ณ ตอนนี้ วันนี้ 17/03/2024
- ASX: หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย 8 ตัว - SET: หุ้นในตลาดหลักทรัพย์เมืองไทย 4 ตัว - สิงคโปร์: Oops!!! ไม่รู้ จำไม่ได้ แต่ยังมีอยู่ 1. ของเมืองไทย; SET เพิ่งเริ่มซื้อปีนี้; 2024 2. ของออสเตรเลีย; ASX 8 ตัวกำลังดี ก็ยังซื้อเพิ่มเรื่อย ๆ ภายใน 8 ตัวนี้แหละ เน้น - บริษัทอสังหา - บริษัท healthcare, private hospital - บริษัทที่เอาเงินเราไปลงทุน investment companies 3. เราซื้อเพื่อเก็บ ไม่ขาย, เน้น passiveincome 4. Dividend ของ ASX; 5 บริษัทเป็น re-invest อีก 3 เป็นส่งเงินปันผลเข้าบัญชี 5. ของ ASX เราเก็บเงินทุกเดือน เดือนละ $1K, พอครบ $10K ค่อยซื้อ จะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมบ่อย 6. ของไทย; SET เราซื้อทีละ 100K THB, ยังไม่มี strategy ที่แน่นอน ของเราเน้น ASX... ก่อนซื้อทุกครั้ง CEO (ภรรยา) ต้อง approve!!! ทุกอย่างสร้างได้ จากสมองและสองมือที่มี ใครมีประสบการณ์แบบไหน inbox หรือ comment เล่าสู่กันฟังได้นะครับ Note: ตั้งแต่จบ ป.ตรี ทุกอย่างต้องดิ้นรนเอง $$$ (ขอ... แต่คุณอาไม่ให้... oops!!!) Disclaimer: อันนี้คือบันทึกส่วนตัวของเรา ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน "Home Loan Broker"
เหตุผลหลักในการเลือกใช้ Home Loan Broker ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่มีถูก ไม่มีผิด จริตใคร จริตมัน แต่หลักของเราคือ: 1. privacy & 2. confidentiality เราไม่ได้สนใจเรื่อง interest rate หรือ valuation อะไรมาก จะกู้ได้มากน้อย เราไม่ได้สนใจอะไรมาก เรามี backup เรื่องนั้นอยู่แล้ว เราเน้นแค่ 2 อย่างจริง ๆ ในการเลือกใช้ Home Loan Broker คือ privacy & confidentiality เพราะ Home Loan อะไรต่าง ๆ product มันก็เหมือนกันแหละ เพียงแต่ว่าเราอยากใช้ broker คนไหนแค่นั้นเอง และเรา emphasize เรื่องไหนแค่นั้นเอง ของเรา เรา emphasize เรื่อง privacy & confidentiality ไม่มีอะไรปิดบัง แค่อยากอยู่เงียบ ๆ แล้วใช้เงิน enjoy ชีวิตของเราไป ...ก็แค่นั้นเอง... อสังหา ยังน่าลงทุนอยู่ไหม... ในช่วงดอกเบี้ยสูงแบบนี้
แต่ละคน สถานการณ์ ไม่เหมือนกัน ไม่มีถูก ไม่มีผิด สำหรับเราแล้ว เรายังคง continue ลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ เพราะ 1. เราซื้อเฉพาะ existing home ที่มีคนเช่าอยู่แล้ว (มี off the plan บ้าง แต่มีแค่ 3 หลัง) 2. ทุกหลังที่เราซื้อ เป็น positive cashflow income ตั้งแต่วันแรก ไม่มีการควักเนื้อ ดังนั้น... ซื้อเสร็จ เราก็เตรียมตัวหาซื้อหลังต่อไปเลยทันที ปั่นงาน หาเงิน deposit ต่อไป หรือหลังไหน equity เพิ่มขึ้น ก็ดึง equity ออกมา 3. เราเน้น passive income ไม่เน้น equity (เช่นเดียวกัน ไม่มีถูก ไม่มีผิด เงินใครเงินมัน) 4. เราไม่ทำ negative gearing ถ้าคิดจะ Retire Young, Retire Rich ทุกอย่างต้องเป็น positive gearing สิ... คณิตคิดง่าย ๆ เราไม่เห็นด้วยกับ negative gearing แต่เราไม่ก้าวก่าใคร ตังค์ใครตังค์มัน สำหรับเราแล้ว เราจะไม่มานั่งหลังขดหลังแข็งหาเงินมาโปะ mortgage แน่นอน ชีวิตมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ income จากค่าเช่าต้อง cover everything from day 1 5. ดอกเบี้ยทำอะไรเราไม่ได้ ก่อนลงทุน ก่อนซื้อ เราดูที่ rental yield ก่อนเลย ตัวเลขไม่เคยโกหก 6. อยากได้อะไรแบบไหน บอก specification ไปกับ buyer agent ไม่ต้องไปวิ่งหาเอง เราซื้อหลายหลังแล้วที่ WA ก็ไม่ต้องบินไป inspect สะหน่อย เราซื้อหลายหลังแล้วที่ QLD ก็ไม่ต้องบินไป inspect เองสะหน่อย (ที่ QLD, inspects เองแค่หลังเดียว เพราะไปทำธุระพอดี ส่วนใหญ่ซื้อผ่าน buyer agent) 7. ของเราซื้อเพื่อเก็บ Buy, Rent, Keep ไม่มีขาย ของเราไม่ได้เน้น equity ห่านออกไข่เป็นทองคำทุก ๆ week ทำไมต้องขายด้วยหละ บางคนบอกว่าก็ขายห่านตัวเล็ก ๆ แล้วไปซื้อห่านตัวใหญ่ ๆ ไง hmmm... แล้วแต่นะครับ อย่างที่บอกนะครับ ทุกอย่างไม่มีถูก ไม่มีผิด เงินใครเงินมัน สะดวกแบบไหนเอาแบบนั้น เราไม่จำเป็นต้องมีห่านตัวใหญ่ ๆ ฟาร์มของเรา อาจจะมีจะห่านตัวเล็ก ๆ หลาย ๆ ตัว ออกไข่เป็นทองคำก็ได้ เราซื้อห่าน ออกไข่เป็นทองคำ แล้วเก็บไข่ ไม่ได้ซื้อห่าน เพื่ออวดใคร อย่างที่บอก "สะดวก" แบบไหน เอาแบบนั้น แต่ละคน "สะดวก" ไม่เหมือนกัน สำหรับเรา เรา "สะดวก" แบบนี้ Note: buyer agent ไม่ฟรีนะครับ ของเราที่เราใช้ $9,000/หลัง มีลดให้นิดหน่อย เพราะซื้อกับบริษัทนี้หลายหลังแล้ว ทุกสิ่งอย่าง ไม่มีถูกไม่มีผิดนะครับ แล้วแต่สถานการณ์ใครมัน มองมากกว่าที่ตาเห็น ฟังมากกว่าที่เคยได้ยิน Passive Income สามารถทำได้หลายทาง หลายวิธีนะครับ
การลงทุนในอสังหาไม่ใช่วิธีเดียวในการสร้าง passive income มันยังมี tools และ vehicle ตัวอื่นที่สามารถใช้ในการสร้าง passive income ได้ หนึ่งใน vehicles นั้นก็คือ stock market ครับ เราลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศออสเตรเลีย; ASX (Australian Securities Exchange) ณ ตอนนี้เราซื้อเอาไว้อยู่ 7 ตัว เน้นพวก investment companies และมีหุ้นของบริษัทอสังหา (REITs) อยู่บ้าง 2 ตัว วันนี้ซื้อเพิ่ม REIT อีกหนึ่งตัว หลังจากนี้เราก็น่าจะมีหุ้นใน ASX 8 ตัวละ 8 ตัวน่าจะพอแล้ว ไม่น่าจะซื้ออะไรเพิ่มแล้ว หุ้นทุกตัวใน ASX ของเรา เราซื้อเพื่อเก็บ เราเป็น Value Investor (VI) ที่ซื้อเพื่อเก็บ ไม่ได้มีการซื้อมา-ขายไป แบบ trader หรือพวกเก็งกำไร เราซื้อหุ้นในนามของบริษัท ไม่ได้ซื้อในนามของบุคคล ดังนั้น ๆ ลูก ๆ ก็รับช่วงต่อได้ การลงทุนใน ASX ของเราถึง goal ที่เราวางเอาไว้ตั้งแต่ Dec 2019 แล้ว ทุกวันนี้ที่ยังลงทุนต่อมาเรื่อย ๆ ก็เหมือนเป็นเงินเก็บ เป็น extra saving มากกว่า เก็บไว้ในธนาคารมันก็ทำอะไรมากไม่ได้ นอกจากเอาไว้ลงทุนในอสังหา แต่ส่วนของการลงทุนในอสังหา เราก็แยกต่างหากอยู่แล้ว อันนี้คือ main investment (passive income) ส่วน ASX ก็เป็นลูุกเมียน้อย เป็น secondary investment (value investor; passive income) Dividend คือเงินปันผล หุ้นทั้งหมดตอนนี้ 7 ตัว: - เรา fully reinvest 5 ตัว - รับ dividend เป็นเงิน 2 ตัว พอมีเงินกร้อมแกร้มเข้ามาในบัญชีบ้าง ค่าขนม เดี๋ยวเราซื้ออีก 1 ตัว ก็คงกลายเป็นรับ dividents เป็นเงิน 3 ตัว 1. Reinvest 5 ตัว คิดว่าพอแล้ว อยู่ตัวแล้ว 5 ตัวนี้ ส่วนมากเป็น investment companies 2. ที่รับ dividend 3 ตัว ก็จะเป็น REIT บริษัทอสังหา; GPT, MirVac และ Stock Land Note: เราไม่ได้แนะนำให้ใครไปซื้อหุ้นของบริษัทไหน อะไร ยังไงนะครับ แต่ละคนมีความชอบหรือ strategy ที่แตกต่างกัน เราชอบบริษัทเหล่านี้ เราก็ซื้อบริษัทเหล่านี้ แค่นี้เองเลยจริง ๆ เราซื้อหุ้นใน ASX ค่อนข้าง agressive ในช่วงปี 2018 - 2019 ซึ่งมันก็ถึง goal ที่ตั้งเอาไว้แล้ว ก็ 6 หลัก AUD พอ Jan 2020 - ปัจจุบัน เราก็ซื้อเป็นเหมือนเป็นเงินเก็บมากกว่าคือ: - หยอดกระปุกเดือนละ $1,000 - พอครบ $10,000 แล้วค่อยซื้อทีเดียว เราไม่ได้ซื้อหยิบย่อย และไม่ได้สนใจว่า ณ ตอนนั้นราคาหุ้นจะอยู่ที่เท่าไหร่ พอเก็บตังค์ครบ $10K ก็ซื้อเลย เพราะจะได้ไม่ต้องเสียค่าบริการของ broker บ่อย (SelfWealth ก็ $9.50/transaction) Disclaimer: เราเขียนบอกเล่าเก้าสิบ เล่าเรื่องของเราไปเรื่อยเปื่อยจากประสบการณ์ตรง เราไม่ใช่ financial planner หรือ financial advisor อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างไม่มีถูกไม่มีผิด จริตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ชีวิตคนไทยในต่างแดน ก็ไม่ต้องการอะไรมากมายในชีวิตหรอกครับ
ก็แค่ต้องการความมั่นคงในชีวิต จะได้ใช้ชีวิตที่เหลือแบบไม่ต้องเครียดหรืออะไรมาก ตอนนี้มีความเป็น Victorian แล้ว ได้รับจดหมายจาก town council ใน VIC มีความเป็นคน local แล้ว ตอนนี้อสังหาของเรามีอยู่ 4 รัฐ; NSW, QLD, VIC, WA แค่นี้ก็คิดว่าตัวเองมาไกลมากพอแล้วครับ จากมดตัวน้อย ๆ ตัวหนึ่งที่ Wollongong ใครที่ตอนนี้ doubt yourself ก็ให้ออกมาจาก comfort zone ของตัวเองดูนะครับ แน่นอนทุกอย่าง through hard work จากการทำงานหนัก ซื่อสัตย์ สุจริต เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน หากเรามีความตั้งใจจริง ทุกอย่างมันทำได้หมดแหละ ใจสู้หรือเปล่าแค่นั้นเอง!!! ...ใ จ สู้ ห รื อ เ ป ล่ า... ใน portfolio ทั้งหมดที่เรามี เราอสังหาที่เป็น off-the-plan อยู่แค่ 3 หลัง
Gold Coast: x 1 VIC: x 2 เดี๋ยววันนี้เราขอเขียนข้อดีและข้อเสียของสินค้า off-the-plan กันนะครับ Note1: เราเขียนจากมุมมองของคนซื้อ จากมุมของนักลงทุน เราไม่ใช่ real estate agent Note2: เราไม่มี affiliate อะไรกับใคร ไม่มีสินค้าอะไรมาแนะนำ ดังนั้นไม่ต้องกลัวเรายัดของ สินค้า off-the-plan ไม่ว่าจะเป็น apartment หรือ House and Land Package, nature มันก็จะคล้าย ๆ กันในแง่ของการลงทุน เพียงแต่ House and Land Package ที่เราเลือกซื้อ เราก็เลือกซื้อที่ไม่มี strata fee ไม่ค่าส่วนกลาง ซึ่ง apartment ก็จะมี strata fee มีค่าส่วนกลางที่ต้องจ่าย ก็แค่นั้นเอง Disclaimer: ทุกสิ่งอย่างที่เราเขียน เราเขียนจากประสบการณ์การลงทุนอันน้อยนิดของเรานะครับ เราก็แค่ beginner เบี้ยน้อยหอยสังฆ์ก็คงเอาเราไปเทียบกับมือโปรต่าง ๆ ไม่ได้นะครับ บ้านหลังแรกในออสเตรเลีย ซื้อเมื่อวันที่ 14 Nov 2017 ก็มีประสบการณ์แค่ 5 ปีอ่อน ๆ เอง ในความคิดเห็นของเรานะครับ ข้อดี: 1. เราซื้อสินค้าในราคา as of today อย่าง House and Land Package ของเราที่ VIC ที่เพิ่ง settlement ไปตอน 14 Jul 2023, สินค้าตัวนี้เราซื้อเมื่อวันที่ 12 Sep 2022 เราก็ซื้อในราคาของวันที่ 12 Sep 2022 ก็จ่าย deposit ไปไม่ได้เยอะมาก แล้วก็เพิ่งมา settlement เมื่อวันที่ 14 Jul 2023 ที่ดินอะไรก็กลายเป็นชื่อเราละ (เจ้าของจริงคือธนาคารที่เรากู้ นอกจากว่าจะซื้อสดไปเลย) 2. เรามีเวลาในการเก็บตังค์ ทำ statement ทำยอดขายอะไรของเราก็ว่าไป เพราะเราซื้อในนามของบริษัทและ Trust ดังนั้นเราก็ต้องใช้ BAS ใช้ Profit and Loss Statement ของบริษัทเรา อย่างน้อยก็มีเวลา 9 เดือนในการทำเอกสารในการกู้เงินกับธนาคาร จริง ๆ ของเราต้อง settlement; Sep 2023 ด้วยซ้ำ ถ้า settlement; Sep 2023 ก็มีเวลาเตรียมตัว 1 ปี 3. เรา settlement ไปวันที่ 14 Jul 2023, ตอนนั้นมันก็จะเป็นแค่ที่ดินเปล่า ๆ เฉย ๆ เมื่อเรา settlement เสร็จ builder ก็จะเริ่มสร้าง ก็น่าจะประมาณอีก 9 เดือน เผื่อฝนตกด้วยนั่น นี่ โน่น เราคิดว่า 9 เดือนก็น่าจะเสร็จ สมมุติว่าบ้านเสร็จ 9 เดือน ราคาบ้านและที่ดินของเราก็น่าจะเพิ่มขึ้นจากราคาที่เราซื้อ ณ วันที่ 12 Sep 2022 สมมุตินะครับ ซื้อวันที่ 12 Sep 2022: ราคาบ้าน $600K สมมุติ ราคาตัวเลขกลม ๆ Settlement: 14 Jul 2023 (เริ่มเป็นหนี้ เริ่มจ่ายดอกเบี้ยตั้งแต่วันนี้) บ้านเสร็จ: Apr 2024, ราคาบ้านหรือมูลค่าตอนนั้นอาจจะขึ้นมาเป็น $680K อันนี้คือราคาประเมินตามสถานการณ์ supply & demand ช่วงนี้นะครับ ช่วงคนย้ายเข้าประเทศเยอะ ๆ $80K ก็คือ equity ที่เพิ่มขึ้นมา ถ้าเราอยากจะขายบ้านในราคา $680K ก็ทำได้ แต่ต้องจ่าย capital gain tax นะ!!! หรือจะดึง equity ออกมาได้ (เราชอบอันนี้มากกว่า) 4. บ้านใหม่ brand new ไม่โทรม ไม่ต้องซ่อม อาจจะมีข้อดีอื่น ๆ นะครับ แต่เราคิดได้แค่นี้จริง ๆ ณ ตอนนี้ ส่วนข้อเสียหละ: 1. เมื่อเรา settlement วันที่ 14 Jul 2023 นั่นคือเราจ่ายดอกเบี้ยธนาคารเลยทันทีนะครับ นอกจากว่าใครซื้อ cash เลย สมมุติว่า builder ใช้เวลาในการสร้าง 9 เดือน เราก็ต้องเสียดอกเบี้ย 9 เดือน กว่าจะหาคนเข้ามาเช่าอยู่ สมมุติว่า ดอกเบี้ยเดือนละ $2,000 (สมมุติ) $2,000 x 9 เดือน = $18,000 ถ้าใครมี income มา cover ตรงนี้ได้ก็ OK แต่ถ้าใครไม่มี ก็ต้องคิดให้ดี ๆ นะครับ เพราะเราต้องควักกระเป๋าทุก ๆ เดือน เดือนละ $2,000 เป็นระยะเวลา 9 เดือน ส่วนเรา เรา OK กับเดือนละ $2,000 เพราะเราก็มี cashflow มาจาก investment properties หลังอื่น ๆ ก็เลยสบายไป ข้อเสียสำหรับเราก็คงจะมีแค่นี้หละมั้ง เพราะ House & Land Package ที่เราซื้อเอาไว้ ทาง developer เขาก็มี rental guarantee 2 ปี ก็ประมาณว่าทาง developer ก็คงทำการสำรวจมาแล้วแหละว่าบ้านแถว ๆ นั้นหาคนเช่าง่าย เขาค่อนข้างมั่นใจว่าบ้านสร้างเสร็จแล้ว มีคนเช่า ถ้าไม่มีคนเช่า เขาก็จะจ่ายค่าเช่าให้ (market rate) เป็นระยะเวลา 2 ปี อันนี้เขาก็อุ่นใจมานิดหนึง แต่เขาก็ไม่ได้จ่าย market rate 100% นะครับ เขาก็มี fine print ของเขาอยู่ แต่เราก็ไม่ได้สนใจตรงจุดนั้น แค่มี rental guarantee 2 ปี เราก็เอาแล้ว!!! blog นี้ก็คร่าว ๆ ข้อดีข้อเสียที่เราคิดได้นะครับ อาจจะไม่ครอบคลุมทั้งหมด เขียนได้เท่าที่คิดได้ ใครคิดอะไรได้ ก็ add มาใต้ comment ได้นะครับ มาแชร์และแบ่งปันข้อมูลและความคิดเห็นกัน ซื้อบ้านเก่าแถว ๆ Mackay, QLD
3 ห้องนอน 801 ตารางเมตร มีคนเช่าอยู่แล้ว $300/week รอขึ้น $350/week ราคาซื้อไม่ถึง $200K Deposit: 20% ใช้ equity จากบ้านที่มีอยู่แล้ว Home Loan: $80% ไม่ได้ใช้เงินเก็บของตัวเองเลยครับ passive income เราทำได้ Golden goose ตัวเล็ก ๆ ห่านทองคำ ออกไข่เป็นทองคำ บ้านเก่า ราคาไม่ถึง $200K เบี้ยน้อยหอยสังฆ์ เก็บเล็กผสมน้อย ซื้อมาแล้วก็ต้องมีอะไรปรับปรุงนิดหน่อย บ้านเก่าก็ต้องทำใจ แต่.... hey.... ราคาไม่ถึง $200K เราจะไม่บ่นจ๊ะ คนเช่าก็เป็นพวก FIFO อีกหนึ่งหลังใน portfolio เล็ก ๆ ของเรา แต่พอแล้วนะบ้านไม่ถึง $200K มีอะไรต้องซ่อมเยอะจ๊ะ Building report; 35 หน้า อ่านทุกหน้า จะได้รู้ว่าอันไหนจะให้เจ้าของเก่าซ่อม อันไหนเราจะจัดการเอง ทุกอย่างคือประสบการณ์ ไม่ลองไม่รู้ จากศูนย์ถึงหมื่นร้อยพัน เราทำได้ เป็นคนมีเวลาอันน้อยนิด
ก็ได้ใช้เวลาในวันเสาร์-อาทิตย์นี่แหละ ในการทำเอกสารเรื่องการเงินอะไรต่าง ๆ ตอนนี้กำลังทำเรื่องดึง equity ออกมาจากบ้านที่อยู่กับ RAMS ก็โชคดี เอกสารทุกอย่างทำเป็น folder เอาไว้อยู่แล้ว เมื่อทุกอย่างเป็นระบบ เมื่อทุกอย่างเป็นระเบียบ ชีวิตก็ง่ายขึ้นเยอะ แตกต่างจากเมื่อ 2 ปีก่อนที่ยังนั่งทำ bookkeeping เอง ตอนนี้เป็นเด็กดี มี bookkeeper ช่วยทำเอกสารให้ทุก ๆ เดือน ส่วน incomes หรือ expenses ที่ได้จาก investment properties ก็แยกออกเป็น folder ใครมัน เวลา property management agent ส่ง email อะไรมาทุก ๆ 2 weeks, เราก็ download ลง folder แยกเอาไว้ใครมัน เมื่อทุกอย่างมันเป็นระบบ และระเบียบ ชีวิตมันก็ง่ายขึ้นเยอะ :) ...บอกเล่าเก้าสิบ... 13/08/2023 จากเดือนก่อนที่เราเขียน blog ไปเกี่ยวกับ shoebox apartment เล็ก ๆ ที่เราซื้อเอาไว้ที่ Brisbane ซึ่งได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี
มันทำให้เรารู้ว่า ห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ เราต้องเก็บเอาไว้นะครับ ก็ค่อย ๆ เก็บไข่ห่านตัวนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ขาย มีแต่จะซื้อเพิ่ม ก็ต้องมี Golden Goose หลาย ๆ ตัว กับ shoebox apartment เล็ก ๆ ราคาไม่แพงมาก แต่ได้ค่าเช่าดี ได้ return ที่ดี... why not!!! :) สิ่งที่เราต้องตามหาคือ ตามหา Golden Goose เหล่านั้น ตามหา hidden gem หรือบางทีที่เราเจออสังหาที่ไหน ที่ไกล ๆ ที่ regional area ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ถ้ามีคนเช่าอยู่แล้ว ถ้ามันเป็น positive cashflow income อยู่แล้ว แมว... ไม่ว่าจะสีอะไร ถ้ามันจับหนูได้ ก็ถือว่า OK ทั้งนั้นแหละ มาค่อย ๆ หา Golden Goose หาแมวเหล่านั้นกันนะครับ :) ปีนี้เป็นปีแรกที่เราจัดการลงทุนในอสังหาทุกอย่างให้เป็นระบบ
แต่ก่อนมั่วมาก ทุกอย่างก็โยนให้ accountant ปีนี้เราเป็นเด็กดี เราทำเป็น spreadsheet ที่มีข้อมูลทางด้านตัวเลขของอสังหาทุกตัว อยู่ใน spreadsheet เดียว one glance สามารถรู้ข้อมูลได้เลย และเราก็ใส่สูตรคำนวณอะไรเอาไว้หมด เวลาดอกเบี้ยขึ้น เวลาค่าเช่าขึ้น เราจะได้มองเห็นภาพรวมทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ตาปอดคลำช้าง เราไม่ได้ทำอะไร blindly คือถ้าคิดจะทำการใหญ่ ทุกอย่างต้องเป็นระบบ เพราะตอนจะทำเรื่องกู้หลังต่อ ๆ home loan broker เขาก็ต้องการข้อมูลพวกนี้ ดังนั้นเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม พออะไรพร้อมแล้ว พออะไรมันเป็นระบบแล้วมันง่ายมากเลยครับ และที่สำคัญเราจะได้อธิบายอะไรต่าง ๆ ให้กับภรรยาเราด้วย เราเป็นสาย aggressive ในการลงทุน ภรรยาเราจะเป็นสาย "คิดแล้วคิดอีก" หยินกับหยาง เราว่ามันเป็นอะไรที่ลงตัว คนหนึ่งก็จะซื้อและซื้อ อีกคนก็จะ "ไม่" และก็ "ไม่" ดังนั้นการที่เราจะไป present หรือเสนอ idea อะไรให้กับภรรยาเรา เราต้องมีข้อมูล ต้องมี hard fact ความอยากในการซื้ออสังหาอย่างเดียวไม่พอครับ เราต้อง convince ภรรยาเราให้เห็นด้วย อันนี้ยากสุดบอกเลย ทุกอย่างต้องเอาตัวเลขมาคุยกัน เด็กสายวิทย์มาเจอเด็กสายวิทย์ เด็ก IT กับเด็ก IT เราคุยกันแบบนี้ครับ :) ภรรยาเราเป็น Network Engineer เก่าครับ เราก็ Software Engiiner เก่า... OK รู้เรื่อง!!! ที่เขียนมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบอกว่า ลองทำอะไรทุกอย่างให้เป็นระบบนะครับ แล้วชีวิตจะง่าย โดยเฉพาะคนที่ plan to expand your investment protfolio เป็นกำลังให้เสมอครับ ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ mindset เสาร์-อาทิตย์ว่าง ๆ แทนที่จะเอาเวลาไปกิน เล่น เที่ยว ว่าง ๆ เราก็นั่งอะไรพวกนี้ไป ก็เลยออกมาเป็น spreadsheet... ชีวิตเริ่มเป็นระบบขึ้น ชีวิตเริ่มงานขึ้น ชีวิตต้องง่าย ถ้าไม่ง่ายแสดงว่าไม่ใช่ |
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
December 2023
|