ลูกสาวตัวเล็ก เป็นคนที่ชอบ dance เป็นชีวิตจิตใจ
เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องพูดถึงจ๊ะ dance school ที่เขาไปเป็นโรงเรียนที่แพงที่สุดใน Wollongong คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ก็ให้การสนับสนุนเต็มที่ มันเป็นกิจกรรมอะไรที่เขาชอบ และแม่เขาเองก็มีความสุขที่ได้ organise นั่น นี่ โน่น ให้ลูกสาวเขา เรากับลูกชายก็รู้สึกเฉย ๆ เขาบอกให้พวกเราไปไหน พวกเราก็ไป มีแข่งที่ไหน มีการแสดงหรือ audition ที่ไหน พวกเราก็ไปกันเป็นครอบครัว ถือว่าเป็นการไปเที่ยว เป็นการไปเปลี่ยนบรรยากาศ บางทีมีการแสดงไกล ๆ ในเมือง 2 วันติด พวกเราก็ต้องไปค้างที่โรงแรม พี่ชายเขาก็ต้องหอบเอาการบ้านไปนั่งทำที่โรงแรมด้วย Daddy ก็ต้องหอบเอา computer เอางานไปนั่งทำงานที่โรงแรมด้วย ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะพวกเราชอบทำอะไรกันเป็นครอบครัวอยู่แล้ว พวกเราต้อง supportive ซึ่งกันและกัน ครอบครัวเราไปไหน พวกเราจะไปด้วยกัน no question ask ลูกลิงตัวเล็กจะลงแทบทุกสนามแข่ง ตั้งแต่ St.George (Rockdale) ลงมาถึง Wollongong หลาย ๆ สนามแข่งถ้าเขาไม่ชนะ เขาก็จะได้รางวัลทติดไม้ติดมือมาตลอดอยู่แล้ว และที่ dance school ที่เขาไปเรียน ก็จะมีเขาและก็เพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งจะเป็นตัวเด่น ๆ ทุกสนาม ทุกการแข่งขัน มันต้องมีผู้แพ้มันถึงจะมีผู้ชนะ นักกีฬาทุกคนอยากจะชนะหมด ชนะไม่ได้แปลว่าเราเก่ง มันอาจจะหมายความว่า คนอื่นเก่งน้อยกว่าเราก็อาจจะเป็นได้ การแข่งขันทุกอย่าง มันคือ LOSE-WIN หรือไม่ก็ WIN-LOSE มันต้องมีผู้แพ้ มันถึงจะมีผู้ชนะ เราก็อยากจะลูกสาวเราเข้าใจตรงจุดนี้ แต่บางทีเด็กก็คือเด็ก เราจะไปตรรกะอะไรกับเขามากไม่ได้ พูดไป เขาก็บอกว่าเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วเด็กมันยังไม่รู้เรื่องหรอก รู้แค่ว่าอยากจะชนะ อยากได้โล่ห์ อยากได้ lime light และทุกคนก็ยินดี ชื่นชม ชื่นชอบ ไม่รู้สินะ เราอาจจะเป็น daddy ที่ไม่เหมือนคนอื่นก็ได้ เรารู้แหละว่าการแข่งขันมันไม่มีหรอก WIN-WIN โลกมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น ถ้ามีคนที่ได้ที่ 1, มันถึงจะมีคนได้ที่ 2 และที่ 3 และก็ลดหลั่นกันลงไป มันไม่มีใครได้ที่ 1 หมด มันไม่มีใครชนะหมด การที่นักกีฬาที่ขึ้นมาเป็นที่หนึ่งได้ แน่นอนเขาก็ต้องฝึกฝนและฝึกหัด ซึ่งก็เป็นการดี การที่บอกว่านักกีฬา "รู้แพ้รู้ชนะ" แหมมันรู้หมดแหละ แต่มีใครอยากที่แพ้หรือเปล่าหละ?? การที่ลูกเราเป็นคน compettitive มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือเขาชอบฝึกฝน มีระเบียบและวินัยในตัวของเขาเอง แต่ข้อเสียก็คือ นักกีฬาทุกคนอยากจะชนะหมด มันก็นำมาซึ่งความเครียด อยากดีอยากเด่น อยากเป็นที่หนึ่ง ซึ่งของพวกนี้ daddy ก็คิดว่ามันไม่ยั่งยืน มันเป็นความสุขที่ฉาบฉวย ลาภ ยศ สรรเสริญ มันไม่มีอะไรยั่งยืนหรือแน่นอนหรอก แต่ลูกก็ยังเด็กหนัก ลูกยังไม่เข้าใจ อาทิตย์หนึ่ง she ซ้อมประมาณ 6 วัน บางวันก็แค่ 45 นาที บางวันก็ 3 ชั่วโมง (ถูกต้องจ๊ะ 3 ชั่วโมง อ่านไม่ผิด) เราก็แค่อยากจะบอกพ่อ ๆ แม่ ๆ ทั้งหลายที่มีลูก ก็ลองมองอะไรจากหลาย ๆ มุมด้วยก็แล้วกัน อย่ามัวหลงละเลิงกับแสง สี เสียง ให้มาก ทุกอย่างไม่ยั่งยืน อย่ามัวแต่ยกย่องสรรเสริญกันเกินเหตุ ให้ลูกเขาได้มีภูมิคุ้มกันว่าโลกมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เขาคิดเสมอไป ลูกเราอาจจะเป็นแค่กบว่ายน้ำอยู่ที่สระเล็ก ๆ ก็ได้ เขายังไม่ได้ออกไปสู่สระที่ใหญ่กว่า หรือสนามแข่งที่คนเก่งกว่าเขา ลูกลิงตัวเล็กลงแข่งที่สนาม Sydney มาแล้ว 2 ปี ซึ่งก็ถือว่าเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดของ NSW แต่มันก็แค่ระดับรัฐ ยังไม่ใช่ระดับประเทศ ปีที่แล้วเขาก็ชนะมาหนึ่งตำแหน่ง และที่เหลือก็มีรางวัลติดมือมาอีกบ้างเล็กน้อย ปีนี้จริง ๆ แล้วก็จะเป็นปีที่ 3 ที่เขาต้องไปแข่งที่ Sydney (July) ก็ต้องยกเลิกเพราะวิกฤต Covid-19 ปีนี้ลูกลิงจะแข่งระดับประเทศด้วย คือแข่ง Ballet ที่ Brisbane QLD จริง ๆ ก็ต้องแข่งเมื่อเดือนที่แล้ว; March 2020 แต่ก็ต้องเป็นเลื่อนไป เพราะ Covid-19 อย่างน้อยการแข่งขันที่ QLD ก็แค่เลื่อน ไม่ได้ยกเลิกเลยเหมือนสนามอื่น ๆ ปีนี้ สนามแข่งที่ St.George, Sydney และ Wollongong ยกเลิกหมดเลย ทุกการแข่งขัน ค่าใช้จ่ายเยอะแน่นอน ไหนจะค่าสมัคร ค่าชุด ค่าเดินทางและค่าที่พักโรงแรมอีก นั่น นี่ โน่น แต่พวกเราก็ชอบ ครอบครัวชอบการเดินทางอยู่แล้ว มันคือประสบการณ์ของชีวิต เรามีชีวิตเดียว เราก็ต้องใช้ให้คุ้ม (ตามที่กำลังทรัพย์เรามี พวกเราไม่ทำอะไรเกินตัว) เราก็แค่อยากให้ลูกลิงตัวเล็ก ได้มีประสบการณ์ ได้ explore โลกกว้างก็แค่นั้นเอง เพราะทุกอย่างคือประสบการณ์ ปีนี้ก็เลยให้ลงแข่งระดับประเทศดูบ้าง ไม่ได้รางวัลอะไรติดมือมา ไม่เป็นไร แต่คิดว่าเขาน่าจะได้ประสบการณ์แน่นอน หมดทั้งโรงเรียน dance school ก็มีแค่ลูกเราคนเดียวที่ไป และเขาก็คงจะไปเจอคู่แข่งคนอื่น ๆ จาก dance school ที่ดัง ๆ เยอะแยะใน Sydney ด้วย และจากรัฐอื่น ๆ อีก เพราะมันเป็นการแข่งขันระดับประเทศ ไม่ใช่แค่ระดับรัฐ สิ่งที่ตามมาสำหรับผู้เข้าแข่งขันแทบทุกคนก็คือความเครียด stress และก็ anxiety กลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดีบ้างหละ นั่น นี่ โน่น ซึ่งคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ บอกเลยว่าไม่ชอบอะไรตรงจุดนี้ เพราะบางทีเขายังเด็กอยู่ การที่เราจะบอกให้เด็ก relax และก็ take it easy เด็กมันไม่รู้เรื่องหรอกว่าคืออะไร โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง อะไรนิดอะไรหน่อย ดอกพิกูลนางก็ร่วง (บอกได้เลยว่า น่าเบื่อมาก) ไม่ง่ายจ๊ะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ การที่เขาวิ่งไล่ล่าหา fame หาความเด่น หาความดัง มันจะนำมาซึ่งความเครียดเสมอ คนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ต้องพึงระวัง พูดกับลูกบ่อย ๆ เขาจะเข้าใจบ้างหรือไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องพูด ให้มันซึมซับเข้าหัวเขาบ้างก็ดี โดยเฉพาะลูกผู้หญิง drama เขาเยอะมาก ดังนั้นอย่ามองแค่ว่า การชนะต้องดีเสมอไป มันก็แฝงอะไรไว้อยู่เหมือนกัน พ่อแม่ต้องรู้เท่าทัน ไอ้พวกดาบ 2 คมพวกนี้ เพราะรัก... จึงแบ่งปันจ๊ะ... 26/04/2020 Comments are closed.
|
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
January 2025
|