ปกติแล้ว Partner Visa case ของ "J Migration Team", 1 case เราต้องเตรียมงานกันอยู่ 1-2 เดือน เพราะทุก ๆ case เป็น case ที่ค่อนข้างใหญ่และละเอียดอ่อน ข้อมูลต้องครบ รูลั่วต้องไม่มี
Partner Visa, ทีมงานเราจะเป็นคนเตรียมงานทุกอย่างเอาไว้ให้ แล้วเราจะเป็น check และเป็นคน submit เองทุก case ทุก case ต้องผ่านมือเรา เรามีทนายความส่วนตัวที่เราใช้บริการเขามาตั้งแต่ปี 2003 เขาก็เป็นทั้ง solicitor และก็ทำกฎหมายอิมมิเกรชั่นด้วย มี MARN ด้วย ได้ MARN ปีเดียวกันกับเราด้วยสิ ปี 2008 เพราะหมายเลข MARN ขึ้นต้นด้วย 08 เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้เน้นทำงานกฎหมายอิมมิเกรชั่นมาก เขาก็จะเน้นพวก Business Law เอย, Family Law เอย ต่าง ๆ นานา และวัน ๆ ไปขึ้นศาลเขาก็เหนื่อยแล้ว เรากับเขา dealing กันมานานตั้งแต่ปี 2003 19 ปี ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เราใช้บริการเขาตั้งแต่เขาเป็นทนายความที่เป็นลูกจ้างให้กับบริษัทอื่น พอเขาออกมาเปิดบริษัทเอง เราก็ใช้บริการของเขาต่อมาเรื่อย ๆ ข้อมูลของครอบครัวเราทุกคนอยู่ที่เขาหมด เราทั้ง 2 ต่างแนะนำลูกค้าให้กันและกัน ใครจะหย่า ใครจะซื้อขายธุรกิจ เราส่งให้เขาหมดเลย พวกเราแนะนำลูกค้าให้กันด้วยใจ ไม่มี referal fee ต่าง ๆ นานาให้ปวดหัว ไม่มีเรื่องเงิน เรื่องค่า comission ให้วุ่นวาย ฉันช่วยเธอ เธอช่วย เราช่วยกัน และก็เป็นแบบนี้มานาน หลาย ๆ ครั้งเขาทำโน่นทำนี่ให้เรา เขาไม่เคยคิดตังค์ เราบอกให้เขาส่ง invoice มาเขาก็ไม่เคยส่ง มิหนำซ้ำปีใหม่เขายังส่งพวก gift voucher มาให้เราอีก บ้านทุกหลังที่ NSW เขาเป็นคนดูแลเรื่อง contract อะไรต่าง ๆ นานาหมด ส่วนบ้านหลังอื่น ๆ ที่อยู่ต่างรัฐก็เป็นเพื่อน ๆ ของเขาในรัฐ ๆ นั้นเป็นคนดูแล มันดีเยี่ยงนี้นี่เอง :) แค่งานเมียหย่าผัว ผัวหย่าเมีย และดูแลพวกสัญญาซื้อขายธุรกิจเขาก็ยุ่งมากแล้ว งานอิมมิเกรชั่น เขาก็ refer มาให้เราบ้าง อาจจะไม่มาก เพราะหลาย ๆ ครั้งคุณสมบัติของลูกค้าไม่ครบ คราวนี้ เขาต้องทำ Partner Visa ให้กับลูกค้าที่วีซ่าจะหมด 31 Dec 2022 เขามีเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้วใน GoogleDrive แค่แชร์มาให้เราสานต่อ hmmm... ปกติเราเตรียมเอกสารกันเป็นเดือน แต่ไม่เป็นไร อันนี้เขาเตรียมไว้ให้แล้วใน GoogleDrive เราแค่นั่งกรอกและ touch up นั่น นี่ โน่น นิดหน่อย ปกติเราจะไม่รับ case ต่อจากคนอื่นกลางคันแบบนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าเอกสารมันขาดอะไรบ้าง รูลั่วอยู่ตรงไหนบ้าง เราชอบทำ case เองที่เริ่มเก็บเอกสารจากลูกค้าเอง แต่ครั้งนี้ได้รับการติดต่อจากทนายความส่วนตัว เพราะเขายุ่งมาก ไม่มีเวลา และนาน ๆ เขาทำงานอิมมิเกรชั่นที อาจจะไม่คล่องเหมือนเรา เมื่อได้รับการติดต่อมา เราก็แจ้งไปว่า "ถ้าลูกค้าเขา OK เราก็ OK ที่จะให้บริการ" 31 Dec 2022 เหรอ จิ๊บ ๆ เราทำให้ได้ case นี้เราก็ต้องทำเอง จะให้ทีมงานทำไม่ได้ ความอึดมันต่างกัน ก็เริ่มนั่งทำงาน นั่ง ๆ เดิน ๆ บ้างตั้งแต่ 3pm - 8:30pm ก็ต้องทำออกมาให้ดี เมื่อเราได้รับโอกาสนี้แล้ว โอกาสในการพิสูจน์ตัวเราเองว่าเราทำได้ภายใต้ข้อจำกัดของเวลา บางทีก็สะดุดบ้าง เพราะข้อมูลบางอย่างไม่ update เราก็ต้อง email หาลูกค้า และรอเขาตอบกลับ มันก็เลยลากยาวประมาณ 5-6 ชั่วโมง มันก็เป็นการเจาะตลาดลูกค้าต่างชาติด้วย เราไม่จำเป็นต้องทำแต่ case ของคนไทยเสมอไป งานนี้ก็เลยต้องลุยเอง โชคดีด้วยแหละ เราเป็น JP (Justice of the Peace) ด้วย อะไรบางอย่างเราก็ข้ามไปก่อนได้ เดี๋ยวมาเก็ยตกกันทีหลัง ที่แน่ ๆ คือต้องรีบยื่นก่อน ต้อง submit ก่อน 31 Dec 2022 เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ค่าบริการยังไม่ได้คุยกัน ค่าสมัครวีซ่าลูกค้าก็ยังไม่ได้จ่าย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาเป็นลูกค้าที่มาจากทนายของเรา ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรื่องค่าสมัครวีซ่าเดี๋ยวรูดบัตรให้ไปก่อน เรื่องค่าบริการไม่ต้องพูดถึง ลด แลก แจก แถม เพราะลูกค้าค่อนข้าง stress ว่าวันที่ 28 Dec 2022 แล้ว เราส่ง invoice ไปแล้ว ลูกค้า 3 คน พ่อ x 1 ลูก x 2 เราคิดค่าบริการถูกมากถึงมากที่สุด ลดประมาณ 60% จ่ายแค่ 40% หรือต่อให้ทำฟรี เราก็ไม่มีปัญหา เพราะเรากับทนายส่วนตัวของเรา เราทำธุรกรรมด้วยกันมานาน เขาดูแลเราดีมากตลอดระยะเวลา 19 ปี และนี่ก็อาจจะเป็นก้าวแรก ๆ ในการเจาะตลาดชาติ "xyz" นี้ด้วย เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด การทำธุรกิจ เราไม่จำเป็นต้องได้กำไรเสมอไป ขาดทุนบ้านก็ไม่เป็นไร เพราะมันคือการลงทุน มันคือการตลาดอีกแบบหนึ่ง ทุกธุรกิจต้องมีการลงทุน นี่ก็เป็นการลงทุน เป็นการตลาดอีกแบบหนึ่ง กับราคาค่าบริการ (professional service fee) ที่เราออก invoice ไป บอกเลยว่าเหมือนทำให้ฟรี แต่เมื่อได้รับโอกาส ได้รับเกียรติจากทนายส่วนตัวของเราแล้ว เราก็จะทำให้ดีที่สุด ลูกค้าเองก็ appreciate ที่มีคนทำงานช่วง festive season แบบนี้ ปกติทนายความหรือ accountant จะหยุดกันยาว 2-3 weeks ก็มี แต่เราไม่ได้หยุด เราก็ทำงานตามปกติของเรา เพราะถ้าหยุด เวลากลับมาทำงาน มันก็ต้อง clear งานเก่า ๆ อยู่ดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อเราได้เลือกแล้ว เราก็ต้องเดินหน้าต่อ ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น "ดี" เสมอ ที่ผ่านมา 5 ปี เราได้รับบริการค่อนข้างดีจาก RAMS (Home Loan)
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เราเข้าไป office ของ RAMS แค่ครั้งเดียวคือครั้งแรก หลังจากนั้นทุกอย่างติดต่อกันผ่าน email หมดเลย กู้ครั้งแรกเมื่อปี 2017 เรากู้ในฐานะของพนักงานประจำ เป็นข้าราชการ full-time เพราะตอนนั้นยังสอนอยู่ เราก็กู้มาได้ไม่เยอะมาก ก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น หัดเดิน ก่อนที่จะวิ่ง หลังแรกเรากู้และซื้อบ้านในนามของบุคคลเพื่อที่จะได้ First Home Buyer Grant จากรัฐบาล พอผ่อนหมดภายใน 2-3 เดือน เราก็ transfer เข้ามาเป็นรูปแบบ family trust หมดเลย หลังจากนั้นปีต่อ ๆ มาเราก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากการกู้ในนามของบุคคลมาเป็นกู้แบบ company ที่เป็น Trustee ของ Trust; "XYZ PTY LTD ATF ABC TRUST" อะไรก็ว่าไป ตอนนี้ก็มีหลาย trust หลาย company เพราะ accountant บอกว่า 1 trust พยายามอย่าให้มูลค่าทรัพย์สินเกิน 2M การมีที่ปรึกษาที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง จ่ายไปเถอะค่าบริการดี ๆ ให้กับ accountant, bookkeeper, solicitor และต่าง ๆ นานา บอกได้เลยว่ามันคุ้มมาก ดีกว่ามางมโข่งเอาเอง กับคำปรึกษาและบริการดี ๆ อย่างก!!! บริษัทเราทำ Financial Statement; Profit & Loss ทุก ๆ สิ้นเดือน เพื่อที่เราจะได้เห็นการขึ้นลงของธุรกิจในแต่ละเดือนไปเลย ไม่ต้องรอ 3 เดือนตอนทำ BAS อันนี้เราแนะนำสำหรับเจ้าของธุรกิจนะครับ ถ้าธุรกิจเริ่มขยายใหญ่ ควรทำ Financial Statement ทุก ๆ เดือน อย่ารอ 3 เดือนตอนทำ BAS เพราะถ้ารอ 3 เดือนบอกเลยว่าช้ามากในการที่เราจะรู้ว่าธุรกิจเรา healthy หรือเปล่า ตรงจุดนี้เราต้องยกความดีทั้งหมด 110% ให้กับ bookkeeper ของเรา ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเราต้องมานั่งหยุมหัวตัวเองแน่นอน ให้ใจไปเลย 110% เจ้าของธุรกิจ อยากจะทำอะไรให้เป็นระบบ รายรับรายจ่ายก็ต้องเข้าระบบครับ ไม่ใช่รับแต่เงินสดกัน บอกได้เลยว่าถ้าเราทำอะไรให้เป็นระบบนะ มันง่ายมาก เวลาจะทำเรื่องกู้ เราแค่ส่ง Financial Statement รายเดือนของเราไปให้ RAMS เพราะเอกสารอย่างอื่นเขามีของเราหมดแล้ว เวลาเราปิดบริษัทใหม่ เปิด Trust ใหม่ เราก็แค่ update เอกสารตัวนี้เข้าไป มันง่ายมาก เราเคยจะทำเรื่องกู้กับ Aussie Home Loan เราเตรียมเอกสารการเงินทุกอย่างเข้าไปหมด ปัดเราตกภายใน 10 นาที จากวันนั้นถึงวันนี้ 5 ปีแล้ว Aussie Home Loan บอกเลยว่า "เธอพลาดมาก" RAMS Home Loan, interest rate อาจจะไม่ได้ compettitive มาก แต่เราสะดวกแบบนี้ เราสะดวกความเรียบง่ายที่ไม่ต้องเข้าไปที่ office เรื่อง interest rate ช่างมันเถอะ เดี๋ยวคุยกันได้ Home Loan ของเราทุกตัวเป็น variable rate ไม่มี fix rate เลย ดังนั้น วันดีคืนดี เราก็จะ email หา RAMS ว่า "เธอ adjust rate ให้ฉันหน่อย" ซึ่งเขาก็ทำให้ เพราะเราใช้บริการเขามานาน และกู้หลายตัว ก็ดีกว่าที่เราจะไปทำ refinance กับที่อื่นแล้วเขาเสียลูกค้าอย่างเราไปไม่ใช่เหรอ แต่... anyway... Home Loan แต่ละตัว เราโปะได้ค่อนข้างไว ตราบใดที่ธุรกิจของเรายังดี เราก็โปะได้ง่าย ทุกสิ่งอย่างมาจากการทำงานหนักครับ นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หน้า computer เงินทองไม่ได้หล่นมาจากฝากฟ้า เราไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากใคร เราหาของเราเองทุกบาททุกสตางค์ บ้านที่เป็น family home เราก็โปะได้ภายใน 1 เดือน 6 วัน (31 Dec 2021 พอดีเป๊ะ ตั้งใจเลือกวันนี้จะได้จำง่าย) แต่หลังต่อ ๆ มาก็ไม่โปะแล้วครับ ไม่อยากเหนื่อยตัวเอง มีเงินเราก็เอามาซื้อ investment properties เพิ่มดีกว่า ตอนนี้ที่ Australia ก็ได้หลายหลังแล้ว ก็ตัวเลข 2 หลักอยู่นะ ชีวิตที่เหลือก็คงเลิกเป็น "บ้าหอบฟาง" ได้แล้ว ขอเราได้ enjoy ชีวิตบ้างเถอะ ขอเราได้ใช้ชีวิตที่เหลือรับใช้ศาสนาบ้างเถอะ ต่อไปถ้าเห็นเราปิดวาจาหรือเข้าป่าไปนาน ๆ ไม่ต้องตกใจนะครับ แค่ต้องการอยู่กับธรรมชาติและเจริญรอยตามคำสอนของพระพุทธองค์ ก็เท่านั้นเอง วัตถุสิ่งของ ตอนนี้ค่อนข้างลงตัวหมดแล้ว Anyway... กลับมาที่ RAMS การกตัญญูรู้คุณไม่เคยทำร้ายใคร ใครดีให้ดีตอบ ใครชอบให้ตอบแทน ในวันที่คนที่ RAMS ต้องการความช่วยเหลือเรื่องวีซ่า เพราะเขาทำกันเองแล้ววีซ่าไม่ผ่าน เป็นไงหละ ฝรั่งก็ใช่ว่าจะรู้เรื่องกฎหมายอิมมิเกรชั่น ก็เขาอยู่ที่นี่กัน เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องนี้ไง เขาขอความช่วยเหลือมา เราก็ยื่นมือให้ความช่วยเหลือทันที เราทำให้ฟรี ทั้ง ๆ ที่ตัวเราเองและทีมงานทุกคนก็โครตจะยุ่งแสนยุ่ง นั่งทำ case ให้กันจนถึง 10pm เหนื่อยมากขอบอก ปกติ 9pm/10pm ก็หลับแล้ว เพราะต้องตื่นแต่เช้า 4:45am anyway... ทุกอย่างออกมาดี เมื่อวานวีซ่าผ่าน คนที่ RAMS ก็ดีใจใหญ่เลย จากที่เคยโดนปฏิเสธมา และที่สำคัญเราก็ทำให้ฟรี ๆ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า "น้ำใจ" ไม่เคยทำร้ายใคร ใครดีให้ดีตอบ ใครชอบให้ตอบแทน ใครร้ายไม่ต้องร้ายแสน เดี๋ยวผลของกรรมมันจะจัดการอะไรของมันเอง เราไม่ต้องเปื้อนมือ บันทึกไว้ในความทรงจำ 15/12/2022 เขียนไว้ให้ตัวเองอ่าน การจัด concert เจ้าชายกับโฉมงามทั้งสอง เป็นปรากฎการณ์ใหม่ของการจัด concert ของศิลปินไทยในออสเตรเลีย โดยเฉพาะที่ Sydney, การที่จะจัดงานระดับใหญ่ที่ The Star City นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สถานที่ต้องจองกันข้ามปี
The Star City สถานที่โอ่โถง กว้างขวาง เหมาะสำหรับการจัดการใหญ่แบบนี้ ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด เราก็คิดว่านี่น่าจะเป็นครั้งแรกของศิลปินไทยที่ได้แสดงที่ The Star City บอกเลยว่าไม่ง่าย และค่าสถานที่ก็ไม่ได้ถูก ๆ ไก่กาอาราเล่ย์ งาน concert ของพี่ก้อง + คุณเบน + คุณซานิ ไม่ง่าย ศิลปินไม่ได้เดินทางกันแค่ 3 คนนะครับ เพราะศิลปินแต่ละคนก็มีทีมของใครมัน พี่ก้องก็มีทีมงานของพี่ก้อง ที่ต้องเดินทางมาด้วยกันจากเมืองไทย คุณเบนก็มีทีมงานของคุณเบนจากเมืองไทย เดินทางมาด้วยกัน คุณซานิเองก็เช่นเดียวกัน (คิดว่ามีคุณแม่นะครับ) งาน concert ครั้งนี้พี่ก้องก็มีทีมวงดนตรีของพี่ก้องมาเอง วงเบนจา การเดินทางครั้งนี้ ก็มีทั้งหมด 19 ชีวิตจากเมืองไทย 19 ชีวิตที่ต้องขอวีซ่า 19 ชีวิตที่ต้องดูแล ไม่ใช่การเดินทางแค่ 3 คนศิลปิน ดังนั้นการจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างก็ต้องลง detail ในเชิงลึก เราเห็นความตั้งใจของผู้จัดนะครับ เราขอเป็นกำลังใจให้ มันคือประวัติศาสตร์ของการจัดงานของศิลปินไทยที่จะได้แสดงที่ The Star City มันคือการยกระดับมาตรฐานการจัดงาน จัด event อะไรแบบนี้ ผู้จัดที่มีความตั้งใจแบบนี้ เราต้องสนับสนุนครับ ใครต้องการบัตร สามารถติดต่อผู้จัดได้ที่ Diamon Organizer Ph: 0413748653 LINE: @spexpress เมื่อคนเรามีไมโครโฟนอยู่ในมือ สิ่งที่เราพูดออกไมโครโฟนยิ่งต้องระวังมาก
การเป็นโฆษกหรือ MC จะต้องมีความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แล้วยิ่งเป็นศาสนสถานด้วยแล้ว ความเห็นอกเห็นใจกันยิ่งคูณ 10, คูณ 100 ที่วัด คนมาทำบุญ ทุกอย่างควรง่าย ๆ พิธีการไม่ต้องเยอะ ชีวิตต้องง่าย ถ้าไม่ง่าย แสดงว่าไม่ใช่ เข้าใจว่าคนมางานเยอะ ต้องจัดระเบียบ แต่การเลือกใช้คำพูดนั้นสำคัญมาก ถ้าเลือกคำพูดไม่เป็น ป้าก็ไม่ควรเป็น MC หรือไม่ควรทำ public speaking นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณป้าเป็นแบบนี้เวลาป้าพูดออกไมโครโฟน มันเกิดขึ้นหลายครั้ง หลายหน เราไม่เคยโดนอะไรหรอกนะ เพราะเราไปวัดนี้ประจำ คนรู้จักเราเยอะ เราในฐานะของคนฟัง มันก็ไม่ OK แล้ว แล้วยิ่งคนที่มาวัดนี้ครั้งแรก แล้วโดนคุณป้าเจ้ากี้เจ้าการ แล้วพูดออกไมโครโฟนในเชิง belittled someone เราคิดว่ามันเป็นอะไรที่ rude และ unacceptable ถ้าคุณป้าพูดออกไมโครโฟนแล้วคนไม่ทำตาม แสดงคุณป้าอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการพูด หรือเลือกคำพูดใหม่ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ ทุกอย่างมันต้องออกมาจากข้างใน inner “มือถือสาก ปากถือศีล” ก่อนที่จะเป็นโฆษกวัด เป็น “คนที่มีความเห็นอกเห็นใจต่อคนอื่น” ให้ได้ก่อน จากคำพูดที่ออกมาจากปากป้า ผ่านไม่โครโฟน คำพูดแต่ละคำ…บูดมาก… ขอบอก เราไม่ได้โดนอะไรหรอก แต่รู้สึกรำคาญหูหนะ มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว วันนี้เราเลือกที่จะไม่เงียบ ส่วนตัวเราก็จะยังไปทำบุญวัดนี้เหมือนเดิม เพราะป้าจริง ๆ ก็อยู่ที่ Sydney นาน ๆ ป้าจะมาเป็น MC ให้วัดเวลามีงานใหญ่ สำหรับเรา ป้าก็เป็นแค่อากาศ ธาตุ ลม แค่สิ่งที่ออกมาจากปากป้า มันทำลายบรรยากาศงานบุญมาก …วันนี้เลือกที่จะไม่เงียบ… …คิดดีแล้วก่อนที่จะโพสต์… …โพสต์นี้ไม่มีคำหยาบ… post นี้สำหรับใครที่เพิ่งเป็น new citizen เผื่อใครอยากจะรู้
หรือสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย อาจจะไม่ได้มีความรู้เรื่องการเมืองหรือระบบการปกครองที่นี่มากนัก ประเทศออสเตรเลียมี 2 พรรคการเมืองใหญ่ - Labour สีแดง - Liberal สำน้ำเงิน Labour: ไม่ชอบ the Queen, ต้องการเป็น Republic Liberal: อนุรักษ์นิยม ชอบ the Queen และราชวงศ์ เผื่อใครจะได้ใช้ข้อมูลนี้ในการเลือกตั้งนะครับ Just stating the fact, ไม่ต้องโยง ปกติจะไม่ post อะไรที่นี่วันศุกร์
และจะไม่ post อะไร 9am - 5pm เพราะเป็นเวลางาน แค่อยากจะบอกว่าวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันของการทำงานที่มีความสุขมาก เพราะ long-term goal ของเราเรื่องการลงทุนในอสังหาค่อนข้างลงตัว เรา set target ที่แน่นอนและเป็น concrete plan ว่าเราต้องการกี่หลังที่เมืองไทย ภายใน 2030 เรามี set target ที่แน่นอนและเป็น concrete plan ว่าเราต้องการกี่หลังที่ออสเตรเลียภายใน 2025 ที่เมืองไทยเรา set เอาไว้ที่ 2030 เพราะเราซื้อสดทุกหลัง ที่ออสเตรเลีย เรา setเอาไว้ที่ 2025 ตอนนี้ที่ออสเตรเลียเราได้ถึง set goal ของเราแล้ว ไวกว่าที่ตั้งไว้ 3 ปี ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะหยุด เราก็จะซื้อสะสมไปเรื่อย ๆ ซื้อในรูปแบบ trust ทำเพื่อครอบครัว เพราะใน trust ก็จะมีพวกเรา 4 คน พ่อ แม่ ลูก (x2) อยู่ในนั้น เราไม่ได้ซื้อเป็นชื่อเรา ดังนั้นไม่ต้องมีพินัยกรรมวุ่นวาย ใครอยากรู้เรื่อง trst โทรมาปรึกษาได้ครับ ตอนนี้ช่ำชองมาก ยิ่งกว่า CPA.... :) มันมีความรู้สึกว่า "เออ.. เราทำได้แล้วนะ" #passiveincome จากสมองและสองมือที่มี เราสร้างมันขึ้นมาเองทุกอย่าง ที่เมืองไทย มรดกทุกสิ่งอย่าง เราไม่เอา เราเอาให้น้องสาวหมดเลย ไม่ต้องทะเลาะกัน ไม่ต้องแย่งกัน เพราะตอนที่เรามาเรียนที่นี่ น้องสาวเราก็ทำงานหนักมาก ช่วยงานที่ร้าน ดังนั้นน้องสาวเราก็ควรจะได้ ก็คิดกันแค่นี้เอง เราก็มีกันแค่ 2 คน เพราะคุณอาพูดมาคำเดียวว่า เราเรียนเก่ง (จริง ๆ ไม่ได้เรียนเก่งแต่เป็นคนขยันและตั้งใจเรียน) เราต้องเอาตัวรอดได้ เรื่องการเรียนคุณอาไม่เคยมี budget ให้ เพราะ buget ที่คุณอาให้มามันคือ "unlimited" ซึ่งก็คือ unlimited จริง ๆ เพราะที่บ้านขายของ อยากได้ก็เปิดลิ้นชักหยิบเอา เพราะมันก็คือเงินจากการทำงานของพวกเรานั่นแหละ คุณอาสอนมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ป.5 ก็ต้องช่วยที่ร้านขายของแล้วครับ เปิดร้านก่อนไปโรงเรียน เลิกเรียนมาก็มาช่วยคุณอาขายของ คุณอาสอนเรากับน้องสาวได้ดีมาก พ่อกับแม่ถึงวางใจปล่อยให้คุณอากับคุณย่าเป็นคนเลี้ยงดู เมื่อวาน home loan ของ RAMS ผ่าน ผ่านภายใน 6 วันทำการ ส่วนตัวเราก็ถือว่าเราได้ทำสำเร็จแล้ว ชีวิตที่ออสเตรเลีย เพราะได้ครบตามจำนวนที่เราตั้งเอาไว้ เร็วกว่า 3 ปีด้วยซ้ำ คือมัน peak ตรงนี้ ที่เหลือต่อจากนี้ก็จะยังคงซื้อสะสมไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็เน้นที่ QLD ไปก่อน เพราะลูกลิงต้องไปเรียนที่โน่นอีก 4 ปีที่ QUT เราก็ต้องปูทางเอาไว้ให้ นี่แหละข้อดีของการเอาทุกอย่างเข้าระบบ RAMS application เรากรอกเองทุกสิ่งอย่าง งานก็ยุ่งอยู่แล้ว แล้วต้องมานั่งทำเองอีก แต่มันภูมิใจมากเลย เราไม่ได้ใช้ broker เพราะต้องการความ confidential และ privacy วันนี้ไม่ว่างานจะเยอะขนาดไหน จะยุ่งขนาดไหน เราพร้อมมาก มีกำลังใจมาก นั่งบวกลบ คูณหาร ทรัพย์สินศฤงคาร มันอาจจะยังไม่ถึง "100" แต่ก็ใกล้แล้ว 01 Jul 2023 อาจมีลุ้น ("100") แต่จะไม่กดดันตัวเอง เอ๊ะ เราจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่หรือเปล่านะ... LOL ไม่ต้องมาจับเราไปเรียกค่าไถ่หรอกครับ ประกันชีวิตเราเยอะกว่านี้อีก และเราก็ไม่มีเงินสดในบัญชี ในกระเป๋าตังค์บางทียังมีไม่ถึง $5 เลย (เคยเกิดขึ้นแล้วตอน drive through ที่ McDonald) วันนี้หัวใจมันพองโต เพราะทุกสิ่งอย่างที่เรามี เราสร้างมันเองขึ้นมาหมด จากสมองและสองมือที่มี อันนี้คือ self-made อย่างแท้ทรู ในวันที่เราให้ ให้อะไรก็ได้กับคนอื่น payig forward ในรูปแบบต่าง ๆ ทำไปเถอะ เมื่อเรา "ให้" โดยที่ไม่ได้หวังผลอะไรตอบแทน ตรงกันข้ามมาก สิ่งที่เราได้กลับคืนมามันเยอะมาก มันได้กลับคืนมาในรูปแบบของกัญยาณมิตร ได้คืนมาในรูปแบบของ "หมู่มวลมิตรที่ดี" ได้คืนมาในรูปแบบของ "ครอบครัว J" ที่ค่อนข้างหนาแน่นมาก และลูกค้าบอกต่อเยอะมากถึงมากที่สุด ส่วนคนที่โดนปัดตก ก็ต้องขอโทษด้วย ศีลเราคงไม่เสมอกันจริง ๆ ไม่ต้องดีสำหรับใคร แค่ดีต่อใจเราก็พอ ไม่รู้เขียนอะไรไปบ้าง ไม่ได้ poofread นึกอะไรได้ ก็เขียนมันออกมา ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่อยากจะบอกว่า หากชีวิตเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน มันทำได้ครับ หากเราทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ทุกอย่างจะหลั่งไหลมาเอง unlimited จงเป็นผู้ให้ ก่อนที่จะเป็นผู้รับ ที่เหลือ มันจะหลั่งไหลมาเองเหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหมดสิ้น วันนี้เราได้สัมผัสแล้ว ถ้าเราได้สัมผัส ก็แสดงว่ามันมีจริง มันเกิดขึ้นได้จริง หากเราทำได้ ทุก ๆ คนใน "ครอบครัว J" ก็ต้องทำได้ครับ หากเราทำได้ ทุกคนที่อ่าน blog นี้ ทุกคนที่ติดตาม page นี้ก็ต้องทำได้ครับ จากสมองและสองมือที่มี ซื่อสัตย์ สุจริต แล้วที่เหลือมันจะมาของมันเอง Note: ไม่ได้ proofread ปล่อยให้ตัวหนังสือมันหลั่งไหลและพรั่งพรือออกมาเอง อาจจะสะกดผิดบ้างถูกบ้าง เราขออภัย... เขียนเองทุกตัวอักษร #รัก 19/08/2022 มหาวิทยาลัยที่ประเทศออสเตรเลีย ไม่มีความเหลื่อมหล้ำกันจริงเหรอ??
ถามหลายคนก็ได้หลายคำตอบที่แตกต่างกันออกไปครับ แล้วแต่ประสบการณ์และมุมมองของแต่ละคน โดยเฉพาะกลุ่มโยกย้ายที่อวยออสเตรเลียกันไส้แตกไส้แตน อะ... ไม่ว่ากัน ชอบเสพข้อมูลแบบไหนก็เลือกเอาแบบนั้น โดยส่วนตัวและประสบการณ์ที่เรามีแล้ว เราบอกได้เลยว่ามหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลียมีความเหลื่อมหล้ำกันครับ ไม่ต้องอื่นไกลเลย มา fact check กันดีกว่า Course เดียวกัน ต่างมหาลัย แต่ทำไมค่าเทอมแตกต่างกัน มันสื่อถึงอะไร คนที่เค๊าไม่พูด (เพราะเป็นมารยาททางสังคม) ไม่ได้ว่าเค๊าไม่ได้คิด อยู่ในโลกของความเป็นจริงครับ ประเทศออสเตรเลียน่าอยู่ครับ ไม่งั้นเราก็คงไม่อยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่ได้อวยไส้แตกเหมือนข้อมูลตาม facebook group ต่าง ๆ กลุ่มโยกย้ายเอย กลุ่มทีมอะไรต่าง ๆ นานา Course: Juris Doctor RMIT: $111,744 Fliders Uni: $98,280 (ปีที่แล้ว $92,478) Macquirie Uni: $43,890 เอ๊ะ ทำไมค่าเทอมมันแตกต่างกันหละ บางคนก็อาจจะบอกว่า "แพงไม่ได้แปลว่าดี" hmmm... เอาที่สบายใจจ๊ะ ยังไงก็ได้ ไม่ว่ากัน ส่วน Bachelor degree ที่นี่ เด็กที่นี่ต้องมีคะแนน ATAR; Australian Tertiary Admission Rank ในการเข้ามหาวิทยาลัยครับ บางคณะ บางมหาวิทยาลัย ATAR อยู่ที่ 98 ก็มี เพราะการแข่งขันสูงมาก ลองไปถามคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกเค๊าเรียนที่ selective schools ดูนะครับ Selective school คือโรงเรียนที่ต้องสอบเข้า High school ทั่ว ๆ ไป ไม่ต้องสอบเข้า สมัครเข้าเรียนได้เลยตาม postcode หรือที่อยู่ของบ้านตัวเอง ส่วน private school ก็ค่อนข้าง snob (ไม่ทุกคน) ถ้าคุยเรื่อง high school ที่นี่ ครึ่งวันก็ไม่จบครับ anyway... กลับมาที่มหาวิทยาลัย เด็กที่นี่ ถ้าจะเข้าเรียน bachelor degree ที่นี่ ก็ต้องมี ATAR ทุกมหาวิทยาลัย ทุกคณะมีคะแนน ATAR ที่แตกต่างกัน อ๊ะ... มันบ่งบอกถึงอะไร คนเค๊าไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเค๊าไม่คิด ขนาดมหาลัยเดียวกัน Faculty A: คะแนน ATAR เท่านี้ Faculty B: คะแนน ATAR เท่านั้น เอาจริง ๆ นะ แบบไม่มโน you กล้าให้วิศวะ คะแนน ATAR 70 สร้างบ้านให้ you หรือเปล่า เปรียบเทียบให้มองเห็นภาพนะครับ เพราะสร้างบ้านจริง ๆ ก็ใช้ builder ก็พอ ไม่น่าต้องถึงมือวิศวะ มหาวิทยาลัยเดียวกัน ทำไมคะแนน ATAR ไม่เท่ากัน เราไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเราไม่คิด จบมหาลัยไหน ไม่มีผลต่อการสมัครงาน OK... อันนี้เห็นด้วย 110% เพราะมันมีกฎหมาย EEO; Equal Employment Opportunity อยู่ แต่... แต่.... เพื่อนร่วมงานคิดนะ เพราะเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เราไม่พูด เพราะมันเป็นมารยาททางสังคม ไม่ได้แปลว่าเราไม่คิด ถ้าเราคิด.... เอ๊ะ... คนอื่นจะคิดแบบเราหรือเปล่านะ เอาเป็นว่าปล่อยให้เป็นปริศนาก็แล้วน๊อ เราเคยรับราชการครับ full-time ด้วย รู้แต่ว่า behind the closed door ของแต่ละ department เขาก็อาจจะ "F off" คนที่อีก department หนึ่ง โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ ๆ เห็นและเจอมาหมดแล้วครับ แซ่บมาก.... แต่คนใน department เดียวกัน พวกเราค่อนข้างรักกันมาก เป็น family แต่กับ department อื่น... บนใบหน้าที่ยิ้มให้กัน say hello, say "how are you" ตามมารยาทของฝรั่งที่นี่... you have no idea what they're thinking inside บอกได้เลยครับ องค์กรใหญ่ ๆ แซ่บมาก politic กันทุกวัน องค์กรที่เราทำอยู่ เป็นหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการของกระทรวงเราไม่มีเกษียณครับ (กระทรวงนี้ที่ NSW เป็นแบบนี้ รัฐอื่นไม่รู้) ทำงานได้จนตาย ไม่ต้องเกษียณราชการตอนอายุ 60 เหมือนเมืองไทย ดังนั้นการแย่งตำแหน่งกันมันก็ต้องมีเป็นเรื่องปกติ จบจากมหาลัยไหนก็ไม่มีผลต่อการสมัครงาน แต่บริษัทหรือองค์กรสามารถเขียน selection criteria ตอนเปิดสมัครงานได้ว่าต้องการคนแบบไหน อะไรยังไง ถ้าองค์กรนั้นมีคนที่เค๊าต้องการอยู่แล้ว เขาก็เขียน selection criteria ให้ตรงกับคุณสมบัติของคน ๆ นั้นก็ได้ครับ ไม่ผิดกฎหมาย EEO คนบางคนได้งานในกระทรวง เพียงเพราะพ่อเค๊าอยู่อีก department หนึ่ง แต่ช่วงที่มาฝึกงาน hmmmm.... ถ้าเผื่อเป็นเรา เราปัดตกหนะจ๊ะ เราเป็นคน certified JP เอกสารให้เค๊าเอง!!! ได้งานไม่ได้ตรงกับสาขาที่เรียน โอย.... ที่ไหนก็มีครับ คำถามคือ... แล้วทำไมไม่เรียนในสาขาที่เค๊าต้องการหละ ช่วง COVID, ประเทศออสเตรเลียขาดแคลนแรงงานครับ ในสายงาน professional เองก็เหมือนกัน องค์กรใหญ่ ๆ ก็โดนไปด้วยเช่นเดียวกัน ขาดแคลนแรงงานกันทั้งนั้น งานค่อนข้างหาง่าย แต่หลังจากนี้....ไม่แน่... การมีคนออกมาให้กำลังจคนที่อยากโยกย้ายเป็นสิ่งที่ดีครับ การมีคนออกมาเล่าเรื่องราวชีวิตและเส้นทางการโยกย้ายของเขาเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่คนเสพข้อมูลเองก็ต้องเสพกันหลาย ๆ ที่แล้วเปรียบเทียบกันด้วย เพราะแต่ละคนมีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่อวยกันไส้แตกไส้แตน.... hmmm... that is way too much สระน้ำเล็ก ๆ ที่ว่ายน้ำอยู่มันช่างสวยงามยิ่งนัก ไม่มีฉลาม ไม่มีแมงกระพรุน แต่อย่าลืมว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราออกมาสู่มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ มันมีหมดเลยจ๊ะ ทั้งฉลามและแมงกระพรุน และที่บอกว่าที่ทำงานเจอแต่เพื่อนร่วมงานดี ๆ กับรอยยิ้มบนใบหน้าที่เค๊ามี ยิ้มแย้มจ่มใสทุกวันตามสไตล์คนออสซี่ เราไม่รู้เลยครับว่าข้างในลึก ๆ แต่ละคนคิดยังไง จากเรื่องมหาลัย เขียนเลยเถิดมาไกล ที่เขียนมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบอกว่า ขอให้ทุกคนเสพข้อมูลเกี่ยวกับประเทศออสเตรเลียอย่างมี "สติ" เสพหลาย ๆ ที่ หลาย ๆ แห่งเปรียบเทียบกันไป จะได้ไม่กลายเป็นแมงเม่า Note: เราเขียนในพื้นที่ของเรา ไม่ชอบให้เลื่อนผ่าน ไม่ต้องเสียเวลาซึ่งกันและกัน ไม่ว่างครับ Note2: เราโพสต์เรื่องมหาวิทยาลัยที่นี่ ไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่เมืองไทย ไม่ต้องเอา apple ไปเปรียบเทียบกับ orange นะครับ ขี้เกียจอ่าน Copyright: ไม่อนญาตให้ copy & paste, ไม่อนุญาตให้ screen capture เราอาจจะไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง
เราเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจน
"ไม่" ก็คือไม่ ถ้าบอกว่าจะไม่ร่วมงานกับร้านนี้อีก ก็คือไม่ร่วมงานจริง ๆ ครับ กับ case บาง case ลูกค้าเราน่ารักครับ แต่นายจ้างวางตัวเป็น "พระยา" อยู่บนหิ้ง จะให้เราตะหมอบตอบขา เราทำไม่เป็นครับ ไม่มีความจำเป็น และไม่คิดที่จะทำ ทุกคนเท่าเทียมกัน จะมาวางอำนาจบาทใหญ่ เพียงเพราะตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจ นั่น นี่ โน่น ไม่ได้ ทุกสิ่งอย่างล้วนแล้วเป็นแค่ภาพลวงตาครับ ลาภ ยศ สรรเสริญ มันก็แค่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป มันไม่มีอะไรยั่งยืน ทำอะไรให้มันง่าย ๆ เรื่องไม่ต้อง "เยอะ" เป็นมิตรกับทุกคนที่เข้ามาดีกว่าครับ โลกธุรกิจมันเปลี่ยนไปแล้วครับ ผู้ให้บริการมีสิทธิ์ที่จะเลือกลูกค้าได้ เราเลือกคุณ ไม่ใช่คุณเลือกเรา ทุกวันนี้เราไม่ค่อยได้ตอบ LINE ของ @JMigrationTeam แล้วนะครับ
ทุกวันนี้ streamline งานที่มี email แทบจะหมดแล้ว ทุกวันนี้น่าจะตอบ LINE อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้นช่วง weekend เพราะงานเยอะมาก เอาเวลามานั่งทำงาน นั่งทำ case ได้ตังค์เยอะกว่า $$$ ทุกวันนี้ streamline งานที่มี email แทบจะหมดแล้ว ส่วนใครที่ถนัดใช้ LINE เราก็ต้องขอโทษด้วย งานเลี้ยงก็คงต้องมีวันเลิกลา จะสังเกตว่าเราไม่ค่อยได้ post อะไรที่ LINE แล้ว นาน ๆ post ที เราทำงานตรงนี้มา 14 ปีแล้วครับ มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ทำธุรกิจ ต้องกินแต่พอดีคำ ไม่งั้นก็ดูแลไม่ทั่วถึง ปริมาณลูกค้าของ "J Migration Team" ทุกวันนี้เรา happy มากถึงมากที่สุดกับจำนวน case ที่มี ดังนั้นเราแทบไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปหาลูกค้าใหม่ตาม LINE หรือว่าอะไร แค่ facebook page และ Instagram ก็เยอะพอแล้ว ลูกค้าทักมา เราก็แจ้งบอกให้ติดต่อทาง email ตอนนี้บริหารงานผ่าน email ที่เดียว ง่ายมาก ส่วน brand รอง ๆ อย่าง "J. DOK JIG" ก็ยังใช้ LINE อยู่ เพราะอันนั้นเพิ่งเริ่มสร้าง brand คนยังไม่รู้จักเยอะ ยังไม่ busy มาก ข้อความไม่เยอะ เราคิดว่าลูกค้าคนไทยเองก็เหมือนกัน ก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการติดต่ออะไรที่เป็นทางการ เป็นการเป็นงานด้วย เราคิดว่า email เป็นอะไรที่ formal มากกว่า และก็สามารถ save เก็บข้อมูลเอาไว้ได้ด้วย LINE เอาไว้คุยกันสรรพเพเหระ Anyway... that is just my opinion. ดังนั้นหลาย ๆ คนที่บอกว่า "LINE ไปแล้วไม่ตอบ" ใช่ครับเราเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะเราเอาเวลามาตอบ email ดีกว่า พิมพ์ใน computer พิมพ์ได้ไวกว่า ได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า |
AuthorJohn Paopeng Archives
August 2023
Categories |