14 October 2017; เป็นการเจอกันตัวเป็น ๆ ครั้งแรกของพวกเรา 3 คน หลังจากที่คุยกันทาง email และคุยกันผ่าน facebook page กันอยู่นาน
ก็เป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น (หรือเปล่านะ เราไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวใช่มั้ย) Apr 2018 เรากับครอบครัว ก็ไปเยี่ยมพี่เค๊านะ ขับรถไปจาก Mellbourne และ 2-3 ปีที่ผ่าน เราก็แวะไปหาพี่เขาอีก แต่คราวนี้ไปคนเดียว ขับรถไปจาก Wollongong เลย คนในครอบครัวก็ไม่ใช่ แต่ก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเสมอมา พี่เค๊าคือ 200 คนแรก ๆ ที่เข้ามาติดตาม page "J Migration Team" ของเรา และทุกวันนี้ก็ยังคงติดตามและติดต่อพูดคุยกันหลังไมค์ตลอด พี่เค๊าคืออีกหนึ่งฟันเฟืองที่แนะนำลูกค้ามาให้เราเยอะมาก ถึงมากที่สุด พี่เค๊าเป็นคนแรก ๆ เลย เมื่อปี 2015/2016 ที่ช่วยแนะนำลูกค้า "ปากต่อปาก" กันมา ทั้ง ๆ พี่เขาก็ไม่ได้อะไร ครอบครัวเรา 4 คน เป็นหนี้บุญคุญของพี่ ๆ ตลอดไปนะครับ Note: ก่อนลงรูป เราขออนุญาตแล้ว ตั้งแต่ 2017 :) จากที่โพสต์ไปเมื่อวันก่อน ว่าสำหรับปี 2023 เราก็แค่ต้องการอีกแค่ 2 cases ใหญ่ มันจะถึงโควต้า หรือตัวเลขของจำนวน case ที่เราต้องการทำ "ที่อยู่ในใจ"
มันเป็นตัวเลขที่เราได้มาตั้งแต่ประมาณปี 2017 แล้ว และทุก ๆ ปีก็ hit this number เรื่อยมา ไม่ต้องการมากไปกว่านี้ แค่นี้ก็ OK แล้ว เมื่อเรา hit the target แล้ว (13 Oct 2023) เวลาที่เหลือหลังจากนี้จนสิ้นปี ก็ไม่เป็นไร อย่างที่บอก ต่อให้ Nov จะได้ทำ 0 case ก็ไม่เป็นไร ต่อให้ Dec จะได้ทำ 0 case ก็ไม่เป็นไร เชื่อเถอะ ต่อให้ปิดทำการ Dec & Jan เราก็จะยังมี case หยิบหย่อยให้น้อง ๆ ทำอยู่ ไม่ต้องห่วง Dec ก็คงเป็นการ clear case เก่า ๆ ให้หมด Jan ก็คงเป็น heal ใจ heal ร่างสำหรับทุก ๆ คน โน่นแหละ กับมารับงานอีกที 01 Feb 2024 ก็จะยังคง checks email ทุกวัน ทีมงานก็ยังติดต่อได้ทั้งทาง email และ WhatsApp ก็จะเป็นอะไรที่ "เล็ก ๆ เฉพาะคนรู้ใจ" สรุปก็ปิด job ของปี 2023 อย่างสวยงาม เมื่อวันที่ 13 Oct 2023 คำว่า "พอ" ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับเรา เรา "พอ" แล้ว แค่เรา live comfortably เราก็ OK แล้ว ไม่ต้องอะไรเวอร์วังมาก แค่ไม่เดือดร้อนก็พอ มีจุนเจือคนรอบข้างบ้าง อันนั้นก็คือ bonus ของชีวิต ถ้ามีเงินเข้ามาเพิ่มช่วง Nov & Dec ก็ถือว่าดีไป เราก็จะได้เอาไปทำ project อะไรอย่างอื่น อะไร ใด ๆ ทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ ก่อนทำ project อะไร ก่อนตัดสินใจอะไร มันคือการตัดสินใจร่วม ชีวิตครอบครัวจะได้ไม่มีปัญหา สำหรับคนที่ follow เราใน facebook ส่วนตัว (ที่เปิดเป็น public) ก็คงจะพอเห็นอยู่บ้างว่า ปี 2024 เรามี project อะไรบ้าง ทุก project ต้องการผ่านคุยกัน 2 คนกับภรรยา ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่ต้องการบันทึกเรื่องราวของชีวิต บอกเล่าเก้าสิบ และเป็นกำลังใจให้กับหลาย ๆ คนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวกัน เราก็เป็นมดตัวน้อย ๆ ตัวหนึ่งที่ Wollongong ที่สร้างเนื้อสร้างตัว เริ่มจาก "0" จริง ๆ เริ่มจากสมองและสองมือที่มี ทำเองทุกอย่าง เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ ต้องการปรึกษาอะไร ทักเข้ามาได้ ทุก ๆ ปีเรามีตัวเลขที่อยู่ในใจว่าจะต้องทำ case นั้น case นี้ ได้กี่ case
สำหรับเราก็คือ "target ที่อยู่ในใจ" แหละ เดือนนี้ ก็แค่ October เอง แต่ถ้าเราได้ทำอีก 2 cases เราก็ถึงโควต้า หรือ "target ที่อยู่ในใจ" แล้วทั้งปี ต่อให้ Nov: ได้ทำ 0 case ก็ไม่เป็นไร ต่อให้ Dec: ได้ทำ 0 case ก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องหางานให้น้อง ๆ ทีมงานแหละ ไม่ต้องห่วง ก็จะพักกันแค่ Dec & Jan ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ นะครับ เงินทองไม่ได้หล่นลงมาจากฟากฝ้า คนใกล้ตัวเราจะรู้ว่าเราทำงานกันหนักขนาดไหน ส่ง email หากันรัว ๆ บาง case เข้าเนื้อก็มีเยอะแยะ ก็ใจดีเกินไง!!! อะไร ใด ๆ อีก 2 case นะครับ สำหรับปีนี้; 2023 ก็จะได้ปิดยอดอย่างสวยงาม ฮึบ!!! Trip 1 week เต็ม ๆ ที่ Brisbane ที่ผ่านมา เรามีคนช่วยดูแลเรื่องอาหารให้ ตั้งแต่วันแรกที่ check-in ที่ hotel เลย จนถึงวันที่ check-out ทั้งหมดก็ 7 วันพอดีเป๊ะ
3 วันแรก ภรรยาเราเข่าเจ็บ เขากับลูกสาวก็ทานเรากับบ้าง เอาจริง ๆ นะ ลูกสาวทานอะไรง่าย ๆ พวก sushi จาก corner store ด้านล่างอยู่แล้ว พอวันที่ 4 เข่าภรรยาเริ่ม OK เริ่มเดินไปทานนั่น นี่ โน่นกับเพื่อน ๆ เขา dance mums ทั้งหลาย พวกเรามากัน 7 ครอบครัว การแข่งขัน dance ครั้งนี้ที่ Brisbane แต่ส่วนตัวเรา 7 วันเต็ม ๆ ก็มีแค่คืนวันเสาร์นะครับ ที่เราออกไปทานอาหารข้างนอก ออกไปกันเป็นครอบครัว ที่เหลือนอกนั้นตัวเราก็ทานที่ hotel ตลอด และวันที่ทำงานที่ office ที่ Brisbane เราก็ห่อไปทานที่ office หรือน้อง ๆ ก็ทำอะไรมากินกันที่ office มีซื้อกินแค่ 1 มื้อกลางวันแค่นั้นเอง เราไม่ได้งกเงินกับการกินอาหารนอกบ้านนะครับ ค่อนข้างจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำคือ ถ้าทานนอกบ้าน เราก็ไม่ได้มี budget อยู่แล้ว อยากกินอะไรก็กินได้ แต่เราเป็นคนไม่ชอบทานอาหารข้างนอกครับ นอกจาก speical occasion จริง ๆ ที่ต้องเจอคนนั้นคนนี้เท่านั้น ถ้าต้องทานกับครอบครัวหรือทานคนเดียว ก็ทานที่บ้าน หรือถ้าเดินทางก็ทานที่โรงแรมแบบนี้ดีกว่า สาเหตุเพราะ: - เรื่องเวลาที่มันเสียไปกับการเดินทาง การแต่งตัว การไปนั่งรออาหาร - จริง ๆ แล้วเราทานอะไรก็ได้ ทานได้หมด แต่ถ้าเลือกได้ อาหารบ้าน ๆ น้ำพริก ผักลวก ลวกผัก ลวกเห็ด อาหารแบบนี้อร่อยถูกปากมากกว่า อาหารหรูหราหมาเห่า เราก็ทานมาหมดแล้วครับ แทบทุกเมืองที่ไป ก็เฉย ๆ ไม่ได้ fancy อะไรกับมันมาก อาหาร "สังคมนิยม" เราโชคดีที่ Brisbane มีน้องอาสาเป็น catering ให้ ก็เลยสบายตัว สบายท้องเพราะเน้นแต่ผัก เราไม่ใช่ vegetarian นะครับ แต่ถ้าเลือกได้ ก็นี่แหละ ขอเลือกผัก ดีที่สุด เป็น 1 trip ที่เราตัดปัญหาเรื่องอาหารออกไปได้ ครอบครัวเราเป็นครอบครัว free style ที่ไม่ต้องทำอะไรด้วยกันตลอด หรืออยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราชอบอาหารแบบนี้ เราก็กินแบบนี้ที่ hotel ส่วนลูกกับภรรยาเขาก็พากันไป Southbank นั่น นี่ โน่นกัน ก็ไม่เป็นไร ก็แยกกันกินได้ เรา + ภรรยา + ลูกสาว พวกเรา 3 คนไป Southbank กันบ่อยแล้วครับ เพราะลูกสาวมาเรียน ballet ทุก ๆ ปิดเทอมที่ Brisbane เป็นระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา แต่ลูกชายเรายังไม่เคยไป พอลูกชายบินมาสมทบวันศุกร์ เที่ยงวันเสาร์ แม่ + ลูกลิง 2 ตัวก็เลยพากันไปเดินเล่นที่ Southbank ส่วนเราก็นั่งทำอะไรของเราไปที่ hotel เพราะมี email มีอะไรที่ต้องตอบเยอะ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ ก็ต้องแบ่งกันทำ แยกย้ายกันทำ ไม่ต้องตัวติดกัน 4 คนตลอดเวลา ตกเย็นวันเสาร์ พวกเราค่อยออกไปทานอะไรด้วยกัน as a family ก็แค่นั้นเอง หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า "แหม มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ มีคนทำกับข้าวมาให้ที่โรงแรม" hmmmm.... แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนที่เลือกที่จะมองนะครับ ไม่มีถูก ไม่มีผิด แต่สำหรับเรา "ไม่มีเวลา" ก็คือไม่มีเวลาจริง ๆ และอยากจะเอาเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นที่มัน productive กว่าการที่ต้องออกไปทานอะไรข้างนอก แค่นั้นเองเลยจริง ๆ ขอบคุณ supporting team ที่ส่งข้าวส่งน้ำ เปิดตู้เย็นมาที่ hotel (suites) มันรู้สึกอื่นใจที่มีของกินเต็มตู้เย็น นี่คืออีกหนึ่งสาเตุที่เรายอมจ่ายค่าที่พักแพง จ่ายเป็น suites ไปเลย จะได้มี facilities นั่น นี่ โน่น ปีหน้า ลูกลิงตัวเล็กต้องไปเรียน ballet อีก คราวนี้ได้ scholarship มา 2 weeks แต่คราวหน้า น่าจะพักแถว West End เพราะ academy ที่จะไปเรียนอยู่แถวนั้น ที่พักมา BBQ ที่ roof top.... เผื่อ "inner-circle"ชาว Brisbane สนใจ ปีหน้า ชาว West End เจอกันนะครับ จะไปกันยาว ๆ เลย 2 weeks :) Once again, ขอบคุณอาหารที่ prepared with love. See you next year; Brisbane (West End) ในวันที่เกิดเรื่อง emergency
ในวันที่ใครบางคนมี dietary requirement ที่ค่อนข้างพิเศษ เราคุยกันต่างรัฐ คุยผ่าน WhatsApp กับน้อง ๆ ว่าต้องนั่น นี่ โน่น; 1-2-3-4 ทันทีที่ touch down และ check-in ที่โรงแรม น้องก็เอาอาหาร dietary requirement มาส่งทันที มันทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่บนโลกใบนี้ เราไม่ได้สู้ปัญหากันเพียงลำพัง เสาร์ 30 Sep 2023; 8:45am
อาจจะเป็นการพบปะ เมาส์มอย สั้น ๆ แค่ 1 hr เท่าที่เวลามี แต่ทุกครั้งที่ได้เจอกันตัวเป็น ๆ มันก็มีความสุขเสมอ เป็น "ทีม" ที่ "ศีลเสมอ" เป็นกลุ่มคนพลังงานบวก ๆ อยู่แล้วมีความสุข ทุกครั้งที่เจอกันตัวเป็น ๆ idea ต่าง ๆ project ต่าง ๆ ก็ชอบผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ทีมเงยหน้าไม่อายฟ้า ทีมไม่หลับไม่นอน ทีมร้อยแปดพันเก้า project ทีมที่กลายเป็น "ครอบครัว" ไปแล้ว รักที่สุด สุดที่รัก ลูกลิงทั้ง 2 ของเราเริ่มโต เด็ก ๆ เริ่มเดินทางเองคนเดียว บินไปโน่นมานี่คนเดียวได้ ต่อไปถ้าบินมา Brisbane เราค่อนข้างอุ่นใจในระดับหนึ่ง เราค่อนข้างอุ่นใจว่า ถ้าลูกลิงต้องมาทำธุระอะไรที่นี่ ถ้าเผื่อเราติดธุระ หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เหมือนเรามี "ครอบครัว" ที่ Brisbane ที่คอยสอดส่องน้อง ๆ หลาน ๆ ได้ ชีวิตเป็นสิ่งเปราะปราง จะเกิดอะไรกับใครเราไม่รู้ อย่างน้อยกลุ่มคน "เล็ก ๆ เฉพาะคนรู้ใจ" ที่ Brisbane เราก็ไว้ใจได้ สามารถขอความช่วยเหลือเหมือนคนในครอบครัวได้ โดยเฉพาะลูกลิงตัวเล็ก ตารางบินมาอีกละ daddy หาเงินไม่ทัน หรือลูกลิงตัวโต คนนี้เขาเดินทางคนเดียวได้แล้ว เผื่อปิดเทอมจากมหาลัย เผื่อจะบินหรือมี roadtrip มาแถว Brisbane daddy ก็จะได้มี "นักสืบจำเป็น" คอยแอบดูพฤติกรรมของน้องได้!!! คนนี้เริ่มมี roadtrip กับเพื่อนบ้างแล้ว ช่วงปิดเทอมของ UNSW ขอบคุณจักรวาลที่เหวี่ยงให้เรามาเจอกัน ดีใจที่ได้ทำ project อะไรหลาย ๆ project ด้วยกัน และ hopefully, there will more projects to come LOVE... you know who you are :) R U OK? Day คือวันที่ 14 Sep
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าทุกวัน ๆ ควรจะเป็น "R U OK?" Day นะครับ เพราะมันเป็นอะไรที่สำคัญมากเลย การสร้าง awareness เกี่ยวกับ mental health หลาย ๆ คนมองข้ามเรื่องนี้ไป หลาย ๆ คน take it for granted เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เราเป็นพวก ignorance เพราะมันเป็นเรื่องไกลตัว ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา แต่พอเราได้ทำงานตรงนี้จุดนี้ไปนาน ๆ ได้สัมผัสหลากหลายชีวิต หลากหลายครอบครัว จากความคิดอันตื้นเขินของเรา ตอนนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ เราเคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้ว 2-3 รอบใน 3-4 เดือนที่ผ่านมา ก็ลอง ๆ ไล่อ่านดูนะครับ ความเครียดและเรื่องวีซ่ามันมาคู่กัน ความคาดหวังและความเครียดมันก็มาคู่ ๆ กันเหมือนกัน เราอาจจะทำอะไรมากไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็น "listening ears" นะครับ เป็นผู้ฟังที่เห็นอกเห็นใจก็พอ ไม่ต้องพูดไม่ต้องออกความเห็นอะไรมาก เพราะเราไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ เป็นแค่ shoulder ให้เขา lean on เป็น "กระโถนไร้ก้น" ให้เขาได้ระบาย ส่วนใครที่ตกอยู่ในภาวะอะไรก็ตามแต่ ปรึกษาหมอนะครับ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญนะครับ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เสาร์-อาทิตย์ลอง unplugged yourselves ดูนะครับ ลอง social detox ดูนะครับ มือถือลองเปิดเป็น flight mode บ้างนะครับ ไม่ต้องรับทุกสายที่เข้ามาก็ได้นะครับ ช่วยได้เยอะ หากต้องการใครซักคนคุยด้วย โทรไปที่ Life Line ได้นะครับ Ph: 13 11 14 24 hr x 7 days ขอล่ามได้ 22 Aug 2023; 10pm ในคืนที่ฝนตก
ปกติประมาณ 10pm เราต้องเข้านอนแล้ว แต่วันนี้ขออยู่ดึก ๆ นั่งขีด ๆ เขียน ๆ อะไรไป ช่วงนี้ลูกลิงกลับบ้าน เพราะสอบที่ UNSW เสร็จแล้ว บ้านก็จะคึกคักนิดหน่อย เราก็เลยถือโอกาสนอนดึกซะเลย ในคืนที่ฝนตก เขามองเห็นตัวเรายืนถือแก้วโกโก้อุ่น ๆ นั่งอยู่ตรงระเบียงชั้นบนของบ้านหลังใหม่ บ้านหลังใหม่เรา renovate เสร็จแล้ว ได้กุญแจตั้งแต่ Nov 2022 แต่พวกเราก็ยังไม่ย้ายกัน ใจเราหนะ "ไป" ตั้งนาน แต่บ้านหลังปัจจุบัน มันก็สะดวกกับทุกสิ่งอย่าง เพราะภรรยาเราเองก็ยังต้อง follow up กับหมอ นั่น นี่ โน่น แต่ก่อนก็ follow up ทุก ๆ 2 เดือน เพราะต้องทานยา และตรวจดูค่าเลือด ค่าอะไร ต่างๆ นานา ตอนนี้หมอบอกว่า follow up ทุก ๆ 3 เดือนก็พอ อันนี้ก็คงเป็นนิมิตรหมายที่ดี เป็น signal ที่ดีว่า "darling เราย้ายเถอะ" เพราะครอบครัวนี้ ภรรยาเป็นใหญ่ และเด็ก ๆ เองก็เหมือนยังยึดติดอยู่กับ Wollongong เพราะพวกเราอยู่บ้านหลังนี้กันมา 15 ปีแล้ว มันใกล้ มันสะดวกกับทุกสิ่งอย่าง ซึ่งเราก็เข้าใจได้ แต่บ้านใหม่เรา เราอุตส่าห์ต่อหลังคาตรงระเบียงให้มันยาวออกไปอีก ก็หมดไปหลายหมื่น AUD นะ เพื่อที่เวลาฝนตกฝนก็จะได้ไม่สาด หรือเวลาที่แดดออก แดดก็จะไม่ส่องมาก คือเอาโต๊ะไปวางไว้ข้างนอก ตรงระเบียง นั้งเหยียดขายาว ๆ ถือโกโก้อุ่น ๆ ทอดสายตาออกไปด้านนอก แล้ว "หายใจทิ้งไปวัน ๆ" แบบไม่ต้องคิดอะไร แบบ care free, worry free ภาพของเรา ณ ตอนนี้มันอยู่ตรงนั้น เราหนะอยากจะย้ายแล้ว พื้นที่อะไรมันกว้างขวางกว่านี้เยอะ มีสวนหลังบ้านให้ปลูกผักเอาไว้กินเอง ที่เหลือตอนนี้ก็แค่พากันไปซื้อ furniture ที่ IKEA ก็แค่นั้นเอง ดูเหมือนว่าแต่ละ weekend พวกเราไม่มีเวลาว่างตรงกันเลย คนหนึ่งก็เรียนฟันดาบ คนหนึ่งก็ dance, ตัวเราเองก็จะไปวัด เฮ้อ แล้วเมื่อไหร่จะได้ซื้อ furniture กัน เราจะซื้อ furniture ใหม่หมดเลย ทุกอย่าง brand new ของอะไรที่อยู่บ้านหลังเก่า แทบจะไม่เอาไปเลย หรือเอาไปน้อยมาก ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ก็ไปซื้อเอาของใหม่เถอะ ของที่บ้านหลังเก่า บางอย่างมันก็ 15 ปีแล้ว หรือ sofa bed ก็น่าจะ 21 ปีแล้ว ถึงเวลาบอกลากันแล้วหละ เขียนเอาไว้ ณ วันที่ฝนตก บันทึกอารมณ์ ณ moment นี้เอาไว้ 22 Aug 2023; 10pm-ish เกิดเป็น MARN ก็ไม่ง่าย
ทุก ๆ ปีก็ต้องต่อ registration ทำนั่น นี่ โน่น คนที่พยายามทำอะไรให้มันถูกต้อง ก็เบื่ออีพวกลักไก่เหลือเกิน น่าเบื่อ น่ารำคาญ ต่อหมายเลข MARN แต่ละปี: 1. Registration fee: $1,595 2. Insurance: $907.50 (cover $250K ที่ไม่เคย claim เลย) 3. Database ของกฎหมาย legislation ต่าง ๆ: $811.20 4. CPD: Continuing Professional Development, ปกติเขาก็บังคับแค่ 10 points, แต่เราอยากเรียนรู้ ชอบเรียนรู้ ปีนี้ก็ลงไปทั้งหมด 26 points ก็ประมาณ: $1,030 = $4,343.70 อ๊ะ ก็ไม่เป็นไร ทุกสิ่งอย่างมีต้นทุน มีราคาที่ต้องจ่าย ก็ว่ากันไป |
AuthorJohn Paopeng Archives
October 2023
Categories |