“กล้าที่จะปฏิเสธ”
มีหลายครั้งที่เราปฏิเสธงาน ๆ หลาย ๆ งานเพราะเราคิดว่ามันไม่ตรงกับสิ่งที่เราอยากทำ อย่างเช่น บางคนทำเรื่องกับบริษัทอื่นหรือที่อื่นอยู่แล้ว แล้วให้เรามาสานต่อ เราคิดว่ามันคงปวดหัวน่าดู ที่จะต้องมานั่งรื้อ case ของใครใหม่ เพราะที่อื่นเขาอาจจะทำมาเละเทะมาก ไม่งั้นเขาคงไม่ย้าย เราไม่ได้หมายความว่าเราทำงานดีหรือละเอียดกว่าที่อื่นหรอกนะ แต่เราคิดว่าเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราคิดว่าเราใส่ใจและมีจรรยาบรรณในงานที่ทำ เราต้องการอยู่ที่นี่ in the long term ไม่ใช่แค่อยู่ ๆ แล้วก็ไป หรือบางคนก็ทำเรื่องกันมาเอง แล้วให้เราไปช่วยตามเรื่องให้ อันนี้เราก็ไม่ “ค่อย” ทำเหมือนกัน เพราะเราต้องการ a total control เพราะ case ที่หลาย ๆ ทำกันมาเอง เรา control ไม่ได้ว่าเขาทำอะไรไปมั่ง ยื่นเอกสารอะไรบ้าง ดีหรือไม่ดี เอกสารครบหรือไม่ครบ เพราะคนที่เขาทำเรื่องกันมาเอง โดยส่วนมากแล้วจะอาศัยข้อมูลจาก Internet บ้างหรือตามพวก social media บ้าง พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีความชำนาญอะไร แต่เราก็เข้าใจ เพราะหลาย ๆ คนเลือกที่จะทำเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย พอเขามีปัญหา เขาค่อยเรียกร้องหาคนนั้นคนนี้ให้คนช่วย โดยส่วนมากแล้ว case ที่เข้ามาแบบนี้ เราทำแล้วจะไม่ค่อยคุ้มกับเวลาที่เราเสียไป ส่วนมากจะเป็นได้ไม่คุ้มเสีย ที่บอกว่าเสียนี่คือเสีย “เวลา” เพราะเวลาเราจำกัดมาก วันหนึงมันมีแค่ 24 ชั่วโมง เราก็ต้องเลือกงาน เลือกอะไรด้วย ไม่ใช่มีอะไรเข้ามาก็เอาหมด สู้เราปฏิเสธงานบางงาน แล้วเราก็ free ตัวเองมากขึ้น มีเวลามากขึ้นกับงานที่เราทำ แล้วทำออกให้ปัง ๆ เลยจะดีกว่า Quality over quantity. การที่เราเลือกที่จะปฏิเสธงานบางงาน ไม่ได้แปลว่าเราหยิ่งหรือคิดว่าตัวเอง “เลือกได้” ไม่ว่าจะเป็นชีวิตการทำงานหรือการใช้ชีวิตทั่ว ๆ ไป ชีวิตเรา เราต้อง “เลือกได้” สิ make decision… เลือกเอาเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตเรา ทุกสิ่งอย่างในชีวิตมันมีเหตุและก็ผลของมัน ก็เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้ |
AuthorJohn Paopeng Archives
August 2023
Categories |