ลูกลิงตัวโตสอบใบขับขี่ผ่านแล้ว ในที่สุด
He ก็อยากจะสอบให้ผ่านเร็ว ๆ แหละ แต่การเรียนก็ต้องมาก่อน และ 2 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวก็โดนอะไรกันเยอะ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลากัน เราก็อยากให้ลูกสอบผ่านแหละ เราก็ไม่ไหวกับการเป็นพลขับเหมือนกัน เราจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง 1. รถเราก็คงโอนเป็นชื่อลูกลิง แต่ยังคงเป็น family car ที่ทุกคนใช้ร่วมกัน เพราะมันคือเงิน daddy ที่ซื้อมา 2. ที่โอนเป็นชื่อลูกลิงเพราะ - เวลาขับรถฝ่าไฟแดง หรือ speed camera ลูกลิงต้องรับผิดชอบเอง - ต่อ rego เอง เงินที่ daddy ให้ $100/week (เยอะมาก... oops!!!) นั่นแหละ + เงินที่เขาเป็น tutor เก็บหอมรอมริบเอา เพราะ daddy จ่ายค่าเช่าบ้านใน Sydney ให้แล้ว 3. Daddy ก็คงจะซื้อรถใหม่ EV อันนี้ลูกลิงขับไม่ได้ เพราะรถ daddy แทบจะไม่มี scratch เลย เห็นนิสัยการขับรถของ he ละ ไม่ไว้ใจ!!! 4. ลูกลิงเอาไปขับแถว ๆ UNSW ได้ แต่เราไม่ให้เข้าแถว ๆ China Town... คนขับแถวนั้น "ส่วนมาก" rude (ไม่ทุกคน) 5. เลิกเรียนมาจาก UNSW ลูกลิงกลับถึงบ้านวันศุกร์ เอาละ ทานข้าวเสร็จก็ต้องมีออกไปกับเพื่อนบ้าน นั่น นี่ โ่น่น daddy ไม่มีปัญหา เพราะลูกลิงโตแล้ว เราปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ให้เขาออกไปใช้ชีวิต แต่แม่เขาก็ห่วง ๆ หน่อย เพราะขับรถกลางคืน แม่เขาอยากให้แรก ๆ ก็ขับเฉพาะกลางวันก่อน เรากับภรรยาก็ตกลงกันเอาไว้แล้ว เวลาเลี้ยงลูก ถ้าลูกขออะไร ถ้าคนหนึ่งได้อนุญาตไปแล้ว อีกคนจะมา say "no" ทีหลังไม่ได้ พ่อกับแม่ต้องคุยกันก่อน เผอิญว่าอันนี้ลูกลิงขออนุญาตเราแล้ว และเราก็คิดว่าลูกลิงโตแล้ว ปล่อยเขาเถอะ เราคิดว่าเขาดูแลตัวเองได้ แต่ห้าม "ดื่ม" ของมึนเมาแค่นั้นเอง และออกไปข้างนอกต้องเอากุญแจบ้านไปด้วย ห้ามมาเคาะประตู อะไรประมาณนี้ ส่วนบ้านใหม่ที่พวกเรากำลังจะย้าย ลูกลิงก็มีทางเข้าส่วนตัวด้านล่างอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ทางเข้าร่วมกับคนอื่นก็ได้ อะไร ใด ๆ มันคือ "part of growing up" Insurance ของเราเป็น comprehensive และ cover คนขับ 3 คน; เรา ภรรยา และลูกลิง ตอนนี้ลูกลิงก็ใช้คันนี้ไปก่อน รับมรดก daddy ไปก่อน คันนี้ก็ซื้อมามือหนึ่ง เราขับมายังไม่มีรอยขูดขีดที่เกิดจากเรา ทุกคนจะรู้ดีว่าหวงรถและค่อนข้างดูแลรถดี เดี๋ยวรอลูกลิงเรียนจบ ค่อยว่ากัน ถ้าเราจะซื้อให้เป็นของขวัญ อะไรก็ว่าไป หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า เดี๋ยวก่อนนะ ถึงขั้นต้องซื้อรถใหม่ให้ลูกเลยเหรอ hmmm... ใช่ครับ เรารักของเราแบบนี้ ครอบครัวไหน เลี้ยงลูกแบบไหน นั่นคือปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเรา ส่วนของเรา เราก็สะดวกแบบนี้ ครอบครัวเราผ่านการสูญเสียมาก่อน ทุกวันนี้พวกเราจับมือกันไว้แน่น ๆ อยู่กันด้วยความรัก ไม่มีอะไรที่ต้องทะเลาะกันเลย ถ้าหลานชายเรายังอยู่ เราก็จะซื้อให้หลานเราเหมือนกัน แต่เมืองไทยก็น่าจะเป็นมือสอง เพราะราคารถที่โน่นจะแพงกว่าที่นี่ เราบอกลูกลิงทั้ง 2 เสมอว่า ถ้าลูกลิงได้อะไร (วัตถุ สิ่งของ) หลานชายเราที่เมืองไทยก็ต้องได้สิ่งนั้นด้วย เราเลี้ยงกันมา เหมือนเรามีลูก 3 คน ภรรยาเราก็รักหลานคนนี้มาก เพราะอายุไล่เลี่ยกันกับลูกชายเรา โตมาด้วยกันกับลูกลิง สิ่งที่เป็นห่วงคือเรื่องอุบัติเหตุ แต่ก็นั่นแหละ เราก็คิดว่าลูกลิงค่อนข้างเป็นคนที่ reasonable อยู่แล้ว คงจะทำอะไรด้วยสติ อย่างน้อยก็ "เหล็กหุ้มเนื้อ" ลูกลิงก็ค่อย ๆ ออกไปสยายปีกของเขา เดี๋ยว mummy and daddy ก็จะพากันไปเป็น "ผีตองเหลือง" แล้ว จะไปใช้ชีวิตพเนจรบ้าง ค่ำไหนนอนนั่นบ้าง มันคงจะมีความสุขดี หรือเมืองไทยบ้าง สิงคโปรร์บ้าง ออสเตรเลียบ้าง มันคงจะมีความสุขดีนะ เขียนเรื่องลูก มาจบที่เรื่องของตัวเองได้ไงเนี่ยะ อะไร ใด ๆ จบไปแล้วเรื่องหนึ่ง เรื่องการขับรถของลูกลิง daddy ก็ไม่ต้องคอยรับส่งแล้ว ย้ายบ้านเสร็จ เราก็คงซื้อรถใหม่ของเรา ลูกลิงก็น่าจะเอาคันนี้ไปขับใน Sydney เติมน้ำมันเองนะครับลูก แต่ daddy จะจ่ายค่า service ให้ทุก ๆ 6 เดือน มันคือ part of growing มันคือสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า "รัก" บันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำ เมื่อวันหนึ่งเราและลูก ๆ จะกลับมาอ่านด้วยกัน (ลูกลิงอ่านภาษาไทยไม่ได้) 02 March 2024 Comments are closed.
|
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
June 2024
|