ธุรกิจหน้าร้าน; Feb 2023
เราทำมาหมดแล้วครับ วิ่งเข้าออกธนาคาร เอาเงินเข้า เขียน cheque ให้ suppliers ต่าง ๆ นานา ทำงาน 7 วัน ไม่มีค่าแรง ตอนนั้นเราเด็กมาก ความรู้ในการทำธุรกิจคือ 0 จาก programmer เงินเดือนอู้ฟู่ สู่เจ้าของธุรกิจไส้แห้ง ทำอยู่ 11 ปี มีเงินในบัญชีไม่ถึง $10K จน accountant บอกว่ามันคือการเสียโอกาส ที่ปล่อยวันเวลาไปแบบนี้เรื่อย ๆ แต่การเป็นเจ้าของธุรกิจ มันก็ทำให้เรามีเวลากลับไปเรียน เอาวุฒิการศึกษานั้น ๆ มาต่อยอดชีวิต - ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ - มาเป็น J Migration Team ทุกวันนี้ สมัยก่อนไม่มี social media แบบนี้ ไม่มีที่ให้เรียนรู้ รู้แค่ว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ รู้แค่ว่าอยากเจริญรอยตาม @Robert Kiyosaki รู้แค่ว่าหนังสือที่อ่านแล้วใช่คือหนังสือ "Retire Young, Retire Rich" ของ Robert Kiyosaki เงินหมุน ต่างจากเงินเก็บ หรือกำไรนะครับ โปรดแยกกันให้ออก จะไม่กลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีก ลงถัง recycle ไปสะ... ...ย้ายบ้าน ก็จะเจอความหลังต่าง ๆ นานา... บ้านหรือ apartment ที่เรากับภรรยาซื้อร่วมกันที่ Singpore คือบ้านหลังแรกของพวกเรา
บ้านหลักแรกในชีวิตที่เป็นชื่อเรา บ้านหลักแรกในชีวิต ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย ไม่ได้อยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ จากการไล่ดูเอกสารอะไรต่าง ๆ ซึ่งเราก็ไม่ค่อยได้เก็บเอาไว้เลย.. oops!!! บ้านหลังนี้ซื้อมาตอน 2011 สำหรับเราแล้ว ตอนปี 2011 ภรรยาเรายังเป็น full-time mum เราหารายได้คนเดียว เลี้ยงกัน 4 ปาก มันยากมากเลยครับกับบ้านหลังแรก แต่พวกเราก็เทกันหมดหน้าตัก พวกเราใช้เงิน CPF (Central Provident Fund) ในการซื้อ เงิน CPF ก็เหมือนกับเงิน Superannuation ของประเทศออสเตรเลีย เดชะบุญ พวกเรากู้ได้ 2.99% กู้ 30 ปี ผ่อนอยู่ที่เดือนละ $880 SGD ตอนนั้น Apartment 2 ห้องนอน พวกเราก็ปล่อยเช่าตอนนั้นเดือนละ $2,500 SGD $2,500 - $880 SGD = $1,620 SGD ต่อเดือน หักนั่น นี่ โน่น แล้ว ยังไงก็ได้กำไร การปล่อยบ้านให้เช่าที่สิงคโปร์ ก็ง่ายครับ มี property management agent เหมือนประเทศออสเตรเลีย เราก็ปล่อยทุกอย่างให้ property management agent เป็นคนดูแล ซึ่งเราก็คือเพื่อนสนิทเราเอง ก็เลยง่ายไป บ้านหรือ apartment หลังแรกในชีวิตที่ประเทศสิงคโปร์ ทุก ๆ สิ้นปี เรากับภรรยาจะกลับสิงคโปร์ แล้วก็เอาเงินไปโปะ ตอนนั้นเหนื่อยมาก บอกเลย ต้องคอยดูอัตราการแลกเปลี่ยนเงินออสเตรเลีย-สิงคโปร์ตลอดเวลาเลย และเรากับภรรยาก็ผ่อนกันเอง ทำอะไรกันเอง ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากใคร เราก็น่าจะผ่อนอยู่ 5-6 ปี ถ้าจำไม่ผิด เราก็ผ่อนหมด เพราะ November 2017 เราซื้อบ้านหลังแรกที่ประเทศออสเตรเลียแล้ว ก็แสดงว่าบ้านที่สิงคโปร์ผ่อนหมดก่อน November 2017 แล้ว บ้านที่สิงคโปร์ เราปล่อยให้ภรรยาเราจัดการ เพราะเขาก็มีครอบครัวอยู่ที่นั่น ทำอะไรก็ง่าย ตอนนั้นเราก็มีหน้าที่แค่หาเงิน แล้วรีบ ๆ โปะให้เสร็จ พอโปะหมด พอไม่เป็นหนี้มันก็โล่งครับ หลังจากนั้นเรากับภรรยาก็ตั้งหน้าตั้งตาซื้อและลงทุนในอสังหาที่ออสเตรเลียกัน หลังแรกก็ 14 November 2017 (ผ่อนหมด March 2018) ที่ NSW เราไม่มีหนี้แม้แต่หลังเดียว บ้านที่สิงคโปร์ เราไม่ปล่อยให้คนเช่าแล้ว ปล่อยว่างทิ้งเอาไว้ เพราะเรากับภรรยาก็คงจะเริ่มกลับไปใช้ชีวิตที่สิงคโปร์และเมืองไทยมากขึ้น ตอนนี้ก็ให้คุณแม่ภรรยามานอนที่นี่ทุก ๆ วันอาทิตย์ apartment ในตึกเดียวกันกับเรา ตอนนี้ก็ปล่อยเช่าที่ประมาณ $4,500 GSD ต่อเดือน เพราะ location ค่อนข้าง OK ไม่ไกลจากตัวเมืองมาก แต่ก็นั่นแหละ พวกเราจะเก็บเอาไว้อยู่เองเวลากลับสิงคโปร์ดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปพักบ้านน้องสาวหรือว่าอะไร ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ลูกลิงคนโตก็ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ เขาที่สิงคโปร์ ก็ไปพักที่บ้านเรา เด็ก ๆ ก็ประหยัดค่าโรงแรมไป เพื่อนลูกลิงบางคนก็ไปเที่ยวสิงคโปร์คนเดียว ก็ไปพักที่นี่มาแล้ว เด็ก ๆ Uni ยิ่ง budget กันอยู่แล้ว พอไปสิงคโปร์แล้วไม่ต้องจ่ายค่าที่พัก พวกเขาก็เที่ยวสนุกกันมากขึ้น เมื่อลูกลิงตัวเล็กจบ high school ปีหน้า เรากับภรรายาก็คงจะได้กลับมาใช้บ้านหลังนี้บ่อยมากขึ้น ความชอบของเราไม่เท่ากัน ไม่มีถูกไม่มีผิด มันแล้วแต่ช่วงวัยของชีวิต เราทำงานหนักมามากพอแล้ว ช่วงนี้คือช่วง harvest Plant, Grow, Harvest ที่เขียนมาทั้งหมด ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากเขียนเอาไว้เป็นความทรงจำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชีวิต ทุกอย่างสร้างเองได้ จากสมองและสองมือที่มี จบแล้วหนาวนี้ เหลืออีก 1 หนาว
เราก็จะหมดภาระที่ Australia แล้วครับ ลูกสาวก็จะเรียนจบ high school แล้ว เรากับภรรยาก็จะหวนคืนสู่บ้านนา; Singapore & Thailand แล้ว อีกแค่หนึ่งหนาวนะ อดทนนะ อีกไม่นาน บ้านที่ออสเตรเลียก็จะเป็น forever home ส่วนสิงคโปร์กับเมืองไทย ก็จะเป็นแบบกระเป๋า hand cary 1 ใบ บินไปมา |
AuthorJohn Paopeng Archives
September 2024
Categories |