วันนี้ครอบครัวเราเดินทางมา Canberra กัน เพราะลูกลิงตัวเล็กมีการแข่งขัน dance
ลูกลิงตัวเล็กชอบ dance อยู่แล้ว กิจกรรมของลูกลิงตัวเล็ก แม่ลิงจะเป็นคนจัดการแทบจะทั้งหมด ในเรื่องของการประสานงาน การแต่งหน้า การทำผม เรามีหน้าที่แค่ขับรถ ลูกลิงตัวโตก็เดินทางมาด้วยเฉย ๆ มากันเป็นครอบครัว คืนนี้เราจะค้างกันที่นี่ เพราะลูกลิงปิดเทอมกันแล้ว พรุ่งนี้เราก็มีโปรแกรมเที่ยวที่ Canberra ต่อ สำหรับเราแล้ว Canberra ไม่มีอะไรตื่นเต้น เราอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียมา 24 ปีแล้ว เราคิดว่าทุก ๆ ครั้งที่เพื่อน ญาติ หรือใครก็ตามแต่ ถ้าเขามาเที่ยวประเทศออสเตรเลีย เราไม่มีที่ไป เราก็จะพาพวกเขาไปเที่ยว Canberra ที่แหละ ง่ายดี การเดินทางมา Canberra ในครั้งนี้ แตกต่างจากทุกครั้งนิดหนึง เนื่องด้วยครอบครัวเรามีเพื่อนสนิทเป็นคนเกาหลี (สนิทเพราะลูก ๆ สนิทกันจ๊ะ) และเพื่อนคนนี้เผอิญว่าอาทิตย์ที่แล้วเขาต้องไปทำงานที่ Canberra ส่วนลูกชายเขาก็ฝากเอาไว้กับเพื่อนที่นี่ พวกเราก็เลยนัดกันว่า เธอก็ยังไม่ต้องกลับมา Wollongong เดี๋ยวตอนไป Canberra เราก็จะรับลูกชายของเขาไปด้วย แล้วเราไปเจอกันที่โน่น ลูกชายของเพื่อนชาวเกาหลี เป็นเพื่อนสนิทกับลูกลิงตัวโต ลูกลิงตัวโตก็ดีใจใหญ่สิ เขาจะได้ไปเที่ยวต่อกับเพื่อนของเขา ไม่ต้องมาติดแหงกกับ daddy หรือมานั่งเฝ้าน้องสาวเขาแข่ง dance พวกเราก็เลยแพลนกันว่า วันนี้เราขับรถไป Canberra กัน รับลูกชายของเพื่อนไปด้วย แล้วเราไปเจอกันที่ Canberra ลูกลิงตัวเล็ก ก็แข่ง dance อะไรของเขาไป ลูกลิงตัวโตก็ไปกับเพื่อนของเขาไป เราก็จะปล่อยให้ลูกลิงตัวโตไปกับเพื่อนเรา เพื่อนเราก็จะดูแลลูกชายของเขา และลูกชายของเราด้วย มันก็ดีเหมือนกันนะ เราดูแลลูกชายเพื่อนตอนเช้า เพื่อนดูแลลูกชายเราตอนบ่าย สลับกันดูแลลูกของกันและกัน มันก็ทำให้เรามีเวลาได้ทำอะไรของตัวเองด้วย ส่วนตัวเราเองก็ไม่ได้ไปนั่งเฝ้าลูกลิงตัวเล็กหรอก เพราะเวลาเขาแข่ง dance แต่ละที เขาแข่งกันเป็นวัน เพราะแข่งกันหลาย dance เหลือเกิน หลังจากที่เรา drop ทุกคนแล้ว เราก็ขอตัวแวะมาวัดไทยที่นี่ เพราะเรายังไม่เคยมาเลย เราก็แวะไปที่วัดไทยที่แคนเบอร์ราแป๊บเดียว เราไม่ได้อยู่นาน เพราะที่วัดพระท่านก็ฉันภัตตาหารเพลเสร็จแล้ว ญาติโยมก็กำลังทำความสะอาดครัว และกำลังทยอยกันกลับ เราก็คุยกับคุณป้าท่านหนึงที่เราเคยเจอเขาที่บ้านของลูกค้าของเราครั้งหนึง หลังจากเดินชมวัดอยู่ไม่นาน เราก็ออกมาที่ Dickson ออกมาหาอะไรทานและก็เตรียมตัว check in ที่ hotel ตอนบ่าย 2; 2pm ส่วนวัดที่เราไป เราก็รู้สึกเฉย ๆ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เราชอบวัดป่ามากกว่า (สายธรรมยุติ) แต่เท่าที่ดูแล้ว วัดนี้น่าจะเป็นวัดสายมหานิกายเพราะตั้งอยู่ในเมือง และที่พักของพระก็อยู่กันด้านบน คืนนี้เราพักกันที่นี่ ที่แคนเบอร์รา พรุ่งนี้เราก็มีโปรแกรมพาลูกลิงไป Questacon (เหมือน ๆ science centre) และช่วงบ่ายก็คงจะตามด้วยการไปเดินดูของที่ factory outlet เราก็ไม่มีอะไรที่จะต้องซื้อหรอก ถ้าจะซื้อก็อาจจะเป็นพวกชุดสูทร ชุดทำงานก็แค่นั้นเอง จากการพูดคุยกันคราวก่อน เมื่อเทอมที่แล้วกับลูกลิงตัวโตว่า เขาควรจะออกไปเล่นกีฬาอะไรบ้าง
นอกจากฟันดาบแล้ว ลูกลิงบอกว่าจะไปลงเรียนเทนนิส เราก็บอกว่าไปเลย ไม่มีปัญหาอะไร daddy สนับสนุนเต็มที่ เพราะเราเคยอยากให้เขาเล่นเทนนิสอยู่แล้ว เราเคยส่งเขาไปเรียนเทนนิสตอนเด็ก ๆ เรียนอยู่ได้ปีกว่า ๆ ก็เลิก อะไรที่เขาไม่ชอบ เราก็ทำแบบเล่น ๆ ไปที เหมือนประมาณว่า พ่อกับแม่บังคับให้มาเรียน ช่วงที่เราเรียนเทนนิสตอนเด็ก ๆ ช่วงที่เขาเรียน primary school ช่วงแรก ๆ เขาก็เรียนสนุกสนานดีอยู่หรอก เพราะยังเด็กอยู่ ก็แบบว่าเรียน ๆ เล่น ๆ ไป เรียนกันทีก็ประมาณ 6-7 คน พอเริ่มโตขึ้นหน่อย ก็จะเหลือแค่ 4 คน และก็จะมีการแข่งขัน เล่นกันเป็นทีม เป็น double player อะไรประมาณเนี๊ยะ ลูกลิงเคยบอกเราว่า เขาไม่อยากไปเรียนเทนนิสแล้ว เราบอกว่า "ไม่ได้, you ต้องเรียน" ลูกลิงก็ไปเรียน แต่เวลาลูกเทนนิสมา เขาจะเดินไปตีลูกเทนนิส ไม่วิ่ง โคชเห็นแล้วก็ทำหน้าตาเบื่อ ๆ แต่ถ้าวันไหรอารมณ์ดี เขาก็วิ่งตีลูกเทนนิส อย่างสนุกสนาน คือแบบว่า เราเดาอารมณ์เขาไม่ได้จริง ๆ คือถ้าจะเล่นจริง ๆ จัง ๆ เขาก็ทำได้ แต่เลือกที่จะไม่ทำเอง เราก็เลยให้เขาเลิกเรียน หลัง ๆ มาก็เหลือกีฬาว่ายน้ำอย่างเดียว ว่ายน้ำเนี๊ยะ ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว เพราะบ้านเราอยู่ติดทะเล ทุกคนจะต้องว่ายน้ำได้ มันเป็น survival skills ด้วย ไม่ใช่แค่กีฬาอย่างเดียว เขาก็เรียนว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก จนโต จนเข้า high school จนจบทุก level ของโรงเรียนสอนว่ายน้ำ เขาก็เลยขอหยุดเรียน เพราะว่ายได้แล้ว OK แล้ว ตอนนี้กีฬาที่เขาจะเล่นก็คงจะเป็นฟันดาบ เรียนมาได้ 5 อาทิตย์ละ เดี๋ยวรอดูว่าจะออกหัวหรือออกก้อย และตอนนี้ลูกลิงก็กำลังจะหาที่เรียนเทนนิส daddy บอกว่า "you ไปหาข้อมูลเองทาง Internet ว่ามีที่ไหนสอน อะไร ยังไง เขาบอกว่าเขาจะไปเรียนกับเพื่อนเขา เราก็ไม่ได้สนใจ เพราะคราวก่อนที่เรียนกันตอนที่เขาเรียน primary school เราก็เรียนกันเป็นกลุ่ม พอ 2-3 อาทิตย์ต่อมา เขาบอกว่าได้ข้อมูลมาแล้ว เขาบอกว่า เรียนกัน 2 คน, 1 ชั่วโมง จ่ายคนละ $36 เราก็บอกว่า เดี๋ยวก่อน อะไรนะลูก "เรียนกัน 2 คน" มันหมายความว่ายังไงเหรอ เขาไม่ได้เรียนกันเป็นกลุ่มเหรอ ลูกลิงบอกว่า high school เขาไม่มีเรียนเป็น group แล้ว เขามีแต่เรียนกันเป็น private lesson เราก็คิดในใจ อ้าว ซวยแล้วมั้ยหละเรา private lesson อีกแล้วเหรอเนี๊ยะ มันไม่มีอะไรที่เรียนเป็นกลุ่มและถูกกว่านี้แล้วเหรอ ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ เพื่อนที่จะไปเรียนด้วยกันเป็นเพื่อนผู้หญิง เฮ้ย... ถ้าเรียนกัน 4-5 คน แล้วมีเพื่อนผู้หญิงไปด้วย daddy OK นะลูก แต่นี่หนูแบบว่าไปเรียนกัน 2 คน ชาย 1, หญิง 1 daddy คิดว่ามันจะอะไร ยังไงอยู่นะ แล้วทำไมไม่บอก daddy ตั้งแต่แรกว่าจะไปเรียนกัน 2 คน และอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่เราได้เอ่ยปากไปแล้ว ว่าจะให้เขาไปเรียน เราก็คงต้องรักษาคำพูดใช่มั้ย ให้ตายเถอะ.... หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ลูกลิงจะไปไหนมาไหนกับเพื่อน เราจะถามก่อนเสมอว่าไปกับใคร ชื่ออะไร ผู้ชายกี่คน ผู้หญิงกี่คน ไม่ได้หวงลูก แต่ถ้าเขาจะคบใคร เราก็อยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายพื้นฐาน อะไร เขาเป็นยังไง แต่เพื่อน ๆ ของลูกลิงก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นเด็ก top class ด้วยกันทั้งนั้น แต่เราก็ต้องคอยดูด้วย ไม่ต้องการให้อะไรเลยเถิด แล้วมีผลกระทบต่อการเรียน แต่ทุกวันนี้ ลูกลิงและเพื่อนเขาก็ยังไม่ได้ไปเรียนเทนนิสกัน เพราะรอ confirm กับโคชก่อน ไม่ง่ายนะกับการเลี้ยงลูก... เมื่อเทอมที่แล้ว ลูกลิงตัวโตบอกกับ daddy ว่าเขาอยากจะไปเรียนฟันดาบ และก็เรียนเทนนิส
เราก็รู้สึกเฉย ๆ เพราะเรารู้ดีว่าลูกลิงไม่ได้ชอบเล่นกีฬาอะไรมากมาย เราพยายามบอกหลายครั้งแล้วตั้งแต่ต้นปีว่าต้องหากีฬาอะไรเล่น เพราะแต่ก่อนเขาเรียนว่ายน้ำ ซึ่งก็เรียนมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว จนถึงปีที่แล้ว ที่เขาเรียนหมดทุกอย่าง ทุกหลักสูตรที่โรงเรียนว่ายน้ำแล้ว ถ้าเรียนต่อก็คือพวกที่ต้องการซ้อมเพื่อไปแข่งขัน ซึ่งลูกลิงไม่ต้องการ ลูกลิงก็เลยเลิกเรียน เราก็บอกลูกลิงว่าถ้าไม่เรียนว่ายน้ำแล้ว you ก็ต้องกีฬาอะไรเล่นด้วย ลูกลิงก็บอกก็เล่นแล้วที่โรงเรียน วิชา PE (Physical Education) หรือวิชาพละบ้านเรานั่นแหละ OK ถ้าหนูพูดมาแบบนี้ daddy ก็คงต้องปล่อย เพราะเราไม่ต้องการที่จะไปบังคับลูก เพราะอะไรที่เราบังคับเขา ผลออกมาไม่เคยดี เราเคยบังคับให้ไปเรียนเทนนิสแล้วตั้งแต่เด็ก รู้สึกว่าเรียนได้ 1 ปีก็เลิก เราเคยบังคับให้ไปเรียนร้องเพลงแล้ว ตั้งแต่เด็ก ๆ เลย year 3, year 4 เรียนอยู่ประมาณ 1 ปีครึ่ง ก็เลิกเรียน เพราะเราก็รู้สึกว่า he ก็เรียนไปงั้น เรียนมาตั้งปีครึ่งละ ก็ไม่เห็น he จะร้องเพลงหรือทำอะไรเลย และค่าเรียนก็เป็นแบบว่า เรียน private 1-ต่อ-1, $55 ต่อ ครึ่งชั่วโมง เรียนมา 1 ปีครึ่ง ไม่ถูกเลยนะ หลังจากนั้น เราก็เลยปล่อยให้เขาเลือกเอง เขาต้องอยากที่จะไปเรียนเอง เทอมที่แล้ว เขาบอกว่าเขาอยากจะไปเรียนฟันดาบ กับเรียนเทนนิส เราก็เลยบอกว่า OK อยากเรียนก็ไปเรียน you ก็ไปหาข้อมูลอะไรมาเองละกัน ว่าเรียนที่ไหน วันอะไร ค่าเรียนเท่าไหร่ ลูกลิงก็ไป search หาข้อมูล และแม่เขาก็เป็นคนเลิกให้ไปเรียนที่ชมรมฟันดาบที่ Corrimal ซึ่งไม่ไกลจากบ้านเรานัก ขับรถ 5 นาทีถึง เรียนทุกวันพฤหัสบดี ค่าเรียนครั้งละ $10 เวลา 7:30pm ไปจนถึง 9pm กว่า ๆ เวลาเลิกแล้วแค่คนในชมรมอยากจะเลิกกัน ไม่มีกำหนด อาทิตย์แรก: แม่เขาขับรถไปส่ง 7:30pm เพราะแม่เขาต้องไปรับลูกลิงตัวเล็กที่เรียน dance ด้วย ซึ่งก็จะเลิกตอน 8pm เรามีหน้าที่ไปรับลูกลิงตัวโตตอนเลิกเรียนฟันดาษเสร็จ เพราะแม่เขาจะได้ไม่ต้องขับรถเข้า-ออกบ่อย ประมาณ 8pm ลูกลิง ส่งข้อความมาบอกว่า เรียนเสร็จแล้ว เราก็แปลกใจว่า huh... อะไรนะ เหมือนแม่เขาเพิ่งออกไปส่งเอง นี่ฉันต้องออกไปรับแล้วเหรอ มันจะเรียนกันไวขนาดนี้ เราก็คิดไปเอาเองว่า มันน่าจะเลิกประมาณ 9pm นะ แต่หน้าที่ของคนเป็นพ่อ เราก็ออกไปรับตามปกติ เราก็ถามว่า ทำไมหนูเลิกเร็วจัง เราก็บอกว่า เขาเป็น beginner โคชก็จะสอนแค่ foot step ก่อน ยังไม่ได้ลงสนามฟันดาษ เราก็แอบคิดในใจว่า เฮ้อ จะเป็นไอ้ที่เรียนร้องเพลง และก็เรียนเทนนิสหรือเปล่านะ แต่เราก็ไม่พูดอะไรมาก ก็คิดแค่ว่า เออ ไม่เป็นไร แค่ $10 ลองดู เราก็ถามลูกลิงว่า แล้วมีคนอื่นที่เป็นนักเรียน high school บ้างหรือเปล่า แล้วทำไมหนูไม่อยู่คุยเล่นกับพวกเขา make new friends อะไรก็ว่าไป he ตอบว่ายังไงเราจำไม่ได้แล้ว เอาเป็นว่า he ข้ออ้างก็แล้วกัน เราก็แค่คิดว่าในใจว่า "ไม่เป็นไร ปล่อยไปก่อน" อาทิตย์ที่สอง: เช่นเดียวกัน he ก็ส่งข้อความบอกให้เราไปรับประมาณ 8:15pm เราก็ได้แต่คิดในใจว่า "เออ ก็ดีกว่าเขานั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ออกมาจากบ้านมั่งก็ดี" ลูกลิงเป็นเด็กเรียนอยู่แล้ว เรียนอยู่ top class เราไม่ค่อย worry เรื่องการเรียนของเขา เพียงแต่เราอยากให้เขาทำกิจกรรมอะไรอย่างอื่นบ้าง อาทิตย์ที่สองก็ผ่านไป ไม่มีอะไรแตกต่างจากอาทิตย์แรกเลย เฮ้อ.... $10 อาทิตย์ที่สาม: เราต้องไปทำงานที่ Canberra วันศุกร์ คืนวันพฤหัสบดี เราก็เลยต้องไปนอนที่บ้านชายโสดที่เราซื้อเอาไว้ จะได้ไม่ต้องเดินทางแต่เช้าจาก Wollongong หรือจะได้ไม่ต้องไปพักที่โรงแรมที่ Canberra แม่เขาก็เลยต้องไปรับเอง แม่เขาส่งข้อความมาบอกว่า เขาเกือบจะโทรแจ้งตำรวจแล้ว เพราะหาลูกลิงตัวโตไม่เจอ ...เรื่องมีอยู่ว่า... ลูกลิงก็ไปเรียนฟันดาษตามปกติ ลูกลิงส่งข้อความไปบอกแม่เขา ให้ไปรับประมาณ 8:15pm-8:30pm แม่เขานั่งรอลูกลิงอยู่ในรถ กับลูกลิงตัวเล็ก นั่งรอแล้วรออีกก็ยังไม่เขาออก แม่เขาก็เลยเดินเข้าไปหาเขาที่ hall ที่เขาซ้อมกัน แม่ก็มองไม่เห็นลูก แม่ก็คิดว่า เออ ลูกชายตัวเองคงไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ก็นั่งรออยู่ก็ไม่เห็นออกมา ลูกลิงตัวเล็กก็เริ่มตกใจเหมือนกัน เพราะหาพี่ชายตัวเองไม่เจอ ทั้งแม่และลูกลิงตัวเล็กตกใจมาก พากัน panic กันใหญ่ สักพักก็เห็นใครบางคนสวมหน้ากาก ซ้อมฟันดาบกันอยู่ โบกมือโบกไม้ไปหาแม่ของเขา แม่ก็งง ๆ เพราะทุกคนสวมหน้ากากกันหมด และก็ใส่ชัดป้องกันตัวเอง มันดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร จนแม่มองที่รองเท้าก็เลยรู้ว่าเป็นลูกตัวเอง สรุปคือในระหว่างที่ลูกลิงนั่งรอแม่ โคชมาชวนให้เขาไปดวนฟันดาบกัน พอมีคนมาชวน he ก็ลงไปเล่นเลย ไม่ได้ส่งข้อความบอกแม่ว่าจะอยู่ต่อหรือว่าอะไร โถ พ่อคุณ เด็กนะเด็ก โคชก็เดินาคุยกับแม่เขา ลูกลิงมีแววในการฟันดาบ เรียนรู้ไว แข่ง 3 ชนะ 2 เราก็ได้ยินที่แม่เขาบอก เราก็ดีใจว่า เออ ไม่แน่เว้ย อาจจะรุ่งกับกีฬาตัวนี้ก็ได้ แต่ก็ต้องคอยดูก่อน เพราะเด็กวัยรุ่น เดี๋ยวเปลี่ยนใจอีก นั่น นี่ โน่น ปัญหาเยอะ แม่เขาตกใจ และ panic มากที่หาลูกตัวเองไม่เจอ เพราะแถวนั้น 8pm - 8:30pm ก็ถือว่าเปลี่ยวแล้ว ส่วนเราเองก็หัวเราะ ถือว่าเป็นเรื่องตลก แต่เราก็บอกลูกลิงว่า ต่อไปถ้าจะอยู่ต่อ ก็ต้องบอกคนที่มารับด้วย ว่าจะอยู่ซ้อมต่อหรือว่าอะไร คนมารับจะได้รู้ อาทิตย์ที่สี่: อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่สี่แล้ว เราเป็นคนไปรับลูกลิงเอง เออ คราวนี้ส่งข้อมความให้เราไปรับตอน 8:45pm ดีแฮะ... แสดงว่าเขาเริ่มชอบ แบบนี้เราก็สบายใจ ก็ได้แต่หวังว่า he จะ maintain interest ได้ต่อไปเรื่อย ๆ แบบนี้ Post เก่า ไปส่งลูกลิงไป excursion
|
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
June 2024
|