ลูกลิงตัวโตตอนนี้อยู่ในวัยทีน (13-19)
ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เขาขอไปงานวันเกิดเพื่อน ซึ่งเราไม่ค่อยที่จะ OK เท่าไหร่ เพราะเขาขอไปตั้งแต่ 2pm - 9pm งานวันเกิดอะไรวะ 8-9 ชั่วโมง งานวันเกิดสำหรับเราคือไปทานข้าวด้วยกัน เสร็จแล้วก็กลับ จบ โดยส่วนตัวแล้วเราไม่มีงานวันเกิด เราไม่จัดงานอะไรทั้งสิ้น เราคิดง่าย ๆ ว่าทุก ๆ วันมันก็คือเหมือนเดิม ทำวันนี้ให้ดีที่สุด "วันเกิด" มันเป็นแค่สิ่งสมมุติขึ้นมาเฉย ๆ แต่เราก็ไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ให้ลูก ๆ ฟังหรอก แต่ทุกคนในครอบครัวรู้ดีว่าเราไม่จัดงานวันเกิด วันเกิดเรา เสมือนวันตายแม่ ทำไมต้องฉลองด้วยหละ cake ก็มีแต่น้ำตาล healthy ตรงไหนเนี๊ยะ (เราคิดมากเกินไปหรือเปล่าเนี๊ยะ) แต่นั่นมันก็ความเชื่อของเรา เราไม่เคยที่จะ impose อะไรกับใคร คนที่รู้วันเกิดเราก็มีแค่ภรรยา เราไม่เคยใส่ข้อมูลอะไรพวกนี้ลงในพวกสื่อ social ดังนั้นเราจะไม่เคยได้รับข้อความอะไรจากใครใน social จะมีก็แค่ภรรยา และเพื่อนที่สนิท 1 คนเป็นคน Fiji ซึ่งเราก็คิดว่าเขาคง record ไว้ใน Google Calendar อะไรสักอย่าง เพราะเพื่อน Fiji จะส่ง WhatApps มาทุกปีเลย แต่ลูกเรายังเด็ก เขายังไม่เข้าใจอะไรพวกนี้ ตอนที่เด็ก ๆ อยู่ kindy อยู่ year 1-2-3 เราก็จัดให้ เพราะเด็ก ๆ ต้องการความสนุก แต่พอโตขึ้นเราก็เลิกจัดกันละ อย่างมากก็แค่ซื้อ cake มาทานกันที่บ้าน พ่อ แม่ ลูก... จบ ลูกลิงตัวโต, วันเกิดเขาอยู่ช่วง Jan, school holiday ซึ่งส่วนมากเขาก็จะไปอยู่ที่สิงคโปร์กัน ซึ่งครอบครัวที่สิงคโปร์ก็ spoil กันน่าดูอยู่แล้ว ดังนั้นเราไม่ต้องทำอะไรมาก ครอบครัวฝ่ายโน้นเขาจะเป็นหัวสมัยใหม่มากกว่าเรา ที่บ้านก็เลยจะไม่จัดงานวันเกิดกัน วุ่นวาย ทุก ๆ วันคือวันที่ดีที่สุด ไม่ต้องรอให้ถึงวันเกิดค่อยฉลองหรือ celebrates แต่ก็อย่างที่บอกว่านั่นคือสิ่งที่เราคิด และลูกก็ยังเด็กเกินที่จะเข้าใจ และเราก็ไม่ต้องการ impose ความเชื่ออะไรให้กับลูก ชีวิตเขา ให้เขาคิดเอง แต่เราก็แค่คิดว่าการไปงานวันเกิดของเด็ก high school, 2pm-9pm เนี๊ยะ มันนานเกิน เราบอกว่าลูกว่า ลูกไปได้ แต่ต้องกลับภายใน 7pm คือทาน dinner เสร็จก็ให้กลับ จะอยู่อะไรกันนักกันหนา ลูกลิงบอกว่ามัน rude นะที่จะต้องกลับก่อน เราบอกว่าไม่ rude ก็เรามีเวลาแค่นี้ จะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปก็อยู่บ้าน ลูกลิงพูดไม่ออก น้ำตาไหลเบา ๆ น้ำตาทำอะไร daddy ไม่ได้จ๊ะ ไหลออกมา เดี๋ยวมันก็หยุด เราบอกลูกลิงว่าให้ไปงานวันเกิดเพื่อนก็ดีแล้ว เราบอกลูกว่า จะไปอะไรกันนานขนาดนั้น ไปโรงเรียนก็เจอกัน Mon-Fri ลูกลิงบอกว่าไม่เหมือน ไปโรงเรียนก็ไปเรียน ไม่ค่อยได้เล่นกันกับเพื่อน แต่นี่เขาบอกว่าเขาจะได้เล่นกันกับเพื่อน เขาต่อรองว่า ถ้าเขาอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียนทั้งหมดภายในวันเสาร์ แล้วงานวันเกิดเพื่อนวันอาทิตย์ ให้เขาไปเต็มวันเลยได้มั้ย เราบอกว่า เรื่องอ่านหนังสือ เรื่องเรียน you ก็ต้องทำตามปรกติอยู่แล้วจะเอามาเป็นข้อแลกเปลี่ยนไม่ได้ เราก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าต้องกลับภายใน 7pm วันต่อมา ลูกลิงกลับจากโรงเรียน ลูกลิงเอารายการและกิจกรรมมาให้ดูว่า วันนั้นเด็ก ๆ จะทำอะไร จะเล่นอะไรกันบ้าง เราเห็นแล้ว เราอ่านแล้ว เราก็ยังยืนยันว่ากลับก่อนเวลาอยู่ดี อยู่แค่ทาน dinner, เป่า cake เสร็จก็กลับ ลูกลิงหายเงียบเข้าไปในห้อง ลูก ๆ บ้านเราห้ามปิดประตูห้อง ห้องนอนต้องเปิดตลอด ยกเว้นเวลานอน ดังนั้นเราจะเห็นและรับรู้เสมอว่าลูกลิงทำอะไรกันบ้าง ลูกลิงไปเขียนจดหมายหา daddy เขียนเป็น persuasive writing เออ เป็นไงหละ ถ้าโต้วาทีไม่เก่ง พูดไม่สู้ daddy ก็ต้องเป็น persuasive writing ละกัน ลูกลิงเขียนมาว่าข้อดีของการไปงานปาร์ตี้กับเพื่อนมีอะไรบ้าง เหตุผลคืออะไร ทำไมเขาถึงไปใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ ลูกลิงเขียนมา 2.5 หน้า ไม่เว้นบรรทัด ดีมากเลย พอเราอ่านเสร็จ สุดท้ายเราก็เลยต้องลูกลิงไป เราบอกกลับบ้าน 9pm ตรง ไม่เหลือ ไม่ขาด ไม่หย่อน เห็นม๊ะ อยากได้อะไร มันก็ต้องมี proposal มีเหตุมีผล มาบอกแค่ว่าอยากจะไป "ไม่ work" หรอก วันงานวันเกิด เพื่อน ๆ ของลูกลิงมาที่บ้าน มาจัดแจงลูกโป่งอะไรของพวกเขาก็ไม่รู้ วุ่นวายตามประสาเด็ก ๆ คือมาแบบว่าไม่ได้นัดหมาย เพื่อน ๆ ลูกลิงมา knock the door เลย ลูกลิงก็ surprise เหมือนกันที่เพื่อน ๆ มาที่บ้านเราก่อน เราก็เลยปล่อยให้เด็ก ๆ เตรียมอะไรของเขาไป แล้ว 2pm เราก็ขับรถไปส่งลูกลิงและเพื่อนเขาอีก 2 คนที่บ้านของเจ้าของงานวันเกิด; 10 นาทีจากบ้านเรา 9pm เราไปรับลูกลิง ลูกลิงเป็นคนแรกที่กลับ เราไม่สน เราบอกว่า 9pm ก็ถือว่าวันนี้ได้ spend time แล้วกับเพื่อน ๆ 9 ชั่วโมง เพราะที่บ้านเราจะไม่นอนดึกกัน by 9:30pm เด็ก ๆ ต้องเข้านอน ยกเว้นช่วงปิดเทอม ซึ่งพวกเขาก็นอนไวอยู่แล้ว เพราะที่บ้านเราไม่นอนดึกกันอยู่แล้ว การเลี้ยงลูกของแต่ครอบครัวไม่เหมือนกัน แต่ของครอบครัวเราเป็นแบบนี้จ๊ะ เราไม่ judge ใคร และเราก็รู้สึกเฉย ๆ หากใครจะมา judge เรา ทุกคนลองนำเอาไปประยุกต์ใช้กันได้นะครับ ช่วงเสาร์ อาทิตย์ ลูกลิงตัวโตจะว่าง ในขณะที่ลูกลิงตัวเล็กจะมี dance อะไรของเขา
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปรกติที่เวลาเราไปทำอะไร นั่น นี่ โน่น ที่วัด เราก็จะเอาลูกลิงตัวโตไปด้วย ก็อาจจะมีบ้างที่บางทีลูกลิงก็จะอิด ๆ ออด ๆ เพราะเวลาไปวัด เขาก็จะเจอแต่ผู้ใหญ่ ไม่ค่อยมีเด็กวัยรุ่น รุ่น ๆ เดียวกันกับเขา แต่ก่อนลูกลิงเคย complain ว่าไม่อยากมาด้วย แต่ตอนนี้เลิก complain แล้ว เพราะทุกสิ่งอย่างในชีวิตมันต้องมีการแลกเปลี่ยน ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ เราบอกลูกลิงว่า ไม่อยากมาก็ไม่เป็นไรนะ แต่นั่นหมายถึงว่า หนูไม่สามารถไป excursion ที่นอนค้างคืน หรือเดินทางไกล ๆ กับทางโรงเรียนได้ เพราะ daddy ไม่ให้ไป เราไม่ชอบให้ลูกไปอะไรที่ไกล ๆ ที่เรา control ไม่ได้ บางที excursion ของโรงเรียนก็งั้น ๆ แหละ เราเป็นพ่อเป็นแม่ เราพาเขาไปเองได้ บอกมาสิว่าอยากจะไปที่ไหน เดี๋ยวเราพาไป เพราะบางที excursion ของทางโรงเรียนเป็นอะไรที่ไม่ค่อยได้เรื่องเลย เราพาลูกเราไปเองได้ อย่างเช่นไป art gallery, ไป museum ไป aquarium เราก็พาไปเองก็ได้ป๊ะ แต่... แต่... เขาอยากไปกับโรงเรียน อยากไปกับเพื่อน ๆ ของเขาว่างั้นเถอะ ดังนั้นถ้าเขาอยากไปพวก excursion พวกนั้น ลูกลิงก็ต้องมาช่วยงานที่วัดกับ daddy ก็แค่นั้นเอง แลกเปลี่ยนกัน ยื่นหมู ยื่นแมว เราก็บอกลูกลิงว่า นี่มันเป็นงานของ daddy ที่ daddy อยากจะทำ หนูอยากจะทำหรือเปล่าก็ตาม แต่หนูต้องมา มาช่วยหยิบ จับ นั่น นี่ โน่น มาช่วย support daddy เท่าที่จะทำได้ ก็แค่นั้นเอง และทุกครั้งเราก็บอกลูกว่าเราไม่อยู่กันนานหรอก เพราะเราก็รู้ว่าลูกลิงจะเริ่มเบื่อ และเราก็ต้องมาทำงานต่อของเราอยู่แล้ว หนูก็มาให้ daddy หน่อย ก็แค่นั้นเอง พอพูดแบบนี้ อธิบายแบบนี้ลูกลิงตัวโตก็เข้าใจ ทุกเดือนที่พระอาจารย์จากวัดป่าที่ Wilton ออกมาบิณฑบาตร เขาก็จะออกมาช่วยด้วย ทำเท่าที่เขาทำได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีงานทอดกฐินที่วัดที่ Campbelltown เราก็จะไปด้วย แต่เราก็บอกลูกลิงเอาไว้แล้วว่าพวกเราจะไปกันแป๊บเดียว เพราะเราก็ไม่ค่อยรู้จักหรือสนิทกับใครที่นั่นอยู่แล้ว เราก็แค่อยากจะไปร่วมงานด้วย ก็แค่นั้นเอง และเราก็อยากให้ลูกลิงได้ไปซึมซับกับบรรยากาศต่าง ๆ ที่วัด ก็แค่นั้นเอง สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นช่วงวัย teen (13-19) ก็ไม่ต้องไปตามใจลูกให้มากนะครับ ไม่ต้องให้เขามีตัวเลือกมาก แค่ yes กับ no แค่ไป หรือไม่ไป แค่นั้นก็พอ แต่ทุกอย่างต้องมี consequence ถ้าไปจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้อะไร ถ้าไม่ไปจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้อะไรหรือจะไม่ได้อะไร ลูก เราผลิตเขาขึ้นมา ไม่ต้องประคบประหงมมาก เดี๋ยวจะเหลิง จะกลายเป็นพวก "พ่อแม่รังแกฉัน" หลาย ๆ คนบอกว่าอยากพาลูกมาวัด แต่ลูกไม่อยากมา มันไม่ใช่ความผิดของลูกจ๊ะ ความผิดเรานี่แหละที่ไม่เอาเขามา ลูกเรา ทำไมเราจะเอาเขามาไม่ได้ ตามใจกันมากเกินไปหรือเปล่า เราไม่ได้บอกว่าลูกต้องนับถือศาสนาอะไร หรือไม่นับถือศาสนาอะไร เราไม่ได้สนใจตรงจุดนั้น เพราะสุดท้ายแล้ว นั่นมันก็ชีวิตเขา แต่ในระหว่างที่เขาอยู่ในความดูแลของเรา นี่เป็นสิ่งที่ครอบครัวของเราปฏิบัติกัน ลูกก็ต้องทำตาม ก็แค่นั้นเอง ทำไมเขาต้องมีตัวเลือกอะไรมากมายด้วยหละ เดี๋ยวโตขึ้น เขาออกไปมีชีวิตอะไรของเขา เดี๋ยวเขาก็จะเลือกของเขาเอง ตอนนี้เขายังเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น ยังไม่รู้เรื่องอะไรของพวกนี้หรอก เชื่อเราสิ เราเป็นอาจารย์สอนนักเรียนด้วย... dealing กับวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องยาก เวลาพูดกับลูกหรือปฏิบัติกับลูก ก็แค่ต้อง firm กับสิ่งที่พูดและทำ ก็แค่นั้นเอง เมื่อวานอากาศที่ Wollongong ร้อนนิดหนึง
ลูกลิงตัวโต เราก็ไม่รู้ อารมณ์ไหน อะไร ยังไงของเขา เขาเริ่มทำพัดลมเล็ก ๆ ของเขาเอง ทำเล่น ๆ สนุก เขามี motor เล็ก ๆ เขาก็เอามาลองทำเล่น ๆ ดู ตอนเข้าใบพัดเป็นกระดาษแข็งนะ เราก็ลืมถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ทีแรกลูกลิงก็ทำเป็น 3 ใบพัดก่อนนะ แล้วติดกับแท่งดินสอยาว ๆ แต่ใบพัดมันก็ชนกันบ้าง ตกมาตอนบ่าย เราก็เลยไปเอาที่ตั้งขากล้องมือถือ ของเก่าที่เราไม่ใด้ใช้แล้ว ลูกลิงก็เอาขากล้องเล็ก ๆ มาใช้แทนดินสอ ก็เลยออกมาเป็นรูปเป็นร่างแบบนี้ เมื่อวาน he ก็ง่วนอยู่กับการทำพัดลมของ he ทั้งวัน ไม่ดู TV ไม่เอาทำอะไรอย่างอื่น ที่บ้านเราไม่มีพวก game consoles พวก Wii พวก Play Station ที่บ้านเราไม่ให้ลูกเล่นเกมส์มั่วซั่ว เราให้ลูกลิงเล่นกมส์จากมือถือแค่ Mon, Wed & Fri แค่ 30 นาทีหลังจาก revision บทเรียนจากโรงเรียนแล้วเท่านั้น หรือถ้าเป็นวันเสาร์ ก็จะให้เล่นแค่ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีเท่านั้น แต่ต้องอ่านหนังสือหรือทำอะไรเกี่ยวกับการเรียนก่อน ถึงจะสามารถเล่นได้ วันอาทิตย์ ลูกลิงต้องปิดมือถือ ดังนั้นเสาร์ อาทิตย์ ลูกลิงต้องหาอะไรทำ ไม่อ่านหนังสือ ก็ทำการบ้าน หรือทำ photoshop อะไรก็ว่าไป แต่จะไม่ให้เกมส์ หรือมือถือเป็นอันขาด เมื่อวาน he ก็เลย keeps himself busy ด้วยการประดิษฐ์พัดลมเล็ก ๆ เล่นเอง เราว่ามันก็ดีนะ ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ใช้ battery 2 ก้อน เมื่อไหร่ที่เรา unplugged ลูกเราจากหน้า screen อะไรต่าง ๆ ได้ เมื่อนั้น เขาจะหากิจกรรมอะไรของเขาทำเอง อย่าเลี้ยงลูกด้วย iPad (ที่บ้านเราไม่มี iPad จ๊ะ) หรือ tablet อย่าเลี้ยงลูกด้วยมือถือ อย่าเลี้ยงลูกด้วยเกมส์ ถ้าทำแค่นี้ไม่ได้ ก็แสดงว่าเรายังไม่พร้อมที่จะมีลูก ในฐานะที่เราก็เป็นอาจารย์ด้วย บอกได้เลยว่า พ่อแม่หลาย ๆ คน need a licence to be a parent... จริง ๆ จ๊ะ เห็นมาเยอะ ต่อเยอะแล้ว |
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
October 2023
|