มีนิทานจะเล่าให้ฟัง
Once upon a time; around 2005/2006 เรากลับไปเรียนที่ UOW เรียนเพิ่ม ป.ตรีใบที่สอง อักษรศาสตร์ภาษาญี่ปุ่น ตอนนั้นเราเป็นเจ้าของธุรกิจหน้าร้านแล้ว (Feb 2003) มีร้าน 2 ร้านอยู่ติดกัน มีพนักงานมากพอในการทำ roster ที่ Wollongong พนักงานไม่เคยขาดนะครับ เพราะเด็ก UOW เยอะ เราจึงมีเวลากลับไปเรียนได้ ทีแรกก็แค่อยากจะหาอะไรทำขำ ๆ กะจะเรียนแค่เล่น ๆ แค่ 1 เทอม ก็น่าจะพอ ปรากฎว่าผลการเรียนออกมาดี เทอมแรกมี HD เราก็เลยไปต่อเรื่อย ๆ เรียนจนจบ จนได้ป.ตรีเพิ่มมาอีกใบ เรียนไม่จ่ายค่าเทอม ใช้ HECS ในการเรียน ตอนนั้นการเงินเราก็ไม่ได้คล่องมาก ขายของก็เป็นเงินหมุน ขายมาก็จ่ายออกไปค่าแรง ค่าเช่า เยอะมากครับในแต่ละ week ภรรยาเราเลี้ยงลูก เป็น full-time mum 1 รายได้ หากินกัน 4 ปาก 4 ท้อง ไม่ง่ายนะครับ กับการบริหารจัดการเงินที่ไม่เป็น เราทำงาน ไม่เอาค่าแรง เพราะคิดว่าเงินในร้านก็คือเงินเรานั่นแหละ กับรายจ่ายของร้านที่บางทีรายได้ก็ไม่ถึง ก็ต้องพึ่งบัตร credit รูดบัตร credit จ่ายค่าไฟของร้านเพื่อให้ร้านมีเงินหมุนทำธุรกิจไปต่อได้ เราทำมาหมดแล้ว พอถึงเวลาจะจ่าย บางทีมันก็จะมี promotion จากธนาคารต่าง ๆ ที่มีการโอนยอดค้างมาบัตรใหม่ แล้วไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย 6 เดือน (0% interest) เราทำมาหมดแล้วครับ เหตุการณ์จำฝังใจ 1. เรียนเสร็จจาก class 2. เดินลงมาจากตึก นั่งอยู่ตรง bench หน้าตึกเรียนเลย คนก็เดินไปมาเยอะแยะมากมาย เราก็โทรหา NAB (National Australia Bank) เพื่อจัดการเรื่องบัตร credit เราจำไม่ได้เรื่องธุรกรรม มันนานมามากแล้ว แต่ภาพมันยังจำฝังใจ เด็กน้อยคนหนึ่ง บริหารจัดการชีวิตตัวเองในออสเตรเลีย ไม่มีใครช่วยเหลือนอกจากตัวเราเอง เราเดาเอาว่าตอนนั้นน่าจะโทรไปปิดบัตร credit ของ NAB เพราะว่าเรามีการทำ credit transfer ไปของธนาคารอื่นแล้ว อะไรสักอย่างนี่แหละ จำไม่ได้ credit card คือการใช้เงินของอนาคตนะครับ ซึ่งเราอาจจะหามาใช้คืนธนาคารไม่ทันก็อาจจะจะเป็นได้ ใครนะเป็นคนคิดค้น concept นี้คนแรกของโลก หากเราใช้ชีวิตแบบคนยุคก่อน ใช้หอยใช้เบี้ยในการแลกซื้อสินค้าเป็น barter trade ก็คงจะดีไม่น้อย ชีวิตเราทุกวันนี้ไม่มีบัตร credit มีแต่บัตร debit ใช้เท่าที่มี ไม่มีก็ไม่ใช้ ไม่ต้องสะสมแต้มไมล์สายการบิน อยากบินก็ซื้อตั๋ว ถ้าบินบ่อย ก็ได้แต้มเอง ก็แค่นั้นเลยจริง ๆ มันทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ หากใครที่มีปัญหาเรื่องการเงิน เราเป็นกำลังใจให้เสมอ แต่เราไม่มีเงินให้ใครยืมนะครับ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้ปัญหากันไป ทำงานที่ตอบโจทย์คนหมู่มาก ให้ความรู้กับคนหมู่มาก ให้แบบฟรี ๆ ไม่ต้องหวังผลอะไรตอบแทน เมื่อคุณเป็นผู้ให้ก่อน คุณจะกลายเป็นผู้รับเอง เมื่อเวลามาถึง อย่าจมอยู่กับปัญหาที่มี คิดวนเวียนมันไม่ช่วยอะไรได้ ออกมาจากวังวนและความคิดเดิม ๆ ออกมาจากห้อง 4 เหลี่ยมบ้าง เจอแสงแดดแสงอาทิตย์ ออกมานั่งดื่มชากาแฟข้างนอกบ้าง มองดูคนเดินไปมา rat race แล้วมันจะทำให้เรารู้ว่า "เออ คนที่แย่กว่าเราก็ยังมี เขาก็ยังไม่ตาย เขาก็ยังสู้และดิ้นรนกันต่อ" ที่เขียนมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบอกว่า: - เราเอง สมัยก่อนก็ชักหน้าไม่ถึงหลังเหมือนกันครับ พึ่งบัตร credit เหมือนกันครับ - ใครที่เจอปัญหาเรื่องการเงินอยู่อย่าท้อ ค่อย ๆ แก้กันไปทีละเปราะ Note: เพื่อความอรรถรส เรานั่งแล้วก็เขียนอะไรไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ proofread โปรดให้อภัย (วันนี้ต้องส่งงาน UTS!!!) |
AuthorJohn Paopeng Archives
April 2025
Categories |