|
มีนิทานจะเล่าให้ฟัง
1. July 2022; เราต้องไปทำธุระที่ Brisbane 1 อาทิตย์ เราพักที่ service apartment ที่ West End, Brisbane 2. คนอื่นถ้าไปทำงานหรือทำธุระต่างเมืองเขาก็คงไปหาของกินอะไรอร่อย ๆ จิบไวน์เท่ห์ ๆ ถ่ายรูปลง social (ธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีถูกไม่มีผิด) แต่เราก็ busy ทำงาน ว่าง ๆ ก็ login เข้า realestate.com.au สมัยก่อนยังหาบ้านเองอยู่ ผ่าน website พวกนี้ ซื้อกับ seller agent ตอนนี้เราเน้นซื้อกับ buyer agent ยกเว้นพวก off-the-plan ซึ่งนาน ๆ ซื้อทีและส่วนมากซื้อเพื่ออยู่เองเป็น 2nd home อะไรก็ว่าไป 3. 1 week ที่ Brisbane เราพักที่ West End, Brisbane เราก็คิดว่า "เออ มันก็น่าอยู่นะ" ก็เลยหา listing อะไรแถวนั้น เราเห็นอันที่เราสนใจอยู่ 3 ห้อง (apartment) จาก agent คนบริษัทเดียวกัน ตึกเดียวกัน ก็เลยส่ง email ไปขอ inspect เลยวันรุ่งขึ้น เราขอเป็น private inspection เพราะเราบอกเขาว่าเรามาจาก NSW อยู่รอ open house ไม่ได้ 4. เรา inspect เสร็จ 3 ห้อง ชอบ 1 มันกว้างดี 1 ห้องนอน, 1 ห้อง study ราคาไม่แพงมาก (July 2022) เราก็ส่ง detail ให้ภรรยาผู้ซึ่งต้อง approve ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ เขาชอบและที่สำคัญคือ ตอนนั้นเผื่อลูกสาวไปเรียนต่อ ballet ที่ QLD ด้วย เราจะได้มีที่พักให้เขา อันนี้ที่คิดเอาไว้เมื่อ 3 ปีก่อน 5. เงิน deposit เราไม่ได้เงินเรา เราใช้ equity จากบ้านที่ NSW เพราะตอนนั้นทำ re-finance เอาไว้กับ RAMS เพียงแต่ยังไม่ได้ดึงออกมาใช้ คราวนี้ก็เลยได้โอกาสในการดึงออกมาใช้ เราก็ใช้เงินจากตรงนี้ในการวาง deposit แล้วที่เหลือก็ทำเรื่องกู้กับ NAB (อยากลองเริ่มเปลี่ยนธนาคารบ้าง ค่อย ๆ ถอยตัวออกจาก RAMS) 6. จากวันนั้นถึงวันนี้ apartment 1 ห้องนอน 1 ห้อง study ที่ West End, Brisbane ราคาเพิ่มขึ้นมา $196K แล้วครับ (เราสามารถดึง equity ตรงนี้ออกมาซื้อหลังต่อ ๆ ไปได้) 7. ที่เห็นในรูปคืออัตราดอกเบี้ยของ RAMS; 5.49% เดือนที่แล้วจ่ายดอกเบี้ยไป $801.53/month ถ้าคิดเป็นอาทิตย์ก็ประมาณ $200.38/week 8. ค่าเช่า $600/week หักค่านั่น นี่ โน่น (admin fee, agent fee, strata) เราก็อาจจะเหลือ $500/week (สิ้นปี ทุก ๆ วันที่ 30 June เขาจะมี official report ให้จาก management agent) 9. คณิตคิดง่าย ๆ ตัวเลขกลม $500-$200 = $300/week อันนี้คือ positive cashflow income ต่อ week นะครับและอันนี้ก็แค่หลังเดียว อันนี้คือตื่นขึ้นมา "หายใจทิ้งไปวัน ๆ" ก็มีเงินเข้า 10. อันนี้แค่หลังเดียวนะครับ ถ้ามีหลายหลังก็ imagine เอาเองก็แล้วกัน เหนือสิ่งอื่นใด การที่เราจะ "หายใจทิ้งไปวัน ๆ" ได้ เราต้องผ่านการทำงานหนัก การเอาเงินจาก active income ไปลงทุนเพื่อให้มันงอกเงย เพื่อให้มี passive income Retire Young, Retire Rich มันทำได้นะครับ คณิตคิดง่าย ๆ อย่าทำให้มันซับซ้อน คนไทยอยู่ที่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้นะครับ ถ้ามุ่งมั่นและไม่ติด "glam" 02/11/2025 💕💕💕 "ETF: ASX"
อันนี้คือหุ้น ETF; Exchange Traded Fund ใน ASX; Australian Securities Exchange ตลาดหุ้นของประเทศออสเตรเลีย ที่เราเลือกมา เราทำการบ้านอยู่หลายเดือนกว่าจะ list ออกมาเหลือแค่ 2 อันที่เราสนใจ "Short listed รอบแรก; 11 ตัว" 1. VAE 0.40% Vanguard FTSE Asia ex-Japan 2. VHY 0.25% Vanguard Australian Shares High Yield 3. VLC 0.20% Vanguard MSCI Australian Large Companies 4. A200 0.04% BetaShares Australia 200 ETF; 200 Largest ASX Companies 5. VAS 0.10% Vanguard Australian Shared Index; S&P/ASP 300 index 6. IESG 0.09% ishares Core MSCI Australia ESG Leaders ETF; Large-Middle-Small cap segments of the Australian market with better sustainability credentials 7. BGBL 0.08% BetaShares Global Shares ETF; 1,500 developed companies (ex-Australia) 8. IWLD 0.09% iShares Core MSCI World All Cap 9. VTS 0.03% Vanguard US Total Market Shares Index 10. IVV 0.04% iShares Core S&P 500; S&P 500 11. SPY 0.09% SPDR S&P 500 ETF Trust; S&P 500 "Short listed รอบที่สอง; จาก 11 ตัวหลือ 6 ตัว" 1. A200 0.04% BetaShares Australia 200 ETF; 200 Largest ASX Companies 2. BGBL 0.08% BetaShares Global Shares ETF; 1,500 developed companies (ex-Australia) 3. IWLD 0.09% iShares Core MSCI World All Cap 4. VTS 0.03% Vanguard US Total Market Shares Index 5. IVV 0.04% iShares Core S&P 500; S&P 500 6. SPY 0.09% SPDR S&P 500 ETF Trust; S&P 500 "Short listed รอบที่สาม; จาก 6 ตัวหลือ 4 ตัว" 1. A200 0.04% BetaShares Australia 200 ETF; 200 Largest ASX Companies 2. BGBL 0.08% BetaShares Global Shares ETF; 1,500 developed companies (ex-Australia) 3. VTS 0.03% Vanguard US Total Market Shares Index 4. IVV 0.04% iShares Core S&P 500; S&P 500 "Short listed รอบที่สี่; จาก 4 ตัวหลือ 3 ตัว" 1. A200 0.04% BetaShares Australia 200 ETF; 200 Largest ASX Companies 2. VTS 0.03% Vanguard US Total Market Shares Index 3. IVV 0.04% iShares Core S&P 500; S&P 500 "Short listed รอบที่ห้า; จาก 3 ตัวหลือ 2 ตัว" 1. A200 0.04% BetaShares Australia 200 ETF; 200 Largest ASX Companies 2. VTS 0.03% Vanguard US Total Market Shares Index อันนี้เป็น list ส่วนตัวของเรานะครับ เราทำการบ้านเอง และทำอยู่หลายเดือนนะครับ กว่าจะได้ออกมาเป็น list ที่เหลือแค่ 2 ตัวสุดท้าย ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่อยากจะแชร์ในสิ่งที่เรามีนะครับ เผื่อใครอยากลอกการบ้าน 02/11/2025 💕💕💕 Note: เราใช้คำย่อเยอะนะครับ คำไหนไม่รู้ก็ลองใช้ Google นะครับ
นานแล้วไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับการลงทุน เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราทำก็ค่อนข้าง autopilot ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ตอนนี้คนในครอบครัวที่ลงทุนในหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ของ ASX ก็มีแค่เรากับลูกชาย ส่วนลูกสาว ปีหน้าก็จะ 18 ก็จะให้เปิด portfolio กับ ASX เหมือนกัน แต่จะเป็นอะไรที่แตกต่างจากคนเป็นพี่ เรากับลูกชาย ลงทุนใน ASX ที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ไม่มีถูกไม่มีผิดนะครับ แล้วแต่จริตใครมัน ต่างฝ่ายต่างก็ป้ายยาซึ่งกันและกันและค่อย ๆ มีการเปลี่ยนแปลงใน portfolio การลงทุน 1. ลูกชายเราจะลงทุนแบบ ETF เท่านั้น คือหุ้นหลาย ๆ บริษัทรวมกัน คล้ายกองทุน แต่ admin fee ก็จะถูกกว่าการลงทุนผ่านกองทุน 2. ส่วนเราก็จะซื้อเป็นตัว ๆ ไปเลย จะมี ETF แค่ของ Vanguard 3. วันเวลาผ่านไป เราก็ลองศึกษาและหาหุ้น ETF ใน ASX บ้าง เพราะไหน ๆ เราก็มีหุ้นเป็นรายตัวเยอะแล้ว เราก็เลยนั่งทำการบ้านมา นั่งดู ETF ทั้งหมดที่มีใน ASX แล้ว list ออกมา ดูจากความ diversity ของตัว ETF เอง และหลังจากนั้นก็ดูที่ admin fee ว่าอันไหนจ่าย admin fee น้อยสุด จากการเลือกและกรองมา ก็จะเหลือ ETF x 2 ตัวที่เราจะซื้อ เราซื้อของ A200 ไปแล้ว เหลือ VTS ขอเก็บเงินก่อน ถ้าซื้อ 2 ตัวนี้ เราก็จะมีหุ้นใน ASX เป็นจำนวน 11 ตัว ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะพอแล้ว จะไม่ซื้อจำนวนตัวเพิ่ม แต่จะซื้อลงลึก คือมีเงินก็ซื้อของ 11 ตัวนี่แหละเพิ่ม ซื้อสะสมไปเรื่อย ๆ จะไม่ซื้อเพิ่มเป็นตัวที่ 12-13-14 แล้ว มีแค่ 11 นี่แหละ พอแล้ว 4. ส่วนของลูกสาว เราก็คงรอให้เขาอายุ 18 ปี แล้วเราจะเปิดเป็นบริษัทใหม่ เป็น investment company ไปเลย คือมีพวกเรา 4 คนเป็น director และเวลาซื้อขายหุ้นใน ASX ก็จะซื้อขายในนามของบริษัท พวกเราจะไม่ทำธุรกรรมเป็นส่วนบุคคล ทำอะไรในรูปแบบของบริษัทไปเลย มันส่งทอดต่อกันได้จากรุ่นสู่รุ่น account นี้ก็น่าจะให้ลูกชายและลูกสาวเป็นคนจัดการ เป็นคนเลือกเองว่าพวกเขา 2 คนอยากจะลงทุนในหุ้นตัวไหนใน ASX เราจะไม่ก้าวก่าย แต่เราจะเอาเงินให้ลูก ๆ 2 คนลองผิดลองถูกกันเอง และลองในสนามจริง 5. ส่วนหุ้น ASX ของลูกชายที่เราซื้อเอาไว้เป็นชื่อเขาส่วนบุคคลก็ทิ้งเอาไว้นั่นแหละ เขาซื้อเอาไว้ไม่เยอะหรอก เขาเริ่มต้นด้วยการเอาเงิน pocket money ที่จะได้จากการสอนพิเศษหลังจากจบ year 12 เขาก็มีเงินเก็บ $3K (หัดเดินก่อนที่จะวิ่ง) ปีนี้ต้นปี วันเกิดเขา เราก็ top-up ให้เป็นก้อนใหญ่ 1 ก้อน และ 2-3 เดือนที่ผ่านมาเราก็ top-up ให้ทุก ๆ เดือนเป็นรายเดือน ก้อนเล็ก ๆ เผื่อเขาอยากจะซื้ออะไรเพิ่มใน ASX จะได้ไม่ต้องรอวันเกิดเขา ถ้าซื้อเป็นก้อนใหญ่เดี๋ยวราคามันจะพุ่งเกิน แต่ถ้าซื้อสะสมไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ เดือน หรือทุก ๆ 2-3 เดือน ราคาของหุ้นก็จะเฉลี่ย ๆ กันไป ไม่กระโดดมากจนเกินไป ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่อยากจะแชร์ประสบการณ์นะครับ เผื่อใครจะนำเอาไปประยุกต์ใช้ 02/11/2025 💕💕💕 การลงทุนในอสังหาที่มีคนเช่าอยู่แล้ว 🏠 🏠 🏠💰🏡 💰
Rental yield ที่ agent คำนวณมาให้จะเป็น Gross rental yield นะครับ อสังหาก็จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของรัฐบาลด้วย ในส่วนของ council rate ด้วย และบางที่ก็มี body corporate fee หรือ strata fee เราก็เอารายจ่ายพวกนั้นโยนเข้าไปใน ChatGPT นะครับ แล้ว ChatGPT จะคำนวณ Net rental yield ให้ เรารับได้ไหมกับตัวเลขนั้น ถ้ารับได้ ถ้า happy ก็เดินหน้าต่อ Net rental yield ก็ควรมากกว่า interest rate ถ้ามากกว่า คุณก็มี positive cashflow income from day 1 ที่ลงทุนในอสังหานั้น นี่แหละครับหลักการง่าย ๆ ของเรา เผื่อใครอยากนำเอาไปประยุกต์ใช้นะครับ ... 🏠 🏠 🏠💰🏡 💰 Note: property ที่เราเลือกซื้อจะไม่มี strata fee, อยากได้แบบไหนให้บอก buyer agent นะครับ เขาทำหน้าที่หาอสังหาให้เรา (buyer agent ไม่ใช่ seller agent นะครับ) 28/10/2025 💕💕💕 ASX; 10 ตัว มีความสุขดี
จะซื้อเพิ่มอีก 1 ตัวเมื่อถึงเวลา ของ ASX ก็น่าจะ max สุดที่ 11 ตัว แค่นี้พอแล้ว Go deep, don't go wide. ASX; มีแต่ซื้อเพิ่ม ซื้อสะสมไปเรื่อย ๆ ไม่ขาย ASX; ไม่มากเท่าไร แต่ถ้าคิดเป็นเงินไทย ก็ "8 หลัก" อยู่ ตลาดหุ้นที่มีอยู่ตอนนี้: 1. Singapore; SGX อันนี้เจ๊งไม่เป็นท่า ตอนนั้นยัง virgin อยู่ ใหม่มาก เด็กมาก อยากลองของ เป็นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก เรียนรู้ข้อผิดพลาดเยอะ จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก ก็ยังเก็บไว้อยู่ ไม่ขาย 2. ออสเตรเลีย; ASX อันนี้ดีมากถึงมากที่สุด ศึกษามาเยอะ critical thinking ก่อนซื้อ มีการวางแผน มีการทำการบ้าน อันนี้ก็ซื้อไปเรื่อย ๆ ซื้อเพื่อเก็บ ซื้อในรูปแบบของ company ลูก ๆ ก็ต่อยอดได้เลย เมื่อถึงเวลาก็เอาชื่อลูก ๆ เข้ามาเป็น director อันนี้เป็น passive income อย่างแท้ทรู 3. เมืองไทย; SET อันนี้ทรง ๆ ตัว เราไม่มีความรู้ของตลาดหุ้นในไทย อันซื้อตามอารมณ์ล้วน ๆ โปรดอย่าทำตาม เราซื้อไม่เยอะ (หลักแสนบาท) เงินเราส่วนมากอยู่ที่ออสเตรเลีย 18/10/2025 💕💕💕 #วันอาทิตย์ #บันทึกชีวิตการลงทุน
1. คนเรามี #activeincome ก็ดีนะครับ คือคุณทำงาน คุณก็ได้เงิน มีกินมีใช้ แต่เมื่อไหร่ที่คุณหยุดทำงาน เงินคุณก็จะไม่มี เคยเห็นไหม หมอที่ทำงานมีเงินเยอะ ๆ ทนายความที่ทำงานมีเงินเยอะ ๆ หรือดาราชื่อดังที่ทำงานมีเยอะ ๆ แต่ตอนแก่ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เพราะพวกเขาไม่เหลือเผื่อเก็บเอาไว้ลงทุน ตอนทำงานได้เงินเยอะจริง แต่มันคือ "active income" ที่คุณได้ตอนที่คุณยังทำงานอยู่เท่านั้น 2. ถ้าจะให้ดีสุดนะ คือ #passiveincome ครับ คือการ "นั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ" ก็มีเงินเข้ามา แต่การ "นั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ" เขาต้องมีการวางแผนมาแล้วที่ดี เขาถึงสามารถ "นั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ" ได้ และการวางแผนนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ช่วงข้ามคืน มันผ่านการทำงานหนักของการหา active income และเฉียดตรงนั้นมาลงทุนเพื่ออนาคต และเขาก็มีเป้าหมายที่ชัดเจน เป้าหมายของคนอื่นเป็นอย่างไรเราไม่รู้ แต่เป้าหมายของเราคือ "Retire Rich, Retire Young" และมันก็ทำได้จริง ๆ ครับ ในวัยเลข "4" 3. หากคุณอ่านเยอะ คุณก็จะได้รับ inspire เยอะ inspire ของเราก็มาจาก Robert Kiyosaki และหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตเราก็ชื่อตามนั้นเลยครับ "Retire Young, Retire RIch" หลังจากนั้นเราก็เดินตาม footstep เขา; 1-2-3-4 มาเรื่อย ๆ และเราก็ได้เจอตัวเขาตัวเป็น ๆ ตอนเขามาจัด seminar ที่ Sydney แล้วครับ ตอนเข้า seminar หรือ workshop ตอนนั้นก็ยังไม่รู้อะไรมากหรอกครับ แต่ก็อ่านหนังสือของเขามาเรื่อย ๆ เล่มนั้น เล่มนี้ แต่เล่มที่โดนใจมากที่สุด ก็เล่มนั้นแหละ ตามที่เขียนไปข้างบน 4. คนไทยเราอยู่ที่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้นะครับ หากเรามีความรู้ความสามารถ เงินทองอยู่ในอากาศ เราไม่ต้องไปแข่งอะไรกับใครนอกจากตัวเราเอง มีจุดมุ่งหมาย มีเป้าหมายที่แน่ชัดแล้วพุ่งเข้าชน ชีวิตเรา เราถึงเส้นชัยที่ตั้งเอาไว้นานแล้วล่ะ Financial Freedom มานานแล้ว; 01 Juy 2020 แค่เรารอลูกสาวเรียนจบ Year 12 ก็แค่นั้นเอง ซึ่งก็เดือนหน้า ชีวิตที่เหลือคือกำไร 5. ถึงแม้เราจะมี Financial Freedom ตั้งแต่ 01 July 2020 แล้ว เรามีแรง เราก็ยังทำงานไปเรื่อย ๆ เก็บสะสมหุ้นและอสังหาของเราไปเรื่อย ๆ มีแรงก็ทำไป แต่ทำแบบไม่ต้องเครียดเรื่องเงินแล้ว Passive Income ของเราอยู่ใน level ที่สบายแล้ว (ต่อ week) แต่เราก็เป้าของเราอยู่ตอนนี้ก็ได้ 3/4 แล้ว เราก็เน้นลงทุนในอสังหาแหละ ของเราเน้นลงทุนแบบ passive income ไม่ได้ลงทุนแบบหวัง equity ดังนั้นบ้านของเรา "ส่วนมาก" จะเป็นบ้านที่มีคนเช่าอยู่แล้ว ไม่ใช่บ้านใหม่ off-the-plan ที่คนเขาประกาศขายตามสื่อ online เราซื้ออสังหาที่มีคนเช่าอยู่แล้วกับ buyer agent นะครับ ไม่ใช่ seller agent ตามที่หลาย ๆ คนรู้จัก หลังจากที่จัดการเรื่องบ้านให้ลูกลิงที่ Sydney เสร็จเมื่อ 2-3 เดือนก่อนตามที่เราโพสต์ไป เรากับภรรายา ตอนนี้ก็เริ่มทำ pre-approval แล้วในการซื้อบ้านเช่าหลังต่อไป 6. หุ้นใน ASX ของเราค่อนข้าง OK แล้ว ไม่ซื้อตัวใหม่เพิ่ม แต่ซื้อจำนวนหุ้นเพิ่มเฉพาะของตัวที่เรามมีอยู่แล้ว สรุปก็คือ top-up เพิ่มนั่นแหละ ของเราที่มีอยู่ใน ASX ตอนนี้ถ้าคิดเป็นเงินไทย ก็ "8 หลัก" ซึ่งเราค่อนข้าง OK แล้ว อันนี้ลงทุนในนามของบริษัท ซึ่งก็สามารถส่งต่อให้ลูก ๆ ได้เลย ส่วนของลูกชายเรา เขาก็ลงทุนเป็นชื่อเขาเองเลย ก็เพิ่งเริ่มตอนที่เขาเริ่มเรียน UNSW นี่แหละ ปีหน้ากลาง ๆ ปี เขาจะเรียนจบเรียนจบแล้ว ตอนนี้ daddy ก็เลยหยอดกระปุกให้เขาทุก ๆ week โดยการหยอดกระปุกเข้าไปที่ ComSec เลยโดยตรง ไม่ได้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา ที่เหลือก็ให้เขาจัดการของเขาเอง อย่างน้อยก็ให้เขามีเงินใน ComSec ถ้าเขาอยากจะลงทุนอะไร เขาก็สามารถซื้อได้เลย Note: ลูกลิงใช้ ComSec, daddy ใช้ SelfWeath ($9.50/transaction) นี่แหละครับ ชีวิตการลงทุนของเรา เผื่อใครจะนำเอาไปประยุกต์ใช้ #จอห์นเผ่าเพ็ง #เพราะฉะนั้น #มันถึงเป็นเช่นฉะนี้ 💕💕💕 การลงทุนในหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ ASX
คือการเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น ๆ ถึงแม้อาจจะ 0.0000001% ก็ถือว่าเป็นเจ้าของ - เราผู้ซึ่งนิยมซื้อหุ้นเป็นตัว ๆ - ลูกลิงผู้ซึ่งซื้อหุ้นเป็น index fund; ETF ทั้ง 2 แบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป เราก็ป้ายยาลูกลิง ลูกลิงก็ป้ายยาเรา เราก็เลยมี ETF x 2 ตัวแล้ว ส่วนลูกลิงเอง เราก็แนะนำให้เขาเพิ่มขนาดหรือจำนวนเงินในการลงทุน เพราะเรียนใกล้จบแล้ว ต้องวางรากฐานเอาไว้ financial literacy สำคัญ ลูกลิงตัวเล็ก กำลังจะจบ Year 12 ปีหน้าก็จะ 18 แล้ว ก็จะให้เริ่มลงทุนกับ ASX เหมือนกัน เรื่องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เราให้ลูกทั้ง 2 ลงสนามจริงเลย!!! ลูกลิงตัวเล็ก เวลาไปเดินในเมือง พอเดินผ่านโครงการอสังหาใหญ่ ๆ อสังหานั้น อสังหานี้ เขาก็จะชี้และบอกเราว่า daddy ลงทุนในบริษัทนี้ใช่ใหม แสดงว่าเรามีส่วนหนึ่งในการเป็นเจ้าของบริษัทนั้นใช่ไหม อะไรแบบนี้เป็นต้น ปลูกฝังลูก ๆ เรื่องการลงทุน เรื่อง passive income วันหนึ่งที่เราไม่อยู่ ลูก ๆ ก็ต้องเอาตัวรอดได้ again... "financial literacy" สำคัญ 24/08/2025 💕💕💕 ลูกชายเรียนใกล้จบแล้ว ปีหน้ากลางปีก็น่าจะทำ thesis เสร็จ
OK แหละ เขาเรียนจบเขาก็คงจะไปหางานอะไรของเขาทำ เราไม่ว่ากัน แต่ daddy ก็คิดว่ามันต้องมีการลงทุน มี long-term investment ด้วยนะ เรื่องอสังหา เรากับภรรยาจัดการเอาให้หมดแล้วในรูปแบบของ Discretionary Trust อันนี้เราไม่ห่วง อสังหาทุกหลังจะถูกส่งต่อให้ลูกทั้ง 2 คน ก็แล้วแต่พวกเขาจะบริหารหรือผลาญ อันนั้นก็เรื่องของเขา ลูกชายเราก็มีการลงทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามประสาเด็ก ๆ มหาลัย เขาก็ซื้อหุ้นกับ ASX เป็น ETF ซึ่งก็ลงทุนไม่เยอะมาก ประมาณ $3K ตามประสาเด็ก ๆ เบี้ยน้อยหอยน้อย เขาก็เอา pocket money ของเขามาลงทุน ซึ่งวันเกิดปีนี้ช่วงต้นปี เราก็ช่วย top-up ให้ไปแล้ว เราคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็อยากจะวางรากฐานอะไรเอาไว้ให้ลูกด้วย โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า active income มันก็ดีแหละ คนเราต้องกินต้องใช้ แต่คนเราก็ต้อง plan เพื่อ passive income ด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วคุณก็จะเหนื่อยตลอดชีวิต เป็นหนูวิ่งในกรงล้อ rat race อาทิตย์นี้เราก็เลยขอข้อมูลบัญชี ComSec ของลูกชายเอาไว้ เราจะโอนเข้าให้ทุก week ไม่เยอะมาก เป็นการเริ่มต้นการใช้ชีวิตหลังจากเรียนจบของเขา ก็ประมาณว่าเราทำ phone consultation 1 case เราก็เอาเงินนั้นให้เขาก็แล้วกัน เอาเข้าให้โดยตรงที่ ComSec เพื่อใช้ในการซื้อหุ้น ไม่ได้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของลูกชาย อันนี้ก็แยกเป็นส่วน ๆ ไป เงินจำนวนนี้ถอนออกมาใช้จ่ายไม่ได้ ต้องลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ASX อย่างเดียวเลย เราก็บอกลูกชายเพื่อหุ้นขึ้นลงอะไร เขาจะได้มีเงินเอาไว้ซื้อหุ้นแล้วเก็บเอาไว้ ไม่ต้องรอก้อนใหญ่ตอนวันเกิด อันนี้ก็เป็น strategy ของเรานะครับ เผื่อคุณพ่อคุณแม่ท่านใดจะนำเอาไปประยุกต์ใช้ คนเป็นพ่อเป็นแม่ มันก็แค่นี้แหละครับ ทำอะไรเพื่อลูก ๆ เพราะความรักมันไม่มีข้อแม้เลยจริง ๆ ASX: Australian Securities Exchange
1. เราเริ่มลงทุนใน ASX เมื่อวันที่ 24 April 20219 ด้วยเงิน $7,068.60 เราก็เริ่มลงทุนมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง เราซื้อเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ ไม่ขาย เราเน้น long-term investment เราเน้น #passiveincome เพื่อที่จะ Retire Young, Retire Rich. 2. 6 ปีผ่านไป 31 May 2025 เรามี portfolio ในการลงทุนเกิน $*00K แล้ว จากหุ้นทั้งหมด 9 ตัว หุ้นที่ซื้อเป็นตัว ๆ คิดว่าพอแล้ว 9 ตัวกำลังดี ดูแลง่าย ที่เหลือน่าจะซื้อเป็น ETF (Exchange Traded Funds) อีกสัก 2 ตัว รวมกันเป็น 11 ตัว ก็น่าจะพอแล้วสำหรับ ASX 3. ลูกชายเราซื้อเป็น ETF กับ ComSec แต่ของเราซื้อเป็นตัว ๆ กับ SelfWealth (transaction fee ถูก $9.50/transaction) เออ เราเห็นลูกชายซื้อ ETF เดี๋ยวเราซื้อบ้างสัก 2 ตัวที่เล็ง ๆ เอาไว้ ตอนนี้ขอหยอดกระปุกก่อน หุ้นที่มีอยู่ที่ ASX ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างลงตัว ค่อนข้าง happy ไม่ทำอะไรเกินตัว ไม่โลภ เอาแค่นี้แหละ กำลังดี ๆ ลงทุนใน ASX เป็นแค่ secondary investment strategy ของเรา เราเน้นลงทุนในอสังหามากกว่า ที่มี passive income เข้ามาทุก ๆ week แบบนั้นดีกว่า 💕💕💕 ที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่อยากจะบอกว่า คนเราสามารถประสบความสำเร็จได้นะครับ จากสมองและสองมือที่มี ไม่จำเป็นต้องคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด 31/05/2025 💕💕💕 คุยกันนักลงทุนท่านหนึ่ง; "อ๋อ เอาเงินที่บ้านมาลงทุน... blah...blah..."
สมองเรา shut down ทันทีที่เขาบอกว่าเขาเอาเงินจากที่บ้านมาลงทุน ไม่ผิดนะครับที่เขามีใครปูทางมาให้แล้ว เอาเงินจากที่บ้านมา นั่น นี่ โน่น เราดีใจด้วย ไม่อิจฉาหรืออะไรใด ๆ ทั้งสิ้น แค่คลื่นความถี่เราไม่ตรงกันแค่นั้นเอง จริตคนละแบบ พูดกันคนละภาษา เพราะเราคือ self-made อย่างแท้ทรู เพราะเราสร้างทุกอย่างของเรามาเอง จากสมองและสองมือที่มี เราคิดว่าวิธีคิดเราคงต่างกัน คือเขาไม่ได้เริ่มจาก 0 เหมือนเรา ฟังเขาพูดไปก็เท่านั้น เสียเวลา เอาเงินพ่อเงินแม่มาลงทุน ง่ายเสมอ ความอึดของคนที่เริ่มจาก 0 กับความอึดของคนที่ที่บ้านปูทางมาให้แล้วนั้นต่างกัน |
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
November 2025
|
RSS Feed