เราไม่ใช่เด็ก commerce ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ แต่ก่อนเราก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรคือ asset อะไรคือ liability
สมัยเมื่อยังละอ่อน เราก็เรียน Computer Science ที่ UOW รู้แต่ว่าเรียนจบออกไปก็จะไปเป็น programmer ทำงานในบริษัท มีเงินเดือนเยอะ ๆ เด็ก IT เงินเดือนเยอะอยู่แล้ว เราไม่เคย worries ตรงจุดนี้ ตอนเป็นเด็ก เราคิดแบบนั้นจริง ๆ มั่นใจ อะไรไปหมดว่าทุกอย่างต้องลงตัว รู้แต่ว่าต้องเรียนให้เก่ง แล้วทุกอย่างจะตามมาเอง เรื่องการทำธุรกิจ เรื่องการลงทุน เราไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน เราไม่มีความรู้เรื่องนี้ ก็คิดแค่ว่าเป็นลูกจ้าง เป็นพนักงาน เงินเดือนเยอะอยู่แล้ว สวัสดิการอะไรก็ดี ไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น บริษัทก็ส่งไป อยากจะงาน seminar ของ Java ที่ San Francisco บริษัทก็ส่งไป ได้เป็นหัวหน้างาน หัวหน้าแผนกของ programmer ตั้งแต่เด็ก ที่มีลูกทีมอายุเยอะกว่าเราถึง 10 ปีก็มี คือตอนที่ทำงานที่บริษัท เป็น programmer, เป็น senior software engineer ทั้ง ๆ ที่อายุยังเด็กมาก ก็ทำมาหมดแล้ว ตอนนั้นเรารู้สึกว่าชีวิตการทำงานลงตัวมาก แต่เราก็ถือว่าเป็นโชคดีที่เป็นชอบอ่านหนังสือ ว่าง ๆ จากการทำงาน เราก็อ่านหนังสือไปเรื่อย จนพอได้อ่านหนังสือ Retire Young, Retire Rich ของ Robert Kiyosaki ความคิดในเรื่องของการทำงาน การทำธุรกิจ การลงทุน มันก็เริ่มเปลี่ยนไป เราก็ได้เรียนรู้ว่า อะไรคือ asset อะไรคือ liability OK เข้าเรื่องของ HECS กับ liability เราเป็น citizen ที่นี่ ตอนเรียนเราก็ใช้ HECS เรียนตลอด ก็คือแบบพวกกู้เงินรัฐบาลเรียน เราก็เรียนไปเรื่อย ไม่ได้สนใจว่า HECS ตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่ เราก็รู้แค่ว่าพอสิ้นปี financial year; 30 June ของทุกปี เราก็ยื่นภาษี แล้วก็จ่าย HECS ไปตามอัตรส่วน จะกี่ % ก็ว่าไป เราก็ไม่ได้สนใจว่าเมื่อไหร่ HECS เราะจะหมด เพราะเพื่อน ๆ เขาก็จ่ายกันเป็น 10-20 ปี ซึ่งพวกเราถือว่าเป็นเรื่องปรกติ เราเลยไม่ได้สนใจอะไร ก็แค่จ่าย ๆ ไปทุก ๆ ปี ก็แค่นั้นเอง จนพอเราเริ่มมาลงทุนซื้อบ้าน ซื้อ apartment ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะเราต้อง declare รายรับ รายจ่าย asset และ liability ตอนที่กู้ตังค์กับ RAMS ครั้งแรก เขาก็ไม่ได้ถามเรื่อง HECS (หรือเปล่านะ) เออ เขาไม่ได้ถาม เราก็ไม่ได้ตอบ ก็แค่นั้นเอง แต่พอจะกู้อีกรอบ ซื้อหลังที่ 2 เอ๊ะ คราวนี้ถามเรื่อง HECS เราก็ให้ accountant check ให้ OK เราเป็นหนี้ HECS อยู่ $28,000 นะ มันก็ทำให้กำลังในการกู้ยืมของเราลดลง แต่นี่มันก็เป็นหนี้อย่างเดียวที่เรามี เราไม่มีหนี้หรือภาระอะไรอย่างอื่น เราก็ถาม RAMS แล้วหละว่าเราต้องจ่าย HECS พวกนี้มั้ย เพราะเราก็มีตังค์จ่ายอยู่แล้ว $28,000 ถ้า RAMS จะให้เรา clear ตัวนี้ก่อนเราก็ทำได้ แต่ RAMS ก็บอกว่าไม่ต้องจ่าย ไม่เป็นไร OK... อย่างน้อย ๆ เราก็รู้ละ ว่าเราเป็นหนี้ HECS อยู่เท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมา เราไม่รู้เลย เชื่อใจรัฐบาล ปล่อยให้ระบบมัน link กันเอง มันคำนวณกันเองว่าแต่ละปีเราต้องจ่ายเท่าไหร่ จ่ายในรูปแบบของภาษี เราก็ plan ที่จะซื้อ investment property ต่อไปเรื่อย ๆ เราก็เลยคิดว่า เออ เราคงมา settle เรื่องตรงนี้ด้วยนะ เราก็โทรหา accountant ของเรา คนที่ check ยอด balance ของ HECS ให้เรานั่นแหละ เขาบอกว่าเขา check ยอดให้ได้ แต่ไม่รู้ว่าถ้าจะจ่าย จะต้องจ่ายยังไง เขาให้เราติดต่อ HECS เอง เราก็บอกว่า เออ ไม่เป็นไร เพราะไม่รีบ เพราะยังไง apartment อันนี้ก็ลงตัวแล้ว อาทิตย์ก่อน เราพอมีเวลาว่าง ก็เลย login เข้าไปที่ MyGov เพราะเราจะรู้ว่า HECS มัน link เข้ากับ ATO เราก็ click เข้าไปดูที่ account summary อ้าว มันมียอด balance ว่าเราเป็นหนี้ HECS อยู่เท่าไหร่ จริง ๆ แล้วเรา check เองก็ได้ ไม่ต้องให้ accountant check ให้ เออ จริง ๆ แล้วทำเองก็ได้ ในนั้นมันก็มีที่ให้จ่ายภาษี จ่าย HECS ด้วย เราก็เลยได้ reference ของ Bpay มา อะไรมา เราก็ไม่กะที่จะจ่าย HECS เลยทีเดียวหรอก ถ้าเรามีเงิยก้อน เราเอาไปอะไรอย่างอื่นก็ยังได้ ดีกว่าจะจ่าย HECS ทีเดียวเลยเป็น lumpsum แต่เราก็คงจะทยอยจ่ายไปแหละ เพราะถ้าเราจะกู้อีกรอบมาซื้อบ้านหรือ apartment ต่อไป ข้อมูลตรงนี้ liability ตรงนี้ เราก็ต้อง declare อยู่ดี Comments are closed.
|
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
August 2023
|