ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ช่วง Apr ลูกลิงตัวโตไปทัศนศึกษากับทางโรงเรียน
เป็นการทัศนศึกษาที่นานมาก 15 วัน; Central Australia เดินทาง 3 รัฐ คือ NSW, QLD และก็ VIC เป็นการทัศนศึกษาที่นานมาก เพราะต้องไปหลายรัฐ นักเรียนต้องกางเต้นท์นอนเอง ที่ดีหน่อยคือ นักเรียนไม่ต้องทำอาหารเอง มันเป็นการไปทัศนศึกษาที่ทางโรงเรียนจัดกับบริษัทที่เขารับจัดโปรแกรมแบบนี้ คือมีคนทำกับข้าวเย็นให้ทุกวัน ตอนเช้า breakfast ก็จะเป็นอะไรง่าย ๆ พวก cereal พวก cornflake luch ก็จะเป็นพวก sandwhich ที่นักเรียนจัดแจงกันเอง แต่ตอนเย็น ก็จะมี chef ทำกับข้าวให้ทุกวัน สรุป ชีวิตกลางป่า กลางเขา ก็ไม่ได้เดือดร้อนมากเรื่องอาหารการกิน แต่นักเรียนต้องกางเตนท์นอนกันเองทุกคืน และก็ย้ายที่กันทุกคืน เพราะพวกเขาต้องเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ ทั้ง 3 รัฐ รถจะออกจากโรงเรียน แล้วขับไปกลาง NSW แถว Orange, แถว Dubbo แล้วก็ค่อย ๆ ขับขึ้นเหนือ ไป QLD ขับไปทาง Mt.Isa แล้วหลังจากนั้นก็จะขับลงต่ำ ไปรัฐ VIC ไปแถว Mildura Hightlight ของ trip นี้ก็คือ Uluru คือเด็ก ๆ ได้ไป Uluru ด้วย มันเป็น highligh ของ trip นี้เลยหละ เราก็อยากให้ลูกเราไปมีประสบการณ์อะไรบ้าง ขนาดฝรั่งที่เกิดที่นี่ บางคนยังไม่มีโอกาสไป Uluru เลย Uluru เป็น landmark ที่สำคัญของประเทศออสเตรเลีย เราก็เลยให้ลูกลิงไป ให้เขาได้นอนกลางป่ากลางดงบ้างก็ดี ค่า excursion ไม่ได้ถูก ๆ เลย $2,500 15 วัน มีอาหารให้พร้อม เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง นักเรียนทั้งโรงเรียนก็เลยไปกันไม่ถึง 100 คน ลูกเราก็ถือว่าโชคดี ที่ได้มีโอกาสไปกับเขาในครั้งนี้ เราก็บอกลูกลิงเสมอว่า นี่เป็น excursion ที่แพงนะลูก การที่ daddy ให้หนูไป หนูต้อง appreciate กับสิ่งที่เรามี เพราะเพื่อน ๆ ในห้องก็ไปกันแค่ 2 คน ทั้งโรงเรียนได้ไปกันไม่ถึง 100 คน เพราะราคาก็แพงมาก ลูกลิงตอนที่อยากไปนะ พูดอะไรไปเขาก็ดูเหมือนจะเข้าใจไปหมด เขาตื่นเต้นในการจัดกระเป๋า ตื่นเต้นในการเตรียมสัมภาระในการไปนอนบนดิน กินกลางทราย เราบอกลูกว่าให้ SMS หรือส่งข้อความหา daddy หรือ mommy ทุกวันว่าวันนี้อยู่ไหนแล้ว เพราะเราก็เป็นห่วง เพราะเขาไปไกลอยู่กลางประเทศ อยู่ในหุบเขา และก็ตั้ง 15 วัน พอลูกลิงไปได้จริง ๆ นะ Text ก็ไม่ text SMS ก็ไม่ SMS มันน่าเจ็บใจไหม พอเราให้แม่เขา text ไป เขาก็ตอบกลับมาเหมือนรำคาญว่า "ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่" บ้างหละ เหนื่อยบ้างหละ จะนอนแล้วบ้างหละ มันการเลือกใช้คำที่แย่มากเลยนะลูก คือข้ออ้างเขาเยอะมาก เราก็เลยภรรยาเราว่า ไม่ต้อง text แล้ว เดี๋ยวเราจะ text หาลูกลิงเองเพราะลูกลิงจะเกรงเรามากกว่าเกรงใจแม่ เขาจะเด็ดขาดกว่าแม่เขานิดหนึง เราก็ text ไปหาลูกลิงแค่ครั้งเดียวเอง แค่ถามว่าทุกอย่าง OK มั้ย ลูกลิงคงนึกว่าแม่เขา text ไป he ก็ตอบมาแบบรำคาญ ๆ ว่า "อย่าถามบ่อย" อะไรประมาณนี้ หลังจากนั้นลูกลิงคงนึกได้ว่า อ้าว นี่มันเบอร์ daddy นี่หว่า ไม่ใช่เบอร์ mommy 5 นาทีหลังจาก ลูกลิงรีบ text กลับมาเลยว่ามือถือหาสัญญาณยาก และน้ำเสียงและการเลือกใช้คำของเขาก็เปลี่ยนไป เราก็พอรู้แล้วหละว่าเขาไปอยากให้เราไปยุ่งมาก นี่ขนาดคุยกันก่อนไปแล้วนะ ว่าให้ text แจ้งข่าวพวกเราทุกวัน ไม่งั้นเราก็คงไม่ให้ไป เพราะค่า excursion ก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะ $2,500 ขนาดครอบครัวฝรั่งหลาย ๆ ครอบครัว เขายังไม่มีเงิน $2,500 มาจ่ายให้ลูกไปทัศนศึกษาแบบนี้เลย ที่เรากับครอบครัว ไปเที่ยว Uluru กันช่วงปิดเทอม Apr ช่วง Easter Holiday ก็เพราะว่าลูกลิงตัวโตไป excursion ที่นั่นนี่แหละ เรากับภรรยาและลูกลิงตัวเล็ก 3 คนก็กะว่า เราจะไปเจอลูกชายที่โน่น แต่ก็คิดถ้าไปเจอได้ ก็เจอ ถ้าไม่ได้เจอก็ไม่เป็นไร รู้แต่ว่าราคาตั๋วเครื่องบินช่วงปิดเทอมมันไม่ได้ถูกเลยนะ ตั๋วเครื่องบินก็แพง ช่วงปิดเทอม ค่าที่พักก็แพง ช่วงปิดเทอม แต่เราก็คิดว่า ถ้าพวกเราไปกันตอนนี้ อย่างน้อยเราก็จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินแค่ 3 คน เพราะลูกลิงตัวโตก็ไปโรงเรียนแล้ว ไปกับรสบัส เพราะถ้าไปช่วงอื่น เราก็ต้องไปกัน 4 คน ซื้อตั๋ว 4 คน เราก็เลยตัดสินไปกันช่วง Apr ช่วงที่ลูกลิงตัวโตก็ไป Uluru กับทางโรงเรียนพอดี แต่เราก็ไม่ได้เจอกันหรอก เพราะเราไปก่อนลูกลิง 1 วัน วันที่เขามาถึง Uluru มันก็มืดแล้ว เราพักที่โรงแรม ลูกลิงกับทางโรงเรียนพักที่ camping site เดินไปหากันได้ แต่เราก็ปล่อยให้เขาใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ ของเขา และอยู่กับทางโรงเรียนก็แล้วกัน เราไม่อยากไปวุ่นวาย ถ้าลูกลิงมาถึง camping site สักบ่าย 2pm, 3pm เราก็คงจะได้เจอกัน แต่นี่เขามาถึง 6pm, 7pm มันเป็นเวลาทานข้าว มันเป็นเวลากางเตนท์ของเขา เขาไปอยากไปยุ่ง เราก็เลยปล่อย วันรุ่งขึ้น เราก็มีกิจกรรมเที่ยวของเรา เขาก็มีกิจกรรมเที่ยวของเขา อยู่ใกล้กันก็จริง เราก็ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ นี่แหละเหตุผลหลัก ๆ ที่เราไปเที่ยว Uluru กัน เพราะเราต้องการไปให้ประจวบเหมาะกับวันที่ลูกชายเราไป Uluru มันก็ประจวบเหมาะแหละ แต่ก็ไม่ได้เจอกัน เพราะรถบัสโรงเรียนมาถึงค่ำเกิน แต่อย่างน้อยเราก็ไปดู camping site ของทางโรงเรียนแล้ว เออ มันก็ไม่ได้ขึ้เหร่มาก เราก็หมดห่วง ในฐานะที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ เราก็อยากจะให้ทุกอย่างที่ดีที่สุดสำหรับลูกเรานะ ทัศนศึกษา $2,500 ไม่ถูกนะ แต่เราก็ให้ลูกเราไป เพราะคิดเป็นโอกาสทางการศึกษาที่ดี หรือถ้าเผื่อมีโครงการแลกเปลี่ยนไปต่างประเทศ เราก็อยากให้เขาไปเหมือนกัน เราอยากให้เขาเห็นโลกที่กว้างขึ้น เห็นโลกในอีกหลาย ๆ มุม เห็นวัฒนธรรมที่แตกต่าง ที่เขาไปคราวนี้ เขาก็ได้เรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมของชาว Aborigin เยอะ ซึ่งก็ถือว่าดี แต่พอเราให้เขาไปนะ มันเจ็บใจบ้างเล็กน้อย ที่เขาไม่ติดต่อ ไม่ text ไม่ SMS รายงานเลยว่าแต่ละวันเป็นยังไงบ้าง เราก็แค่ต้องการ make sure ว่าเขากินอยู่ OK ก็แค่นั้นเอง แต่พอ he กลับมาถึงบ้าน วันรุ่งขึ้น he ก็กระดี๊กระด๊าเอาของไปฝากเพื่อนนะ เพื่อนที่เขาไม่ได้ด้วย เออ ให้มันได้อย่างนี้สิลูก เดี๋ยวต่อไป จะซื้ออะไรให้ daddy ต้องคิดหนักแล้วหละ รู้สึกหนูไม่ค่อยเห็นคุณค่าเลย เราก็เจอพ่อของเพื่อนร่วมชั้นเขาด้วย ที่เขาไปด้วยกัน พ่อของเพื่อนบอกว่า ลูกชายเขา text หาเขาทุกวัน อ้าว แล้วทำไมลูกชายเราไม่ text หาเราเลยเนี๊ยะ มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะหาสัญญาญโทรศัพท์ยากอะไรกันนักกันหนา แต่ก็ช่างเถอะ ปล่อยไป นี่คือบทเรียนในการให้ลูกไป excursion ไกล ๆ excursion แพง ๆ สิ่งที่เราคอยบอกลูกเสมอก็คือ ห้าม take it for granted ห้ามคิดว่าอยากได้อะไรแล้วต้องได้เสมอไป เขาต้องคิดถึงคนอื่นที่เขาไม่ได้มีโอกาสแบบเราด้วย เพราะ excursion แบบนี้ ไม่ได้มีโอกาสไปกันทุกคน ตอนที่เราพูด ลูกลิงก็เหมือนจะเข้าใจแหละ แต่จะซึมซับได้มากน้อยแค่ไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราก็ต้องพร่ำสอนอยู่เรื่อย ๆ ไม่งั้นลูกเราจะไม่เห็นคุณค่าของเงิน ลูกเราจะได้ไม่คิดว่า ถ้าเขาอยากได้อะไร เขาก็ต้องได้ ซึ่งในโลกของความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นแบบนั้น ลูกต้องรู้ว่าเงินทองมันไม่ได้หล่นลงมาจากฟากฟ้า ทุกอย่างที่ครอบครัวเราได้มา มันคือหยาดเหงื่อและแรงงานของคนที่ทำงาน เราก็ไม่รู้หรอกว่าการไปทัศนศึกษาครั้งนี้ $2,500 มันคุ้มหรือเปล่า แต่เราก็คิดว่า เราได้ให้ประสบการณ์กับลูกเรา ประสบการณ์บางที มันก็คิดเป็นเงินทอง คิดเป็นราคาไม่ได้ เราก็คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่ที่ต้องระวังก็คือ ลูกจะต้องเห็นคุณค่าของเงินหรือเปล่า ไม่คิดว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ไปหมดซะทุกอย่าง ก็แค่นั้นเอง dealing กับลูกวัยทีน มันก็ไม่ง่ายนะ มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต้องคิด และก็ต้องคิดแบบรอบคอบด้วย เสร็จไปหนึ่งงาน excursion แล้วนะลูก แต่ถ้ามี excursion อะไรไกล ๆ อะไรแพง ๆ daddy ขอคิดดูก่อนละกัน ว่าจะให้หนูไปหรือเปล่า เพราะหนูรู้สึกทำตัวไม่เหมาะสมหลายเรื่อง Comments are closed.
|
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
December 2024
|