เรามี investment properties 3 หลังก็จริง แต่ทุกวันนี้เราก็ยังเช่า apartment อยู่ ยังไม่ได้ซื้อบ้านเป็นของตัวเอง และพวกเราก็ plan เอาไว้ว่าเราจะต้องซื้อบ้านที่เป็นของตัวเองและก็เลิกเช่าซะที ก็กะว่าจะต้องซื้อให้ได้ภายในปีนี้ ก่อน 31 Dec 2020 มันจะได้เสร็จ ๆ ไป จบ ๆ ไปเป็นเรื่อง ๆ เราจะได้เอาเวลาไปทำอะไรอย่างอื่น
วันก็เป็นเป้าหมายของชีวิตที่เราเขียนเอาไว้ในสมุด A5 Note Book ของเราทุก ๆ เช้าด้วย :) การเงินเราพร้อม อะไรหลาย ๆ อย่างเราเริ่มลงตัว เราก็อยากจะมี family home เป็นของตัวเอง บ้านในฝัน อะไรก็ว่าไป หลังจาก Covid เริ่มคลายตัว พวกเราก็พอกันออกไปดูบ้านทุก ๆ วันเสาร์ ไปกันเป็นครอบครัวทั้ง 4 คน หลังที่พวกเราจะซื้อทุกคนต้องชอบด้วยกันทั้ง 4 คน ถ้าคนไหนไม่ชอบหรือคัดค้านเราก็จะไม่ซื้อเป็นอันขาด เราจะอยู่กันเป็นครอบครัว มันก็ต้องมีความสุขกันทั้งหมด 4 คน เด็ก ๆ ก็มีสิทธิ์ในการออกความคิดเห็นทุกคน หลังจากที่ไป inspect บ้านมาแล้วหลายอาทิตย์ และแล้วพวกเราก็เจอหลังที่ถูกใจ ราคาจับต้องได้ มีพื้นที่ให้เราได้ทำสวน ปลูกผักกินเอง ideally เมื่อเราซื้อบ้านเสร็จแล้ว เราก็ต้องย้ายเข้าไปอยู่กันเลยใช่ป๊ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งจ่ายค่าเช่าอยู่แบบนี้ แต่ลูกลิงตัวโตก็ชอบ apartment ที่เราอยู่กันเหลือเกินเพราะมันอยู่ใกล้เพื่อน ๆ เขา เหตุผลเขาแค่นี้เลยจริง ๆ เรื่องอื่นไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เรื่องเพื่อนเนี๊ยะ โอ๊ยอะไรก็ไม่รู้ เด็กวัย teen ก็ติดเพื่อนเป็นเรื่องปรกติ เราก็บอกว่า หนูก็มาหาเพื่อนได้หนิ เดี๋ยว daddy ก็ขับรถมาส่งมาได้ 10-15 นาที แต่เขาก็บอกว่า มันไม่เหมือนกัน ถ้าเราอยู่ที่อยู่ปัจจุบัน เขากับเพื่อน ๆ ก็นั่งรถบัสฟรีไปหากันได้ หรือบางคนก็เดินไปหากันได้ เอาง่าย ๆ คือเขายังไม่อยากย้ายว่างั้นเถอะ ลูกลิงก็บอกว่าทำไมเราไม่ซื้อตึกนี้ไปเลย โอ๊ว daddy ไม่มีกำลังหรอกลูก ตึกใน Wollongong ติดทะเล ราคาแพงมาก และเราก็อยากได้พื้นที่ในการทำสวนด้วย เพราะถ้าเราจะย้ายบ้านกันคราวนี้ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะย้ายบ้านกัน บ้านหลังนี้จะเป็น family home หลักของพวกเรา จะไม่ขาย จะไม่ย้ายไปไหนอีก ถ้าจะมี holiday home อยู่ที่อื่นบ้าง นั่นก็คือ holiday home ไม่ใช่ family home ที่เราจะอยู่กันแบบถาวร เราก็อยากจะได้สวน ได้พื้นที่ semi-retire มาก็จะได้นั่งทำสวน ก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ไป ทุก ๆ เสาร์อาทิตย์ อะไรก็ว่าไป แต่บางทีหัวอกของคนเป็นพ่อ เราก็ต้องฟังเสียงเรียกร้องและความคิดเห็นของลูกด้วย ถ้าอันไหนที่เราพอจะผ่อนปรนได้ เราก็จะผ่อนปรน เราก็เลยเกิดไอเดียว่า เอางี้ 1. ถ้าเราซื้อบ้าน เราก็ไม่จำเป็นต้องย้ายเลยทันทีก็ได้ เราก็อาจจะปล่อยให้คนเช่าไปก่อน 2. เราก็จะอยู่ที่ apartment ที่พวกเราเช่าอยู่ปัจจุบัน ไปจนกว่าลูกลิงจะจบ year 12 ซึ่งก็ปีหน้า เพราะพอจบ year 12 เพื่อน ๆ ลูกลิงแต่ละคนก็คงจะแยกย้ายกันไปเรียนมหาลัยกันแล้ว ยังไงมันก็ต้องแยกย้ายกันอยู่ดี 3. แล้วพวกเราก็ค่อยย้ายปีหน้า หลังจากที่ลูกลิงจบ year 12 อะไรประมาณนี้ เราก็เลยให้ลูกลิงกดเครื่องคิดเลขเลยทันที เราจ่ายค่าเช่า week ละ $330 ถ้าเช่าต่ออีก 1 ปี $330 x 52 weeks = $17,160 ต่อปี OK นะ เราก็สู้ไหว ถ้าทำเพื่อลูก บางทีมันก็ต้องทำ แต่ถ้าเราซื้อบ้านแล้ว บ้านที่เราซื้อแล้วปล่อยให้คนเช่า $350/week มันก็จะมา cover ค่าเช่าที่พวกเราเช่าอยู่ดี ซึ่งมันก็ OK เรามีเพื่อนที่รู้จัก บางคนก็ทำแบบนี้ คือมีบ้านเป็นของตัวเองแหละ แต่ปล่อยให้คนเช่า แล้วตัวเองก็ไปเช่าบ้านใกล้ ๆ โรงเรียนลูก เพราะคุณพ่อคุณแม่บางคนที่เคร่งศาสนาหน่อย เขาก็อยากที่จะส่งลูกไป private school ตามความเชื่อทางด้านศาสนาของเขา เมื่อวานพวกเราก็เลยนั่งคุยกัน ก็คงจะต้องเป็นอะไรแบบนั้น อย่างน้อยพวกเราก็จะได้มีเวลาในการเตรียมตัวเอาของทยอยออกไปบริจาค เพราะเราจะไปแต่ตัว เสื้อผ้า ทีวีและเครื่องซักผ้า เราต้องการย้ายกันแบบง่าย ๆ เฟอร์นิเจอร์อะไร เดี๋ยวเราจะไปซื้อเอาใหม่ เพราะเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ เราซื้อมาตั้งแต่ 2001 ซื้อมา brand new ก็จริง แต่มันก็ 19 ปีแล้วนะ มันคงถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้วจริง ๆ ภรรยาก็บอกว่า ตู้เย็นก็จะไม่เอาไป เพราะอยากได้ใหญ่กว่านี้ อะนะ ว่ากันไป เราก็ต้องตามใจเขานิดหนึง ชีวิตคู่จะได้ไม่ต้องมีปัญหา จะได้บ้านหรือไม่ได้บ้าน เราไม่รู้ แต่วันนี้ Sunday 02 Aug 2020, เราเสนอ offer ไปแล้ว ที่ real estate agent คิดว่าพรุ่งนี้ วันจันทร์อาจจะได้รับการติดต่อกลับมา ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พวกเราก็จะหากันไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ วันเสาร์มันกลายเป็นกิจกรรมครอบครัวไปแล้วแหละ ก็หวังว่าจะได้ภายใน 31 Dec 2020 ตามที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ แต่ถ้าได้ ก็จะยังคงไม่ย้าย เพราะลูกลิงตัวโตขอมา เขาอยากอยู่ใกล้เพื่อน ๆ เขาว่างั้นเถอะ (เจอเพื่อนจันทร์ - ศุกร์ ที่โรงเรียนยังไม่พออีกเหรอลูก เฮ้อ...) Comments are closed.
|
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
January 2025
|