จอห์น เผ่าเพ็ง เพราะฉะนั้น
  • Blog; journal of life
  • Daddy Diary
  • Investment Diary
  • Business Tips and Tricks
  • ข้างขอบเตียง Cancer
  • ครูไทยในต่างแดน
  • ebooks
  • About
  • กราบขอบคุณ

ในวันที่หัวใจพองโต: 19 Aug 2022

19/8/2022

Comments

 
ปกติจะไม่ post อะไรที่นี่วันศุกร์
และจะไม่ post อะไร 9am - 5pm เพราะเป็นเวลางาน

แค่อยากจะบอกว่าวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันของการทำงานที่มีความสุขมาก

เพราะ long-term goal ของเราเรื่องการลงทุนในอสังหาค่อนข้างลงตัว

เรา set target ที่แน่นอนและเป็น concrete plan ว่าเราต้องการกี่หลังที่เมืองไทย ภายใน 2030

เรามี set target ที่แน่นอนและเป็น concrete plan ว่าเราต้องการกี่หลังที่ออสเตรเลียภายใน 2025

ที่เมืองไทยเรา set เอาไว้ที่ 2030 เพราะเราซื้อสดทุกหลัง
ที่ออสเตรเลีย เรา setเอาไว้ที่ 2025

ตอนนี้ที่ออสเตรเลียเราได้ถึง set goal ของเราแล้ว
ไวกว่าที่ตั้งไว้ 3 ปี

ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะหยุด
เราก็จะซื้อสะสมไปเรื่อย ๆ
ซื้อในรูปแบบ trust
ทำเพื่อครอบครัว เพราะใน trust ก็จะมีพวกเรา 4 คน พ่อ แม่ ลูก (x2) อยู่ในนั้น

เราไม่ได้ซื้อเป็นชื่อเรา ดังนั้นไม่ต้องมีพินัยกรรมวุ่นวาย
ใครอยากรู้เรื่อง trst โทรมาปรึกษาได้ครับ ตอนนี้ช่ำชองมาก ยิ่งกว่า CPA.... :)

มันมีความรู้สึกว่า "เออ.. เราทำได้แล้วนะ" #passiveincome
จากสมองและสองมือที่มี เราสร้างมันขึ้นมาเองทุกอย่าง

ที่เมืองไทย มรดกทุกสิ่งอย่าง เราไม่เอา เราเอาให้น้องสาวหมดเลย ไม่ต้องทะเลาะกัน ไม่ต้องแย่งกัน เพราะตอนที่เรามาเรียนที่นี่ น้องสาวเราก็ทำงานหนักมาก ช่วยงานที่ร้าน ดังนั้นน้องสาวเราก็ควรจะได้ ก็คิดกันแค่นี้เอง เราก็มีกันแค่ 2 คน

เพราะคุณอาพูดมาคำเดียวว่า เราเรียนเก่ง (จริง ๆ ไม่ได้เรียนเก่งแต่เป็นคนขยันและตั้งใจเรียน) เราต้องเอาตัวรอดได้ เรื่องการเรียนคุณอาไม่เคยมี budget ให้ เพราะ buget ที่คุณอาให้มามันคือ "unlimited" ซึ่งก็คือ unlimited จริง ๆ เพราะที่บ้านขายของ อยากได้ก็เปิดลิ้นชักหยิบเอา เพราะมันก็คือเงินจากการทำงานของพวกเรานั่นแหละ คุณอาสอนมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ป.5 ก็ต้องช่วยที่ร้านขายของแล้วครับ เปิดร้านก่อนไปโรงเรียน เลิกเรียนมาก็มาช่วยคุณอาขายของ คุณอาสอนเรากับน้องสาวได้ดีมาก พ่อกับแม่ถึงวางใจปล่อยให้คุณอากับคุณย่าเป็นคนเลี้ยงดู

เมื่อวาน home loan ของ RAMS ผ่าน
ผ่านภายใน 6 วันทำการ
ส่วนตัวเราก็ถือว่าเราได้ทำสำเร็จแล้ว ชีวิตที่ออสเตรเลีย เพราะได้ครบตามจำนวนที่เราตั้งเอาไว้ เร็วกว่า 3 ปีด้วยซ้ำ คือมัน peak ตรงนี้

ที่เหลือต่อจากนี้ก็จะยังคงซื้อสะสมไปเรื่อย ๆ
ตอนนี้ก็เน้นที่ QLD ไปก่อน เพราะลูกลิงต้องไปเรียนที่โน่นอีก 4 ปีที่ QUT เราก็ต้องปูทางเอาไว้ให้

นี่แหละข้อดีของการเอาทุกอย่างเข้าระบบ
RAMS application เรากรอกเองทุกสิ่งอย่าง
งานก็ยุ่งอยู่แล้ว แล้วต้องมานั่งทำเองอีก แต่มันภูมิใจมากเลย

เราไม่ได้ใช้ broker เพราะต้องการความ confidential และ privacy

วันนี้ไม่ว่างานจะเยอะขนาดไหน
จะยุ่งขนาดไหน
เราพร้อมมาก มีกำลังใจมาก

นั่งบวกลบ คูณหาร ทรัพย์สินศฤงคาร มันอาจจะยังไม่ถึง "100" แต่ก็ใกล้แล้ว

01 Jul 2023 อาจมีลุ้น ("100")
แต่จะไม่กดดันตัวเอง

เอ๊ะ เราจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่หรือเปล่านะ... LOL
ไม่ต้องมาจับเราไปเรียกค่าไถ่หรอกครับ ประกันชีวิตเราเยอะกว่านี้อีก
และเราก็ไม่มีเงินสดในบัญชี
ในกระเป๋าตังค์บางทียังมีไม่ถึง $5 เลย (เคยเกิดขึ้นแล้วตอน drive through ที่ McDonald)

วันนี้หัวใจมันพองโต เพราะทุกสิ่งอย่างที่เรามี เราสร้างมันเองขึ้นมาหมด จากสมองและสองมือที่มี อันนี้คือ self-made อย่างแท้ทรู

ในวันที่เราให้ ให้อะไรก็ได้กับคนอื่น
payig forward ในรูปแบบต่าง ๆ ทำไปเถอะ
เมื่อเรา "ให้" โดยที่ไม่ได้หวังผลอะไรตอบแทน
ตรงกันข้ามมาก สิ่งที่เราได้กลับคืนมามันเยอะมาก มันได้กลับคืนมาในรูปแบบของกัญยาณมิตร ได้คืนมาในรูปแบบของ "หมู่มวลมิตรที่ดี" ได้คืนมาในรูปแบบของ "ครอบครัว J" ที่ค่อนข้างหนาแน่นมาก และลูกค้าบอกต่อเยอะมากถึงมากที่สุด ส่วนคนที่โดนปัดตก ก็ต้องขอโทษด้วย ศีลเราคงไม่เสมอกันจริง ๆ

ไม่ต้องดีสำหรับใคร
แค่ดีต่อใจเราก็พอ

ไม่รู้เขียนอะไรไปบ้าง ไม่ได้ poofread
นึกอะไรได้ ก็เขียนมันออกมา

ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่อยากจะบอกว่า
หากชีวิตเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน มันทำได้ครับ
หากเราทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ทุกอย่างจะหลั่งไหลมาเอง unlimited

จงเป็นผู้ให้ ก่อนที่จะเป็นผู้รับ
ที่เหลือ มันจะหลั่งไหลมาเองเหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหมดสิ้น
วันนี้เราได้สัมผัสแล้ว

ถ้าเราได้สัมผัส ก็แสดงว่ามันมีจริง มันเกิดขึ้นได้จริง
หากเราทำได้ ทุก ๆ คนใน "ครอบครัว J" ก็ต้องทำได้ครับ

หากเราทำได้ ทุกคนที่อ่าน blog นี้ ทุกคนที่ติดตาม page นี้ก็ต้องทำได้ครับ
จากสมองและสองมือที่มี
ซื่อสัตย์ สุจริต
แล้วที่เหลือมันจะมาของมันเอง

Note: ไม่ได้ proofread ปล่อยให้ตัวหนังสือมันหลั่งไหลและพรั่งพรือออกมาเอง อาจจะสะกดผิดบ้างถูกบ้าง เราขออภัย... เขียนเองทุกตัวอักษร

#รัก
​
19/08/2022
Comments

Australia: มหาวิทยาลัย

14/8/2022

Comments

 
Picture
มหาวิทยาลัยที่ประเทศออสเตรเลีย ไม่มีความเหลื่อมหล้ำกันจริงเหรอ??
ถามหลายคนก็ได้หลายคำตอบที่แตกต่างกันออกไปครับ
แล้วแต่ประสบการณ์และมุมมองของแต่ละคน

โดยเฉพาะกลุ่มโยกย้ายที่อวยออสเตรเลียกันไส้แตกไส้แตน
อะ... ไม่ว่ากัน ชอบเสพข้อมูลแบบไหนก็เลือกเอาแบบนั้น

โดยส่วนตัวและประสบการณ์ที่เรามีแล้ว เราบอกได้เลยว่ามหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลียมีความเหลื่อมหล้ำกันครับ

ไม่ต้องอื่นไกลเลย มา fact check กันดีกว่า
Course เดียวกัน ต่างมหาลัย แต่ทำไมค่าเทอมแตกต่างกัน
มันสื่อถึงอะไร
คนที่เค๊าไม่พูด (เพราะเป็นมารยาททางสังคม) ไม่ได้ว่าเค๊าไม่ได้คิด 
อยู่ในโลกของความเป็นจริงครับ ประเทศออสเตรเลียน่าอยู่ครับ ไม่งั้นเราก็คงไม่อยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่ได้อวยไส้แตกเหมือนข้อมูลตาม facebook group ต่าง ๆ กลุ่มโยกย้ายเอย กลุ่มทีมอะไรต่าง ๆ นานา


Course: Juris Doctor
RMIT: $111,744
Fliders Uni: $98,280 (ปีที่แล้ว $92,478)
Macquirie Uni: $43,890

เอ๊ะ ทำไมค่าเทอมมันแตกต่างกันหละ
​
บางคนก็อาจจะบอกว่า "แพงไม่ได้แปลว่าดี"
hmmm... เอาที่สบายใจจ๊ะ ยังไงก็ได้ ไม่ว่ากัน

ส่วน Bachelor degree ที่นี่
เด็กที่นี่ต้องมีคะแนน ATAR; 
Australian Tertiary Admission Rank ในการเข้ามหาวิทยาลัยครับ
บางคณะ บางมหาวิทยาลัย ATAR อยู่ที่ 98 ก็มี เพราะการแข่งขันสูงมาก ลองไปถามคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกเค๊าเรียนที่ selective schools ดูนะครับ

Selective school คือโรงเรียนที่ต้องสอบเข้า
High school ทั่ว ๆ ไป ไม่ต้องสอบเข้า สมัครเข้าเรียนได้เลยตาม postcode หรือที่อยู่ของบ้านตัวเอง
ส่วน private school ก็ค่อนข้าง snob (ไม่ทุกคน)
ถ้าคุยเรื่อง high school ที่นี่ ครึ่งวันก็ไม่จบครับ

anyway... กลับมาที่มหาวิทยาลัย

เด็กที่นี่ ถ้าจะเข้าเรียน bachelor degree ที่นี่ ก็ต้องมี ATAR
ทุกมหาวิทยาลัย ทุกคณะมีคะแนน ATAR ที่แตกต่างกัน
อ๊ะ... มันบ่งบอกถึงอะไร
คนเค๊าไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเค๊าไม่คิด

ขนาดมหาลัยเดียวกัน
Faculty A: คะแนน ATAR เท่านี้
Faculty B: คะแนน ATAR เท่านั้น

เอาจริง ๆ นะ แบบไม่มโน
you กล้าให้วิศวะ คะแนน ATAR 70 สร้างบ้านให้ you หรือเปล่า
เปรียบเทียบให้มองเห็นภาพนะครับ เพราะสร้างบ้านจริง ๆ ก็ใช้ builder ก็พอ ไม่น่าต้องถึงมือวิศวะ

มหาวิทยาลัยเดียวกัน ทำไมคะแนน ATAR ไม่เท่ากัน
เราไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเราไม่คิด

จบมหาลัยไหน ไม่มีผลต่อการสมัครงาน
OK... อันนี้เห็นด้วย 110%
เพราะมันมีกฎหมาย EEO; Equal Employment Opportunity อยู่

แต่...  แต่.... เพื่อนร่วมงานคิดนะ เพราะเราก็เป็นหนึ่งในนั้น
เราไม่พูด เพราะมันเป็นมารยาททางสังคม ไม่ได้แปลว่าเราไม่คิด
ถ้าเราคิด....  เอ๊ะ...  คนอื่นจะคิดแบบเราหรือเปล่านะ
เอาเป็นว่าปล่อยให้เป็นปริศนาก็แล้วน๊อ

เราเคยรับราชการครับ full-time ด้วย

รู้แต่ว่า behind the closed door ของแต่ละ department เขาก็อาจจะ "F off" คนที่อีก department หนึ่ง โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ ๆ 

เห็นและเจอมาหมดแล้วครับ
แซ่บมาก....
แต่คนใน department เดียวกัน พวกเราค่อนข้างรักกันมาก เป็น family 
แต่กับ department อื่น... บนใบหน้าที่ยิ้มให้กัน say hello, say "how are you" ตามมารยาทของฝรั่งที่นี่... you have no idea what they're thinking inside

บอกได้เลยครับ องค์กรใหญ่ ๆ 
แซ่บมาก
​politic กันทุกวัน

องค์กรที่เราทำอยู่ เป็นหน่วยงานของรัฐ
ข้าราชการของกระทรวงเราไม่มีเกษียณครับ (กระทรวงนี้ที่ NSW  เป็นแบบนี้ รัฐอื่นไม่รู้)
ทำงานได้จนตาย ไม่ต้องเกษียณราชการตอนอายุ 60 เหมือนเมืองไทย
ดังนั้นการแย่งตำแหน่งกันมันก็ต้องมีเป็นเรื่องปกติ

จบจากมหาลัยไหนก็ไม่มีผลต่อการสมัครงาน
แต่บริษัทหรือองค์กรสามารถเขียน selection criteria ตอนเปิดสมัครงานได้ว่าต้องการคนแบบไหน อะไรยังไง ถ้าองค์กรนั้นมีคนที่เค๊าต้องการอยู่แล้ว เขาก็เขียน selection criteria ให้ตรงกับคุณสมบัติของคน ๆ นั้นก็ได้ครับ ไม่ผิดกฎหมาย EEO

คนบางคนได้งานในกระทรวง เพียงเพราะพ่อเค๊าอยู่อีก department หนึ่ง
แต่ช่วงที่มาฝึกงาน hmmmm.... ถ้าเผื่อเป็นเรา เราปัดตกหนะจ๊ะ
เราเป็นคน certified JP เอกสารให้เค๊าเอง!!!

ได้งานไม่ได้ตรงกับสาขาที่เรียน
โอย.... ที่ไหนก็มีครับ
คำถามคือ...  แล้วทำไมไม่เรียนในสาขาที่เค๊าต้องการหละ

ช่วง COVID, ประเทศออสเตรเลียขาดแคลนแรงงานครับ
ในสายงาน professional เองก็เหมือนกัน
องค์กรใหญ่ ๆ ก็โดนไปด้วยเช่นเดียวกัน ขาดแคลนแรงงานกันทั้งนั้น
งานค่อนข้างหาง่าย

แต่หลังจากนี้....ไม่แน่... 

การมีคนออกมาให้กำลังจคนที่อยากโยกย้ายเป็นสิ่งที่ดีครับ
การมีคนออกมาเล่าเรื่องราวชีวิตและเส้นทางการโยกย้ายของเขาเป็นสิ่งที่ดีครับ

แต่คนเสพข้อมูลเองก็ต้องเสพกันหลาย ๆ ที่แล้วเปรียบเทียบกันด้วย
เพราะแต่ละคนมีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป

แต่ที่อวยกันไส้แตกไส้แตน.... hmmm... that is way too much
สระน้ำเล็ก ๆ ที่ว่ายน้ำอยู่มันช่างสวยงามยิ่งนัก ไม่มีฉลาม ไม่มีแมงกระพรุน
แต่อย่าลืมว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราออกมาสู่มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ มันมีหมดเลยจ๊ะ ทั้งฉลามและแมงกระพรุน

และที่บอกว่าที่ทำงานเจอแต่เพื่อนร่วมงานดี ๆ 
กับรอยยิ้มบนใบหน้าที่เค๊ามี ยิ้มแย้มจ่มใสทุกวันตามสไตล์คนออสซี่ เราไม่รู้เลยครับว่าข้างในลึก ๆ แต่ละคนคิดยังไง

จากเรื่องมหาลัย เขียนเลยเถิดมาไกล
ที่เขียนมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบอกว่า ขอให้ทุกคนเสพข้อมูลเกี่ยวกับประเทศออสเตรเลียอย่างมี "สติ" 

เสพหลาย ๆ ที่ หลาย ๆ แห่งเปรียบเทียบกันไป
จะได้ไม่กลายเป็นแมงเม่า

Note: เราเขียนในพื้นที่ของเรา ไม่ชอบให้เลื่อนผ่าน ไม่ต้องเสียเวลาซึ่งกันและกัน ไม่ว่างครับ

Note2: เราโพสต์เรื่องมหาวิทยาลัยที่นี่ ไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่เมืองไทย ไม่ต้องเอา apple ไปเปรียบเทียบกับ orange นะครับ ขี้เกียจอ่าน

Copyright: ไม่อนญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture

​
Comments

อย่าเห็นเฉพาะตอนเราอยู่บนที่สูง

6/8/2022

Comments

 
Picture

เราอาจจะไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง

ปากก็ต้องกัด ตีนก็ต้องถีบ

โปรดอย่ามองเห็นเราเฉพาะตอนที่เราอยู่บนที่สูงเท่านั้น

ในวันที่ต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย
นั่งทำ assignment, เขียน eassay ถึงตี 2 (2am) ตื่น 7am (สมัยเรียน)

เพื่อน ๆ ฝรั่งใน class ถามว่า you นอนวันละ 5 hr จริงเหรอ

อ้าว... ไอ้เราก็คิดว่าเราปกติ
เด็ก Uni เค๊าก็นอนดึก ๆ กัน

ไม่งั้นก็คงไม่ได้ 100% eassay ตอนเรียนโท
ไม่งั้นก็คงไม่ได้ 95% eassay, top in class ตอนเรียนอักษรญี่ปุ่นที่ UOW

หัวเขียว หัวทองเหรอ เราฟาดมาหมดแล้วเวลาทำ tutorial discussion ใน class

ก็เป็นนักเรียนใน class คนเดียวจากประมาณ 120 คนที่ print power point ออกมาแล้ว take note เวลาเข้า lecture จนอาจารย์บอกว่าแกต้องรีบแก้ power point ก่อนเข้า lecture, just for you (John-san) เพราะคนอื่นเขา print กันแค่อ่านก่อนตอนสอบ

ความสำเร็จ ไม่ได้มาง่าย ๆ
มันผ่านการ work hard.... hard มากถึง hard ที่สุด

ชีวิตเราที่ทุกคนเห็นตอนนี้เป็นแค่มันเป็น 1 ตอนของชีวิต

ตอนที่เราต้องไต่เต้า มันยากมากถึงมากที่สุด

"ชีวิตฉัน... เป็นเช่นดั่งละคร"...

....anyway... done deal...
อีก 1 หลังที่ QLD

Celebrate small wins along the way.

Pat myself on the back.

#Brisbane ก็แค่ปากซอย

หลังต่อไป ถูก request มาว่า ขอเป็นบ้านเป็นหลัง... ขี้เกียจจ่ายค่า strata... อะ... ว่ากันไปชีวิต

หากเราซึ่งเป็นมดตัวเล็ก ๆ ที่ Wollongong สามารถทำได้ในสิ่งที่เราทำ คนอื่นก็ทำได้นะครับ

ถ้าคนเราตั้งใจทำงาน
ไม่กิน ไม่เล่น ไม่เที่ยว
มันต้องทำได้สิ...

อยากรู้อะไร แค่เอ่ยปากถามนะครับ...
I am here to share... 

#เขียนเรื่อยเปื่อย

Comments

It's OK to say "No"

6/8/2022

Comments

 
เราเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจน
"ไม่" ก็คือไม่

ถ้าบอกว่าจะไม่ร่วมงานกับร้านนี้อีก ก็คือไม่ร่วมงานจริง ๆ ครับ
กับ case บาง case ลูกค้าเราน่ารักครับ
แต่นายจ้างวางตัวเป็น "พระยา" อยู่บนหิ้ง 
จะให้เราตะหมอบตอบขา เราทำไม่เป็นครับ
ไม่มีความจำเป็น และไม่คิดที่จะทำ

ทุกคนเท่าเทียมกัน
จะมาวางอำนาจบาทใหญ่ เพียงเพราะตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจ นั่น นี่ โน่น ไม่ได้

ทุกสิ่งอย่างล้วนแล้วเป็นแค่ภาพลวงตาครับ
ลาภ ยศ สรรเสริญ มันก็แค่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป
มันไม่มีอะไรยั่งยืน

ทำอะไรให้มันง่าย ๆ 
เรื่องไม่ต้อง "เยอะ"
เป็นมิตรกับทุกคนที่เข้ามาดีกว่าครับ

โลกธุรกิจมันเปลี่ยนไปแล้วครับ
ผู้ให้บริการมีสิทธิ์ที่จะเลือกลูกค้าได้

เราเลือกคุณ
​ไม่ใช่คุณเลือกเรา
Comments

LINE: @JMigrationTeam

4/8/2022

Comments

 
ทุกวันนี้เราไม่ค่อยได้ตอบ LINE ของ @JMigrationTeam แล้วนะครับ
ทุกวันนี้ streamline งานที่มี email แทบจะหมดแล้ว

ทุกวันนี้น่าจะตอบ LINE อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้นช่วง weekend
เพราะงานเยอะมาก เอาเวลามานั่งทำงาน นั่งทำ case ได้ตังค์เยอะกว่า $$$

ทุกวันนี้ streamline งานที่มี email แทบจะหมดแล้ว
ส่วนใครที่ถนัดใช้ LINE เราก็ต้องขอโทษด้วย งานเลี้ยงก็คงต้องมีวันเลิกลา

จะสังเกตว่าเราไม่ค่อยได้ post อะไรที่ LINE แล้ว
นาน ๆ post ที

เราทำงานตรงนี้มา 14 ปีแล้วครับ
มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว
ทำธุรกิจ ต้องกินแต่พอดีคำ ไม่งั้นก็ดูแลไม่ทั่วถึง
ปริมาณลูกค้าของ "J Migration Team" ทุกวันนี้เรา happy มากถึงมากที่สุดกับจำนวน case ที่มี ดังนั้นเราแทบไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปหาลูกค้าใหม่ตาม LINE หรือว่าอะไร

แค่ facebook page และ Instagram ก็เยอะพอแล้ว
ลูกค้าทักมา เราก็แจ้งบอกให้ติดต่อทาง email
ตอนนี้บริหารงานผ่าน email ที่เดียว ง่ายมาก

ส่วน brand รอง ๆ อย่าง "J. DOK JIG" ก็ยังใช้ LINE อยู่ เพราะอันนั้นเพิ่งเริ่มสร้าง brand คนยังไม่รู้จักเยอะ ยังไม่ busy มาก ข้อความไม่เยอะ

เราคิดว่าลูกค้าคนไทยเองก็เหมือนกัน
ก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการติดต่ออะไรที่เป็นทางการ เป็นการเป็นงานด้วย เราคิดว่า email เป็นอะไรที่ formal มากกว่า และก็สามารถ save เก็บข้อมูลเอาไว้ได้ด้วย

LINE เอาไว้คุยกันสรรพเพเหระ
Anyway... that is just my opinion.

ดังนั้นหลาย ๆ คนที่บอกว่า "LINE ไปแล้วไม่ตอบ" ใช่ครับเราเลือกที่จะไม่ตอบ
เพราะเราเอาเวลามาตอบ email ดีกว่า
พิมพ์ใน computer พิมพ์ได้ไวกว่า
ได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า
Comments

บุพเพสันนิวาส ๒

31/7/2022

Comments

 
Picture

โดยส่วนตัวแล้ว เราเป็นคนไม่ดูหนังไทย
เพราะไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วยกับบริบทและขบวนการทางด้านความคิดแบบไทย ๆ หลาย ๆ อย่าง (เราใช้ชีวิตเกินครึ่งชีวิตที่ต่างแดนครับ และไม่เคยทำงานที่เมืองไทย) ก็เลยไม่มีความจำเป็นที่ต้องจ่ายเงินไปดูอะไรแบบนั้น 

หนังไทยเรื่องล่าสุดที่เราคือ "รักแห่งสยาม" และก็ดูผ่าน DVD ไม่ได้ไปดูในโรงหนังด้วย

ส่วนหนังไทยที่มาฉายที่ประเทศออสเตรเลีย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะเราอยู่ที่ Wollongong  ไม่ขับรถไปไกลขนาดนั้นเพื่อไปดูหนังแน่นอน

แต่ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไป
มันมี social media 
เราเข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้ง่าย
และคนจัดคราวนี้ ก็เป็น "มิตรที่ดี" กับเรา

จากคนที่ไม่ดูหนังไทย ก็ต้องไป
จากคนที่ไม่ดูหนังในโรง ก็ต้องไป

ถ้าดูหนังในโรง คือไปดูหนังพวก family movie จาก Pixar ช่วงเด็ก ๆ ปิดเทอม
พอตอนนี้เด็ก ๆ โตกันหมดแล้ว เขาก็ไปดูหนังกับเพื่อนเขา
เราก็เลยไม่ได้ไปดูหนังในโรงเลย ก็เลยสบายไป.... :)

ชอบนั่งสบาย ๆ อยู่บ้านดู Google Movie มากกว่า

ไปดูหนังไทยในออสเตรเลียคราวนี้
นอกจากจะไปดูเพราะไป support "มิตรที่ดี" แล้ว เราก็ได้อะไรกลับมาเยอะ

เฮ้ย... หนังไทยดีมาก
11 เต็ม 10
110%

ไม่ได้อวยเพราะว่ารู้จักกับคนจัด

อันนี้พูดไปตามเนื้อผ้า
ชอบก็ชอบ
11 เต็ม 10  คือเกินชอบ
ถ้าบ้านอยู่ใกล้ Sydney ก็จะไปดูอีกซัก 2 รอบ

ความชอบของแต่ละคน แต่ละบริบทอาจจะไม่เหมือนกัน
สำหรับคอหนังไทย อาจจะมีการเปรียบเทียบเรื่องนั้นกับเรื่องนี้เยอะ
แต่ของเราไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบ

เราชอบใน context ของหนังเอง
In its own merit.

สำหรับคนที่ใช้ชีวิตมาค่อนครึ่งชีวิตที่ต่างแดนอย่างเรา เราชอบฟังภาษาไทยย้อนยุคแบบนี้

มี classic ยิ่งนัก
มันไพเราะ
มันรู้สึก touch อย่างบอกไม่ถูก
มันมีความเป็น soft power แบบไม่ต้องบังคับ ไม่ต้อง force
ทุกอย่างเป็นธรรมชาติมาก
หลาย ๆ อย่างมีความเป็นไทย ซึ่งโดนใจคนแบบเราอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องราว เราชอบเนื้อเรื่องอยู่แล้ว 
ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ถ้าเนื้อเรื่องของหนังทำออกมาในยุคปัจจุบันเราจะชอบหรือเปล่า
เราชอบหนังย้อนยุคแบบนี้มากกว่า

เรื่องดารา พระเอกนางเอก
ไม่ต้องพูดถึง เพราะเราไม่รู้จัก และไม่ใช่คนบ้าดาราอยู่แล้ว
ชอบเนื้อเรื่องที่มัน flow
ชอบความเป็นไทย
ชอบความย้อนยุค
ชอบความมี  "soft power"

Comments

ไม่ต้องมีล้นฟ้า

5/7/2022

Comments

 
Picture
​ไม่ต้องมีล้นฟ้า
ไม่ต้องหาถ้อยคำหวานหวาน
อย่างที่มี ก็ยังใช้อยู่

ขอแค่เงินในบัญชีเท่านั้น
หมายถึงเงินอย่างเดียวเท่านี้
อยากจะโอนอีกที แสดงว่าเธอ... รักฉัน

ไม่ต้องมีเท่าฟ้า แต่ขอให้มีเท่าเดิม
อาจต้องการเพิ่มเติม แต่เงินไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องใช้จนชั่วนิรันดร์
ตราบที่ J นั้นยังหายใจ
ขอให้มากกว่าเดิม ขอให้มากกว่าเดิม

ไม่ต้องฝืนตัวเองเพราะฉัน
ไม่ต้องฝันจะเป็นเหมือนใคร
ก่อนเคยเป็นอย่างไร ก็เป็นเหมือนเก่า

เงินเท่านั้นที่เคยให้ไว้ เงินเท่าไหนก็ไม่สำคัญ
บอกว่า J ต้องการเท่านี้

ไม่ต้องมีเท่าฟ้า แต่ขอให้มีเท่าเดิม
อาจต้องการเพิ่มเติม แต่เงินไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องใช้จนชั่วนิรันดร์
ตราบที่ J นั้นยังหายใจ
ขอให้มากกว่าเดิม ขอให้มากกว่าเดิม

ขอแค่เงินอย่างเดียวเท่านั้น
หมายถึงเงินอย่างเดียวเท่านี้
อยากจะมีอีกทีเพราะเธอรักฉัน

ไม่ต้องมีเท่าฟ้า แต่ขอให้มีเท่าเดิม
อาจต้องการเพิ่มเติม แต่เงินไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องใช้จนชั่วนิรันดร์
ตราบที่ J นั้นยังหายใจ
ขอให้มากกว่าเดิม ขอให้มากกว่าเดิม

ไม่ต้องมีเท่าฟ้า แต่ขอให้มีเท่าเดิม
อาจต้องการเพิ่มเติม แต่เงินไม่น้อยลงไป
ไม่ต้องใช้จนชั่วนิรันดร์
ตราบที่ J นั้นยังหายใจ
ขอให้มากกว่าเดิม ขอให้มากกว่าเดิม
Comments

ในวันที่ "ไม่มี"

1/7/2022

Comments

 
Picture
ในวันที่เรา "ไม่มี"
ในวันที่เราเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ "J Migration Team"; 2008
ปี 2008, เรายังไม่มีประสบการณ์ ยังไม่ pro 
ค่าบริการเราก็ยังจะน๊อมแน๊มอยู่

Subclass 457; Stage 1-2-3 อยู่ที่ $2,500.00 ต่อ case
ทำกัน 2 คนผัวเมีย ก็ตกคนละประมาณ $1,250 ถูกมากถึงมากที่สุด

และเคยทำ $2,500.00 ต่อ 1 case หนึ่งครอบครัวที่มี พ่อ + แม่ + ลูก 3 คน รวมกันเป็น 5 คน
ตกคนละ $500 มาแล้ว

นี่คือวีซ่า subclass 457
นี่คือวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์สมัยนั้น
เราคิดถูกมาก ถึงมากที่สุด มันยังเป็นช่วงหาประสบการณ์ หาลูกค้า

พอเจอ 5 คน, $2,500.00 เราก็เลยต้องเปลี่ยนวิธีการคำนวณค่าบริการของเรา คิดเป็นต่อหัวแทน

คือคนสมัครหลัก + คนติดตาม คิดลดหลั่นกันมา
ไม่งั้นมันก็ไม่คุ้ม เพราะบาง case ก็มีสมาชิกในครอบครัวเยอะจริง ๆ แล้ว subclass 457 มันก็มีหลาย stage มาก

ตอนนั้นยังทำทุกอย่างคนเดียว ยังไม่มีทีมงาน

ทำวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์; subclass 457 เราก็ต้องการเอกสารจากนายจ้างด้วย นั่นคือใบจดทะเบียนการค้าของบริษัท ถ้าเป็น ASIC Company Extract ก็จะ $17 ถ้าเป็น Business Name Registration ก็ $18 อย่างที่เห็น

ก็อาจจะมีบาง case ที่ลูกค้ายังไม่ได้ส่ง ASIC Company Extract มาให้
ครั้นเราจะรอ เรื่องก็จะช้าอีก เราก็เลยต้องเข้าไปที่ ASIC website แล้วซื้อ ASIC Company Extract ให้ลูกค้า; $17.00

วันนั้นเรายังจำขึ้นใจไม่เคยลืม ถึงแม้มันจะผ่านมาแล้วหลายปีก็ตาม

เราต้องรูดบัตรซื้อ ASIC Company Extract; $17 เพื่อที่จะทำ case ต่อ
จริง ๆ ลูกค้าต้อง supply เอกสารตัวนี้ แต่ก็อย่างที่บอก บางทีลูกค้าก็ช้า เราก็ไม่อยากรอ ก็เลยต้องซื้อเอง

พอซื้อเสร็จ $17
เอาจริง ๆ นะ $17 สำหรับเรามันเยอะมาก ที่เราต้องมารับภาระจ่ายให้กับลูกค้า
สมับก่อน ช่วง 2008 - 2010 เดือนหนึ่งได้ทำ 1 case ก็ดีใจแล้วครับ

คนที่ "ไม่มี" มันก็คือ "ไม่มี" จริง ๆ ครับ เพราะที่บ้านที่เมืองไทย คุณอาบอกว่า "จบ ป.ตรีแล้วห้ามแบมือขอ" คุณอาเนี๊ยะคือ ATM ของเราเลยนะตั้งแต่เด็ก คุณอาพูดมาแบบนี้คือ "จบ" ประโยคเดียวแต่ได้ใจความ

Note: เรากับน้องสาวเติบโตมาจากการดูแลของคุณอากับคุญย่าครับ ไม่ได้เป็นลูกกำพร้า แต่อากับย่าอยากเอามาเลี้ยงเอง (เคยเขียน blog ไปแล้ว)

วันนั้นจำได้ไม่เคยลืม
รูดบัตรจ่าย $17 ค่า ASIC ให้ลูกค้า
2 จิต 2 ใจว่าจะ pass it on ให้ลูกค้าจ่าย $17 ตรงนี้หรือเปล่า หรือเราจะ absorb ค่าตรงนี้เอง $17 เอง

$17 ตอนนั้นมันเยอะมากนะสำหรับเรา 
ตอนนี้ก็ยังเยอะ แต่เราก็คิดค่าบริการที่แตกต่างจากเมื่อ 2008 - 2010

วันนั้น คิดหนัก จำได้ขึ้นใจ
และเราก็ตัดสินใจถูกที่ไม่ pass it on ไปให้ลูกค้า

ทำงานด้วยใจ เล็ก ๆ น้อย ๆ เราไม่เคยไป charge เพิ่ม
​ตอนนั้นลูกค้ายังน้อยอยู่ ดูแลได้ทั่วถึง

ทุกวันนี้เวลารูดบัตรจ่ายค่า ASIC ให้กับลูกค้า เราก็ยังนึกถึงวันนั้นเสมอ

จากวันนั้น จนมาถึงวันนี้ เรามาไกลนัก

ทุกคนจะเห็นเฉพาะตอนที่เราอยู่บนที่สูง แต่ตอนที่เราไต่ต้าวคนจะไม่ค่อยเห็น
ทุกคนจะเข้าหาตอนที่เราเป็นที่รู้จักแล้ว
เราก็พยายาม grounded
พยายาม humble
ใช้ชีวิตอยู่แบบปรกติสุข ไม่ไปสุงสิงอะไรกับใคร เพราะในวันที่เรา "ไม่มี" มันก็ไม่มีใครหรอกที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เราต้องช่วยเหลือตัวเอง 

ณ วันนี้เราอาจจะไม่ได้ "มี" มาก ถ้าพอมีบ้าง เราก็พยายามช่วยเหลือแบ่งปัน อย่างที่ทุก ๆ เห็นเวลาเราโพสต์ นั่น นี่ โน่น เพราะเรารู้ดีว่าในวันที่เรา "ไม่มี" มันลำบากมาก ในวันที่เริ่มต้นทำอะไรมันลำบากมาก

ณ วันที่เขียน blog นี้ (Friday; 01 July 2022) เราต้องรูดบัตรซื้อ ASIC ให้ลูกค้าพอดี ก็เลยต้องเขียนบันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำซักหน่อย จริง ๆ ความทรงจำ ณ วันนั้นมันไม่มีวันลืมหรอก ก็แค่อยากเขียนให้คนได้อ่าน ก็แค่อยากให้คนได้รู้ว่า กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้ (debt free) มันไม่ได้ง่ายเลย

หากเราทำได้ คนอื่นก็ทำได้
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนเสมอ โดยเฉพาะ inner circle ทั้งหลาย.... you know who you are...

...รัก...
01/07/2022
Comments

ชีวิต... ไม่ง่าย

12/6/2022

Comments

 
Picture
ชีวิต กว่าจะมาถึงจุดนี้... ไม่ง่าย
ผลของการทำงานหนัก ผลการของทุ่มเท คุ้มค่าเสมอ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเราทำงานหนักแค่ไหน คน ๆ ก็เห็นกันอยู่ เราทำร้อยแปดพันอย่าง ทำทุกอย่างที่สุจริตและไม่เบียดเบียนใคร (แต่ถ้าฟาดมา ก็ฟาดกลับเด้อ แฟร์ ๆ)

ชีวิตที่ดี ไม่จำเป็นต้องมีเงินทองเยอะ
เราไม่ได้เติบโตมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ปากก็ต้องกัด ตีนก็ต้องถีบ
ใช้ความรู้ความสามารถ สมองและสองมือที่มี

เราบอกทุกคนรอบข้างเสมอ "การศึกษา" สำคัญ อย่าทิ้งการศึกษา
การศึกษาคือใบเบิกทางทุกอย่าง

ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนหนังสือด้วย เราก็บอกลูกศิษย์เราที่โรงเรียนเสมอว่า "เนี๋ยะ I เป็น ESL person, I ยังทำได้ พวก you เกิดที่นี่ โตที่นี่ พูดภาษา native พวก you ต้องทำได้"

ESL = English as a Second Langauage

แต่... anyway.. เราก็พูดเฉพาะกับเด็ก top class ของเราแหละ คุยกันรู้เรื่องหน่อย mindset เดียวกัน

การไม่มีหนี้
การเป็น debt free 
ชีวิตมันดีมาก มันจะทำอะไรก็คล่อง
แต่ทุกอย่างไม่ได้มาง่าย ๆ 

เงินทองไม่ได้หล่นมาจากฟากฟ้า
มันผ่านการเรียนรู้ ผ่านการศึกษาหาความรู้

1. อยากมีอาชีพที่มั่นคง ต้องมีการศึกษาที่ดีด้วยครับ ใช่ว่าทุกคนสามารถเป็น Bill Gates เป็น Steve Jobs ที่เป็น school drop out แล้ว success. มันมีครับ แต่มีน้อยมากถึงมากที่สุด ดังนั้นอย่าทิ้งการเรียนนะครับ จะจบช้าจบเรียน ก็ควรเรียน ก็ควรมีวุฒิการศึกษา

2. ความรู้ความสามารถที่เรามี เราต้อง specialise in something ครับ ไม่ใช่อะไรก็ generalise ไปซะหมด เก่งอะไรก็ได้ เก่งแค่อย่างเดียวพอ ไม่ต้องเก่งหลายอย่าง อย่าเป็น Jack of all trades, master of none.

อย่าเป็นเป็ด ที่ว่ายน้ำก็ได้ แต่ว่ายไม่เก่ง
บินก็ได้ แต่บินได้ไม่ไกล

Note: ผู้ปกครองไม่ควรส่งลูกไปเรียนพิเศษวิชาที่ลูก ๆ อ่อน แต่ตรงกันข้าม ผู้ปกครองควรส่งเสริมเขาในด้านที่เราแกร่งหรือเก่งมากกว่า เก่งไปเลยอย่างเดียว เอาให้เด่นไปเลย อันนี้พูดในฐานะอาจารย์สอนหนังสือ และคุณพ่อลูกสอง

3. อ่านหนังสือเรื่องการเงิน (personal finance) และเรื่องการทำธุรกิจ เวลาเดินเข้าร้านหนังสือ เดินเข้าไปที่หมวดธุรกิจเลยครับ เลิกเสพสื่อ social ไร้สาระ เลิกดูข่าว เลิกดู TV มันมีแต่เรื่องไร้สาระ เอาเวลามาอ่านหนังสือเพิ่มหยักในสมองดีกว่า

เราเลิกดูข่าว เลิกดู TV มาตั้งแต่ 2010 แล้ว
12 ปีผ่านไป ก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ครับ ยังไม่ตาย!!!

Ignorance is a bliss (sometimes).

หนังสือ 3 เล่มที่เราแนะนำ:

- The Richest Man in Babylon; ว่าด้วยเรื่องการเก็บออมเงิน ได้เงินมา 10 บาท เราจะแบ่งออกเป็นกี่ส่วน ต่าง ๆ นานา เล่มนี้ดีมาก ถึงมากที่สุด

- Retire Young, Retire Rich; ทุกอย่างที่เรามีได้วันนี้ มาจาก Robert Kiyosaki. เราเคยเห็นตัวเป็น ๆ เขาแล้วเมื่อปี 2001 ที่ Sydney ถ้าหากไม่ได้อ่านหนังสือของ Robert Kiyosaki ป่านนี้เราก็ยังคงเป็นลูกจ้าง เป็น programmer อยู่ เข้า step ชีวิตของคนทั่ว ๆ ไปคือ เรียนจบมาแล้วก็ทำงาน จบ!!!

- 4-Hour Work Week; ของ Tim Ferris เล่มนี้เปลี่ยนวิธีการทำงานของเรา เราอ่านเล่มนี้ แล้วเลิกดูข่าว เลิกดู TV ชีวิตเรามีเวลาเพิ่มขึ้นมาทันที เราเวลาที่เหลือไปทำอย่างอื่นได้ ก็เอาเวลาที่เหลือไปอ่านหนังสือต่าง ๆ นานาไง (DEAR; Drop Everthing And Read)

3 เล่ม เอาอยู่
หนังสือที่เหลือที่ออก ๆ กันมา ก็ based on 3 เล่มนี้แหละ
Pual อะไรซักอย่าง ที่เป็นพิธีกรและนักแสดงคนไทย ตอนนี้ออกมาทำ YouTube ให้ความรู้เรื่องการเงิน ออกมาทำ MLM จนรวย ก็เพราะได้แนวคิดจาก Robert Kiyosaki แหละ งั้นเราเรียนรู้จากต้นตำหรับเลยจะไม่ดีกว่าเหรอ

Barefoot Investor; ก็คล้ายกับ The Richest Man in Babylon.... งั้นเราก็เรียนรู้จากต้นตำหรับเลยไม่ดีกว่าเหรอ

ที่เขียนมาทั้งหมดแค่อยากจะบอกว่า
"ทุกอย่างมันทำได้" ตัวอย่างมีให้เห็น
อย่าดูแคลนศักยภาพของตัวเราเอง
ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง
ทำได้หรือไม่ได้ ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้ทำ 

อย่าเป็นคนอะไรนาน 
คิดแล้วทำ
​ทำทันที

ล้ม ลุก เรียนรู้

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น "ดี" เสมอ

เราแชร์ เราโพสต์ ทุกอย่างเป็นวิทยาทาน
ทุกคนก็สามารถ adapt และ adopt นำเอาไปใช้ได้

เราไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง
ถ้าเราทำได้ ทุกคนก็ทำได้นะครับ

เป็นกำลังใจให้กันและกัน

Comments

Paying forward; WIN Stadium carpak

29/5/2022

Comments

 
Wed; 25 May 2022 เราต้องไปทำงานที่ Wollongong office
ทุกวันนี้นาน ๆ เข้า office ที
เวลาไปทำงานที่ Wollongong office, เราก็จะจอดรถข้าง ๆ WIN Stadium จอดทั้งวัน ราคาไม่แพงนัก; $5.40

เหตุเกิดที่ car park
พอเราจอดรถเสร็จ เราก็ต้องเดินไปหยอดตู้เพื่อเอา parking ticket ออกมา
ตรงตู้ ticket จะมีคุณยายท่านหนึ่ง ยืนกดตู้เก้ ๆ กัง ๆ
คุณยายน่าจะอายุ 80+ (เดาเอา เพราะแกดูแก่กว่าแม่เราเยอะ; 75)
แต่ก็ต้องยอมรับว่าหน้าปัด หน้าจอที่หยอดเหรียณมันไม่ชัดจริง ๆ มันอ่านยากมาก ยิ่งเจอแสงแดดสะท้อนด้วยหละก็ มองไม่ค่อยเห็นตัวหนังสือ

เราก็เลยเข้าไปช่วย และก็ใช้บัตรเราจ่ายค่าจอดรถไปเลย
คุณยายบอกว่าต้องการจอดแค่ 1 hr
แต่เราก็มองไม่เห็นตัวหนังสือที่หน้าจอจริง ๆ (Wollongong town council ควรจะมาซ่อมแซม) เราก็เลยกดไปเป็นแบบทั้งวันเลยละกัน เพราะเราคิดค่า 1 hr ก็น่าจะ $2-$2.5 
แต่ทั้งวัน $5.40 มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

เราเอา ticket ให้คุณยาย แกก็บอกว่า "you จ่ายให้ฉันด้วยเหรอ"
เราก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก มันนิดเดียวเอง
คุณยายก็ขอบอกขอบใจเราใหญ่ แล้วแกก็บอกว่า "เดี๋ยวฉันไป ฉันจะ buy a coffee for someone"

ฟังแล้วชื่นใจ เพราะสิ่งที่เราทำให้คุณยาย ถึงแม้มันจะเล็ก ๆ น้อย ๆ 
แต่เราก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่ชุ่มฉ่ำหัวใจ
และคุณยายก็ส่งต่อด้วยการ paying forward นี้ด้วยการซื้อกาแฟให้กับ someone else

บางที สิ่งที่เราทำมันไม่ต้องเป็นอะไรที่มูลค่าใหญ่โตอะไรก็ได้
แค่แบ่งปัน เล็ก ๆ น้อย ๆ 
เราคิดว่ามันทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น

ก็ไม่มีอะไรมาก
​ก็แค่เล่าสู่กันฟัง :)

​29/05/2022
Comments
<<Previous
Forward>>

    Author

    John Paopeng

    Archives

    February 2023
    January 2023
    December 2022
    November 2022
    October 2022
    September 2022
    August 2022
    July 2022
    June 2022
    May 2022
    April 2022
    January 2022
    December 2021
    November 2021
    October 2021
    September 2021
    August 2021
    July 2021
    June 2021
    March 2021
    January 2021
    December 2020
    November 2020
    October 2020
    September 2020
    August 2020
    July 2020
    June 2020
    May 2020
    April 2020
    March 2020
    February 2020
    December 2019
    November 2019
    October 2019
    September 2019
    August 2019
    July 2019
    June 2019
    May 2019
    April 2019
    March 2019
    February 2019
    January 2019
    December 2018
    November 2018
    October 2018

    Categories

    All

    RSS Feed


  • Blog; journal of life
  • Daddy Diary
  • Investment Diary
  • Business Tips and Tricks
  • ข้างขอบเตียง Cancer
  • ครูไทยในต่างแดน
  • ebooks
  • About
  • กราบขอบคุณ