วัน settlement แลกเปลี่ยนสัญญาการเป็นเจ้าของบ้านที่ Queanbeyan
เขาก็กำหนดมาจากทนายความฝ่ายคนขายมาว่าห้ามเกิน 30 Nov 2018 ไอ้เราเหรอ ก็พร้อมแล้ว อยากจะจัดการให้มันเสร็จ ๆ ตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว เราจะได้ move on ไปทำอะไรอย่างอื่น เพราะ 10% deposit ก็จ่ายไปแล้ว Stamp Duty ให้กับ NSW Revenue ก็ส่งเป็น cheque ไปแล้ว วันศุกร์ที่แล้วเราเพิ่งได้รับ email จากทนายความของเราว่า รอทางทนายความจาก home loan ตอบกลับมา ว่ายอด balance ที่เราต้องจ่ายเท่าไหร่ หลังจากหัก นั่น นี่ โน่น แล้ว ทนายเราก็เลยบอกว่า งั้นก็ออก bank cheque มา $**,***.** ก่อนก็แล้วกัน แล้ว Express Post ไปให้ settlement agent ที่ Canberra แล้วเขาก็จะไปทำการ settlement กันที่ Canberra ถ้ายอดเงินที่ออก bank cheque มาเกิน เดี๋ยวเขาจะ refund ส่วนที่เหลือเข้าบัญชีเอง คือทุกอย่างต้องเสร็จ ทุกอย่างต้อง finalise กันภายในวันศุกร์ ก็ดีเหมือนกัน มันจะได้เสร็จ ๆ มันจะได้จบ ๆ เราก็จะได้ move on ไปทำอะไรอย่างอื่น ไปมอง ไป concentrate ที่บ้านหลังอื่น ที่ apartment หลังอื่นด้วย เพราะช่วงนี้เราก็จะได้รับ notification จาก Domain Apps และ Realestate.com.au Apps อยู่เรื่อย ๆ มันก็มีตึกที่เราสนใจอยู่ตึกหนึง อยู่ที่ Queanbeyan เหมือนกัน เอ๊ะ รู้สึกเราจะถูกชะตากับ Queanbeyan ยังไงชอบกลนะ เปล่าหรอก ก็งบเรามีแค่นี้ เราก็เริ่มจากแค่นี้ก่อน ราคา apartment ของ Queanbeyan เราพอสู้ไหว แต่ช่วงนี้ก็เริ่ม ๆ มองที่ Nowra อยู่เหมือนกัน แต่ราคาก็ยังสูงไปสำหรับเรา เราเพิ่งหัดเดินจ๊ะ ยังไม่พร้อมที่จะวิ่ง เดี๋ยวเราก็จะเข้ามา update ให้ทุกคนได้รับทราบกันอยู่เรื่อย ๆ นะครับ เราจะได้เดินทางร่วมกันไป เป็นแรงบันดาลใจให้ซึ่งกันและกัน คนไทยทำได้ครับ คนไทยอยู่ที่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้ ถ้าไม่ขี้เกียจ ขยันและไฝ่หายหาความรู้อยู่เรื่อย ๆ หลังจากที่เราเริ่มให้ลูกค้าโอนตังค์ค่า consult กับเรา เข้าไปจ่ายค่า HECS
แทนที่จะโอนเข้าบัญชีของเรา มันก็ค่อย ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงนะ จากที่เคยเป็นหนี้ HECS $28,172.28 ผ่านไป 2 อาทิตย์ ตอนนี้ก็ลดลงไปบ้างเล็กน้อย ตอนนี้ก็อยู่ที่ $24,672.28 (เปิดเผยจ๊ะ ไม่ปิดบัง เราจะได้เห็นการเดินทางไปถึงจุดหมาย ไปถึงเป้าหมายด้วยกัน) มีใครอยากจะช่วยจ่ายมั้ย :) เดี๋ยวจะให้ Bpay ของ ATO/HECS ไป ถ้าอยากจะให้มันลดลงไปมากกว่านี้ เราก็ต้องรับงาน consult มากขึ้น แต่เรารับมากก็ไม่ได้ เราชอบที่จะนั่งทำ case มากกว่าที่มานั่งรับสาย consult อะไรพวกนี้ นั่งทำ case ได้ตังค์เยอะกว่าจ๊ะ "งก" เราก็กะจะค่อยลด HECS liability ตัวนี้ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวขอ home loan ครั้งต่อไปจะได้ง่ายขึ้น ที่เราตัดสินใจให้ลูกค้าโอนตังค์เข้าไปที่ HECS เลย เพราะมันจะได้ไม่ต้องผ่านมือเราไง ถ้าโอนเข้าบัญชีเรา เดี๋ยวเราก็กดเอาออกมาใช้ นั่น นี่ โน่น อีก ดังนั้นให้ลูกค้าโอนเข้าไปที่ HECS (ATO) นี่แหละง่ายที่สุด เพราะตอนทำบัญชี มันก็มี transaction history อะไรของมันอยู่ มันบัญชีตอนยื่นภาษีได้ไม่ยาก อันนี้ก็เป็นความคิดของเรานะ ก็ไม่รู้ว่าเราคิดถูกหรือคิดผิด แต่เราก็เลือกที่จะทำแบบนี้ ปัญหาอะไรที่เหลือ เราก็ปล่อยให้เป็นปัญหาของ accountant ของเราก็แล้วกัน เดี๋ยว accountant ของเราจะเป็นคนจัดการเอง เราก็แอบ ๆ มอง ป.โท เอาไว้อีกใบหนึงอยู่นะ คงจะเป็นการเพิ่ม HECS อีกแล้วสิเรา ถ้าเรียน PhD ก็ไม่ต้องมี HECS แต่ปีนี้และปีหน้า ขอลุยงานแบบ 110% เต็มตัวก่อน ปีถัดไปค่อยว่ากันในเรื่องของการเรียนต่อ ใบที่ 7 วันนี้อยากจะเขียน review marketing strategy ของ RayWhite ที่ Queanbeyan เพราะเราชอบ marketing strategy ของเขา
เมื่อเดือนที่แล้ว เราก็เข้าไป search หาดูบ้าน หาดู apartment ในเขตที่เราสนใจ ซึ่งตอนนี้ก็คือ Queanbeyan และก็ Nowra (ทั้งหมดอยู่ใน NSW) เราก็เห็น apartment ที่เพิ่งจะ list ของ RayWhite Queanbeyan ซึ่งเป็นบ้านเช่า 2 ห้องนอนที่มีคนเช่าอยู่แล้ว เราก็เลย click เข้าไปดูแล้วก็ click ส่ง email ไปสอบถามว่าค่าเช่าเท่าไหร่ ซึ่งเขาก็ตอบมาแหละ 3-4 วันหลังจากนั้น (ตอบ email ช้าไปนิดหนึงนะ) แต่เราก็ไม่ได้สานต่อ เพราะว่าห้องขนาดห้องเล็กกว่ามาตรฐานที่เราตั้งเอาไว้นิดหนึง ถ้าเป็น apartment ที่เล็กกว่า 60 ตารางเมตร เราก็ว่ามันจะเล็กไปนะ คงอึดอัด อันนี้เราเอาความรู้สึกส่วนตัวเป็นบรรทัดฐาน เราไม่รู้หรอกว่าคนเช่าจะรู้สึกแบบนั้นหรือเปล่า แต่ที่เราชอบสิ่งที่เราชอบมากที่สุดก็คือ พอเรา click ส่ง email ไปหา RayWhite Queanbeyan เขา add ชื่อเราเข้าไประบบ mailing list คอยส่งข่าวสารข้อมูล update นั่น นี่ โน่นของทาง RayWhite อยู่ตลอดเวลา แน่นอน เขาก็กะขายของแหละ แต่เราก็เป็นผู้ซื้อ ซึ่งเราก็ไม่ mind ที่จะได้รับ email เหล่านี้ ไม่ได้คิดว่ามันเป็น spam หรือว่าอะไรทั้งสิ้น ที่เราชอบก็คือ ทุกครั้งที่มี new listing ของ RayWhite เราก็จะได้รับ email ซึ่งก็ดูได้ทันทีในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งก็ประหยัดเวลากว่าที่เข้าไปใน App ของ Domain.com.au หรือ Realestate.com.au New listing ที่เขาส่ง email มามันอาจจะไม่ match กับ profile ที่เราต้องการ แต่อย่างน้อย เราก็พอจะได้รู้ mood ของตลาดตอนนั้นว่าเป็นยังไง ราคาซื้อขายกันอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งเราก็คิดว่ามันเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อหรือว่ามี area ไหน เป็นยังไงบ้างเพราะเราเองก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ ดังนั้นการที่เราได้รับข่าวสารข้อมูลอยู่เรื่อย ๆ มันก็เป็นการดี เพราะข้อมูลมันวิ่งมาหาเรา เราไม่ได้วิ่งไปหาข้อมูล มันก็ประหยัดเวลากว่ากันเยอะเลย ระบบ IT ของ RayWhite Queanbeyan ก็น่าจะดีกว่า real estate agent ที่เราใช้คราวก่อน เพราะ agent ก่อนหน้านี้; Ian McNamee & Partner P/L เดี๋ยวก็บอกว่าไม่ได้รับ email บ้างหละ เพราะ email server down อะไรนั่น นี่ โน่น ซึ่งสำหรับเราแล้ว เราไม่ OK กับระบบ IT ที่ไม่ work เพราะเราเป็นเด็ก IT เราเชื่อและใช้ technology ในการทำงาน แต่นี่ก็เป็นระบบการทำงานของ RayWhite Queanbeyan นะ Raywhite ที่อื่นจะเป็นยังไงเราไม่รู้ RayWhite เป็น franchise ที่ใหญ่ เราคิดว่าระบบการทำงานก็น่าจะคล้าย ๆ กัน เราก็ถือว่าเป็นระบบ และ marketing strategy ที่ดีมากเลยครับ November update
เราไม่ใช่เด็ก commerce ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ แต่ก่อนเราก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรคือ asset อะไรคือ liability
สมัยเมื่อยังละอ่อน เราก็เรียน Computer Science ที่ UOW รู้แต่ว่าเรียนจบออกไปก็จะไปเป็น programmer ทำงานในบริษัท มีเงินเดือนเยอะ ๆ เด็ก IT เงินเดือนเยอะอยู่แล้ว เราไม่เคย worries ตรงจุดนี้ ตอนเป็นเด็ก เราคิดแบบนั้นจริง ๆ มั่นใจ อะไรไปหมดว่าทุกอย่างต้องลงตัว รู้แต่ว่าต้องเรียนให้เก่ง แล้วทุกอย่างจะตามมาเอง เรื่องการทำธุรกิจ เรื่องการลงทุน เราไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน เราไม่มีความรู้เรื่องนี้ ก็คิดแค่ว่าเป็นลูกจ้าง เป็นพนักงาน เงินเดือนเยอะอยู่แล้ว สวัสดิการอะไรก็ดี ไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น บริษัทก็ส่งไป อยากจะงาน seminar ของ Java ที่ San Francisco บริษัทก็ส่งไป ได้เป็นหัวหน้างาน หัวหน้าแผนกของ programmer ตั้งแต่เด็ก ที่มีลูกทีมอายุเยอะกว่าเราถึง 10 ปีก็มี คือตอนที่ทำงานที่บริษัท เป็น programmer, เป็น senior software engineer ทั้ง ๆ ที่อายุยังเด็กมาก ก็ทำมาหมดแล้ว ตอนนั้นเรารู้สึกว่าชีวิตการทำงานลงตัวมาก แต่เราก็ถือว่าเป็นโชคดีที่เป็นชอบอ่านหนังสือ ว่าง ๆ จากการทำงาน เราก็อ่านหนังสือไปเรื่อย จนพอได้อ่านหนังสือ Retire Young, Retire Rich ของ Robert Kiyosaki ความคิดในเรื่องของการทำงาน การทำธุรกิจ การลงทุน มันก็เริ่มเปลี่ยนไป เราก็ได้เรียนรู้ว่า อะไรคือ asset อะไรคือ liability OK เข้าเรื่องของ HECS กับ liability เราเป็น citizen ที่นี่ ตอนเรียนเราก็ใช้ HECS เรียนตลอด ก็คือแบบพวกกู้เงินรัฐบาลเรียน เราก็เรียนไปเรื่อย ไม่ได้สนใจว่า HECS ตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่ เราก็รู้แค่ว่าพอสิ้นปี financial year; 30 June ของทุกปี เราก็ยื่นภาษี แล้วก็จ่าย HECS ไปตามอัตรส่วน จะกี่ % ก็ว่าไป เราก็ไม่ได้สนใจว่าเมื่อไหร่ HECS เราะจะหมด เพราะเพื่อน ๆ เขาก็จ่ายกันเป็น 10-20 ปี ซึ่งพวกเราถือว่าเป็นเรื่องปรกติ เราเลยไม่ได้สนใจอะไร ก็แค่จ่าย ๆ ไปทุก ๆ ปี ก็แค่นั้นเอง จนพอเราเริ่มมาลงทุนซื้อบ้าน ซื้อ apartment ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะเราต้อง declare รายรับ รายจ่าย asset และ liability ตอนที่กู้ตังค์กับ RAMS ครั้งแรก เขาก็ไม่ได้ถามเรื่อง HECS (หรือเปล่านะ) เออ เขาไม่ได้ถาม เราก็ไม่ได้ตอบ ก็แค่นั้นเอง แต่พอจะกู้อีกรอบ ซื้อหลังที่ 2 เอ๊ะ คราวนี้ถามเรื่อง HECS เราก็ให้ accountant check ให้ OK เราเป็นหนี้ HECS อยู่ $28,000 นะ มันก็ทำให้กำลังในการกู้ยืมของเราลดลง แต่นี่มันก็เป็นหนี้อย่างเดียวที่เรามี เราไม่มีหนี้หรือภาระอะไรอย่างอื่น เราก็ถาม RAMS แล้วหละว่าเราต้องจ่าย HECS พวกนี้มั้ย เพราะเราก็มีตังค์จ่ายอยู่แล้ว $28,000 ถ้า RAMS จะให้เรา clear ตัวนี้ก่อนเราก็ทำได้ แต่ RAMS ก็บอกว่าไม่ต้องจ่าย ไม่เป็นไร OK... อย่างน้อย ๆ เราก็รู้ละ ว่าเราเป็นหนี้ HECS อยู่เท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมา เราไม่รู้เลย เชื่อใจรัฐบาล ปล่อยให้ระบบมัน link กันเอง มันคำนวณกันเองว่าแต่ละปีเราต้องจ่ายเท่าไหร่ จ่ายในรูปแบบของภาษี เราก็ plan ที่จะซื้อ investment property ต่อไปเรื่อย ๆ เราก็เลยคิดว่า เออ เราคงมา settle เรื่องตรงนี้ด้วยนะ เราก็โทรหา accountant ของเรา คนที่ check ยอด balance ของ HECS ให้เรานั่นแหละ เขาบอกว่าเขา check ยอดให้ได้ แต่ไม่รู้ว่าถ้าจะจ่าย จะต้องจ่ายยังไง เขาให้เราติดต่อ HECS เอง เราก็บอกว่า เออ ไม่เป็นไร เพราะไม่รีบ เพราะยังไง apartment อันนี้ก็ลงตัวแล้ว อาทิตย์ก่อน เราพอมีเวลาว่าง ก็เลย login เข้าไปที่ MyGov เพราะเราจะรู้ว่า HECS มัน link เข้ากับ ATO เราก็ click เข้าไปดูที่ account summary อ้าว มันมียอด balance ว่าเราเป็นหนี้ HECS อยู่เท่าไหร่ จริง ๆ แล้วเรา check เองก็ได้ ไม่ต้องให้ accountant check ให้ เออ จริง ๆ แล้วทำเองก็ได้ ในนั้นมันก็มีที่ให้จ่ายภาษี จ่าย HECS ด้วย เราก็เลยได้ reference ของ Bpay มา อะไรมา เราก็ไม่กะที่จะจ่าย HECS เลยทีเดียวหรอก ถ้าเรามีเงิยก้อน เราเอาไปอะไรอย่างอื่นก็ยังได้ ดีกว่าจะจ่าย HECS ทีเดียวเลยเป็น lumpsum แต่เราก็คงจะทยอยจ่ายไปแหละ เพราะถ้าเราจะกู้อีกรอบมาซื้อบ้านหรือ apartment ต่อไป ข้อมูลตรงนี้ liability ตรงนี้ เราก็ต้อง declare อยู่ดี |
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
March 2023
|