ครอบครัวเราไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือเลี้ยงลูก ที่บ้านเรามี tablet แค่เครื่องเดียว เอาไว้ให้เด็ก ๆ เล่นเกมบ้างเวลาเดินทางไกล ๆ ก็แค่นั้นเอง
แต่หลัง ๆ มาเด็ก ๆ ก็ไม่ค่อยเล่น tablet กันแล้ว สงสัยพวกเขาเริ่มโตกันแล้ว และเกมที่อยู่ใน tablet มันก็เป็นเกมสำหรับเด็กเล็กมากกว่า หรือพวกเราไม่ได้ให้ความสนใจก็ไม่รู้นะ แต่ก็ถือว่าเป็นข้อดีไป เวลาเดินทางไกล เราก็จะใช้เวลาคุยกันมากกว่า สรุป tablet เราเอาไว้ใช้อ่าน ebook มากกว่า เด็ก ๆ ที่บ้านเราไม่มีใครเล่น facebook คนเล็กเล่นไม่ได้อยู่แล้ว เพราะอายุต่ำกว่า 13 คนโต อายุเกิน 13 แล้ว แต่เขาก็ไม่เล่นกัน เขาเล่น Instagram กัน แต่ daddy สั่งห้ามว่าห้าม post หน้าตัวเองลง Instagram ก็แค่นั้นเอง เขาก็มีเอาไว้ลงเล่นพวกรูปภาพจาก photoshop ของเขา เป็นงานอดิเรกช่วงเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งเราก็ OK คนเล็กมี Instagram แต่ daddy และ mommy เป็นคน manage ทุกอย่าง เพราะเขาเป็นนักเต้น เป็น dancer เราก็อยากจะสร้าง profile ให้เขา แต่เรา manage เองทุกอย่าง ถ้าลูกสาวอยากจะดูว่าเรา post อะไรไปบ้าง เขาจะขออนุญาต เพราะเราจะไม่ให้เขา post หรือ comment ใครอะไรเลย ดูได้เฉย ๆ คนโตอยู่ high school แล้ว เขาก็จะมีโทรศัพท์มือถือของเขา เราบอกกับลูกลิงทั้ง 2 คนว่า ต้องจบ year 6 ก่อน daddy ถึงจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้ เรียน primary school เราไม่ให้โทรศัพท์มือถือ แต่ถ้าเรียน high school เราอนุญาตให้มีมือถือได้ เอาไว้โทรหาพ่อแม่เวลาฉุกเฉิน คนโตเรียน high school แล้ว เขาก็จะมีโทรศัพท์มือถือของเขา และก็เริ่มที่จะคุยกับเพื่อน และ message กับเพื่อน ๆ กันมากขึ้น เวลาเรา manage ลูกเราโดยเฉพาะคนโตเพราะเขาเริ่มเป็นวัยรุ่นแล้ว เราจะ manage กันเป็นเทอม ๆ manage กันเป็น week เวลาที่เราจะตั้งกฎระเบียบอะไรที่บ้าน เราต้องเริ่มกันอีกอาทิตย์หนึง จะไม่เริ่มบังคับใช้ทันที เพราะเด็กจะไม่สามารถปรับตัวได้เลยทันที บางทีเราก็ต้องให้เวลาเด็กด้วย daddy เป็นอาจารย์สอนนักเรียน ดังนั้นเรื่องจิตวิทยาเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เรารู้ดี เราก็เลยจะ take control ในเรื่องของกฎระเบียบและการดูแลลูกมากกว่า กฎง่าย ๆ เรื่องโทรศัพท์มือถือของลูกคนโตก็คือ เวลาเลิกโรงเรียนมา โทรศัพท์มือถือต้องวางไว้ข้างนอก ห้ามนำเอาไปไว้ในห้องนอน คือถ้าจะคุย จะ text อะไร อย่างน้อยเราจะได้เห็น จะได้อยู่ในสายตา และโทรศัพท์มือถือต้องปิดภายใน 9pm และต้องวางไว้ข้างนอก ห้ามเอามือถือเข้าไปในห้องนอนหลัง 9pm ช่วงเปิดเทอมช่วงแรก ๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่พออยู่ ๆ มากลางเทอม ลูกลิงก็เอาโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องตลอดเลย ข้ออ้างคือ he ต้อง charge โทรศัพท์ เราก็บอกว่า charge ข้างนอกก็ได้ he ก็จะบอกว่าสายมันสั้น หาที่วาง หาที่ charge ข้างนอกไม่ได้ เออ ข้ออ้างเขาเริ่มขึ้นนะ แต่เราก็ปล่อยไป เพราะที่บ้านเรา ห้ามลูกปิดประตูห้อง ต้องเปิดประตูไว้ตลอดยกเว้นเวลานอน เราจะได้เห็นว่าลูกเราทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะเวลาอยู่หน้า computer ลูก ๆ เรานอนกันประมาณ 9pm แต่คนโตก็เริ่มนอนดึก ดู TV ในช่วง weekend คืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์ ดู TV เรากับภรรยาไม่ว่าอะไร แต่นอนดึก ดู TV ไปด้วย เล่นมือถือไปด้วย เราไม่ OK ก็อาจจะมีบ้างที่คืนวันศุกร์ตัวเราเองก็นั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงานเงียบ ๆ คนเดียว 10pm ตัวเล็กเข้านอนไปนานแล้ว ตั้งแต่ 9pm แต่ตัวโตยังดู TV อยู่ข้างนอกซึ่งเราไม่ mind แต่เขาเล่นมือถือไปด้วย ซึ่งมันเลย 9pm แล้ว แม่เขาจะบอกให้เขาปิดมือถือ ลูกลิงจะชอบตอบกลับว่าเนี๊ยะมัน weekend ไม่ใช่วันธรรมดา ลูกลิงจะชอบโต้ตอบกลับเวลาพูดกับแม่ของเขา แต่กับเราเขาจะไม่กล้า เพราะเราบอกเลยว่า สิ่งที่เราต้องการฟังคือ "Yes, dad" ไม่ต้องเถียง ไม่ต้องอธิบาย ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ปรกติเราจะให้แม่กับลูกเขาพยายาม settle กันก่อน ถ้า settle กันไม่ได้เราถึงจะออกไป intervence ของเราง่าย ๆ เราไม่พูดมาก เราเดินออกไป แล้วบอกว่า "Please give me your phone" แค่นี้แหละ ลูกลิงจะชอบโต้ถามว่า "Why?" เราจะไม่ตอบ เราจะไม่อธิบาย อธิบายไปตอนนั้นก็เสียเวลา เราก็แค่บอกว่า "We'll talk about this tomorrow" แค่นี้เอง แล้วเราก็เดินออกมา พร้อมมือถือ เราจะไม่ค่อยอธิบายอะไรมากในระหว่าง heat up conversation เราจะปล่อยให้มันผ่านไปก่อน 1 คืน ตื่นขึ้นมา ทุกคนอารมณ์ดีแล้วค่อยอธิบาย แล้วค่อยคุยกับเขาว่า จะวันไหน อะไร ยังไง ก็ตามแต่ โทรศัพท์มือถือต้องปิดสนิท 9pm ไม่มีข้อแม้ แค่นี้เอง ง่าย ๆ เขาจะ happy หรือไม่ happy ก็ช่าง พอสักพัก สัก 1-2 week เขาก็ชิน 9pm ปุ๊บ เราบอกเขาปิด เขาก็ปิดโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ชีวิตภายในครอบครับมันก็ราบรื่นขึ้น โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น เด็กวัย teen เขาก็อยากจะ spend time กับเพื่อนเขา อยากจะคุยกับเพื่อนเขา แต่ทุกอย่างต้องมี limit ทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนความดี ส่วนเรื่องการ charge โทรศัพท์มือถือ หลังจากที่เรากลับมาจากการทำงานที่ Gold Coast เราบอกลูกลิงว่าต่อไปนี้ เครื่อง charge ทุกเครื่องจะถูกย้ายมาอยู่ในห้องทำงานของ daddy หนูต้องมา charge โทรศัพท์มือถือที่นี่ charge ในห้องนอนตัวเองไม่ได้แล้ว แค่นั้นเอง ง่ายมาก เราบอกกับลูกเสมอว่า การมีโทรศัพท์มือถือ มันคือ privilege เพราะเด็กคนอื่นเขาอาจจะไม่มีโอกาสมีแบบนี้ก็ได้ ถ้าหนูไม่ทำตามกฎระเบียบที่ daddy วางเอาไว้ daddy ก็จะยึดคืนหรือลองให้ใช้ชีวิตแบบไม่มีมือถือสัก 1 อาทิตย์จะดีไหม คือทุกอย่างต้องมี consequences ไม่งั้นเด็กก็จะเสียการเรียนได้ ที่บ้านเราการเรียนต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง พวก gadget อะไรพวกนี้เราไม่ได้ความสำคัญมาก เราบอกกับลูกลิงเสมอว่า ตอนที่เราเป็นเด็ก เราไม่ได้มือถือ เราก็ยังไม่ตาย ดังนั้นถ้าหนูไม่มีมือถือ หนูก็ต้องอยู่ได้เช่นเดียวกัน ง่าย ๆ เลย เราพูดกับลูกเราแบบนี้จริง ๆ เราไม่ได้เลี้ยงลูกให้เป็นคุณหนู พวกเขาไม่ใช่ไข่ในหิน ถ้าลูกติดมือถือ ติดเกม อย่าโทษลูก โทษพ่อแม่นั่นแหละ ที่ปล่อยปละละเลย เราเจอกับลูกศิษย์ทุกวัน ปัญหาเรื่องพวกนี้ เล็กน้อยมากเลยสำหรับเรา มันแก้ได้ด้วยกฎเกณฑ์ง่าย ๆ ทุกอย่างต้องมี consequences ถ้าทำแบบนี้ผลลัพธ์ก็จะเป็นแบบนี้ เป็นต้น Comments are closed.
|
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
January 2025
|