ปี 2020 ลูกลิงทั้ง 2 ปิดท้ายกันด้วย academic achievement เป็นที่น่าภูมิใจ
คนโตเราเคย post ไปแล้ว top 6 วิชาจาก 7 วิชา วันรับรางวัล เพิ่งรู้ว่าได้ถ้วยนักเรียนดีเด่นของคณะ IA ด้วย; Industrial Arts ส่วนตัวเล็ก อยู่ year 7, ได้ A 8 ตัว, B 1 ตัว วิชาที่ได้ B ก็เป็น Maths ซะด้วยสิ เอ๊ะ ยังไง daddy บอกลูก ๆ เสมอว่า daddy ต้องการให้ลูกเรียนดีแค่ 3 วิชาพอ; วิทย์ คณิต อังกฤษ ส่วนวิชาอื่น ๆ ยังไงก็ได้ เราไม่ซีเรียส เพื่อที่ลูกจะได้สนุกกับชีวิตการเรียน ไม่เครียดมาก ส่วน Maths ที่ลูกลิงตัวเล็กได้ B มา เราก็ต้องมานั่งดูกันอีกว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะพี่ชายคนโต เรามีแบบฝึกหัดมาให้เขาทำตลอด แบบฝึกหัดจากโรงเรียนที่เราสอน แต่ตัวเล็ก เราไม่ได้มีอะไรให้เขาทำ เพราะแค่ dance ของเขาก็หนักพอแล้ว เราก็เลยไม่ได้จี้อะไรมากมาย ช่วงปิดเทอม หยุดพักเรื่องการเรียนก่อนละกัน ส่วนเรื่องแบบฝึกหัด เดี๋ยวเปิดเทอมเราจะจัดการหามาให้เพิ่ม เรามี resources มาจากโรงเรียเยอะ เรื่องการเรียน ถ้าเป็น junior year; year 7 - 10 คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจในเรื่องการเรียนของลูกนิดหนึงนะครับ ต้องหาแบบฝึกหัดอะไรเพิ่มให้ลูกด้วย หรือนั่งทำการบ้านอะไรกับลูกด้วย โดยเฉพาะ year 7 - 9 ไม่ว่าจะเป็นช่วงเลิกเรียน หรือช่วงเสาร์อาทิตย์ พอเริ่ม year 10 ถึงแม้จะยังเป็น junior year แต่เด็ก year 10 ส่วนมากก็จะมีความรับผิดชอบมากแล้ว ช่วง year 7 - 9 ก็ต้องฝึก ก็ต้องหัดกันอย่างใกล้ชิด ปีนี้ ลูกลิงทั้ง 2 ทำเอาไว้ได้ดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ความสำเร็จของลูก คือความสุขของพ่อแม่ แต่พ่อแม่เองต้องไปเอาความฝันของความหวังของเราไปอยู่ที่เขา ชีวิตพวกเขา เขาต้องเลือกเอง พ่อแม่ มีหน้าที่แค่คอยสนับสนุน เราจะไปบังคับเด็กไม่ได้ เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ทุกครอบครัวนะครับ ครอบครัวอื่นเป็นยังไง เราไม่รู้ แต่ครอบครัวเราเป็นนี้
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างลูกชายกับลูกสาว เนื่องด้วยเรากับภรรยาต้องเลี้ยงลูกกันเอง 2 คน เราไม่มีญาติ ไม่มีใครเลยที่ประเทศออสเตรเลีย พ่อแม่เราก็อยู่ที่เมืองไทย พ่อแม่ภรรยาก็อยู่สิงคโปร์ ตอนที่เรามีลูกคนแรกกัน เรา 2 คนก็ต้องเลี้ยงดูลูกกันเอง เหนื่อยมาก ยากมาก เรา plan กันว่าจะมีลูกคนเดียวก็พอ เพราะไม่มีคนช่วยเลี้ยง เราเองก็ต้องทำงาน แต่พอลูกชายเริ่มโต 2-3 ขวบ ภรรยาเราก็อยากจะมีลูกอีกหนึ่งคน เพราะไม่อยากจะมีลูกคนเดียว เดี๋ยวเขาจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว อะไรเขาก็มีของเขาแค่คนเดียว ไม่มีเกิดการแบ่งปัน อันนี้คือความคิดของภรรยาเรา ส่วนตัวเราเองก็ยังไงก็ได้ มีก็ได้ แต่ถ้าเลือกได้ ก็ไม่อยากมีคนที่ 2 เพราะมันเหนื่อยจริง ๆ ลูกชายกับลูกสาวตอนที่เลี้ยง ตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ค่อยมีความแตกต่างอะไร ไปโรงเรียนเดียวกัน ไปด้วยกัน แม่เป็นคนขับรถรับส่ง ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็เมื่อลูก ๆ เริ่มโตขึ้น ตอนเข้า high school หรือตอนลูกสาวเรียน year 6 ซึ่งถือว่าเป็นปีสุดท้ายของ primary school ช่วงวัยที่เรียน primary school ลูกชายเราจะไม่มีเรื่อง drama อะไร ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อน หรืออะไร นั่น นี่ โน่น เขาก็เรียนหนังสือชองเราไปเรื่อย ๆ แต่ลูกสาวตัวเล็กนี่สิ พอเริ่มอยู่ year 6 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นพี่โตสุดในโรงเรียน ก็เริ่มมี drama ละ ดูเหมือนว่าเด็กผู้หญิงเขาจะมีเรื่องราวซุบซิบนินทามากเลย เดี๋ยวคนนั้นก็ไม่ชอบคนนี้ เดี๋ยวคนนี้ก็ไม่ชอบคนั้น เดี๋ยววันนี้เขาจะไม่คุยกับเพื่อนคนนั้น เมื่อวานเพื่อนคนนั้นไม่คุย ไม่เล่นกับเขา อะไรประมาณนี้ คือไร้สาระมาก และนี่คือห้องที่ถือว่าเป็นเด็กเรียนดีนะ ถ้าห้องทั่ว ๆ ไป ธรรมดาจะขนาดไหน เขาก็มีกลุ่มเพื่อนของเขาแหละ เดี๋ยวก็ทะเลาะกันเอง เดี๋ยวก็เปลี่ยนกลุ่มเล่นกัน อะไรประมาณนี้ ปวดหัวมาก ในขณะที่พี่ชายโต ตอนอยู่ year 6 ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเพื่อนในกลุ่มเลย จนมาถึงปัจจุบัน เรียน high school แล้ว ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร พอลูก ๆ เริ่มเข้า high school พวกเราก็เริ่มสบาย เพราะไม่ต้องขับรถรับส่ง ลูก ๆ โตพอที่จะนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนเองได้ ครอบครัวเราโชคดี มี bus stop อยู่ไม่ไกลจากบ้าน และรถเมล์ไปโรงเรียนก็เป็น free bus ที่จัดขึ้นโดย town council ของ Wollongong เราก็สบายไป รถเมล์ก็ฟรี และก็ไม่ไกลจากบ้าน ตั้งแต่ขึ้น year 7 แล้ว ลูกชายบอกเรากับภรรยาว่า ไม่ต้องไปรับส่งเขา ฝนจะตกฟ้าจะร้องเขาก็จะนั่งรสเมล์กลับบ้าน เขาไม่อยากให้แม่ไปรับ "มันไม่เท่" เออ... มีแบบนี้ด้วย ก็ดีเว้ย ไม่เดือดร้อนพวกเราดี ลูกสาวเอง พอขึ้น high school เราก็ให้เขาขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนพร้อมกับพี่ชายเหมือนกัน คนละโรงเรียน แต่รั้วติดกัน สมัยก่อน 2 โรงเรียนนี้ที่ Wollongong แบ่งเป็นโรงเรียนชายล้วน หญิงล้วย ก็เลยแยกัน แต่รั้วติดกัน ตอนนี้ทั้ง 2 โรงเรียนเป็นโรงเรียนสหะ co-ed (co-education) คือโรงเรียนผสม ทั้งชายและหญิง แต่โรงเรียนชายล้วนสมัยก่อน ตอนนี้พอเป็นโรงเรียนสหะ เราก็จะเน้นสาขาวิชาทางด้านเทคโนโลยี โรงเรียนหญิงล้วน ตอนนี้ก็กลายเป็น performing arts high school เป็นโรงเรียนที่เน้นการแสดง ลูกสาวเราก็เลือกเรียนที่ performing arts high school เพราะเขาชอบ dance เป็นชีวิตจิตใจ เนื่องด้วยโรงเรียนทั้ง 2 รั้วติดกัน ทั้งพี่ชายและน้องสาวจึงไปโรงเรียนด้วยกันตอนเช้า นั่งรถเมล์ไปโรงเรียน เป็น free bus ของ Wollongong ลูกชาย ตั้งแต่ year 7 แล้ว เขาจะนั่งรถบัสไปของเขาเอง ไม่ว่าผลจะตก แดดจะออก ลูกสาว "daddy วันนี้กระเป๋าหนูหนัก daddy ขับรถไปส่งหน่อย" เอ๊า daddy ก็ต้องขับรถไปส่ง (5 นาที) วันไหนก็ daddy ไปส่งลูกสาว ลูกลิงตัวเล็ก ลูกลิงตัวโตก็ติดมาด้วย ก็สบายไปทั้ง 2 คน แต่ถามว่าจริง ๆ แล้วลูกชายต้องการให้เราไปส่งมั้ย เปล่าเลย กระเป๋าจะเบาหรือหนัก เขาก็นั่งรถบัสของเขามาตั้งแต่ year 7 แล้ว ก็มีแต่เจ้าลูกลิงตัวเล็กนี่แหละที่วันไหนกระเป๋า เราก็ต้องไปส่งเขา ที่บ้านอื่นเป็นยังไงเราไม่รู้ แต่ที่บ้านเรา เป็นแบบนี้ ความแตกต่างระหว่างลูกชายกับลูกสาว คนหนึ่งอะไรก็ได้ ง่าย ๆ คนหนึ่งก็จะ "เยอะ" นิดหนึง :) จะสิ้นปีแล้วสินะ ลูกลิงตัวโต ปีหน้าจะทำ HSC แล้วสินะ
ปีนี้ลูกลิงทำผลการเรียนออกมาดี จาก 7 วิชา top ไป 6 วิชาที่ไม่ได้ที่ 1 คือวิชาสุขศึกษาจ๊ะ นอกนั้นลูกลิงได้ที่ 1 หมด: - Phyhiscs - คณิต Advances - คณิต Extension 1 สำหรับเด็ก gifted - English standard - Design And Technology - Engeering Studies อะไร ประมาณนี้ ได้ที่ 1, 6 วิชาจากทั้งหมด 7 วิชา ก็ OK แหละ เด็กฝรั่งหลายคนยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย เมื่อเห็นผลการเรียนสิ้นปีของลูกลิง เราก็สบายใจ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรน่าเป็นห่วง เขารู้แหละว่าเขาจะต้องทำยังไงถึงจะ maintain ผลการเรียนแบบนี้ อยากได้แบบไหน หนูทำเอาเองเลยนะลูก daddy ไม่จำเป็นต้องบอกอีกต่อไปแล้ว ลูกลิงเริ่มเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ ลูกลิงอ่านหนังสือ นั่งทำการบ้าน ทำ assignment 7 วันต่ออาทิตย์ ไม่มีวันหยุดราชการ คนเป็นพ่อเป็นแม่ เราก็หมดห่วง ทุกวันนี้ลูกลิงนอนดึกกว่าเราอีก เพราะการบ้านและ assignment เยอะมาก เราเข้านอนประมาณ 10pm โดยประมาณ แต่ลูกลิงตัวโตนอนประมาณ 10:30pm เราก็บอกลูกลิงเสมอว่า จะงานเยอะ การบ้านเยอะยังไงก็ตามแต่ พยายามอย่าอยู่เกิน 10:30pm เดี๋ยวพรุ่งนี้จะงัวเงียไปโรงเรียน ซึ่งที่ผ่านมาลูกลิงก็ดูแลและจัดการเวลาของตัวเองได้ daddy กับ mommy ก็ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ ตอนนี้เราก็ค่อยจัดการชีวิตลูกลิงตัวเล็ก เพราะตัวเล็กเป็นผู้หญิง ชอบ dance รักสวยรักงาม บางทีคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องคอยจับตาดู ไม่ให้โตไวจัดจ้านเกินอายุ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น เรื่องลูกลิงตัวโต daddy และ mommy ก็ภูมิใจแหละ ทุกวันนี้ เสาร์ อาทิตย์ เขาก็จะไม่ไปไหนเลย วัดก็ไม่ไป เพราะการบ้านเยอะมาก เราก็เห็นเขานั่งทำการบ้าน ทำ assignment ตลอด weekend ก็ยังต้องทำ ว่าง ๆ เขาก็จะขอดู YouTube ก็แค่นั้นเอง เราก็ promise ว่ารอลูกลิงจบ year 12 เดี๋ยวเราจะต่อ Netflix หรือ Amazon Prime ให้... แต่ช่วงนี้ดูแค่ YouTube พอ เดี๋ยวจะมีสิ่งล่อใจเยอะที่บ้าน อะ ว่ากันไป ชีวิต |
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
June 2024
|