จะมีพี่คนไทยใน Wollongong ไม่กี่คนที่เรียกเราว่า "หนู"
น่าจะมีอยู่ 3 คนนะ พี่เค๊าก็เห็นเรามาตั้งแต่เด็ก ๆ และก็น่าจะมีพี่คนไทยใน Wollongong แค่ 2 คนนะที่เวลาแกมีกับข้าวอะไรก็จะส่งข้อความหรือโทรมาบอก ให้พวกเราแวะไปเอากับข้าวที่บ้านแก บ้านพวกเราไม่ไกลกัน แต่ก็จะมีพี่คนไทยแค่คนเดียว ที่เราแวะไปมาหาสู่กันแทบทุก week และเป็นคนไทยใน Wollongong คนเดียวที่เราเข้าไปในบ้าน เข้าไปในครัว ทำโน่น ทำนี่ที่บ้านแก ไปนั่งดื่มชากาแฟที่บ้านแก มีคนเดียวใน Wollongong จริง ๆ (พี่อีกคน เวลาเราไปเอาอาหาร เราก็เจอกันที่หน้าบ้าน เราไม่เคยละลาบละล้วง) บางที small gesture อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ของใครบางคน มันก็มีค่าสำหรับใครบางคนที่เป็นผู้รับนะ พี่เขาเป็นแม่บ้าน มีเวลาในการทำกับข้าวนั่น นี่ โน่น ส่วนเรา 2 คนกับภรรยาก็ต้องทำงาน ทำมาหากิน บอกตามตรงว่าเราไม่อยากปวดหัวเรื่องกับข้าวกับปลา ภรรยาเราจะทำกินกันเองง่าย ๆ พยายามไม่ซื้ออะไรกินนอกบ้าน เพราะเราไม่รู้เลยว่าในครัวของร้านอาหารแต่ละร้านเป็นไงมั่ง และใส่อะไรลงไปในอาหารบ้าง อันนี้คือเหตุผลหลัก ๆ ของครอบครัวที่ไม่ค่อยทานข้าวนอกบ้าน ถ้าไม่จำเป็น การที่ใคร someone ทำกับข้าวเผื่อครอบครัวเราด้วย มันทุ่นแรงทุ่นเวลาพวกเรานะ ต่อให้อาหารบางอย่างภรรยาเราอาจจะไม่กิน เพราะอาหารไทยบางทีก็รสจัดไปสำหรับเขา แต่อย่างน้อยภรรยาเราก็แค่ดูแลเรื่องอาหารของเขาเอง และอาหารของลูก ไม่ต้องมา worry เรื่องอาหารของเรา เพราะเรากินอะไรก็ได้ที่มี ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเน้นอาหารไร้แป้ง ไร้น้ำตาลก็ตามเถอะ แต่ถ้ามีคนทำอะไรมาให้ เราก็ไม่เคยปฏิเสธ วันนั้นมื้อนั้นก็ตัดปัญหาเรื่องอาหารของเราออกไป ภรรยาของเราก็จัดการแค่ของเขาเองและก็ของลูก ชีวิตพวกเราก็อยู่กันแบบนี้ ง่าย ๆ การที่ใคร someone บอกเราว่า "หนู... มาเอากับข้าว" มันอาจจะเป็น small gesture เป็นการกระทำของใครเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันก็ทุ่นแรงเราได้เยอะ พี่โทรมาวันพุธเช้า พอดีแกต้องทำอาหารไปวัด วันพุธเช้า แกก็เลยทำเผื่อเราด้วยถาดหนึ่ง ถาดใหญ่มากกกกกกกก อาหารถาดนั้น สำหรับเราก็ทานได้ 3 มื้อคือ พุธเที่ยง พุธ dinner และ พฤหัสเที่ยง เราไม่ทานข้าวเช้า เราทำ fasting (IF; Intermittent Fasting) สำหรับเรา มันทุ่นแรงไปได้เยอะ ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่มันทุ่นเวลา เราจะได้เอาเวลาเราไปคิดไปทำอะไรอย่างอื่น ไม่ต้องคิดว่าวันนี้จะสั่งอาหาร takeaway ร้านไหน หรือเย็นนี้ภรรยาเราจะ cook อะไรกิน บางคนก็อาจจะบอกว่า "อะไรนะ มันเป็นปัญหาใหญ่มากเลยเหรอ" อ๋อ จริง ๆ ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่เรารู้สึกว่า "มันเสียเวลา" (กราบขอโทษทุกคนที่ชอบเข้าครัวหรือชอบทำกับข้าว) เพราะทั้งเราและภรรยาก็ต้องทำงาน แค่ทำงานก็เหนื่อยกันแล้ว ภรรยาเราก็ช่วยทำงานของ "J Migration Team" ครับ เราก็แค่อยากจะเอาเวลาของเราไปทำอะไรอย่างอื่นแค่นั้นเอง ส่วนใครที่มีความสุขในการทำกับข้าวก็ทำไป ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่อยากจะบอกว่า: - small gesture ของใคร somone มันสามารถเปลี่ยนโลกของใครอีกคนได้ทั้งใบนะครับ ลองทำอะไรเล็ก ๆ น้อยให้กับคนอื่นดู - เรารู้สึกโชคดีที่อยู่ใน "หมู่มวลมิตร" ที่ดี มี "inner circle" ที่ค่อนข้างเล็กแต่มีความสุขมาก ขอให้ทุกคนหา "หมู่มวลมิตร" ที่ดีของตัวเองให้เจอนะครับ ขอให้ทุกคนมี "inner circle" ที่น่ารัก ที่ดูแลห่วงใยกันจริง ๆ นะครับ แบบไม่หวังผลอะไรต่อกัน และสุดท้าย และท้ายที่สุด อย่าลืมทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง small gesture อะไรยังไงก็ได้ มันสามารถเปลี่ยนโลกของใครบางคนได้ ตึกที่เราพักอยู่ทุกวันนี้ เราอยู่ 1st floor
มองไปลงข้างล่างตึกข้าง ๆ ตรง ground floor หน้าต่างครัวของตึกเรา ก็จะตรงกันกับประตูเข้าบ้านและหน้าต่างตรง living room ของตึกข้าง ๆ พอดี ตรง ground floor มีหลายครั้งที่คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวพาลูกน้อยออกมานั่งเล่น ลูกสาวตัวเล็ก ๆ น่าจะเพิ่ง 2-3 ขวบเอง ยังเล็กมาก เมื่อคุณพ่อ ต้องเล่นกับลูกน้อย ลูกสาว มันก็มีความน่านัก กระน๊องกระแน๊งตามประสาพ่อกับลูก ฟังจากน้ำเสียงแล้ว คุณพ่อคงเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน เพราะน้ำเสียงไม่ค่อยมี energy เท่าไหร่ แต่เสียงลูกน้อยก็เจื้อยแจ้วมาก เสียงลูกน้อยท่าทางมีความสุข เล่นอะไรกับคุณพ่อก็ไม่รู้ มันก็มีความน่ารักของพ่อลูกที่มีให้ต่อกัน ชีวิตคนเรา ชีวิตครอบครัว มันไม่ง่ายเลยน๊อ มันคงไม่ง่ายที่ใครหลาย ๆ คนกลายเป็น single parent ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว หรือบางคนก็อาจจะ share custody บ้านหลังแรกที่เราซื้อที่ WA คนเช่าก็เป็นผู้ชาย แยกกันกับคนรักเก่า ก็ share custody กัน บ้างหลังที่สองที่ WA ที่เราปล่อยเช่า คนเช่าก็เป็นผู้ชาย แยกกันกับคนรักเก่า ก็ share custody กัน ...เฮ้อ... ไม่ง่ายเลยนะชีวิต ช่วง Nov-Dec-Jan เป็นช่วง 3 เดือนที่เราอยากจะพัก
พักในที่นี้คือทำงานตลอด แค่รับงานน้อยลง และก็พยายาม clear case ต่าง ๆ ที่อยู่ในมือ และช่วงนั้นมันก็รู้สึกผิดหวังอะไรหลาย ๆ อย่างจากการ treatment ที่เราได้รับจากลูกค้า เราก็เลยปัดตกหลาย ๆ case ที่ติดต่อเข้ามาช่วงนั้น รับงานน้อยลง ก็ OK แหละเราได้พักสมอง แต่เราก็ไม่ลืมว่าเราก็มีน้อง ๆ ทีมงานที่ต้องดูแล หลาย ๆ คนอู่ข้าวอู่น้ำเขาอยู่กับเรา เราก็ยังคงรับงานอยู่ แต่ก็รับน้อย และก็ช่วงนั้นก็ busy กับการซื้อบ้านด้วย และอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง Feb ก็ยังปัดตกไปหลาย ๆ case เลือกที่จะไม่ส่ง invoice ไปให้ลูกค้า เมื่อไหร่ที่ลูกค้าได้รับ invoice และจ่าย invoice มา ท่าทีของลูกค้าก็จะเปลี่ยนไปทันที ลูกค้าไม่ผิด เราเองที่ผิด ที่ส่ง invoice ไปให้เขา ทั้ง ๆ ที่เราตอนนั้นมือก็ล้นมาก อย่าทำ!!!! เราไม่ใช่ Superman... เดี๋ยวเดือนหน้า; Mar ก็คงต้อง step up และ speed up กับหลาย ๆ case กับการรับงาน ทีมงานเราต้องไปต่อ ตัวเรายังไงก็ได้ ถ้าไม่มีทีมงาน เรารับ case กระหยุมกระหยิมของเราก็ได้ อยู่แบบพอเพียงก็ไม่เป็นอะไร รายได้จากที่อื่นเราก็พอมี แต่นั่นแหละ มันคือการเปิดโอกาสให้กับน้อง ๆ ให้กับทีมงานหลาย ๆ คน ฟังแล้วดูดี แต่เราคิดของเราแบบนี้จริง ๆ "โอกาส" เราต้องส่งต่อให้กับเด็กรุ่นใหม่ ๆ ให้กับ "inner-circle" ของเรา ลูกศิษย์เราบางคนมาช่วยงานเราตั้งแต่จบ year 12 บอกได้เลยว่าเขาจบ ป.ตรีได้เพราะเรา เพราะเขาไม่ขอเงินจากคุณพ่อคุณแม่เขาเลย และไม่ได้ขอเงิน Centrelink ทุก ๆ ครอบครัวของลูกศิษย์ เรารู้จักผู้ปกครองหมด และค่อนข้างสนิทกับผู้ปกครองเพราะหลาย ๆ คนเราก็สอน 5 ปีรวด เจอผู้ปกครองทุก ๆ 2 เทอม คุณพ่อคุณแม่ของลูกศิษย์ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึก appreciate กับสิ่งที่เราให้กับลูกของเขา จบ year 12 เรียนมหาลัย แล้วดึงมาทำงานกับเรา (รับงานเป็น case ๆ ไป) เรามีทีมงานที่เป็นฝรั่ง 5 คน เป็นลูกศิษย์เราหมดเลย เราเลือกเอามาเฉพาะลูกศิษย์จาก top class เท่านั้น เด็กเรียนเท่านั้น ทุกคนต้อง straight A ลูกค้าเราหลาย ๆ คนคงได้สัมผัสกับพวกเขาผ่านทาง email บอกได้เลยว่าทุกคนเราฝึกเองมากับมือ anyway... ออกนอกเรื่องเยอะ Nov-Dec-Jan; case อาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ Feb เดี๋ยวค่อย ๆ ไต่เต้า Mar ต้อง speed up & step up แล้วเจอกันจ๊ะ.... "J Migration Team 2023" หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงทำในสิ่งที่เราอยู่ทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วไม่ทำก็ได้
ธุรกิจ "J Migration Team" ไปได้ด้วยดีอยู่แล้วครับ งานล้นมือ บอกปฏิเสธลูกค้าไปเยอะแยะ ทุกวันนี้เราเลือกลูกค้ามากยิ่งขึ้น กรองลูกค้าแล้ว กรองลูกค้าอีก เพราะหลาย ๆ คนเมื่อเขาจ่ายเงินเรามา เขาก็ทำตัวเป็น "เจ้าชีวิต" เราทันที ก็เลยต้องระวังตัว เบื่อกับการโดนกดขี่ เพียงเพราะเราเป็น "แค่" เรือจ้าง เราไม่เสียดายที่บางคนเลือกไปทำกับบริษัทอื่น 100 พ่อ 100 แม่ ก็ 100 ความต้องการ ใช่ว่าทุกคนจะ appreciate กับสิ่งที่เรา เขาต้องการแค่ "จ่ายเงิน" ให้เราทำงาน แล้วเขาก็รอวีซ่า แล้วก็ถีบหัวส่ง มีเยอะแยะครับ เราทำงานอยู่ตรงนี้มา 14 ปีแล้ว เราเจอทุกรูปแบบ ก็ได้แต่หวังว่า หลังจากมี portfolio การลงทุนพวกนี้แล้ว เราจะมีสิทธิ์เลือกลูกค้าได้มากขึ้น เลือกคนที่เขา appreciate กับงานที่เราทำจริง ๆ จากที่ทุกวันนี้ niche อยู่แล้ว หลังจากนี้ ก็น่าจะ niche มากยิ่งขึ้น แล้วทำไมเรายังลงทุนไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมหยุดซักที แล้วทำไมเราไม่อยู่เฉย ๆ แล้วทำไมเราไม่ใช้ของ brandname จริง ๆ แล้วชีวิตเราค่อนข้าง Financial Freedom มาตั้งนานแล้วครับ ตั้งแต่ 01 Jul 2020 แล้ว ที่รายได้มากกว่ารายจ่าย และตอนนั้นเงินก็พร้อมที่จะซื้อ family home ที่ยังทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำอยู่หลังจาก 01 Jul 2020 ก็เพราะมันมีงานเข้ามา เราก็ทำ ก็แค่นั้นเอง ช่วง COVID ธุรกิจเราไม่มีผลกระทบเลย เรายังทำ case ของเราได้ตามปกติ จริง ๆ เราค่อนข้าง busy ด้วยซ้ำไปเพราะคนไม่อยากจะกลับประเทศ ต้องหาวีซ่าอยู่ต่อ เราก็สบายไป งานมาไม่ขาดสาย มีงานเข้ามาก็ทำไป มีแรงก็ทำไป Dec 2022 เดือนที่แล้ว เงยหน้าขึ้นมาก็มีอสังหาที่ออสเตรเลียก็หลายหลัง ก็เป็นตัวเลข 2 หลัก กับเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อีกก็เป็นตัวเลข 6 หลัก AUD ถ้าเอาเฉพาะทรัพย์สินที่ออสเตรเลีย ถ้าคิดเป็นเงินบาทไทย THB เราก็มีเป็นตัวเลข 9 หลักแล้วครับ (ไม่รวมที่ไทยและสิงคโปร์) ไทย + สิงคโปร์ ก็ 8 หลัก THB ซึ่งก็ปลอด mortgage ทั้งที่ไทยและสิงคโปร์ ถ้าทรัพย์ที่ออสเตรเลียมีถึง 9 หลักแล้ว แล้วทำไมยังทำงานแบบที่เป็นอยู่ คำตอบง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ "ทำเพื่อครอบครัว" ครับ เพราะอสังหาและทรัพย์สินทุกสิ่งอย่างที่เรามี เราซื้อในนามของบริษัทและ family trust ทุกสิ่งอย่างที่เรามี เราไม่ได้ซื้อในนามของเรา ดังนั้นทุกสิ่งอย่างจะตกเป็นของทุกคนในครอบครัว พวกเรา 4 คน หากใครเป็นอะไรไป ก็ไม่ต้องมีพินัยกรรมให้วุ่นวาย เพราะ family trust มันจะ cover ตรงจุดนั้นแล้ว Family Trust หรือ Discretionary Trust ทางทนายและ accountant ต้องเป็นคนทำเรื่องให้นะครับ หา accountant ดี ๆ ที่ไม่ใช่ตาม facebook group ของคนไทย ยอมจ่ายเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งการบริการ และ asset protection ที่ดี บอกได้เลยครับ ว่าคุ้มมาก you จะ sleep well at night ค่า setup company และ Discretionary Trust = $2,800 ลำพังตัวเราคนเดียว อะไร ยังไงก็ได้ แต่เมื่อมีครอบครัวเข้ามายุ่งเกี่ยว เราก็อยากที่จะ provide ให้ดีที่สุด พวกเขาจะได้ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก ใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ อยากทำอะไรก็ได้ทำ แต่ต้องไม่ฟุ่มเฟือย แค่นั้นเอง พวกเขาจะได้ไม่ต้องรูดบัตรเครดิตหมุนเงินทำธุรกิจเหมือนตอนที่เราออกมาทำธุรกิจใหม่ ๆ เราก็แค่อยากให้ภรรยาและลูก ๆ 2 คนใช้ชีวิตแบบ worry free (แต่ไม่ฟุ่มเฟือย) มีทรัพย์สินคิดเป็นเงินไทย 9 หลัก THB แล้วจะยังหยุดลงทุน หยุดซื้ออสังหามั้ย คำตอบก็คือ "ไม่" เราก็จะยังคงซื้อไปเรื่อย ๆ ตามเท่าที่แรงเรามี เงินเก็บไว้ในบัญชี มันก็ไม่งอกเงย Borrowing power เราก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ RAMS เรามีหน้าที่แค่ทำงานหาเงิน รักษาระดับยอดขายของธุรกิจให้ดี ๆ ทุก ๆ เดือน ๆ ถ้ายอดขายของ "J Migration Team" ดี เราก็กู้ได้ ถ้า assetts ของเราดี เราก็กู้ได้ ถ้า assetts มากกว่า liabilities เราก็กู้ได้ ก็แค่นั้นเอง Portfolio ที่ WA, เรามี buy agent ดูแลเราอยู่แล้ว 3 วัน เขาส่ง list มาให้ดู เราก็มีหน้าที่แค่จิ้มเลือกว่าชอบอันไหน Portfolio ที่ VIC, เราก็มี selling agent ที่คอยดูแลเราอยู่แล้ว เขารู้ว่า requirement เราเป็นแบบไหน เขาจะส่ง WhatsApp มาป้ายยาอยู่เรื่อย ๆ Portfolio ที่ NSW, ตอนนี้หยุดซื้อก่อน ราคาที่ NSW is a bit overprice แต่ทุกหลังที่มีที่ NSW ก็มีคนเช่าหมด และทุกหลังก็ปลอดหนี้ ไม่มี mortgage แล้ว ก็สบายหน่อย Portfolio ที่ QLD, ก็ดูไปเรื่อย ๆ ไม่ซีเรียส ก็ดูจาก realestate.com.au ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะตอนนี้ focus ไปที่ WA แต่ถ้ามีอะไรแจ่ม ๆ มาที่ QLD เราก็อาจจะกัดฟันซื้อก็ได้ แล้วแต่งบในการซื้อ แต่ตอนนี้ WA น่าซื้อกว่าเยอะ Portfolio ในตลาดหลักทรัพย์ เราก็หยอดกระปุกทุก ๆ เดือน เดือนละ $2,000 พอครบ 5 เดือน ก็จะได้ $10,000 แล้วค่อยซื้อหุ้นเก็บสะสมเอาไว้ เดี๋ยวเรื่องหุ้น เอาไว้ blog หน้า หาอ่านได้ที่ johnpaopeng.com นะครับ ชีวิตที่เหลือหลังจากก็ยังคงนั่งทำงานตามปกติ จะให้นั่งอยู่บ้านดู Netflix เฉย ๆ ก็คงไม่ใช่ แต่อย่างน้อยเราก็อุ่นใจว่าเราได้ provide อะไรต่าง ๆ นานาให้ลูกลิง 2 ตัวแล้ว เรากับภรรยาก็ลอยตัว ชีวิตที่เหลือคือกำไร อยากจะทำอะไรก็คงได้ทำ แบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังเหมือนตอนที่มัน "ไม่มี" ตอนนี้ก็แค่รอลูกลิงตัวเล็กจบ year 12 ซึ่งก็อีก 3 ปี ตอนนี้ลูกลิงกำลังจะเรียน year 10 คนที่มีครอบครัวก็ต้องคิดหนักนะครับ ทำอะไรต่าง ๆ นานาเพื่อลูกน้อย สำหรับคนที่ไม่ครอบครัว ก็ไม่เห็นเป็นไร ชีวิตสามารถมีความสุขได้แบบ 2 คนตายาย ดูแลพ่อแม่เราไป ดูแลหลาน ๆ เราไปก็ได้ ประชากรทุกวันนี้จะล้นโลกอยู่แล้ว ถ้าไม่ผลิตเพิ่มก็จะดีมากเลย :) แต่... anyway... that's not my place to say.... เอาเป็นว่า ที่เขียนมาทั้งหมด: - ก็แค่อยากจะบอกเล่าเก้าสิบ เราค่อนข้างระวังในการเขียน คิดแล้วคิดอีกว่าจะ post ที่หน้า page ดีมั้ย เพราะมันก็มองได้หลายแง่มุม เราเขียนที่ blog เราอยู่แล้วหละ ที่ johnpaopeng.com แต่บางอันก็ไม่ได้เอามาลงที่ facebook page สื่อ social บางทีมันก็ public เกินและไปไว คนที่ไม่รู้จักเรา ก็อาจจะมองในอีกแง่มุมหนึ่งก็ได้ - ก็หวังว่ามันจะได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คน กว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้ เลือดตาแทบกระเด็นครับ เราเริ่มจาก 0 คุณอาที่เมืองไทยบอกเลยว่า ถ้าจบ ป.ตรีแล้วห้ามแบมือขอเงิน ดังนั้นเราต้องจัดการชีวิตของเราหมดเลย จะลงทุนอะไรต้องเก็บหอมรอมริบ ทำเองทุกอย่างจากสมองและสองมือที่มี - จาก Zero to Hero เราสามารถทำได้นะครับ ซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจ ขยันและอดทน แล้วฟ้าจะประทานพร เมื่อถึงที่หมาย อย่าลืมที่มา ไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นเพราะเรานั่นแหละ ที่ทำมันขึ้นมาเอง เขียนไว้ให้ตัวเองอ่าน บันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำ เขียนเอาไว้ ณ วันที่ 11/01/2023 เขียนก่อนเข้านอนก่อน 10pm มันอาจจะวกวนไปบ้างตามประสาคนง่วง (ในขณะที่ลูกลิงกับแม่ลิงพากันดู Netflix เกาหลี) หลังปีใหม่ ถึงแม้ว่าเรายังคงทำงานอยู่ แต่ก็ไม่ได้หามรุ่งหามค่ำเหมือนสมัยก่อน ตกเย็น เราก็ดู Netflix บ้าง เสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่อ่านหนังสือ เราก็ดู Netflix บ้าง อะไรบ้าง
ดูหนัง ดูละคร แล้วย้อนดูตัว เราได้อะไรจากสิ่งที่เราดู Sweet Magnolias เป็น drama series ที่ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่เราก็ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างในความ imperfection ของ drama series เรื่องนี้ Sweet Magnolias: - เป็น drama series ที่ไม่ได้ดังหรือหวือหวาอะไรมาก นักแสดงหน้าใหม่ no name กันทั้งหมด - เป็น production ที่ไม่ได้มี budget อะไรใหญ่โต - setting เป็นแบบเมืองรอบนอก regional areas ถ้าใครอยู่แถว ๆ Wollongong, ก็ให้คิดถึงเมือง Bowral, Mittagong และ Moss Vale - เรื่องราวไม่มีอะไรมาก เราก็นั่งดูฆ่าเวลาได้ เพื่อพักผ่อน มันไม่ต้องคิดตาม.... ด้วยความที่ cast (นักแสดง) แต่ละคนเป็นนักแสดงหน้าใหม่ นักแสดง no name แต่ละคน acting ไม่ค่อยได้ หลาย ๆ ฉากจะดูฝืน ๆ plots และ stories ไม่มีอะไรเลย ภรรยาและลูก ๆ เราเลยไม่มีใครดูด้วย แต่ละคนจะบอกว่า "Daddy ดูอะไรเนี๊ยะ" เราก็เลยดูคนเดียว ดีออก :) ในความ imperfection ที่นักแสดงตีบทไม่ค่อยแตก มันก็ดูธรรมชาติดีนะ ก็เขาก็คือ "คน" ไง ก็เขาพยายามแล้ว มันอาจจะแสดงไม่ได้จริง ๆ มันก็ทำให้เราสัจธรรมของชีวิตนะ มันก็ดูธรรมชาติดี เรียบง่าย ๆ การแสดงเหมือนท่องบทมา สีหน้าท่าทางและสายตาไม่ให้ มันทำให้เราเห็นว่า เออ นักแสดงก็คือ "คน" ไง ก็เขาพยายามแล้ว มันได้แค่นี้จริง จะเอาอะไรกับเขาอีก อะไรประมาณนี้ ส่วนเรื่องราวเนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไร ก็คนชีวิตคนทั่ว ๆ ไปในเมืองเล็ก ๆ ก็แค่นั้นเอง ดีออก เราไม่ต้องคิดตาม ไม่ต้องลุ้น :) เราคิดว่ามันคือความสวยงามของชีวิตนะ มันทำให้เรารู้ว่า "เออ ชีวิตไม่ต้อง perfect อะไรมาก" OK... มันอาจจะไม่ใช่กิจกรรมครอบครัว เพราะลูกลิงและแม่ลิงบอกว่าไม่ชอบเอาเสียเลย และก็จะคอยถามว่าเมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบ.... oops!!! :) ปกติแล้ว Partner Visa case ของ "J Migration Team", 1 case เราต้องเตรียมงานกันอยู่ 1-2 เดือน เพราะทุก ๆ case เป็น case ที่ค่อนข้างใหญ่และละเอียดอ่อน ข้อมูลต้องครบ รูลั่วต้องไม่มี
Partner Visa, ทีมงานเราจะเป็นคนเตรียมงานทุกอย่างเอาไว้ให้ แล้วเราจะเป็น check และเป็นคน submit เองทุก case ทุก case ต้องผ่านมือเรา เรามีทนายความส่วนตัวที่เราใช้บริการเขามาตั้งแต่ปี 2003 เขาก็เป็นทั้ง solicitor และก็ทำกฎหมายอิมมิเกรชั่นด้วย มี MARN ด้วย ได้ MARN ปีเดียวกันกับเราด้วยสิ ปี 2008 เพราะหมายเลข MARN ขึ้นต้นด้วย 08 เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้เน้นทำงานกฎหมายอิมมิเกรชั่นมาก เขาก็จะเน้นพวก Business Law เอย, Family Law เอย ต่าง ๆ นานา และวัน ๆ ไปขึ้นศาลเขาก็เหนื่อยแล้ว เรากับเขา dealing กันมานานตั้งแต่ปี 2003 19 ปี ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เราใช้บริการเขาตั้งแต่เขาเป็นทนายความที่เป็นลูกจ้างให้กับบริษัทอื่น พอเขาออกมาเปิดบริษัทเอง เราก็ใช้บริการของเขาต่อมาเรื่อย ๆ ข้อมูลของครอบครัวเราทุกคนอยู่ที่เขาหมด เราทั้ง 2 ต่างแนะนำลูกค้าให้กันและกัน ใครจะหย่า ใครจะซื้อขายธุรกิจ เราส่งให้เขาหมดเลย พวกเราแนะนำลูกค้าให้กันด้วยใจ ไม่มี referal fee ต่าง ๆ นานาให้ปวดหัว ไม่มีเรื่องเงิน เรื่องค่า comission ให้วุ่นวาย ฉันช่วยเธอ เธอช่วย เราช่วยกัน และก็เป็นแบบนี้มานาน หลาย ๆ ครั้งเขาทำโน่นทำนี่ให้เรา เขาไม่เคยคิดตังค์ เราบอกให้เขาส่ง invoice มาเขาก็ไม่เคยส่ง มิหนำซ้ำปีใหม่เขายังส่งพวก gift voucher มาให้เราอีก บ้านทุกหลังที่ NSW เขาเป็นคนดูแลเรื่อง contract อะไรต่าง ๆ นานาหมด ส่วนบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่ต่างรัฐก็เป็นเพื่อน ๆ ของเขาในรัฐ ๆ นั้นเป็นคนดูแล มันดีเยี่ยงนี้นี่เอง :) แค่งานเมียหย่าผัว ผัวหย่าเมีย และดูแลพวกสัญญาซื้อขายธุรกิจเขาก็ยุ่งมากแล้ว งานอิมมิเกรชั่น เขาก็ refer มาให้เราบ้าง อาจจะไม่มาก เพราะหลาย ๆ ครั้งคุณสมบัติของลูกค้าไม่ครบ คราวนี้ เขาต้องทำ Partner Visa ให้กับลูกค้าที่วีซ่าจะหมด 31 Dec 2022 เขามีเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้วใน GoogleDrive แค่แชร์มาให้เราสานต่อ hmmm... ปกติเราเตรียมเอกสารกันเป็นเดือน แต่ไม่เป็นไร อันนี้เขาเตรียมไว้ให้แล้วใน GoogleDrive เราแค่นั่งกรอกและ touch up นั่น นี่ โน่น นิดหน่อย ปกติเราจะไม่รับ case ต่อจากคนอื่นกลางคันแบบนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าเอกสารมันขาดอะไรบ้าง รูลั่วอยู่ตรงไหนบ้าง เราชอบทำ case เองที่เริ่มเก็บเอกสารจากลูกค้าเอง แต่ครั้งนี้ได้รับการติดต่อจากทนายความส่วนตัว เพราะเขายุ่งมาก ไม่มีเวลา และนาน ๆ เขาทำงานอิมมิเกรชั่นที อาจจะไม่คล่องเหมือนเรา เมื่อได้รับการติดต่อมา เราก็แจ้งไปว่า "ถ้าลูกค้าเขา OK เราก็ OK ที่จะให้บริการ" 31 Dec 2022 เหรอ จิ๊บ ๆ เราทำให้ได้ case นี้เราก็ต้องทำเอง จะให้ทีมงานทำไม่ได้ ความอึดมันต่างกัน ก็เริ่มนั่งทำงาน นั่ง ๆ เดิน ๆ บ้างตั้งแต่ 3pm - 8:30pm ก็ต้องทำออกมาให้ดี เมื่อเราได้รับโอกาสนี้แล้ว โอกาสในการพิสูจน์ตัวเราเองว่าเราทำได้ภายใต้ข้อจำกัดของเวลา บางทีก็สะดุดบ้าง เพราะข้อมูลบางอย่างไม่ update เราก็ต้อง email หาลูกค้า และรอเขาตอบกลับ มันก็เลยลากยาวประมาณ 5-6 ชั่วโมง มันก็เป็นการเจาะตลาดลูกค้าต่างชาติด้วย เราไม่จำเป็นต้องทำแต่ case ของคนไทยเสมอไป งานนี้ก็เลยต้องลุยเอง โชคดีด้วยแหละ เราเป็น JP (Justice of the Peace) ด้วย อะไรบางอย่างเราก็ข้ามไปก่อนได้ เดี๋ยวมาเก็ยตกกันทีหลัง ที่แน่ ๆ คือต้องรีบยื่นก่อน ต้อง submit ก่อน 31 Dec 2022 เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ค่าบริการยังไม่ได้คุยกัน ค่าสมัครวีซ่าลูกค้าก็ยังไม่ได้จ่าย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาเป็นลูกค้าที่มาจากทนายของเรา ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรื่องค่าสมัครวีซ่าเดี๋ยวรูดบัตรให้ไปก่อน เรื่องค่าบริการไม่ต้องพูดถึง ลด แลก แจก แถม เพราะลูกค้าค่อนข้าง stress ว่าวันที่ 28 Dec 2022 แล้ว เราส่ง invoice ไปแล้ว ลูกค้า 3 คน พ่อ x 1 ลูก x 2 เราคิดค่าบริการถูกมากถึงมากที่สุด ลดประมาณ 60% จ่ายแค่ 40% หรือต่อให้ทำฟรี เราก็ไม่มีปัญหา เพราะเรากับทนายส่วนตัวของเรา เราทำธุรกรรมด้วยกันมานาน เขาดูแลเราดีมากตลอดระยะเวลา 19 ปี และนี่ก็อาจจะเป็นก้าวแรก ๆ ในการเจาะตลาดชาติ "xyz" นี้ด้วย เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด การทำธุรกิจ เราไม่จำเป็นต้องได้กำไรเสมอไป ขาดทุนบ้านก็ไม่เป็นไร เพราะมันคือการลงทุน มันคือการตลาดอีกแบบหนึ่ง ทุกธุรกิจต้องมีการลงทุน นี่ก็เป็นการลงทุน เป็นการตลาดอีกแบบหนึ่ง กับราคาค่าบริการ (professional service fee) ที่เราออก invoice ไป บอกเลยว่าเหมือนทำให้ฟรี แต่เมื่อได้รับโอกาส ได้รับเกียรติจากทนายส่วนตัวของเราแล้ว เราก็จะทำให้ดีที่สุด ลูกค้าเองก็ appreciate ที่มีคนทำงานช่วง festive season แบบนี้ ปกติทนายความหรือ accountant จะหยุดกันยาว 2-3 weeks ก็มี แต่เราไม่ได้หยุด เราก็ทำงานตามปกติของเรา เพราะถ้าหยุด เวลากลับมาทำงาน มันก็ต้อง clear งานเก่า ๆ อยู่ดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อเราได้เลือกแล้ว เราก็ต้องเดินหน้าต่อ ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น "ดี" เสมอ ที่ผ่านมา 5 ปี เราได้รับบริการค่อนข้างดีจาก RAMS (Home Loan)
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เราเข้าไป office ของ RAMS แค่ครั้งเดียวคือครั้งแรก หลังจากนั้นทุกอย่างติดต่อกันผ่าน email หมดเลย กู้ครั้งแรกเมื่อปี 2017 เรากู้ในฐานะของพนักงานประจำ เป็นข้าราชการ full-time เพราะตอนนั้นยังสอนอยู่ เราก็กู้มาได้ไม่เยอะมาก ก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น หัดเดิน ก่อนที่จะวิ่ง หลังแรกเรากู้และซื้อบ้านในนามของบุคคลเพื่อที่จะได้ First Home Buyer Grant จากรัฐบาล พอผ่อนหมดภายใน 2-3 เดือน เราก็ transfer เข้ามาเป็นรูปแบบ family trust หมดเลย หลังจากนั้นปีต่อ ๆ มาเราก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากการกู้ในนามของบุคคลมาเป็นกู้แบบ company ที่เป็น Trustee ของ Trust; "XYZ PTY LTD ATF ABC TRUST" อะไรก็ว่าไป ตอนนี้ก็มีหลาย trust หลาย company เพราะ accountant บอกว่า 1 trust พยายามอย่าให้มูลค่าทรัพย์สินเกิน 2M การมีที่ปรึกษาที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง จ่ายไปเถอะค่าบริการดี ๆ ให้กับ accountant, bookkeeper, solicitor และต่าง ๆ นานา บอกได้เลยว่ามันคุ้มมาก ดีกว่ามางมโข่งเอาเอง กับคำปรึกษาและบริการดี ๆ อย่างก!!! บริษัทเราทำ Financial Statement; Profit & Loss ทุก ๆ สิ้นเดือน เพื่อที่เราจะได้เห็นการขึ้นลงของธุรกิจในแต่ละเดือนไปเลย ไม่ต้องรอ 3 เดือนตอนทำ BAS อันนี้เราแนะนำสำหรับเจ้าของธุรกิจนะครับ ถ้าธุรกิจเริ่มขยายใหญ่ ควรทำ Financial Statement ทุก ๆ เดือน อย่ารอ 3 เดือนตอนทำ BAS เพราะถ้ารอ 3 เดือนบอกเลยว่าช้ามากในการที่เราจะรู้ว่าธุรกิจเรา healthy หรือเปล่า ตรงจุดนี้เราต้องยกความดีทั้งหมด 110% ให้กับ bookkeeper ของเรา ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเราต้องมานั่งหยุมหัวตัวเองแน่นอน ให้ใจไปเลย 110% เจ้าของธุรกิจ อยากจะทำอะไรให้เป็นระบบ รายรับรายจ่ายก็ต้องเข้าระบบครับ ไม่ใช่รับแต่เงินสดกัน บอกได้เลยว่าถ้าเราทำอะไรให้เป็นระบบนะ มันง่ายมาก เวลาจะทำเรื่องกู้ เราแค่ส่ง Financial Statement รายเดือนของเราไปให้ RAMS เพราะเอกสารอย่างอื่นเขามีของเราหมดแล้ว เวลาเราปิดบริษัทใหม่ เปิด Trust ใหม่ เราก็แค่ update เอกสารตัวนี้เข้าไป มันง่ายมาก เราเคยจะทำเรื่องกู้กับ Aussie Home Loan เราเตรียมเอกสารการเงินทุกอย่างเข้าไปหมด ปัดเราตกภายใน 10 นาที จากวันนั้นถึงวันนี้ 5 ปีแล้ว Aussie Home Loan บอกเลยว่า "เธอพลาดมาก" RAMS Home Loan, interest rate อาจจะไม่ได้ compettitive มาก แต่เราสะดวกแบบนี้ เราสะดวกความเรียบง่ายที่ไม่ต้องเข้าไปที่ office เรื่อง interest rate ช่างมันเถอะ เดี๋ยวคุยกันได้ Home Loan ของเราทุกตัวเป็น variable rate ไม่มี fix rate เลย ดังนั้น วันดีคืนดี เราก็จะ email หา RAMS ว่า "เธอ adjust rate ให้ฉันหน่อย" ซึ่งเขาก็ทำให้ เพราะเราใช้บริการเขามานาน และกู้หลายตัว ก็ดีกว่าที่เราจะไปทำ refinance กับที่อื่นแล้วเขาเสียลูกค้าอย่างเราไปไม่ใช่เหรอ แต่... anyway... Home Loan แต่ละตัว เราโปะได้ค่อนข้างไว ตราบใดที่ธุรกิจของเรายังดี เราก็โปะได้ง่าย ทุกสิ่งอย่างมาจากการทำงานหนักครับ นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หน้า computer เงินทองไม่ได้หล่นมาจากฝากฟ้า เราไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากใคร เราหาของเราเองทุกบาททุกสตางค์ บ้านที่เป็น family home เราก็โปะได้ภายใน 1 เดือน 6 วัน (31 Dec 2021 พอดีเป๊ะ ตั้งใจเลือกวันนี้จะได้จำง่าย) แต่หลังต่อ ๆ มาก็ไม่โปะแล้วครับ ไม่อยากเหนื่อยตัวเอง มีเงินเราก็เอามาซื้อ investment properties เพิ่มดีกว่า ตอนนี้ที่ Australia ก็ได้หลายหลังแล้ว ก็ตัวเลข 2 หลักอยู่นะ ชีวิตที่เหลือก็คงเลิกเป็น "บ้าหอบฟาง" ได้แล้ว ขอเราได้ enjoy ชีวิตบ้างเถอะ ขอเราได้ใช้ชีวิตที่เหลือรับใช้ศาสนาบ้างเถอะ ต่อไปถ้าเห็นเราปิดวาจาหรือเข้าป่าไปนาน ๆ ไม่ต้องตกใจนะครับ แค่ต้องการอยู่กับธรรมชาติและเจริญรอยตามคำสอนของพระพุทธองค์ ก็เท่านั้นเอง วัตถุสิ่งของ ตอนนี้ค่อนข้างลงตัวหมดแล้ว Anyway... กลับมาที่ RAMS การกตัญญูรู้คุณไม่เคยทำร้ายใคร ใครดีให้ดีตอบ ใครชอบให้ตอบแทน ในวันที่คนที่ RAMS ต้องการความช่วยเหลือเรื่องวีซ่า เพราะเขาทำกันเองแล้ววีซ่าไม่ผ่าน เป็นไงหละ ฝรั่งก็ใช่ว่าจะรู้เรื่องกฎหมายอิมมิเกรชั่น ก็เขาอยู่ที่นี่กัน เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องนี้ไง เขาขอความช่วยเหลือมา เราก็ยื่นมือให้ความช่วยเหลือทันที เราทำให้ฟรี ทั้ง ๆ ที่ตัวเราเองและทีมงานทุกคนก็โครตจะยุ่งแสนยุ่ง นั่งทำ case ให้กันจนถึง 10pm เหนื่อยมากขอบอก ปกติ 9pm/10pm ก็หลับแล้ว เพราะต้องตื่นแต่เช้า 4:45am anyway... ทุกอย่างออกมาดี เมื่อวานวีซ่าผ่าน คนที่ RAMS ก็ดีใจใหญ่เลย จากที่เคยโดนปฏิเสธมา และที่สำคัญเราก็ทำให้ฟรี ๆ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า "น้ำใจ" ไม่เคยทำร้ายใคร ใครดีให้ดีตอบ ใครชอบให้ตอบแทน ใครร้ายไม่ต้องร้ายแสน เดี๋ยวผลของกรรมมันจะจัดการอะไรของมันเอง เราไม่ต้องเปื้อนมือ บันทึกไว้ในความทรงจำ 15/12/2022 เขียนไว้ให้ตัวเองอ่าน การจัด concert เจ้าชายกับโฉมงามทั้งสอง เป็นปรากฎการณ์ใหม่ของการจัด concert ของศิลปินไทยในออสเตรเลีย โดยเฉพาะที่ Sydney, การที่จะจัดงานระดับใหญ่ที่ The Star City นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สถานที่ต้องจองกันข้ามปี
The Star City สถานที่โอ่โถง กว้างขวาง เหมาะสำหรับการจัดการใหญ่แบบนี้ ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด เราก็คิดว่านี่น่าจะเป็นครั้งแรกของศิลปินไทยที่ได้แสดงที่ The Star City บอกเลยว่าไม่ง่าย และค่าสถานที่ก็ไม่ได้ถูก ๆ ไก่กาอาราเล่ย์ งาน concert ของพี่ก้อง + คุณเบน + คุณซานิ ไม่ง่าย ศิลปินไม่ได้เดินทางกันแค่ 3 คนนะครับ เพราะศิลปินแต่ละคนก็มีทีมของใครมัน พี่ก้องก็มีทีมงานของพี่ก้อง ที่ต้องเดินทางมาด้วยกันจากเมืองไทย คุณเบนก็มีทีมงานของคุณเบนจากเมืองไทย เดินทางมาด้วยกัน คุณซานิเองก็เช่นเดียวกัน (คิดว่ามีคุณแม่นะครับ) งาน concert ครั้งนี้พี่ก้องก็มีทีมวงดนตรีของพี่ก้องมาเอง วงเบนจา การเดินทางครั้งนี้ ก็มีทั้งหมด 19 ชีวิตจากเมืองไทย 19 ชีวิตที่ต้องขอวีซ่า 19 ชีวิตที่ต้องดูแล ไม่ใช่การเดินทางแค่ 3 คนศิลปิน ดังนั้นการจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างก็ต้องลง detail ในเชิงลึก เราเห็นความตั้งใจของผู้จัดนะครับ เราขอเป็นกำลังใจให้ มันคือประวัติศาสตร์ของการจัดงานของศิลปินไทยที่จะได้แสดงที่ The Star City มันคือการยกระดับมาตรฐานการจัดงาน จัด event อะไรแบบนี้ ผู้จัดที่มีความตั้งใจแบบนี้ เราต้องสนับสนุนครับ ใครต้องการบัตร สามารถติดต่อผู้จัดได้ที่ Diamon Organizer Ph: 0413748653 LINE: @spexpress เมื่อคนเรามีไมโครโฟนอยู่ในมือ สิ่งที่เราพูดออกไมโครโฟนยิ่งต้องระวังมาก
การเป็นโฆษกหรือ MC จะต้องมีความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แล้วยิ่งเป็นศาสนสถานด้วยแล้ว ความเห็นอกเห็นใจกันยิ่งคูณ 10, คูณ 100 ที่วัด คนมาทำบุญ ทุกอย่างควรง่าย ๆ พิธีการไม่ต้องเยอะ ชีวิตต้องง่าย ถ้าไม่ง่าย แสดงว่าไม่ใช่ เข้าใจว่าคนมางานเยอะ ต้องจัดระเบียบ แต่การเลือกใช้คำพูดนั้นสำคัญมาก ถ้าเลือกคำพูดไม่เป็น ป้าก็ไม่ควรเป็น MC หรือไม่ควรทำ public speaking นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณป้าเป็นแบบนี้เวลาป้าพูดออกไมโครโฟน มันเกิดขึ้นหลายครั้ง หลายหน เราไม่เคยโดนอะไรหรอกนะ เพราะเราไปวัดนี้ประจำ คนรู้จักเราเยอะ เราในฐานะของคนฟัง มันก็ไม่ OK แล้ว แล้วยิ่งคนที่มาวัดนี้ครั้งแรก แล้วโดนคุณป้าเจ้ากี้เจ้าการ แล้วพูดออกไมโครโฟนในเชิง belittled someone เราคิดว่ามันเป็นอะไรที่ rude และ unacceptable ถ้าคุณป้าพูดออกไมโครโฟนแล้วคนไม่ทำตาม แสดงคุณป้าอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการพูด หรือเลือกคำพูดใหม่ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ ทุกอย่างมันต้องออกมาจากข้างใน inner “มือถือสาก ปากถือศีล” ก่อนที่จะเป็นโฆษกวัด เป็น “คนที่มีความเห็นอกเห็นใจต่อคนอื่น” ให้ได้ก่อน จากคำพูดที่ออกมาจากปากป้า ผ่านไม่โครโฟน คำพูดแต่ละคำ…บูดมาก… ขอบอก เราไม่ได้โดนอะไรหรอก แต่รู้สึกรำคาญหูหนะ มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว วันนี้เราเลือกที่จะไม่เงียบ ส่วนตัวเราก็จะยังไปทำบุญวัดนี้เหมือนเดิม เพราะป้าจริง ๆ ก็อยู่ที่ Sydney นาน ๆ ป้าจะมาเป็น MC ให้วัดเวลามีงานใหญ่ สำหรับเรา ป้าก็เป็นแค่อากาศ ธาตุ ลม แค่สิ่งที่ออกมาจากปากป้า มันทำลายบรรยากาศงานบุญมาก …วันนี้เลือกที่จะไม่เงียบ… …คิดดีแล้วก่อนที่จะโพสต์… …โพสต์นี้ไม่มีคำหยาบ… post นี้สำหรับใครที่เพิ่งเป็น new citizen เผื่อใครอยากจะรู้
หรือสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย อาจจะไม่ได้มีความรู้เรื่องการเมืองหรือระบบการปกครองที่นี่มากนัก ประเทศออสเตรเลียมี 2 พรรคการเมืองใหญ่ - Labour สีแดง - Liberal สำน้ำเงิน Labour: ไม่ชอบ the Queen, ต้องการเป็น Republic Liberal: อนุรักษ์นิยม ชอบ the Queen และราชวงศ์ เผื่อใครจะได้ใช้ข้อมูลนี้ในการเลือกตั้งนะครับ Just stating the fact, ไม่ต้องโยง |
AuthorJohn Paopeng Archives
February 2023
Categories |