ชีวิตคนไทยในต่างแดน ก็ไม่ต้องการอะไรมากมายในชีวิตหรอกครับ
ก็แค่ต้องการความมั่นคงในชีวิต จะได้ใช้ชีวิตที่เหลือแบบไม่ต้องเครียดหรืออะไรมาก ตอนนี้มีความเป็น Victorian แล้ว ได้รับจดหมายจาก town council ใน VIC มีความเป็นคน local แล้ว ตอนนี้อสังหาของเรามีอยู่ 4 รัฐ; NSW, QLD, VIC, WA แค่นี้ก็คิดว่าตัวเองมาไกลมากพอแล้วครับ จากมดตัวน้อย ๆ ตัวหนึ่งที่ Wollongong ใครที่ตอนนี้ doubt yourself ก็ให้ออกมาจาก comfort zone ของตัวเองดูนะครับ แน่นอนทุกอย่าง through hard work จากการทำงานหนัก ซื่อสัตย์ สุจริต เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน หากเรามีความตั้งใจจริง ทุกอย่างมันทำได้หมดแหละ ใจสู้หรือเปล่าแค่นั้นเอง!!! ...ใ จ สู้ ห รื อ เ ป ล่ า... ใน portfolio ทั้งหมดที่เรามี เราอสังหาที่เป็น off-the-plan อยู่แค่ 3 หลัง
Gold Coast: x 1 VIC: x 2 เดี๋ยววันนี้เราขอเขียนข้อดีและข้อเสียของสินค้า off-the-plan กันนะครับ Note1: เราเขียนจากมุมมองของคนซื้อ จากมุมของนักลงทุน เราไม่ใช่ real estate agent Note2: เราไม่มี affiliate อะไรกับใคร ไม่มีสินค้าอะไรมาแนะนำ ดังนั้นไม่ต้องกลัวเรายัดของ สินค้า off-the-plan ไม่ว่าจะเป็น apartment หรือ House and Land Package, nature มันก็จะคล้าย ๆ กันในแง่ของการลงทุน เพียงแต่ House and Land Package ที่เราเลือกซื้อ เราก็เลือกซื้อที่ไม่มี strata fee ไม่ค่าส่วนกลาง ซึ่ง apartment ก็จะมี strata fee มีค่าส่วนกลางที่ต้องจ่าย ก็แค่นั้นเอง Disclaimer: ทุกสิ่งอย่างที่เราเขียน เราเขียนจากประสบการณ์การลงทุนอันน้อยนิดของเรานะครับ เราก็แค่ beginner เบี้ยน้อยหอยสังฆ์ก็คงเอาเราไปเทียบกับมือโปรต่าง ๆ ไม่ได้นะครับ บ้านหลังแรกในออสเตรเลีย ซื้อเมื่อวันที่ 14 Nov 2017 ก็มีประสบการณ์แค่ 5 ปีอ่อน ๆ เอง ในความคิดเห็นของเรานะครับ ข้อดี: 1. เราซื้อสินค้าในราคา as of today อย่าง House and Land Package ของเราที่ VIC ที่เพิ่ง settlement ไปตอน 14 Jul 2023, สินค้าตัวนี้เราซื้อเมื่อวันที่ 12 Sep 2022 เราก็ซื้อในราคาของวันที่ 12 Sep 2022 ก็จ่าย deposit ไปไม่ได้เยอะมาก แล้วก็เพิ่งมา settlement เมื่อวันที่ 14 Jul 2023 ที่ดินอะไรก็กลายเป็นชื่อเราละ (เจ้าของจริงคือธนาคารที่เรากู้ นอกจากว่าจะซื้อสดไปเลย) 2. เรามีเวลาในการเก็บตังค์ ทำ statement ทำยอดขายอะไรของเราก็ว่าไป เพราะเราซื้อในนามของบริษัทและ Trust ดังนั้นเราก็ต้องใช้ BAS ใช้ Profit and Loss Statement ของบริษัทเรา อย่างน้อยก็มีเวลา 9 เดือนในการทำเอกสารในการกู้เงินกับธนาคาร จริง ๆ ของเราต้อง settlement; Sep 2023 ด้วยซ้ำ ถ้า settlement; Sep 2023 ก็มีเวลาเตรียมตัว 1 ปี 3. เรา settlement ไปวันที่ 14 Jul 2023, ตอนนั้นมันก็จะเป็นแค่ที่ดินเปล่า ๆ เฉย ๆ เมื่อเรา settlement เสร็จ builder ก็จะเริ่มสร้าง ก็น่าจะประมาณอีก 9 เดือน เผื่อฝนตกด้วยนั่น นี่ โน่น เราคิดว่า 9 เดือนก็น่าจะเสร็จ สมมุติว่าบ้านเสร็จ 9 เดือน ราคาบ้านและที่ดินของเราก็น่าจะเพิ่มขึ้นจากราคาที่เราซื้อ ณ วันที่ 12 Sep 2022 สมมุตินะครับ ซื้อวันที่ 12 Sep 2022: ราคาบ้าน $600K สมมุติ ราคาตัวเลขกลม ๆ Settlement: 14 Jul 2023 (เริ่มเป็นหนี้ เริ่มจ่ายดอกเบี้ยตั้งแต่วันนี้) บ้านเสร็จ: Apr 2024, ราคาบ้านหรือมูลค่าตอนนั้นอาจจะขึ้นมาเป็น $680K อันนี้คือราคาประเมินตามสถานการณ์ supply & demand ช่วงนี้นะครับ ช่วงคนย้ายเข้าประเทศเยอะ ๆ $80K ก็คือ equity ที่เพิ่มขึ้นมา ถ้าเราอยากจะขายบ้านในราคา $680K ก็ทำได้ แต่ต้องจ่าย capital gain tax นะ!!! หรือจะดึง equity ออกมาได้ (เราชอบอันนี้มากกว่า) 4. บ้านใหม่ brand new ไม่โทรม ไม่ต้องซ่อม อาจจะมีข้อดีอื่น ๆ นะครับ แต่เราคิดได้แค่นี้จริง ๆ ณ ตอนนี้ ส่วนข้อเสียหละ: 1. เมื่อเรา settlement วันที่ 14 Jul 2023 นั่นคือเราจ่ายดอกเบี้ยธนาคารเลยทันทีนะครับ นอกจากว่าใครซื้อ cash เลย สมมุติว่า builder ใช้เวลาในการสร้าง 9 เดือน เราก็ต้องเสียดอกเบี้ย 9 เดือน กว่าจะหาคนเข้ามาเช่าอยู่ สมมุติว่า ดอกเบี้ยเดือนละ $2,000 (สมมุติ) $2,000 x 9 เดือน = $18,000 ถ้าใครมี income มา cover ตรงนี้ได้ก็ OK แต่ถ้าใครไม่มี ก็ต้องคิดให้ดี ๆ นะครับ เพราะเราต้องควักกระเป๋าทุก ๆ เดือน เดือนละ $2,000 เป็นระยะเวลา 9 เดือน ส่วนเรา เรา OK กับเดือนละ $2,000 เพราะเราก็มี cashflow มาจาก investment properties หลังอื่น ๆ ก็เลยสบายไป ข้อเสียสำหรับเราก็คงจะมีแค่นี้หละมั้ง เพราะ House & Land Package ที่เราซื้อเอาไว้ ทาง developer เขาก็มี rental guarantee 2 ปี ก็ประมาณว่าทาง developer ก็คงทำการสำรวจมาแล้วแหละว่าบ้านแถว ๆ นั้นหาคนเช่าง่าย เขาค่อนข้างมั่นใจว่าบ้านสร้างเสร็จแล้ว มีคนเช่า ถ้าไม่มีคนเช่า เขาก็จะจ่ายค่าเช่าให้ (market rate) เป็นระยะเวลา 2 ปี อันนี้เขาก็อุ่นใจมานิดหนึง แต่เขาก็ไม่ได้จ่าย market rate 100% นะครับ เขาก็มี fine print ของเขาอยู่ แต่เราก็ไม่ได้สนใจตรงจุดนั้น แค่มี rental guarantee 2 ปี เราก็เอาแล้ว!!! blog นี้ก็คร่าว ๆ ข้อดีข้อเสียที่เราคิดได้นะครับ อาจจะไม่ครอบคลุมทั้งหมด เขียนได้เท่าที่คิดได้ ใครคิดอะไรได้ ก็ add มาใต้ comment ได้นะครับ มาแชร์และแบ่งปันข้อมูลและความคิดเห็นกัน ซื้อบ้านเก่าแถว ๆ Mackay, QLD
3 ห้องนอน 801 ตารางเมตร มีคนเช่าอยู่แล้ว $300/week รอขึ้น $350/week ราคาซื้อไม่ถึง $200K Deposit: 20% ใช้ equity จากบ้านที่มีอยู่แล้ว Home Loan: $80% ไม่ได้ใช้เงินเก็บของตัวเองเลยครับ passive income เราทำได้ Golden goose ตัวเล็ก ๆ ห่านทองคำ ออกไข่เป็นทองคำ บ้านเก่า ราคาไม่ถึง $200K เบี้ยน้อยหอยสังฆ์ เก็บเล็กผสมน้อย ซื้อมาแล้วก็ต้องมีอะไรปรับปรุงนิดหน่อย บ้านเก่าก็ต้องทำใจ แต่.... hey.... ราคาไม่ถึง $200K เราจะไม่บ่นจ๊ะ คนเช่าก็เป็นพวก FIFO อีกหนึ่งหลังใน portfolio เล็ก ๆ ของเรา แต่พอแล้วนะบ้านไม่ถึง $200K มีอะไรต้องซ่อมเยอะจ๊ะ Building report; 35 หน้า อ่านทุกหน้า จะได้รู้ว่าอันไหนจะให้เจ้าของเก่าซ่อม อันไหนเราจะจัดการเอง ทุกอย่างคือประสบการณ์ ไม่ลองไม่รู้ จากศูนย์ถึงหมื่นร้อยพัน เราทำได้ เป็นคนมีเวลาอันน้อยนิด
ก็ได้ใช้เวลาในวันเสาร์-อาทิตย์นี่แหละ ในการทำเอกสารเรื่องการเงินอะไรต่าง ๆ ตอนนี้กำลังทำเรื่องดึง equity ออกมาจากบ้านที่อยู่กับ RAMS ก็โชคดี เอกสารทุกอย่างทำเป็น folder เอาไว้อยู่แล้ว เมื่อทุกอย่างเป็นระบบ เมื่อทุกอย่างเป็นระเบียบ ชีวิตก็ง่ายขึ้นเยอะ แตกต่างจากเมื่อ 2 ปีก่อนที่ยังนั่งทำ bookkeeping เอง ตอนนี้เป็นเด็กดี มี bookkeeper ช่วยทำเอกสารให้ทุก ๆ เดือน ส่วน incomes หรือ expenses ที่ได้จาก investment properties ก็แยกออกเป็น folder ใครมัน เวลา property management agent ส่ง email อะไรมาทุก ๆ 2 weeks, เราก็ download ลง folder แยกเอาไว้ใครมัน เมื่อทุกอย่างมันเป็นระบบ และระเบียบ ชีวิตมันก็ง่ายขึ้นเยอะ :) ...บอกเล่าเก้าสิบ... 13/08/2023 จากเดือนก่อนที่เราเขียน blog ไปเกี่ยวกับ shoebox apartment เล็ก ๆ ที่เราซื้อเอาไว้ที่ Brisbane ซึ่งได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี
มันทำให้เรารู้ว่า ห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ เราต้องเก็บเอาไว้นะครับ ก็ค่อย ๆ เก็บไข่ห่านตัวนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ขาย มีแต่จะซื้อเพิ่ม ก็ต้องมี Golden Goose หลาย ๆ ตัว กับ shoebox apartment เล็ก ๆ ราคาไม่แพงมาก แต่ได้ค่าเช่าดี ได้ return ที่ดี... why not!!! :) สิ่งที่เราต้องตามหาคือ ตามหา Golden Goose เหล่านั้น ตามหา hidden gem หรือบางทีที่เราเจออสังหาที่ไหน ที่ไกล ๆ ที่ regional area ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ถ้ามีคนเช่าอยู่แล้ว ถ้ามันเป็น positive cashflow income อยู่แล้ว แมว... ไม่ว่าจะสีอะไร ถ้ามันจับหนูได้ ก็ถือว่า OK ทั้งนั้นแหละ มาค่อย ๆ หา Golden Goose หาแมวเหล่านั้นกันนะครับ :) ปีนี้เป็นปีแรกที่เราจัดการลงทุนในอสังหาทุกอย่างให้เป็นระบบ
แต่ก่อนมั่วมาก ทุกอย่างก็โยนให้ accountant ปีนี้เราเป็นเด็กดี เราทำเป็น spreadsheet ที่มีข้อมูลทางด้านตัวเลขของอสังหาทุกตัว อยู่ใน spreadsheet เดียว one glance สามารถรู้ข้อมูลได้เลย และเราก็ใส่สูตรคำนวณอะไรเอาไว้หมด เวลาดอกเบี้ยขึ้น เวลาค่าเช่าขึ้น เราจะได้มองเห็นภาพรวมทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ตาปอดคลำช้าง เราไม่ได้ทำอะไร blindly คือถ้าคิดจะทำการใหญ่ ทุกอย่างต้องเป็นระบบ เพราะตอนจะทำเรื่องกู้หลังต่อ ๆ home loan broker เขาก็ต้องการข้อมูลพวกนี้ ดังนั้นเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม พออะไรพร้อมแล้ว พออะไรมันเป็นระบบแล้วมันง่ายมากเลยครับ และที่สำคัญเราจะได้อธิบายอะไรต่าง ๆ ให้กับภรรยาเราด้วย เราเป็นสาย aggressive ในการลงทุน ภรรยาเราจะเป็นสาย "คิดแล้วคิดอีก" หยินกับหยาง เราว่ามันเป็นอะไรที่ลงตัว คนหนึ่งก็จะซื้อและซื้อ อีกคนก็จะ "ไม่" และก็ "ไม่" ดังนั้นการที่เราจะไป present หรือเสนอ idea อะไรให้กับภรรยาเรา เราต้องมีข้อมูล ต้องมี hard fact ความอยากในการซื้ออสังหาอย่างเดียวไม่พอครับ เราต้อง convince ภรรยาเราให้เห็นด้วย อันนี้ยากสุดบอกเลย ทุกอย่างต้องเอาตัวเลขมาคุยกัน เด็กสายวิทย์มาเจอเด็กสายวิทย์ เด็ก IT กับเด็ก IT เราคุยกันแบบนี้ครับ :) ภรรยาเราเป็น Network Engineer เก่าครับ เราก็ Software Engiiner เก่า... OK รู้เรื่อง!!! ที่เขียนมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบอกว่า ลองทำอะไรทุกอย่างให้เป็นระบบนะครับ แล้วชีวิตจะง่าย โดยเฉพาะคนที่ plan to expand your investment protfolio เป็นกำลังให้เสมอครับ ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ mindset เสาร์-อาทิตย์ว่าง ๆ แทนที่จะเอาเวลาไปกิน เล่น เที่ยว ว่าง ๆ เราก็นั่งอะไรพวกนี้ไป ก็เลยออกมาเป็น spreadsheet... ชีวิตเริ่มเป็นระบบขึ้น ชีวิตเริ่มงานขึ้น ชีวิตต้องง่าย ถ้าไม่ง่ายแสดงว่าไม่ใช่ วันที่ 30 June ของทุกปีคือ end of the financial year ครับ
สำหรับใครที่เป็นนักลงทุนในอสังหา วันที่ 30 June หรือ 01 July เราก็จะได้รับ email จาก property management agentcy ถึงผลประกอบการ รายได้เท่าไหร่ตลอดปี (ค่าเช่า) รายจ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ (รายจ่ายทั้งหมดเลย, council rate, agent fee..etc..etc.. รายจ่ายทุกอย่าง bills ทุกใบ เราให้จ่ายผ่าน property management หมดเลย เราจะได้ไม่ต้องปวดหัวทำเอง) มันดีมาก มันทำให้เราเห็นภาพรวมของ property แต่ละตัว (สำหรับคนที่มีเยอะนะครับ) มันทำให้เราทำภาษีง่ายด้วย เพราะถึงเวลาก็ส่ง summary ตัวนี้ให้กับ accountant ทุกอย่าง just a click away การทำ accounting ของเราค่อนข้างเป็นระบบ เอกสารทุกอย่างแยกเป็น folder แยกเป็นทุก ๆ quarter แยกเป็นทุก ๆ property ทุกอย่างอยู่ใน GoolgleDrive ทุกอย่างอยู่ใน Chromebook (เราเป็นสาวก Chromebook ครับ) ปกติค่าเช่า และค่าใช้จ่ายของแต่ละ property ทาง property management ก็จะส่ง email ให้ทุก ๆ 2 weeks อยู่แล้ว ทุก ๆ วันที่ 15 และทุก ๆ สิ้นเดือน ถ้าเราทุกอย่างให้เป็นระบบ ให้เป็นนิสัย ต่อให้มีกี่ property มันก็ไม่ยุ่งยากครับ บอกเล่าเก้าสิบนะครับ เล่าสู่กันฟัง เผื่อเป็น inspiration ให้กับใครหลาย ๆ คน จากศูนย์ถึงหมื่นร้อยพัน มันทำได้ครับ ค่อย ๆ เก็บเล็กผสมน้อยกันไป ทำทุกอย่างอย่างซื่อสัตย์สุจริต ทุกอย่างต้องออกมาดี Buyer Agent ไม่ฟรีนะครับ
แต่ละบริษัทมี price structure ที่แตกต่างกันออกไป ตอนนี้เราใช้อยู่หนึ่ง buyer agent และที่คุย ๆ เอาไว้ก็อีก 1 ใจจริงแล้ว เราไม่ชอบคุยกับหลาย buyer agent แต่มีอีก buyer agent เอาไว้เป็นอีกหนึ่ง strategy เพราะแต่ละบริษัท product เขาก็ไม่เหมือนกัน Buyer agent ที่เราใช้: 1. ค่าเข้าไปเป็นลูกค้า $2,990.00 (หรือ $2,900 จำไม่ได้ละ) 2. ค่าบริการ $9,000 ต่อบ้าน 1 หลังที่เขามาหาให้เรา บางคนอาจจะบอกว่า $2,990 แพง บางคนอาจจะบอกว่า $9,000 แพง เอาจริง ๆ นะครับ ทุกอย่างในชีวิตมีค่าใช้จ่ายหมดแหละ เพียงแต่เราจะใช้จ่ายตรงจุดไหน เราเลือกที่จะเอาเงินมาใช้จ่ายตรงจุดนี้ดีกว่า มันคือการลงทุน เพราะเราไม่มีเวลาไปนั่งหาดูบ้าน ไล่ดูตาม feeds ใน social media หรือใน website ของ realestate.com.au เราเอาเวลาของเราไปทำงาน หาเงิน $9,000 นั้นมาให้ buyer agent แล้วให้เขาไปหาบ้านตาม specification ที่เราต้องการดีกว่า $9,000 ถ้ามีคนเช่าอยู่แล้ว 1 ปีก็ได้คืนครับ บวกลบคูณหารแล้วก็คุ้ม เราจะได้มีเวลามีทำอะไรอย่างอื่น เราจะได้มีเวลาซื้อหลาย ๆ หลังไง 3 หลังของเราที่ WA ผ่าน buye agent บริษัทนี้หมดเลย และก็คิดว่าจะซื้อไปเรื่อย ๆ กับเค๊า เพราะของเขาเป็น product ที่เป็น established home และมีคนเช่าอยู่แล้ว เราสามารถบอกเขาได้ว่า เราต้องการเฉพาะบ้านที่มีคนเช่าอยู่แล้ว ยังไงก็ได้ positive cashflow income ตั้งแต่ day 1 มองมากกว่าที่ตาเห็น ฟังมากกว่าที่เคยได้ยินนะครับ ในวันที่ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ
ในวันที่ทำงานหนักหลังขดหลังแข็ง ในวันที่ต้องทนกับคำวิพากวิจารณ์ ติดต่อไม่ได้บ้างหละ โทรไปไม่รับสายบ้างหละ ส่งข้อความแล้วไม่ตอบบ้างหละ ไม่มีมารยาทบ้างหละ (ที่ไม่ตอบข้อความเขา) โอ๊ย สารพัดร้อยแปดครับ พวกโลกหมุนรอบตัวเองทั้งหลาย อะไร ใด ๆ เราต้องไม่ distract เพราะจุดหมายเราชัดเจน เป้าหมายเราใหญ่นัก จะมา get distracted กับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ They don't pay my bills. ในวันที่ทำงานหนัก รางวัลมันก็หอมหวาน จะสังเกตว่าเราไม่ค่อยกระโตกกระตากกับเรื่องของ Home Loan Interest Rate ที่มันขึ้นลง Investment properties หลายหลังที่เราซื้อ เราอัด ๆ โปะ ๆ จนไม่ได้เป็นหนี้แล้วก็หลายหลัง ไม่ทั้งหมดนะครับ ที่เราซื้อใหม่ ๆ ที่ WA เราจะไม่อัด เราจะไม่โปะ เพราะไม่อยากเครียด (ทำงานหนัก) เราจะปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน เพราะทุกวันนี้มันก็ไม่ได้เข้าเนื้อ มันก็บริหารจัดการของมันเอง ก็เป็น positive cashflow income ทุก ๆ week อยู่แล้ว ค่าเช่า หักลบค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย home loan มันก็ cover อยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องไปทำอะไรกับมัน เราก็ใช้ชีวิตของเราไป เพราะหลังที่ปลอด mortgage เราก็รับเต็ม ๆ อยู่แล้วทุก ๆ week ก็มีหักค่าใช้จ่าย ค่า admin fee ของ property agent บ้าง พอมาเฉลี่ยกับหลังที่ยังติด mortgage อยู่ มันก็จะเฉลี่ย ๆ กันไป เราก็อยู่ได้แบบไม่เดือดร้อนอะไร บ้านทุกหลังที่ NSW ปลอด mortgage ทุกหลังครับ แต่เราเลือกที่จะไม่เปลี่ยน title มาเป็นชื่อเรา (ชื่อบริษัท) เราเลือกที่จะทิ้งมันไว้อย่างนั้นแหละ ก็ยังเป็นชื่อธนาคารอยู่ ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยอะไร เราก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน สาเหตุที่ไม่เปลี่ยน title คือ: 1. เมื่อมูลค่าของบ้านหลังนั้นเพิ่มมากขึ้น เราสามารถให้ธนาคาร evaluate value ของบ้านได้ แล้วดึง equity ส่วนต่าง (80%) ที่มันเพิ่มขึ้นมาได้ แล้วเราจะได้ใช้เงินในส่วนนี้ในการวาง deposit หลังต่อ ๆ ไปไงครับ จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเงินในกระเป๋าเรา 2. ฉุกเฉินอะไรขึ้นมา เราก็ถอนเงินตรงนี้ไปหมุนได้ แต่ก็ไม่ดีแหละ ถ้าถอนออกไปเมื่อไหร่ ก็มีดอกเบี้ยทันที แต่มันก็เพื่อความอุ่นใจ อะไร ใด ๆ ทุกสิ่งอย่างไม่ได้มาง่าย ๆ นะครับ เงินทองไม่ได้หล่นมาจากฟากฟ้า รายได้ทุกอย่าง ได้มาอย่างสุจริตและโปร่งใส เสียภาษี ทุกอย่างเข้าระบบ มันคือผลของการทำงานหนัก มันคือหยาดเหงื่อและแรงงาน มันผลจากเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านหรือปลูกเอาไว้ ใส่ปุ๋ยพรวนดินมาหลายปี มันไม่ใช่จู่ ๆ ก็ทำได้ จู่ ๆ ก็สำเร็จ คนจะเห็นเราเฉพาะเมื่อตอนเราอยู่บนที่สูงแล้ว เขาไม่รู้หรอกว่าระหว่างทางเราต้องสู้ขนาดไหน เมื่อสำเร็จแล้ว เราก็มาแบ่งปัน มาแบ่งปัน formula ของความสำเร็จ คนใกล้ตัวเราจะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูก เพราะเราลองมาให้แล้ว :) ก็ลองนำเอา concept หรือวิธีการของเราไปใช้ดูนะครับ บางคนที่มีต้นทุนดีอยู่แล้ว มีที่บ้านคอย support ก็น่าจะง่าย (แต่ก็ไม่มีอะไรน่าภูมิใจนะ) เราทำเอง เราภูมิใจมากกว่า เราไม่ได้แบมือขอเงินทางบ้านหรือขอความช่วยเหลือจากใคร เราค่อย ๆ เก็บเล็กผสมน้อยของเราไป กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ บอกเลยว่า "ไม่ง่าย" แต่มันทำได้ครับ ถ้าตั้งใจจริง ใครอยากรู้อะไร ก็ถามกันเข้ามาได้นะครับ ยินดีให้คำปรึกษาพูดคุยเมาส์มอย ในวันที่ยุ่งแสนยุ่ง ในวันที่ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด
ในวันที่ทำงานขี้แตกขี้แตน; 15 ชั่วโมงต่อวัน; 6am - 9pm ในวันที่ต้องทำงาน 7 วันต่ออาทิตย์ โลกดูสว่างสดใสขึ้นมาทันทีเมื่อได้รับ email จาก home loan broker ว่า home loan ผ่านแล้ว จริง ๆ ถ้าเรากู้ home loan เป็นรายบุคคลมันก็ผ่านนานแล้วแหละ แต่เนื่องด้วยของเราเป็น company เป็น family trust (discretionary trust) ขั้นตอนมันก็จะยุ่งยากนิดหน่อย ต้องผ่าน legal department ของ bank เยอะ วุ่นวาย แต่คุ้มครับ สำหรับ assest protection ที่ได้มา ใครจะฟ้อง ใครจะ sue อะไรมาเลย ไม่มีอะไรเป็นชื่อเราซักอย่าง ฟ้องไปก็ไม่ได้อะไรจากเราครับ :) เราแนะนำทุกคนให้ซื้ออสังหาเพื่อการลงทุนเป็น Company & Trust ครับ อย่าซื้อเป็นชื่อตัวเอง อยากให้อะไรผ่านง่าย ๆ ทำงานทุกอย่าง รายได้ รายรับ รายจ่าย เอาทุกอย่างเข้าระบบนะครับ อย่าซิกแซก จ่ายภาษีเยอะจริง แต่ถ้าเราจ่ายภาษีเยอะ ก็แสดงว่าเรามีศักยภาพในการจ่ายครับ ทางรัฐบาลเขาคำนวณมาแล้ว การเอาทุกอย่างเข้าระบบ ไม่ซิกแซก มันทำให้การทำเรื่องกู้ยืมอะไรง่ายมากเลย ถ้าใครคิดจะ expand your investment portfolio, you have to think big ครับ อย่า cut corner อย่าซิกแซก แล้วทุกอย่างมันจะง่ายมาก คิดการใหญ่ มองการไกล ทำอะไรให้มันถูกต้องครับ แล้วชีวิตจะง่าย ชีวิตต้องง่าย ถ้าไม่ง่ายแสดงว่าไม่ใช่ หลังนี้ก็ off-the-plan ที่ VIC บ้านอยู่ตรงหัวมุม เพราะภรรยาเราไม่ต้องการที่จะต้อง deal กับเพื่อนบ้าน 3 ทาง (ซ้าย-ขวา-หลัง) ถ้าบ้านตรงหัวมุม เราก็ deal กับเพื่อนบ้านที่ 2 ทาง อะไรประมาณนี้ 293 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 garage 2 ที่จอดรถ House & Land package เรากับภรรยามี strategy และ plan ที่แตกต่างจากการซื้อ existing home (established home) เดี๋ยวว่าง ๆ จะมาเล่าให้ฟังครับ :) อะไร ใด ๆ ชีวิตคู่ การลงทุนทุกอย่างต้องผ่าน CEO ของบ้านนะครับ ถ้า CEO เห็นด้วย เราถึงจะมีสิทธิ์ซื้อ ทำอะไร ปรึกษาหารือกันนะครับ ชีวิตจะได้อยู่กันยืด |
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
August 2023
|