ลูกลิงตัวโต ปีนี้อยู่ year 10 แล้ว โตแล้ว daddy ก็ไม่ค่อยเข้มงวดมากเหมือนตอนอยู่ year 9
เพราะ daddy รู้ว่าเพื่อนเขาแต่ละคนเป็นยังไง ลูกลิงอยู่ห้อง top maths, top science เราก็เลยไม่ worry เพราะเพื่อน ๆ อยู่ห้อง top class จะเป็นเด็กตั้งใจเรียนกันเป็นส่วนมากอยู่แล้ว daddy ก็เลยไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ ปีนี้ก็เลยปล่อย ๆ อยากจะไปงานวันเกิดเพื่อน ปีนี้ daddy ให้ไป เพราะโตแล้ว ปีที่แล้วยัง year 9 อยู่เลย ยังเด็กเกิน เราไม่อยากให้ลูกกลับบ้านดึก หรือนอนดึก ปีนี้ year 10 เขาก็จะมีกิจกรรมอะไรของเขา ไปบ้านเพื่อนบ้าง ไปเล่น board game, card game บ้าง ซึ่งเราก็ให้ไป ขับรถรับส่งอีกต่างหาก เพราะเรารู้ว่าเพื่อนเขาแต่ละคนเป็นยังไง เพื่อน ๆ เขาส่วนมากก็เด็กเรียนอยู่แล้ว เป็นเด็กดีกันซะเป็นส่วนใหญ่ เราก็เลยไม่มีอะไรที่ต้องห่วงซะเท่าไหร่ ลูกลิงตัวโตจะเก่งเรื่อง academic daddy เองก็ไม่เคยบังคับว่าต้องเก่งทุกวิชา daddy บอกว่า แค่ลูกตั้งใจเรียน 3 วิชาก็พอ คณิต วิทย์ และภาษาอังกฤษ ส่วนวิชาอื่น จะตกบ้าง ผ่านบ้าง ก็ไม่เป็นไร เราเป็นคุณพ่อยุคใหม่จ๊ะ ไม่ต้องได้ A ทุกวิชาก็ได้ เอาแค่ 3 วิชาสำคัญก็พอ วิชาอื่น ๆ พวกไร้สาระไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้ เราไม่ได้สนใจเรื่องเกรดเฉลี่ย เราต้องการแค่ 3 วิชาก็พอแล้ว วิชาหลัก แต่ he ก็อุตส่าห์ได้คะแนนเต็มและที่ได้ 1 ของวิชา visual arts, ตอน year 7, year 8 นะ daddy รู้สึกเฉย ๆ ไม่ตื่นเต้น เพราะวิชาเหล่านี้ daddy ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรเลย สมัย daddy เป็นนักเรียน daddy ก็วาดรูปไม่เป็น เอาแค่ไม่ตกก็พอแล้ว!!!! ลูกลิงตัวโตเคยเรียนพิเศษแค่ช่วงประถม year 5-6 เทอม 2 หลังจากนั้นก็ไม่เคยเรียนพิเศษอะไรอีกเลย อาศัยเอาแค่ทบทวนบทเรียนที่บ้านหลังเลิกเรียนก็พอ แค่ไม่ติดเกม ลูกลิงก็มีเวลาเยอะแยะกับการเรียน หาก daddy ย้อนเวลากลับไปได้ daddy ไม่ให้ลูกเรียนพิเศษเลย เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ลูกเครียดมาก เพราะงานจากโรงเรียนก็เยอะ แล้วไหนจะแบบฝึกหัดจากโรงเรียนสอนพิเศษอีก จริง ๆ แล้วลูกเราไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษก็ได้ แต่ตอนนั้นเราก็อยากให้ลูกเราเข้า Smith Hill High School ซึ่งเป็น selective school selective school คือโรงเรียนที่รับเฉพาะเด็ก gifted เท่านั้น selective school จะต้องสอบเข้าไปเรียน ไม่ได้สมัครเรียนตามโรงเรียนที่ใกล้บ้านเหมือนโรงเรียนทั่ว ๆ ไป ลูกลิงตัวโตสอบเข้า Smith Hill ไม่ได้ คะแนนขาดไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร ทุกวันนี้เขาก็เข้าโรงเรียนตามเขตที่อยู่ของเรา ลูกลิงเรียนดีมาก และมีความสุข เพราะเขามีเวลาเหลือจากการเรียนไปทำในสิ่งที่เขาชอบ ทำ photoshop บ้างหละ เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จาก YouTube บ้างหละ ลูก ๆ เราไม่มีใครเรียนพิเศษเลย ลูกลิงตัวโต พอสอบเข้า Smith Hill ไม่ได้ตอน year 6, เราก็ไม่ให้เขาเรียนพิเศษเลย ลูกมีความสุขขึ้นเยอะ เพราะพวกโรงเรียนกวดวิชาเนี๊ยะ แบบฝึกหัดเขาเยอะจริง ๆ เรียนไปก็เครียด ลูกลิงตัวโต ตอนนี้อยู่ year 10 ห้อง top maths, top science เทอมแรกสอบคณิตศาสตร์ไป รู้สึกว่าทำผิดไปแค่ 1 ข้อ พอเทอม 2 (เทอมที่แล้ว), สอบครั้งแรก ลูกลิงได้ 100% เต็ม แต่ในห้อง มีได้ 100% กัน 5 คน Daddy ก็เลย joke ว่าข้อสอบมันง่ายเกินไปหรือเปล่า ไหนเอาข้อสอบมาให้ daddy ดูสิ เทอม 2 สอบครั้งที่ ลูกลิงก็ได้ 100% เต็มอีก กับเพื่อนอีก 1 คน นั่นคือเทอมที่แล้ว เราก็บอกลูกลิงไปว่า เราได้ 100% เต็มที่ดีแล้ว ไม่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราต้องเลิกอ่านหนังสือหรือทบทวนบทเรียนหลังเลิกเรียนนะ เราก็ยังต้องทบทวนบทเรียนทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เหมือนเช่นทุก ๆ วันที่ผ่านมา ซึ่งลูกลิงก็เข้าใจ เทอมนี้ เทอม 3 อาทิตย์ก็เป็นอาทิตย์สุดท้ายของเทอม 3 แล้ว ผลสอบคณิตศาสตร์เพิ่งออก ลูกลิงได้ 100% อีกเช่นเดียวกัน คราวนี้ลูกลิงได้ 100% คนเดียวในห้อง คนเดียงในโรงเรียน ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ ลูกลิงก็พลาดไปแค่ 1 ข้อ ก็ไม่เป็นไร แค่นี้เรากับครอบครัวก็ happy แล้ว happy กับผลการเรียนของพวกเขา ทั้งตัวเล็กและตัวโต ทั้ง 2 ไม่เคยสร้างปัญหาหนักใจ ดังนั้น: 1. การเรียนพิเศษไม่สำคัญเลย ถ้าพ่อกับแม่มีเวลาเอาใจใส่ และลูกทบทวนบทเรียนทุกวัน ไม่ใช่ใกล้สอบแล้วค่อยอ่านหนังสือ 2. ที่บ้านเราไม่มีเครื่องเล่มเกม ดังนั้นลูกจะไม่ติดเกม อย่างมากก็เล่นจากมือถือและคอมพิวเตอร์ ซึ่งทุกครั้งที่ลูกจะเล่น ลูกจะขออนุญาตก่อน และเราก็ให้เล่นแค่ จันทร์ พุธ ศุกร์ ครั้งละ 30 นาทีเท่านั้นเอง วันเสาร์ก็ให้เล่น 3 รอบ หลังจากอ่านหนังสือหรือทำการบ้านแล้วเท่านั้น 3. บรรยากาศสิ่งแวดล้อมในการเรียนนั้นสำคัญ ลูกลิงอยู่ top class ดังนั้นเขาจะได้เพื่อนที่ดี ๆ ทั้งนั้น เราเลยหมดห่วงเรื่องการคบเพื่อนของเรา คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ เราไม่สามาถบังคับลูกได้ว่าจะต้องทำอะไรต่อมิอะไรบ้าง เราต่างหากหละที่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ถ้าอยากให้ลูกอ่านหนังสือ ตัวเราเองก็ต้องอ่านด้วย ก็โชคดีไป เพราะตัวเราเองก็ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว ดังนั้นบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่บ้านก็สำคัญ เราเองเลิกดูทีวี เลิกดูข่าวมาได้เกือบ 8-9 ปีแล้ว no time to waste ดังนั้นบ้านเราจะไม่มีใครติดทีวี แต่จะติดคอมพิวเตอร์มากกว่า ตามประสาเด็ก IT และที่บ้านเราทุกคนก็จะมี laptop ส่วนตัวของใครมัน เราซื้อ laptop ให้ลูก ๆ ตั้งแต่เรียน primary school แล้ว เพราะเด็ก ๆ ที่นี่ต้องทำ project ต้องทำอะไรต่อมิอะไรผ่านคอมพิวเตอร์ การเรียนไม่ใช่ทุกสิ่งของชีวิต แต่ถ้าลูกเรียนดี เราก็สบายใจไปแล้วครึ่งทาง ไม่ง่าย กับการเป็นพ่อคน แม่คน ไม่ง่าย กับการที่ต้องดูแลชีวิตอีกชีวิตหนึ่ง Comments are closed.
|
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
December 2024
|