เมื่อต้นปีนี้ จู่ ๆ ลูกลิงตัวโตก็มาบอก daddy ว่าเขามี instagram
ฮ๊ะ... ว่าไงนะลูก หนูทำอะไรโดยที่ไม่ขออนุญาตไม่ได้นะครับ ที่บ้านเรา ลูกลิงแต่ละคนจะทำอะไร ต้องขออนุญาตก่อน ขนาดจะเปิดกินของในตู้เย็นยังต้องขออนุญาตเลย เราฝึกลูก ๆ กันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ส่วนเรื่องโทรศัพท์มือถือ นี่เราบอกเขาตั้งแต่แรกแล้ว จุดประสงค์คือเอาไว้โทรหา daddy หรือ mummy เวลาฉุกเฉิน เพราะลูกลิง เรียน high school เราให้ลูกลิงนั่งรถบัสไปเอง และเราก็เคย promise เขาว่า ถ้าขึ้น high school แล้ว daddy จะให้ใช้โทรศัพท์มือถือ ตอนที่เรียน primary school ห้ามมีโทรศัพท์มือถือเป็นอันขาด และเรื่อง social media เราก็ไม่ได้ลูกลิงมี account ของ social media อะไรทั้งสิ้น พวก facebook อะไรพวกนี้ห้ามมี แต่จู่ ๆ ปีนี้ ต้นปีลูกลิงก็บอกว่าเขามี instagram เอาไว้คุยกับเพื่อน เราก็บอกว่าไหน ๆ มี instagram แล้ว ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องลบทิ้ง เราบอกลูกลิงว่า post อะไรก็ post ได้ แต่ห้าม post รูปตัวเองที่โชว์หน้า อะไรประมาณนี้ เราก็เลยบอกลูกลิงว่า ทำไมลูกไม่ลองฝึกทำ photoshop แล้วก็ upload รูปที่ผ่านการ photoshopped แล้ว เพื่อเป็นการโชว์ photoshop skill ของลูกเอง ลูกลิงก็ใช้เวลาช่วง weekend ของเขาฝึกทำ photoshop นั่น นี่ โน่น เพราะที่บ้านเราไม่ให้ลูกเล่นเกมส์ ที่บ้านเราจะไม่มีพวก game console อย่าง PlayStation หรือ Wii อะไรเป็นอันขาด เขาก็เรียนรู้เองจาก YouTube และก็พยายาม post อาทิตย์ละครั้ง ฝีมือเขาก็เริ่มดีขึ้น แล้วจู่ ๆ ก็มีคนติดต่อมาจาก New Zealand ให้ลูกลิงช่วยเปลี่ยน design logo ของเสื้อยืดให้เขา และเขาก็ print ออกขาย คนที่ print t-shirt ออกขาย เขาก็เพิ่งทำ online business เอง คือขายเสื้อยืด online เขาเสนอค่า design ให้ลูกลิง $150 แต่ลูกลิงไม่รับ เราก็ถามลูกลิงว่าทำไมหนูไม่คิดเงินเขาหละลูก ลูกลิงบอกว่ามันเป็น design ง่าย ๆ (ซะงั้น ลูกเรา) ซึ่งเราก็ถือว่าดีแล้ว เพราะเราอยากให้ลูกลิงฝึกฝีมือ สร้าง profile สร้าง portfolio ไปเรื่อย ๆ มากกว่า แต่เราก็บอกลูกลิงว่า ต่อไปถ้าคนแปลกหน้า ติดต่ออะไร หรือคุยอะไรมา ต้องบอก daddy ก่อน ถ้าคุยกับเพื่อน ๆ ในห้อง ไม่เป็นไร คน New Zealand ก็ส่งเสื้อยืดที่ลูกลิงช่วย design มาให้ 1 ตัว ก็ OK แหละ design มันก็จะออกแนว ๆ พวก street wear วัยรุ่น ๆ นิดหนึง หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำใมเราให้ลูกมี instagram อ๋อ ไม่เป็นไรจ๊ะ เราเป็นเด็ก IT, เราเป็นอาจารย์สอน IT ด้วย เรารู้เรื่องพวก security, พวก cyber bullying อะไรต่าง ๆ นานา เพราะเราก็สอนเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เรารู้ว่าเรากำลังอะไรอยู่... :) Social media ถ้าบริหารเป็น ถ้า manage เป็น มันทำอะไรได้หลายอย่างจ๊ะ มันเป็นอะไรที่ powerful มาก ขอให้เราทำเป็นก็แล้วกัน ทุกครั้งที่ครอบครัวเราไปเที่ยวหรือไปพักผ่อนอะไรตามที่ต่าง ๆ ที่พักหรือโรงแรมส่วนมากสมัยนี้จะมี Netflix ให้คนพักได้ดูกัน
ที่บ้านเราไม่มี Netflix เพราะเราคิดว่าไม่จำเป็น โดยส่วนตัวแล้วเราไม่ค่อยดู TV กัน เราชอบดูหนัง ดู DVD มากกว่า อยากดูเรื่องอะไรก็ไปยืมมาจากห้องสมุดหรือ download ดูจาก GooglePlay Movie TV จะมีเอาไว้ให้ลูกลิงดูมากกว่า ที่บ้านเราก็เลยไม่มี Netflix เรากับภรรยาก็อยากให้ลูกอ่านหนังสือมากกว่า มากกว่าการดู TV หนังสือที่ว่านี้ เป็นหนังสืออะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือเรียน แม่เขาจะไปยืมมาจากห้องสมุดให้ลูกลิงได้อ่านกันประจำอยู่แล้ว และก็ยืมพวก DVD มานั่งดูกันด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเราไปพักตามที่พักหรือโรงแรมที่มี Netflix เราก็จะให้อิสระกับลูกลิงในการดู TV พวกเขาก็พากันเลือกรายการอะไรของเขา คราวก่อนที่เราไปพักที่ Hurstville ลูกลิงตัวโตก็ดู Out of Space จนจบ series ไปเลย แบบว่าดูกันตั้งแต่ 3pm จนถึง 9pm แต่เราก็ปล่อยเขา บอกว่าดูเถอะ ไหน ๆ ก็มาพักผ่อน มาเที่ยว เราไม่ต้องการที่จะไปเข้มงวดอะไรกับเขามาก ที่เราไป Jervis Bay กันคราวนี้ ช่วงที่พักกันอยู่ในที่พัก ลูก ๆ ก็พากันดู Netflix ซึ่งเราก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขานั่งดู Netflix กันทั้งวันนะ แบบนั้นก็ไม่ใช่ เราคงไม่ได้ขับรถมาซะไกล มานั่งเสียค่าห้องพัก แล้วลูก ๆ มานั่งดู Netflix มันก็คงไม่ใช่ละ พวกเขาก็พากันออกไปพายเรือบ้าง เล่นอะไรกันบ้าง เพราะที่พักเราอยู่ติดกับแม่น้ำ ติดกับ lake ก็เลยสบายหน่อย การที่เราปล่อยให้ลูกลิงได้ดู Netflix กันบ้างเวลาเราออกไปนอกสถานที่ เพราะที่บ้านเรา ถ้าเป็น Mon-Fri ช่วงโรงเรียนเปิดเทอม เขาจะดู TV กันได้หลังจาก 7pm เท่านั้น ใช่จ๊ะ ที่บ้านเราจะไม่เปิด TV ก่อน 7pm เป็นอันขาด ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงปิดเทอม ใครจะอะไรยังไงก็ตามแต่ อย่าลืม unplugged your child กันด้วยนะครับ ช่วงนี้โรงเรียนที่ NSW ปิดเทอม 2 อาทิตย์ ลูกลิงตัวโตก็ไม่ได้เรียนฟันดาบแล้ว เพราะที่ชมรมฟันดาบเขาจะมันเฉพาะช่วงที่เปิดเทอม
แต่หลังจากที่ลูกลิงไปเข้าชมรมฟันดาบมาแล้วหลายอาทิตย์ ครั้งล่าสุดที่เราไปรับเขา ดูเหมือนว่าเขาอยู่คนชมรมเกือบเลิกเลย จากแต่ก่อนที่ไปแค่ 30 นาที ก็ text ให้เราไปรับแล้ว ตอนนี้กลายเป็นว่าเราต้องไปจอดรถนั่งรอว่าเมื่อไหร่เขาจะออกมาสะที ลูกลิงก็ออกมาประมาณ 8:45pm (เข้าไป 7:30pm) ซึ่งก็ถือว่านาน แต่ก็ดีนะ คุ้มค่าเงิน และถ้าเขาได้ทำอะไรในสิ่งที่เขาชอบมันก็ดี มันเป็นการออกกำลังกายด้วย และพอเวลาเขาขึ้นรถมา เราก็จะถามว่ามันนี้ได้ออกรอบกี่รอบ แพ้กี่รอบ ชนะกี่รอบ ดูท่าทางเหมือนว่าเขาเรียนไปได้ไว แต่ก็น่าเสียดาย ช่วงปิดเทอม ชมรมก็ปิดไปด้วย นอกนั้นเขาก็เล่นเทนนิสกับเพื่อนผู้หญิงในห้อง ครึ่งชั่วโมง $36 เขาก็หารกัน 2 คน ตกคนละ $18 ปรกติแม่เขาจะเป็นคนไปส่ง แต่อาทิตย์ที่แล้ว เราว่างเราก็เลยไปส่ง เพราะสนามเทนนิสอยู่ที่ที่เดียวกันกับ gym ที่เราไป เราก็กะไป drop ลูกลิงที่สนามเทนนิส แล้วเราก็จะเดินไปเข้า gym อ้าว ปรากฏว่าเราลืมเรารองเท้าออกกำลังกายมาด้วย เพราะปรกติรองเท้าออกกำลังกายจะอยู่ท้ายรถ แต่เผอิญว่าพวกเราเพิ่งกลับจาก Canberra กันมา เราเอารองเท้าออกกำลังกายออกไปจากรถ สรปก็คือเราไม่ได้ไปออกกำลังกาย เราก็เลยนั่งรอลูกลิงอยู่ในรถ ดูเขาเล่นเทนนิสไป เฮ้ย ทั้งลูกลิงและเพื่อนเขาตีเทนนิสกันสูงมาก เราก็คิดในใจ เฮ้ย พวกเขาเล่นอะไรกันเนี๊ยะ ทำไมตีไม่ได้เรื่องเลย ตีลูกเทนนิสซะโด่งอะไรอย่างนั้น เราก็พยายามคิดว่า เออ ลูกเราอาจจะไม่ใช่ sport person แค่เขามาออกกำลังกายแค่นี้ก็ดีแล้ว ดีกว่านั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านไปวัน ๆ (เราให้ลูกลิงอ่านหนังสือจ๊ะ ไม่ได้ให้เล่นเกม) ดูเหมือนเพื่อนของเขาเองก็เป็นพวกเด็กเรียนเหมือนกัน ดูท่าทางไม่ได้คล่องแคล่วเรื่องเทนนิสเลย แต่เราก็คงคิดว่า ปล่อยพวกเขาไป สรุป 2 คนนี้มัน dating กันหรือเปล่าวะ แต่เราก็ถามลูกลิงแล้ว ลูกลิงบอกว่า "ไม่" เดี๋ยวเราก็จะคอยดูไปว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่เท่าที่ดู she ก็เป็นเด็กดี ครอบครัวมาจาก ยูโกสลาเวีย อะไรซักอย่างนี่แหละ แต่พอกลับถึงบ้าน รู้สึกว่าเราคุยกันหรือ text หากัน organise เรื่อง birthday party อะไรสักอย่าง ตอนนั้นดึกแล้ว ประมาณ 8:45pm ที่บ้านเราถือว่าดึกจ๊ะ และเราปรกติให้ลูกลิงวางมือถือไว้นอกห้องนอน หลังจากที่เลิกโรงเรียนมาแล้ว แต่นี่ปิดเทอม มันก็จะงง ๆ กันหน่อย ทั้งพ่อและลูกว่าสรุปแล้วกฎมันคืออะไร ตอนนั้นเรานั่งทำอะไรใน laptop นี่แหละ แล้วเรียกลูกลิงเข้ามาหาในห้อง แล้วบอกให้ปิดมือถือทันที แล้วทิ้งมือถือไว้กับเรา เราบอกลูกลิงว่า มีอะไรเอาไว้คุยกับเพื่อนพรุ่งนี้ก็ได้ แต่เขาบอกว่า ตอนนี้เพื่อน ๆ เขา online กันหมดเลย จะได้ chat กันใน IG เราไม่คนไม่ต่อรองอะไรกับลูก Daddy บอกให้ปิด ก็คือปิด แล้วเราก็บอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยว่ากัน ตอนนี้หนูไปนอนก่อน วันรุ่งขึ้นเราก็บอกลูกลิงว่า อยากคุยกับเพื่อนช่วงปิดเทอมอะไรหนะ คุยได้ แต่ 8pm มือถือต้องปิด และวางไว้ข้างนอก เรื่องวางมือถือไว้ข้างนอกเนี๊ยะ เขาวางไว้ข้างนอกอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่เราซื้อมือถือให้ลูกลิง เราก็ให้วางใว้ข้างนอกห้องนอนตลอด เราไม่ให้เขาเอาเข้าไปในห้องนอนด้วย เหตุผลง่าย ๆ ของเราคือ โทรศัพท์มือถือที่เราซื้อให้เขา ให้เอามีไว้ติดต่อพ่อกับแม่เวลาฉุกเฉิน ส่วนเรื่องคุยกับเพื่อนหรือมี IG นั้นเป็นผลพลอยได้ มันเป็น privilege, not right ไม่ง่ายนะ กับการเลี้ยงลูก... |
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
June 2024
|