เราปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ให้เขาออกไปใช้ชีวิต แต่แม่เขาก็ห่วง ๆ หน่อย เพราะขับรถกลางคืน แม่เขาอยากให้แรก ๆ ก็ขับเฉพาะกลางวันก่อน เรากับภรรยาก็ตกลงกันเอาไว้แล้ว เวลาเลี้ยงลูก ถ้าลูกขออะไร ถ้าคนหนึ่งได้อนุญาตไปแล้ว อีกคนจะมา say "no" ทีหลังไม่ได้ พ่อกับแม่ต้องคุยกันก่อน เผอิญว่าอันนี้ลูกลิงขออนุญาตเราแล้ว และเราก็คิดว่าลูกลิงโตแล้ว ปล่อยเขาเถอะ เราคิดว่าเขาดูแลตัวเองได้ แต่ห้าม "ดื่ม" ของมึนเมาแค่นั้นเอง และออกไปข้างนอกต้องเอากุญแจบ้านไปด้วย ห้ามมาเคาะประตู อะไรประมาณนี้ ส่วนบ้านใหม่ที่พวกเรากำลังจะย้าย ลูกลิงก็มีทางเข้าส่วนตัวด้านล่างอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ทางเข้าร่วมกับคนอื่นก็ได้ อะไร ใด ๆ มันคือ "part of growing up" Insurance ของเราเป็น comprehensive และ cover คนขับ 3 คน; เรา ภรรยา และลูกลิง ตอนนี้ลูกลิงก็ใช้คันนี้ไปก่อน รับมรดก daddy ไปก่อน คันนี้ก็ซื้อมามือหนึ่ง เราขับมายังไม่มีรอยขูดขีดที่เกิดจากเรา ทุกคนจะรู้ดีว่าหวงรถและค่อนข้างดูแลรถดี เดี๋ยวรอลูกลิงเรียนจบ ค่อยว่ากัน ถ้าเราจะซื้อให้เป็นของขวัญ อะไรก็ว่าไป หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า เดี๋ยวก่อนนะ ถึงขั้นต้องซื้อรถใหม่ให้ลูกเลยเหรอ hmmm... ใช่ครับ เรารักของเราแบบนี้ ครอบครัวไหน เลี้ยงลูกแบบไหน นั่นคือปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเรา ส่วนของเรา เราก็สะดวกแบบนี้ ครอบครัวเราผ่านการสูญเสียมาก่อน ทุกวันนี้พวกเราจับมือกันไว้แน่น ๆ อยู่กันด้วยความรัก ไม่มีอะไรที่ต้องทะเลาะกันเลย ถ้าหลานชายเรายังอยู่ เราก็จะซื้อให้หลานเราเหมือนกัน แต่เมืองไทยก็น่าจะเป็นมือสอง เพราะราคารถที่โน่นจะแพงกว่าที่นี่ เราบอกลูกลิงทั้ง 2 เสมอว่า ถ้าลูกลิงได้อะไร (วัตถุ สิ่งของ) หลานชายเราที่เมืองไทยก็ต้องได้สิ่งนั้นด้วย เราเลี้ยงกันมา เหมือนเรามีลูก 3 คน ภรรยาเราก็รักหลานคนนี้มาก เพราะอายุไล่เลี่ยกันกับลูกชายเรา โตมาด้วยกันกับลูกลิง สิ่งที่เป็นห่วงคือเรื่องอุบัติเหตุ แต่ก็นั่นแหละ เราก็คิดว่าลูกลิงค่อนข้างเป็นคนที่ reasonable อยู่แล้ว คงจะทำอะไรด้วยสติ อย่างน้อยก็ "เหล็กหุ้มเนื้อ" ลูกลิงก็ค่อย ๆ ออกไปสยายปีกของเขา เดี๋ยว mummy and daddy ก็จะพากันไปเป็น "ผีตองเหลือง" แล้ว จะไปใช้ชีวิตพเนจรบ้าง ค่ำไหนนอนนั่นบ้าง มันคงจะมีความสุขดี หรือเมืองไทยบ้าง สิงคโปรร์บ้าง ออสเตรเลียบ้าง มันคงจะมีความสุขดีนะ เขียนเรื่องลูก มาจบที่เรื่องของตัวเองได้ไงเนี่ยะ อะไร ใด ๆ จบไปแล้วเรื่องหนึ่ง เรื่องการขับรถของลูกลิง daddy ก็ไม่ต้องคอยรับส่งแล้ว ย้ายบ้านเสร็จ เราก็คงซื้อรถใหม่ของเรา ลูกลิงก็น่าจะเอาคันนี้ไปขับใน Sydney เติมน้ำมันเองนะครับลูก แต่ daddy จะจ่ายค่า service ให้ทุก ๆ 6 เดือน มันคือ part of growing มันคือสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า "รัก" บันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำ เมื่อวันหนึ่งเราและลูก ๆ จะกลับมาอ่านด้วยกัน (ลูกลิงอ่านภาษาไทยไม่ได้) 02 March 2024 ณ วันที่เขียน blog อยู่นี้; 10 December 2023
ลูกลิงตัวโตอยู่ที่สิงคโปร์แล้วครับ ลูกลิงสอบเสร็จแล้วตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว ลูกลิงก็เลยไปเที่ยวสิงคโปร์กับเพื่อนก่อน เราเสนอ idea นี้กับลูกเมื่อหลายเดือนก่อนว่า ถ้าลูกลิงตัวโตสอบเสร็จก่อน ก็ลองชวนเพื่อน ๆ ที่สนิทกันไปเที่ยวสิงคโปร์สิ เพราะปรกติ Uni ก็สอบเสร็จกันปลาย ๆ November อยู่แล้ว เพราะถ้าเพื่อน ๆ ลูกลิงไปเที่ยวสิงคโปร์กับลูกลิง เพื่อน ๆ ก็ไม่ต้องไปเสียค่าที่พักที่โรงแรม ก็ไปพักที่บ้านเราได้ เพราะบ้านเราที่สิงคโปร์ทุกวันนี้ ไม่ได้ปล่อยให้คนเช่าแล้ว ลูกลิงก็เลยเดินทางก่อน + เพื่อนจาก UOW อีก 2 คน ลูกลิงไปกับเพื่อน ๆ ไปกัน 12 วัน 12 วัน ไม่ต้องพักที่โรงแรม พักที่บ้านเราได้เลย มี 2 ห้องนอน และติดแอร์ทั้งหลัง ประหยัดค่าโรงแรมไปได้เยอะ ภรรยากับลูกลิงตัวเล็กเดี๋ยวตามไปทีหลัง เพราะคนเล็กยังไม่ปิดเทอม ลูกลิงคนโต เพิ่งจบ year 2 ที่ UNSW แต่ยังอยู่ในวัย teen อยู่นะครับ เราปล่อยให้ไปไหนมาไหนเองได้ บิน domestic หนะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บิน international เองกับเพื่อน ๆ ไม่มีพ่อกับแม่ไปด้วย ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ลูกลิงถือ 3 สัญชาติอยู่แล้ว; Thai, Ausrtralian and Singaporean ดังนั้นการเข้าออกประเทศต่าง ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ลูกลิงก็อยู่ที่บ้าน + เพื่อนอีก 2 คน โต ๆ กันแล้ว อยู่กันเองได้ 3 คน เพราะสิงคโปร์ของกินสะดวกสบาย เดินทางสะดวกสบาย คนพูดภาษาอังกฤษได้ (ส่วนมาก) คุณยายก็แอบมาดูบ้าง ถ้าหลงทาง ก็ WhatsApp หาคุณน้าเขาบ้าง ก็แค่นั้นเอง daddy กับ mummy ก็คอย WhatsApp ตอนเย็น ๆ แต่จะไม่จู้จี้ คิดว่าลูกเอาตัวรอดได้ ฉุกเฉินอะไร เขาจะ WhatsApp หาแม่เขาเอง บ้านที่สิงคโปร์เราไม่ได้ปล่อยให้คนเช่ามาหลายปีแล้ว แม่ของภรรยาเราก็มาอยู่ทุกวันอาทิตย์ เป็นที่หลบหนีความวุ่นวาย เป็นที่เล่นไฟ่นกกระจอกของเขา บ้านที่สิงคโปร์ของเราไม่ติด mortgage แล้ว ไม่มี home loan แล้ว พวกเราก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ก็ให้แม่ของภรรยามาพักทุก ๆ วันอาทิตย์ ก็เลยประจวบเหมาะให้ลูกลิงกับเพื่อน ๆ เขาไปพักกันช่วงปิดเทอม หรือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาให้กับเด็ก ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า 12 วันลูกลิงกับเพื่อน ๆ เขาจะไปกันโต๋เต๋ที่ไหนบ้าง สิงคโปร์มันก็เกาะเล็ก ๆ เหมือนเกาะภูเก็ต จากทิศเหนือไปทิศใต้ก็ 45 นาที จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกก็ 45 นาที แต่เราก็คิดว่าเป็นโอกาสดีของเพื่อน ๆ ลูกลิง เพราะไปพักได้เลยฟรี ก็เป็นประสบการณ์ให้กับเด็ก ๆ เขา เมื่อลูกโตแล้ว เข้ามหาลัยแล้ว เราก็สบายแล้วครับ แต่ถ้าลูกเดินทางเองกับเพื่อนแบบนี้ ลูกก็ต้องซื้อตั๋วเอง จัดการทุกอย่างเองกับเพื่อนของเขา ขาไป แต่ขากลับ พวกเราก็กลับด้วยกัน อันนี้เราก็จ่ายให้ทั้งครอบครัว ตอนไป ทุกคนแยกไปใครมัน แล้วแต่ตารางความสะดวกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ขากลับพวกเรากลับพร้อมกัน เราก็อยากให้ลูกออกไปใช้ชีวิตให้คุ้ม บริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่าง trip เอง ของที่สิงคโปร์ก็ไม่ได้แพงอะไร เราก็คิดว่าลูกลิงจัดการชีวิตของเขาเองได้ หรือจะข้ามไป Malaysia ก็ทำได้ ก็นั่งรถบัสไปได้เลย แสนจะสบาย อะไร ใด ๆ คนเป็นพ่อเป็นแม่ เราก็อยากให้ลูกเราออกไปใช้ชีวิตครับ สนุกกับชีวิตให้เต็มที่ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้เต็มที่ เดี๋ยวเปิดเทอมก็ต้องเรียนหนักกันอีก เพื่อน ๆ ของลูกลิงเป็นเด็กเรียนทั้งนั้น เราไม่เป็นห่วง ปีที่แล้วลูกลิงติด Dean List ของ Engineering ปีนี้ก็รอดูผลสอบเทอมสุดท้ายว่าจะติด Dean List หรือเปล่า แต่เราก็เฉย ๆ กับ Dean List แล้วหละ ตอนนี้เราก็แอบ ๆ เชียร์ให้เขาไป exchange program ที่ไหนก็ได้ซัก 1 ปี จะไปประเทศจีน หรือญี่ปุ่นก็ได้หมด ไปใช้ชีวิตเรียนที่ต่างประเทศสัก 1 ปี เราก็บอกลูกเอาไว้ว่า daddy พร้อม support เต็มที่ เราอยากให้ลูกลิงได้ไปสัมผัสการเป็นใช้ชีวิตต่างแดนบ้างสัก 1 ปีก็ยังดี หรือขี้เหล่สุดก็ซัก 1 เทอมก็ได้ แต่เท่าที่เราพูดไป ลูกลิงก็เฉย ๆ นะ เข้าหูซ้าย ออกหูขวา... ไอ้เราก็อยากให้ลูกไปเหลือเกิน... ลูกก็ไปโครงการแลกเปลี่ยนไง daddy กับ mummy ก็จะตามไปเที่ยว... oops!!! ...ไปใช้ชีวิตซะ... เขียนไว้ให้ลูกอ่าน วันหนึ่งเราจะกลับมาอ่านด้วยกัน (ลูกลิง พูด-อ่าน-เขียนภาษาไทยไม่ไ่ด้) 10/12/2023 Mission accomplished
1 week เต็ม ๆ กับ trip นี้; Monday - Sunday ลงสนามแข่งตั้งแต่วันจันทร์ - เสาร์ วันอาทิตย์ได้เดินเที่ยวเล่นบ้าง แต่ก็จะบินกลับวันนี้ (01 Oct 2023; 5pm) ถือว่าเป็น trip ที่ successful สำหรับลูกลิงตัวเล็ก ที่สำคัญคือได้ประสบการณ์แหละ การแข่งขัน Brisbane International Contemporary Dance Prix ใช่ว่าทุกคนจะสมัครได้เลย มันต้องมีการ audition (video clips) audition ผ่านถึงจะได้ลงแข่ง ลงแข่งคือทุกคนเริ่มจาก 0 ใหม่หมดเลยจากวันจันทร์ เขาไม่ได้ใช้ dance ที่ซ้อมกันมาทั้งปี ทุกคนเข้า class เรียนวันจันทร์-พฤหัส เมื่อเรียนรู้ท่าใหม่ ๆ และการแข่งขันสนามนี้ ต้องมีการ create ท่า dance ของตัวเองด้วย (choregraphy) และการให้คะแนนก็เริ่มตั้งแต่นักเรียนทุกคนก้าวเข้าห้องเรียนแล้ว เขาก็ดูความตั้งใจของแต่ละคนด้วย การแข่งขันก็มี 2 dances คือ: - professional dancers มาสอน choregraphy แล้วทุกคนก็ dance ท่านั้น ๆ ตาม - ทุกคน create ท่า dance ของตัวเอง มี 4 เพลงให้เลือก ลูกลิงแข่งรุ่น junior มีคนเข้าแข่งขันทั้งหมด 43 คน 1. มี offer จาก QBA; Queensland Ballet Academy 2. มี offer จาก Sydney dance company 3. หาผู้เข้ารอบ finalist ชิงเงินรางวัล จาก 43 คน: 1. ลูกลิงคือ 1 ใน 14 คนที่ถูก interview กับ Queensland Ballet Academy แล้วจาก 14 คนก็จะถูกคัดเลือกให้เหลือแค่ 2 คนที่ได้ scholarship ให้มาเรียนฟรี ๆ ที่ QBA เป็นเวลา 2 weeks, ลูกลิงคือ 1 ในนั้น 2. ลุกลิงคือ 1 ใน 10 คนที่ถูก interview จาก Sydney dance company, ลูกลิงไม่ได้ offical offer แต่ได้เป็นแค่ verbally offer ว่าถ้าจะมาเรียน 1 week (free) ที่ Sydney dance company (ตรง Opera House) ก็ให้ email หาเขา 3. ลูกลิงไม่ได้ติด 10 finalists แต่ได้ offer จาก 2 ที่ นี่ก็ถือว่าดีแล้ว ถือว่า "mission accomplished" แล้วจริง ๆ ก็เป็นหนึ่ง trip ที่มีความสุขกันถ้วนหน้า (และแพงมาก) ลูกลิงตัวโตเสร็จ lecture วันศุกร์ ก็บินมาสมทบ คนเป็นพ่อเป็นแม่ ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกแหละครับ เห็นลูกเรา happy ก็มีความสุข และที่สำคัญคือลูกเรา "appreciate" กับทุกสิ่งอย่างที่พวกเราทำเพื่อเขา เมื่อคืน นั่งทานข้าวกัน เขาก็ "ขอบคุณ" ที่เรามาเขามาแข่งที่นี่ ที่เขียนมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบันทึกเรื่องราวของชีวิตของลูก ๆ ทั้ง 2 ณ ตอนนี้ที่เขายังอยู่กับเรา ในวันที่เขาสลายปีกบิน เราก็จะได้กลับมาอ่านบันทึกอะไรพวกนี้ 01/10/2023 ครอบครัวเราไม่มี weekly allowance ให้ลูก ๆ ไปโรงเรียนช่วงเรียน primary school และ high school
ใช่ครับ อ่านไม่ผิดกัน ลูกเราทั้ง 2 คนไปโรงเรียน ไม่ได้ถือเงินอะไรไปโรงเรียน เพราะที่โรงเรียนก็ไม่มีอะไรที่ต้องซื้อ เพราะครอบครัว ลูก ๆ pack อาหารกลางวันไปทานที่โรงเรียนทุกวัน ไม่ได้ซื้ออะไรที่ canteen ก็อาจจะมีบ้างตอนเรียน primary school ที่ลูกต้องการซื้อนั่น นี่ โน่น ที่ canteen แต่อาหารที่ canteen ของ primary school ต้องมีการสั่งล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วัน ดังนั้นเด็ก ๆ ที่เอาเงินใส่ซองแล้วไป order ที่ canteen 1 วันล่วงหน้า อะไรประมาณนี้ ที่ primary school, ลูกลิงก็จะนาน ๆ ทีสั่งอาหารที่ canteen แต่ high school บอกได้เลยว่า ลูกลิงทั้ง 2 ไม่เคยซื้ออะไรที่ canteen เพราะ high school เป็นโรงเรียนใหญ่ใน Wollongong ทั้ง 2 โรงเรียน ทั้งของลูกชายและลูกสาว ดังนั้นการจะไปเข้าคิวซื้ออาหารที่ canteen บอกได้เลยว่าเสียเวลามาก ลูกลิงก็เลย pack lunch ไปกินเองทุกวัน ประหยัดตังค์ไปอีก ดังนั้น เขาทั้ง 2 จึงไม่มี pocket money ไม่มี weekly allowance ลูกลิงตัวโต ถ้าต้องการเงินฉุกเฉิน ให้ไปหาอาจารย์ที่โรงเรียน อยู่หมวดภาษาญี่ปุ่น นั่นคือเพื่อนสนิทเราเอง เรียนอักษรญี่ปุ่นด้วยกันมาก่อนที่ UOW และค่อนข้างสนิทกับเรา ดังนั้นเราก็ไม่เคยต้อง worry เรื่องลูกลิงตัวโต ส่วนลูกลิงตัวเล็ก ลูกสาว เราก็ขับรถรับส่งทุกวัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้ออะไร ดังนั้น ลูกทั้ง 2 จึงไม่มี packet money ไม่มี weekly allowance ช่วงที่เรียนอยู่ที่ primary shool และ high school ซึ่งน่าจะต่างจากที่เมืองไทย เพราะที่เมืองไทย เราก็หลาน ๆ เราเอาตังค์ไปโรงเรียนไปซื้ออาหารกินที่โรงเรียน พอลูกลิงตัวโตเข้าเรียนมหา'ลัย; UNSW เราถึงเริ่มให้ weekly allowance: $100/week ใช่ครับ อ่านไม่ผิดกัน $100/week เพราะปีแรก (ปีที่แล้ว) เทอมแรก ลูกลิงก็ยังอยู่ที่บ้านที่ Wollongong แล้วนั่งรถไฟไปเรียนที่ UNSW 3 วันต่ออาทิตย์ พอกลาง ๆ ปีของปีที่แล้ว เขาค่อยย้ายไปอยู่หอพักนักศึกษา ซึ่งเราก็จ่ายค่าเช่าให้ หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า "ลูก P' J, ลูกคุณ J ต้องได้เงิน packet เท่านั้น เท่านี้ เยอะแยะมากมาย" เปล่าเลยครับ ลูกลิงได้เท่านี้จริง ๆ แรก ๆ เราก็ถามลูกแทบทุก week เลยว่าพอใช้มั้ย จะให้ daddy เพิ่มเป็น $120/week หรือ $150/week หรือเปล่า เขาก็บอกว่า ตอนนี้ยังพอ ดูไปก่อน ถ้าไม่พอจะบอก พอไปอยู่หอ ก็ไม่มีค่าเดินทางละ ก็มีแค่ค่าซื้ออาหารกิน ซึ่งเขาก็บอกว่า เขาก็ใช้ประมาณ $80/week ซึ่งก็ยังเหลือ - ปีที่แล้ว เขาซื้อกินทุกวัน เพราะอยู่หอพักนักศึกษา 6 คนใช้ 1 kitchen เขาบอกห้องครัวสกปรก (เราเห็นก็เฉย ๆ นะ.... oops!!!) - ปีนี้ เขาออกมาเช่าบ้านอยู่เอง เขาก็จะซื้อของและทำอาหารกินเอง ง่าย ๆ; fried rice เอย pasta เอย นอกจากลูกลิงได้ weekly allowance จากเรา $100/week แล้ว เขาก็ทำงานไปด้วย ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เป็น tutor สอนคณิตศาสตร์ ก็ได้ $25/week (before tax) สอน 7 hr ก็ OK อยู่ มี pocket money ของเขาเอง ($175/week before tax, after tax ก็ไม่รู้เขาได้เท่าไหร่) นี่ก็ 2 ปีแล้วที่ลูกลิงได้ $100/week allowance so far, so good นะครับ เขาไม่เคยขอเพิ่ม เขาก็จัดการ budget อะไรของเขาเอง ตลอดระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ของการเรียนมหา'ลัยของเขา เขาก็ไม่สร้างปัญหาอะไรให้กับเราเลย ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่อยากจะบอกว่า บางทีมันก็ไม่สำคัญนะครับว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ เราไม่จำเป็นต้องปรนเปรอลูกเราโดยที่ไม่จำเป็น ไม่งั้นเขาก็จะไม่เห็นคุณค่าของเงิน บันทึกเอาไว้ในความทรงจำ เราจะได้เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกลิงฟังเมื่อเขาโตขึ้น หรือเมื่อเราแก่ตัวลงไป 24/09/203 ลูกลิงตัวโตติด Dean List 2022 ของคณะ Engineering UNSW
ถามว่าดีใจมั้ย ภูมิใจมั้ย ดีใจครับ ภูมิใจครับ แน่นอน เพราะจะติด Dean List ได้ ผลการเรียนก็ต้องดี HD; High Distinction หรือ D; Distinction แต่ Dean List ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่าง การที่ลูกเรียนดี ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่าง หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า "เอ๊า ทำไมคิดแบบนั้น" โดยเฉพาะคนเอเชียในออสเตรเลียที่เน้นการศึกษาของลูกอย่างบ้าคลั่ง hmmm... เอาเป็นว่า แต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน เนื่องด้วยทั้งเราและภรรยาก็เด็กสายวิทย์ด้วยกันมาทั้งคู่ ทั้งเราและภรรยาก็เป็นเด็ก IT ด้วยกันมาทั้งคู่ เราจบ UOW, ภรรยาเราจบ QUT เราทั้งสองผ่านการเรียนหนักมาแล้ว เรารู้ดีว่ามันเป็นยังไง ดังนั้น เราไม่อยากให้ลูกเครียดกับการเรียนมาก เอาชิล ๆ ค่อย ๆ เรียน ค่อย ๆ จบดีกว่า ไม่ต้องรีบ ถ้าคุยกับหลาย ๆ คน เขาก็ไม่เข้าใจกันหรอก ว่าทำไมไม่ต้องรีบ hmmmm... เอาเป็นว่า ถ้าครอบครัวคุณเคยสูญเสียคนที่คุณรัก ถ้าเขาจากไปก่อนวัยอันควร คุณก็อาจจะเข้าใจ หรืออาจจะไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไร แต่ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ โดยส่วนตัวแล้ว ครอบครัวเน้นความสุขแบบ "at this moment" มากกว่า ณ เวลานี้ ขอให้ลูก ๆ และครอบครัวทุกคนมีความสุขก็พอ เรื่องเรียน ยังไงก็ได้ เพราะเรารู้ว่าลูกเรา OK อยู่แล้วเรื่องเรียน แค่ไม่อยากให้เรียน และก็เรียนอย่างเดียว เราอยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตในช่วงมหาลัยด้วย เรื่องการงาน ยังไงก็ได้ ไม่ได้หวังอะไรมาก เราปูพื้นฐานและสร้าง passive income เอาไว้ให้ครอบครัวเราหมดแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้มันยังไม่ได้มากอะไรนัก แต่เราก็ค่อย ๆ สร้าง passive income ค่อย ๆ สะสมห่านที่ออกลูกเป็นทองคำของเรา ดังนั้น มันไม่จำเป็นที่จะต้องเครียดอะไรกัน เราก็ควรจะ enjoy the moment กันไม่ดีกว่าเหรอ แต่ไม่ได้หมายความว่าลูกต้องนั่งผลาญเงินไปวัน ๆ นะ ก็ไม่ใช่ แค่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเครียดเรื่องเรียน เรื่องการทำงาน ก็แค่นั้นเอง เพราะเราก็เตรียม backup plan เอาไว้ให้หมดแล้ว บ้านและอสังหาทุกหลังที่ประเทศออสเตรเลีย ก็เป็นชื่อบริษัท เป็น Family Trust หมด เราก็หมดห่วง เพราะชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนเลย เรียน ๆ อยู่ ทำงานอยู่ อยู่มาวันหนึ่งเขาอาจจะจากเราไปแล้วก็ได้ (touch wood) อะไรต่อมิอะไรที่คิดเอาไว้ ที่วาดฝันเอาไว้ มันพังครืนต่อหน้าต่อตา มันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ทุกวันนี้ เรากับครอบครัวก็เน้นความสุข "ณ ปัจจุบัน" ดีกว่า วกกลับมาที่เรื่อง Dean List เราดีใจและภูมิใจกับลูกครับ แต่ก็อย่างที่บอก "Dean List" ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่าง เราอยากให้เขา enjoy the moment ในรั้วมหาลัย มีความสุขกับการเรียน และเพื่อน ๆ ของเขา เสาร์-อาทิตย์ เวลาลูกลิงกลับบ้าน ก็มาเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ เหตุการณ์ในห้องสมุด อะไรต่าง ๆ นานา แบบนี้มีความสุขมากกว่า มันอาจจะเป็นเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ฟังแล้ว เราก็เห็นว่าเขาใช้ชีวิตให้ fullest ไปเลย ขอให้วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ดี เหมือนเช่นทุก ๆ วันที่ผ่านมา ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่สุขและสมหวังนะครับ ลูกลิงตัวโต ปีนี้อยู่ปี 2 แล้วครับ; UNSW เรียน Mechatronics and Robotics Engineering
ปีที่แล้วลูกลิงพักอยู่ที่ Broadway, Sydney หอพักของมหาลัยที่ subcontract ให้กับ UTS 1 Unit, 6 ห้องนอน (เป็นเหมือน town house 2 ชั้น) 2 ห้องอาบน้ำ 2 toilets 1 ห้องครัว ซักผ้า อบผ้า ก็ tap จ่ายครั้งละ $3 ค่าเช่า: $319/week ปีนี้ลูกลิงออกมาเช่าบ้านอยู่กันเองกับเพื่อนในคณะ ปีนี้ดีหน่อย ได้บ้านติดกับ UNSW เดินไป 5 นาที อยู่กัน 2 คน บ้าน landlord อยู่ข้างหน้า บ้านที่ลูกลิงไปเช่าอยู่ก็อยู่ด้านหลัง แตไม่ใช่ granny flat นะครับ เป็นบ้านเป็นเรื่องเป็นราวเลย แต่อยู่โซนด้านหลัง landlord ค่อนข้าง OK เป็นคนทำงานให้กับ church ก็คงพอมีความเมตตาอยู่บ้าง ปีนี้ค่าเช่าถูกหน่อย ค่าเช่า: $245/week ก็ประหยัดไปกว่าปีที่แล้ว ค่าเช่าเราเป็นคนจ่าย ปีที่แล้วและปีนี้ และเราก็ให้ weekly allowance: $100/week และลูกลิงเองก็เป็น private tutor สอนพิเศษวิชาคณิตศาสตร์; Maths ก็ได้ค่าแรง $25/hr สอนอาทิตย์ละประมาณ 7 ชั่วโมง หักภาษีแล้วก็ OK บวกกับ weekly allowance ที่เราให้ $100/week ลูกลิงก็ต้องจัดการและบริหารค่าใช้จ่ายของเขาเอง เราเคยถามลูกลิงแล้วว่า daddy ให้ weekly allowance $100/week พอหรือเปล่า จะให้เพิ่มเป็น $120/week หรือ $150/week หรือเปล่า ลูกลิงก็บอกว่าพอ เพาะเขาก็เป็น private tutor ด้วย ได้เงินจากค่าสอนพิเศษด้วย ถ้าไม่พอ เดี๋ยวเขาจะบอก นี่ก็เข้าปีที่ 2 แล้วนะ เขาก็ยังไม่ขอเพิ่ม อาทิตย์หนึ่งเขาก็ไม่ได้อยู่ Sydney ทุกวัน ก็อยู่แค่ 4 วัน และกลับบ้านที่ Wollongong 3 วัน ค่ากินก็ไม่น่าเยอะมาก ปีที่แล้วตอนที่ลูกลิงอยู่หอพัก ลูกลิงไม่ทำกับข้าวเลย ทานอาหารข้างนอกทุกวัน เพราะ boardway ของกินเยอะ และก็ไปกินที่มหาลัยด้วย ที่สำคัญคือที่พักคนอยู่เยอะ ห้องครัวสกปรก ลูกลิงบอก แต่เราเห็นแล้วก็เฉย ๆ นะ แต่ยอมรับว่าเด็ก ๆ แช่ของไว้ใน sink เยอะมาก ไม่ล้างเลยทันที!!! ปีที่แล้วลูกลิงบวกลบคูณหาร เขาบอกว่าค่าอาหารเขาอยู่ที่แค่ประมาณ $80/week เอง ดังนั้นตังค์ที่เราให้ก็พอ บวกกับเงินจากการสอนของเขาอีก ปีนี้ลูกลิงเช่าบ้านอยู่กันเองกับเพื่อนที่คณะ อยู่กันแค่ 2 คน ลูกลิงก็เลยทำกับข้าวกินเอง เขาก็ทำอะไรกินง่าย ๆ แหละ.... pasta เอย อะไรเอย อาหารก็จะออกแนว ๆ ฝรั่ง ปีที่แล้วและปีนี้ เราจ่ายค่าเช่าให้ลูกลิง ปีหน้าเขาบอกว่าเขาจะจ่ายค่าเช่าเอง เดี๋ยวรอดูกัน จะออกหัวหรือออกก้อย... :) สำหรับเราแล้ว... ยังไงก็ได้นะ เฉย ๆ เป็นครอบครัวชิล ๆ แค่ไม่อยากให้ลูกลิงลำบากแค่นั้นเอง อยากให้ enjoy Uni life มากกว่า เรียนก็ไม่ต้องรีบจบหรอก enjoy Uni life ดีกว่า ดื่มด่ำกับชีวิตให้เต็มที่ เรื่องเรียนไม่ต้องรีบร้อน อันนี้ก็ค่อนข้างแตกต่างจากพ่อแม่คนเอชียคนอื่น ๆ แต่บางทีเราก็ขี้เกียจอธิบาย ครอบครัวใครครอบครัวมัน ครอบครัวเรามีการสูญเสียมาก่อน มุมมองของชีวิตเราจึงเปลี่ยนไป ไม่ทะเยอทะยาน มีความสุขอยู่กับปัจจุบันดีกว่า อีกหนึ่งเรื่องราว life journey ของลูกลิงทั้ง 2 บันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำ อีกหลาย ๆ ปีจะได้กลับมานั่งอ่าน :) 10/04/2023: Easter long weekend วันนี้ต้องขับรถไปส่ง he ที่ Sydney พอดีแม่ลิงกับลูกลิงตัวเล็กจะพากันไปดู ballet ที่ Opera House ทุกวันศุกร์เราต้องไปรับลูกลิงตัวโตที่สถานีรถไฟ 5-10 นาทีจากบ้าน ถ้าเดินก็ครึ่งชั่วโมง
แต่ก็เข้าใจว่าลูกคงเหนื่อยกับการเรียนมาแล้ว และต้องนั่งรถไฟกลับ Wollongong อีก ทุกครั้งที่เราไปรับลูกลิงที่สถานีรถไฟ conversation แรกคือ อาทิตย์นี้เรียนเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยมั้ย มีการบ้านมั้ย ส่งการบ้านหมดหรือยัง นั่น นี่ โน่น มันคือ moment ดี ๆ ที่พ่อมีต่อลูก งั้น daddy ยอมเหนื่อยขับรถไปรับครับ ซึ่งชีวิตเราจริง ๆ ทุก ๆ วันก็เหนื่อยอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ภรรยาเราไม่สบาย เราก็ต้องวิ่งรับส่งลูกลิงตัวเล็กด้วย คนนี้ก็กิจกรรมเยอะ (dance) แต่ก็พร้อมและยอมที่จะเหนื่อยเพิ่ม รับส่งลูกลิงคนโตทุกวันศุกร์ที่สถานีรถไฟ และเขาก็กลับไป Sydney เช้า ๆ ก่อนเที่ยงของวันจันทร์ ไม่ได้กลับไปเรียนนะ เพราะวันจันทร์เรียน online เรียนที่ไหนก็ได้ แต่เขามีซ้อม volleyball ของ UNSW จ๊ะ ไม่ได้เป็นทีมของมหาลัยหรอก แต่ไปซ้อมกับเพื่อน ๆ ขำ ๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (31 March 2023) ลูกลิงบอกว่าผลสอบ mid-term ของอีกวิชาออกมาแล้ว วิชา Electronic อะไรซักอย่างนี่แหละ Oops!!!... daddy ก็ไม่ตั้งใจฟัง he เรียนเกี่ยวกับ Mechatronics and Robotics Engineering เอาเป็นว่าวิชา Electronic อะไรซักอย่างก็แล้วกันน๊อ... LOL ผลสอบลูกลิงได้ 90% ครับ ได้ HD (High Distinction) ในขณะที่เพื่อน ๆ ที่สนิทได้ประมาณ 60% กัน และ average mark สำหรับวิชานี้ 55% คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ได้ยินแบบนี้ก็หายเหนื่อยเลยนะ จาก week ที่แล้วที่ Maths ก็ได้ 100% เต็ม OK... งั้น daddy รับรถรับส่งทุกวันศุกร์และจันทร์เลยครับลูก การที่ลูกลิงทั้งสองคนเก่งเลข ทุกสิ่งอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะครับ มันคือการฝึกฝนและความเอาใจใส่ของพ่อแม่ด้วย ลูกเราทั้ง 2 คนไม่ได้เรียนพิเศษเลยช่วง high school (primary school มีเรียนบ้างถึง year 5 แต่บอกเลยว่าเราไม่แนะนำ เพราะลูกเครียดมาก เป็นช่วงที่ลูกลิงไม่ happy กับการเรียนเลย เพราะการบ้านเยอะจากโรงเรียนสอนพิเศษ) ครอบครัวเราก็เลย เน้นฝึกทำแบบฝึกหัดและทำ revision กัน และมี Mathsonline และ Mathlectic เข้ามาช่วยอย่างที่บอกจาก blog ก่อน อีกอย่างที่โชคดีก็คือเอาเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ด้วย เราจะมี workbook จากโรงเรียนที่เราสอนมาให้ลูกลิงทั้ง 2 ฝึกทำตลอด ลูกลิงเรียน year 6, แต่ต้องฝึกทำแบบฝึกหัดของ year 7 แล้วครับ ทำแบบ no pressure เพราะมันเป็นเนื้อหา 1 ปีล่วงหน้า ตอนเรียน year 6, ครูกำลังจะสอนการหาพื้นที่ของวงกลม ครูจำสูตรไม่ได้ (ครูประถมหนะน๊อ) ครูกำลังจะ search หาสูตรใน Google ลูกลิงนั่งหน้าห้อง ก็เลยเดินไปบอกครูว่า "It's Pi, R, Squared". แต่เราก็บอกลูกลิงแล้วว่า อย่าทำแบบนี้อีกนะลูก ครอบครัวเรา: - ไม่เชื่อเรื่องเรียน โรงเรียน private (เคยเรียนแล้ว 2 เทอม สุดท้ายก็กลับมาเรียนที่ public school) - ไม่เชื่อเรื่องเรียนพิเศษ เดี๋ยวเราจะเขียนใน blog หน้านะครับ ว่าทำไม แต่อย่าลืมนะครับ ว่าละครอบครัวไม่เหมือนกัน ตัวเราเป็นอาจารย์ด้วย เรามี resources เยอะ อาจจะไม่เหมือนคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองท่านอื่น เดี๋ยวเราจะมาลง detail ทีหลังให้ Conversation ในรถทุกวันศุกร์ช่วงที่ไปรับลูกลิงกลับบ้านจากสถานีรถไฟ คืออีกหนึ่งช่วงที่มีความสุข เพราะลูกลิงเองตอนนี้ก็ใช้เวลา 4 วันที่ Sydney และ 3 วันที่ Wollongong ทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน มีค่าเสมอ ที่เขียนมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบันทึกเรื่องราวดี ๆ เอาไว้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชีวิตของลูกลิงช่วงนี้ เราก็เห็นตัวเราหลาย ๆ อย่างในตัวลูก บันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำ 02/04/2023 ลูกลิงตัวโต (ปี 2, Engineering UNSW)
สอบ mid-term ได้ full mark; 100% ครับ Maths เหมือนกัน ดังนั้น... สิ่งที่เราฝึกฝนลูก ๆ มาตั้งแต่เด็ก ๆ มันต้องเป็นอะไรที่ work แน่เลย อยากรู้ว่าเราเลี้ยงลูกลิงยังไง ลองไล่ดู blog เก่า ๆ ที่ johnpaopeng.com คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ภูมิใจครับ มิเสียแรง ...อีกหนึ่ง weekend ดี... เล่าสู่กันฟัง ABC คือ Australian Born Chinese
แต่ลูกเราไม่ใช่ ABC เพราะไม่ได้เป็น Chinese จ๋ามาจาก Mainland หรือ Hong Kong เลย ลูกลิงทั้ง 2 เป็นลูกครึ่ง Thai-Singaporean ที่เกิดในออสเตรเลีย สร้างความสับสนใน identity ไปอีก Banana คือคนผิวสีเหลือง yellow skin (คนเอเชีย) แต่ข้างในขาว หรือ white (ซึ่งก็หมายถึงคนผิวขาว หรือฝรั่ง) พวก Banana ก็คือคนเอเชีย ที่ไม่ใช่คนจีนแบบจีนจ๋า แต่เกิดที่นี่หรือใช้ชีวิตแบบฝรั่ง ซึ่งลูกลิงก็จะเป็นแบบนั้น ข้างนอก yellow skin แต่ข้างใน white ซึ่งเราคิดว่าลูก ๆ ของหลาย ๆ คนที่เกิดที่นี่ก็จะมีลักษณะของการเป็น Banana บางครอบครัวที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่เป็นคนไทย ลูกก็อาจจะพูดไทย หรือยังคงความเป็นไทยอยู่บ้าง แต่ของลูกเราแทบจะไม่มี แค่ไหว้เป็น และพูดคำว่า "สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ" เราก็ happy แล้ว เราไม่ต้องการความเป็นไทยจ๋า ที่บ้านเราไม่ได้เลี้ยงลูกแบบฝรั่งจ๋า แต่ก็ไม่ได้ไทยจ๋า เพราะที่บ้านเองก็ไม่ได้พูดไทยกัน ลูกลิงทั้ง 2 พูดไทยไม่ได้ (เดี๋ยวอธิบายทีหลัง) แตกต่างจากครอบครัวที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่พูดไทย ครอบครัวเราไม่ได้ไทยจ๋า หรือสิงคโปร์จ๋าอะไรขนาดนั้น เพราะความเป็น Singaporean เอง เขาก็ค่อนข้าง modernise อยู่แล้ว แน่นอนชีวิตของลูกลิง ช่วงที่เรียน primay school กับ high school ความเป็นออสซี่มันก็สูงอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนรัฐบาล จะไม่ค่อยมีเด็กต่างชาติมาเรียน เพื่อน ๆ คนเอเชียที่เรียนด้วยกันที่ primary chool และ high school ก็จะเป็นเด็กที่เกิดที่นี่ทั้งนั้น ดังนั้นการใช้ชีวิตและวัตนธรรมค่อนข้างเหมือนกัน ก็ใช้ชีวิตเหมือนเพื่อน ๆ ที่เป็นออสซี่ทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อลูกลิงตัวโตได้เข้าไปเรียนในมหาลัย มันก็จะเด็กนักเรียนต่างชาติเยอะ เด็ก international student และด้วย appearance ด้านนอกเขาก็เหมือนคนเอเชียทั่ว ๆ ไป ออกขาว ๆ ตี๋ ออกแนวจีน ถ้าดัดผมหน่อยก็ออกแนวเกาหลี ปีที่แล้วลูกลิงพักอยู่ที่ที่พักมหาลัยที่ subcontract ให้กับ UTS (University of Technology Sydney) แต่ก็อยู่ใกล้ ๆ กับ USYD (University of Sydney) ดังนั้นเด็ก ๆ ก็จะมาจาก 2 มหาลัยนี้ที่ เมื่อลูกลิงต้องพักอยู่ที่ accomodation ที่ 1 unit มี 6 ห้อง อยู่กัน 6 คน 2 ห้องน้ำ 2 ห้องอาบน้ำ และ 1 ห้องครัว ลูกลิงก็ต้องมีการปรับตัว นักเรียนที่พักอยู่ใน unit เดียวกันก็มาจากประเทศจีนบ้าง ประเทศอินโดนีเซียบ้าง หรือบางคนก็ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย 2 เทอม เพราะต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไปเรียน เราก็บอกลูกลิงว่าดีออก ได้เจอเพื่อนต่างชาติ ได้ทำความรู้จักกัน แต่ลูกลิงก็บอกว่าแต่ละคนมีการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างแตกต่างกัน เพราะเพื่อนร่วมห้องคนอินโด เขาก็ไป hang out กับคนที่พูดอินโด ซึ่งลูกลิงก็พูดไม่ได้ เพื่อนร่วมห้องที่มาจากประเทศจีน เขาก็ไป hang out กับคนจากประเทศเขา ลูกลิงบอกว่าวิถีการใช้ชีวิตค่อนข้างแตกต่างกัน เพราะลูกลิงก็จะ hang out อยู่กับเพื่อนที่เป็นออสซี่ เลิกเรียนเสร็จก็ไปเล่น pool (สนุกเกอร์) กัน หรือบางทีถ้าลูกลิง hang out กับเพื่อนคนเอเชีย ก็จะเป็นคนที่เกิดที่นี่ พวก ABC บ้าง พวก Banana บ้าง คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ลูกที่นี่ ก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ด้วยนะครับ :) |
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
March 2024
|