ครอบครัวเราไม่มี weekly allowance ให้ลูก ๆ ไปโรงเรียนช่วงเรียน primary school และ high school
ใช่ครับ อ่านไม่ผิดกัน ลูกเราทั้ง 2 คนไปโรงเรียน ไม่ได้ถือเงินอะไรไปโรงเรียน เพราะที่โรงเรียนก็ไม่มีอะไรที่ต้องซื้อ เพราะครอบครัว ลูก ๆ pack อาหารกลางวันไปทานที่โรงเรียนทุกวัน ไม่ได้ซื้ออะไรที่ canteen ก็อาจจะมีบ้างตอนเรียน primary school ที่ลูกต้องการซื้อนั่น นี่ โน่น ที่ canteen แต่อาหารที่ canteen ของ primary school ต้องมีการสั่งล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วัน ดังนั้นเด็ก ๆ ที่เอาเงินใส่ซองแล้วไป order ที่ canteen 1 วันล่วงหน้า อะไรประมาณนี้ ที่ primary school, ลูกลิงก็จะนาน ๆ ทีสั่งอาหารที่ canteen แต่ high school บอกได้เลยว่า ลูกลิงทั้ง 2 ไม่เคยซื้ออะไรที่ canteen เพราะ high school เป็นโรงเรียนใหญ่ใน Wollongong ทั้ง 2 โรงเรียน ทั้งของลูกชายและลูกสาว ดังนั้นการจะไปเข้าคิวซื้ออาหารที่ canteen บอกได้เลยว่าเสียเวลามาก ลูกลิงก็เลย pack lunch ไปกินเองทุกวัน ประหยัดตังค์ไปอีก ดังนั้น เขาทั้ง 2 จึงไม่มี pocket money ไม่มี weekly allowance ลูกลิงตัวโต ถ้าต้องการเงินฉุกเฉิน ให้ไปหาอาจารย์ที่โรงเรียน อยู่หมวดภาษาญี่ปุ่น นั่นคือเพื่อนสนิทเราเอง เรียนอักษรญี่ปุ่นด้วยกันมาก่อนที่ UOW และค่อนข้างสนิทกับเรา ดังนั้นเราก็ไม่เคยต้อง worry เรื่องลูกลิงตัวโต ส่วนลูกลิงตัวเล็ก ลูกสาว เราก็ขับรถรับส่งทุกวัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้ออะไร ดังนั้น ลูกทั้ง 2 จึงไม่มี packet money ไม่มี weekly allowance ช่วงที่เรียนอยู่ที่ primary shool และ high school ซึ่งน่าจะต่างจากที่เมืองไทย เพราะที่เมืองไทย เราก็หลาน ๆ เราเอาตังค์ไปโรงเรียนไปซื้ออาหารกินที่โรงเรียน พอลูกลิงตัวโตเข้าเรียนมหา'ลัย; UNSW เราถึงเริ่มให้ weekly allowance: $100/week ใช่ครับ อ่านไม่ผิดกัน $100/week เพราะปีแรก (ปีที่แล้ว) เทอมแรก ลูกลิงก็ยังอยู่ที่บ้านที่ Wollongong แล้วนั่งรถไฟไปเรียนที่ UNSW 3 วันต่ออาทิตย์ พอกลาง ๆ ปีของปีที่แล้ว เขาค่อยย้ายไปอยู่หอพักนักศึกษา ซึ่งเราก็จ่ายค่าเช่าให้ หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า "ลูก P' J, ลูกคุณ J ต้องได้เงิน packet เท่านั้น เท่านี้ เยอะแยะมากมาย" เปล่าเลยครับ ลูกลิงได้เท่านี้จริง ๆ แรก ๆ เราก็ถามลูกแทบทุก week เลยว่าพอใช้มั้ย จะให้ daddy เพิ่มเป็น $120/week หรือ $150/week หรือเปล่า เขาก็บอกว่า ตอนนี้ยังพอ ดูไปก่อน ถ้าไม่พอจะบอก พอไปอยู่หอ ก็ไม่มีค่าเดินทางละ ก็มีแค่ค่าซื้ออาหารกิน ซึ่งเขาก็บอกว่า เขาก็ใช้ประมาณ $80/week ซึ่งก็ยังเหลือ - ปีที่แล้ว เขาซื้อกินทุกวัน เพราะอยู่หอพักนักศึกษา 6 คนใช้ 1 kitchen เขาบอกห้องครัวสกปรก (เราเห็นก็เฉย ๆ นะ.... oops!!!) - ปีนี้ เขาออกมาเช่าบ้านอยู่เอง เขาก็จะซื้อของและทำอาหารกินเอง ง่าย ๆ; fried rice เอย pasta เอย นอกจากลูกลิงได้ weekly allowance จากเรา $100/week แล้ว เขาก็ทำงานไปด้วย ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เป็น tutor สอนคณิตศาสตร์ ก็ได้ $25/week (before tax) สอน 7 hr ก็ OK อยู่ มี pocket money ของเขาเอง ($175/week before tax, after tax ก็ไม่รู้เขาได้เท่าไหร่) นี่ก็ 2 ปีแล้วที่ลูกลิงได้ $100/week allowance so far, so good นะครับ เขาไม่เคยขอเพิ่ม เขาก็จัดการ budget อะไรของเขาเอง ตลอดระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ของการเรียนมหา'ลัยของเขา เขาก็ไม่สร้างปัญหาอะไรให้กับเราเลย ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่อยากจะบอกว่า บางทีมันก็ไม่สำคัญนะครับว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ เราไม่จำเป็นต้องปรนเปรอลูกเราโดยที่ไม่จำเป็น ไม่งั้นเขาก็จะไม่เห็นคุณค่าของเงิน บันทึกเอาไว้ในความทรงจำ เราจะได้เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกลิงฟังเมื่อเขาโตขึ้น หรือเมื่อเราแก่ตัวลงไป 24/09/203 ลูกลิงตัวโตติด Dean List 2022 ของคณะ Engineering UNSW
ถามว่าดีใจมั้ย ภูมิใจมั้ย ดีใจครับ ภูมิใจครับ แน่นอน เพราะจะติด Dean List ได้ ผลการเรียนก็ต้องดี HD; High Distinction หรือ D; Distinction แต่ Dean List ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่าง การที่ลูกเรียนดี ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่าง หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า "เอ๊า ทำไมคิดแบบนั้น" โดยเฉพาะคนเอเชียในออสเตรเลียที่เน้นการศึกษาของลูกอย่างบ้าคลั่ง hmmm... เอาเป็นว่า แต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน เนื่องด้วยทั้งเราและภรรยาก็เด็กสายวิทย์ด้วยกันมาทั้งคู่ ทั้งเราและภรรยาก็เป็นเด็ก IT ด้วยกันมาทั้งคู่ เราจบ UOW, ภรรยาเราจบ QUT เราทั้งสองผ่านการเรียนหนักมาแล้ว เรารู้ดีว่ามันเป็นยังไง ดังนั้น เราไม่อยากให้ลูกเครียดกับการเรียนมาก เอาชิล ๆ ค่อย ๆ เรียน ค่อย ๆ จบดีกว่า ไม่ต้องรีบ ถ้าคุยกับหลาย ๆ คน เขาก็ไม่เข้าใจกันหรอก ว่าทำไมไม่ต้องรีบ hmmmm... เอาเป็นว่า ถ้าครอบครัวคุณเคยสูญเสียคนที่คุณรัก ถ้าเขาจากไปก่อนวัยอันควร คุณก็อาจจะเข้าใจ หรืออาจจะไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไร แต่ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ โดยส่วนตัวแล้ว ครอบครัวเน้นความสุขแบบ "at this moment" มากกว่า ณ เวลานี้ ขอให้ลูก ๆ และครอบครัวทุกคนมีความสุขก็พอ เรื่องเรียน ยังไงก็ได้ เพราะเรารู้ว่าลูกเรา OK อยู่แล้วเรื่องเรียน แค่ไม่อยากให้เรียน และก็เรียนอย่างเดียว เราอยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตในช่วงมหาลัยด้วย เรื่องการงาน ยังไงก็ได้ ไม่ได้หวังอะไรมาก เราปูพื้นฐานและสร้าง passive income เอาไว้ให้ครอบครัวเราหมดแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้มันยังไม่ได้มากอะไรนัก แต่เราก็ค่อย ๆ สร้าง passive income ค่อย ๆ สะสมห่านที่ออกลูกเป็นทองคำของเรา ดังนั้น มันไม่จำเป็นที่จะต้องเครียดอะไรกัน เราก็ควรจะ enjoy the moment กันไม่ดีกว่าเหรอ แต่ไม่ได้หมายความว่าลูกต้องนั่งผลาญเงินไปวัน ๆ นะ ก็ไม่ใช่ แค่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเครียดเรื่องเรียน เรื่องการทำงาน ก็แค่นั้นเอง เพราะเราก็เตรียม backup plan เอาไว้ให้หมดแล้ว บ้านและอสังหาทุกหลังที่ประเทศออสเตรเลีย ก็เป็นชื่อบริษัท เป็น Family Trust หมด เราก็หมดห่วง เพราะชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนเลย เรียน ๆ อยู่ ทำงานอยู่ อยู่มาวันหนึ่งเขาอาจจะจากเราไปแล้วก็ได้ (touch wood) อะไรต่อมิอะไรที่คิดเอาไว้ ที่วาดฝันเอาไว้ มันพังครืนต่อหน้าต่อตา มันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ทุกวันนี้ เรากับครอบครัวก็เน้นความสุข "ณ ปัจจุบัน" ดีกว่า วกกลับมาที่เรื่อง Dean List เราดีใจและภูมิใจกับลูกครับ แต่ก็อย่างที่บอก "Dean List" ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่าง เราอยากให้เขา enjoy the moment ในรั้วมหาลัย มีความสุขกับการเรียน และเพื่อน ๆ ของเขา เสาร์-อาทิตย์ เวลาลูกลิงกลับบ้าน ก็มาเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ เหตุการณ์ในห้องสมุด อะไรต่าง ๆ นานา แบบนี้มีความสุขมากกว่า มันอาจจะเป็นเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ฟังแล้ว เราก็เห็นว่าเขาใช้ชีวิตให้ fullest ไปเลย ขอให้วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ดี เหมือนเช่นทุก ๆ วันที่ผ่านมา ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่สุขและสมหวังนะครับ |
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
March 2024
|