งานเราเยอะ เรามี email เข้ามาทุกวันอยู่ที่ประมาณ 60 - 90 emails ต่อวัน
การ clears email ทุกวันจึงสำคัญมาก ไม่งั้นมันก็จะพอกหางหมูไปเรื่อย ๆ คนจะมองเห็นเราเฉพาะตอนที่เราอยู่บนที่สูง ตอนที่สำเร็จแล้ว ความยากลำบากระหว่างทางไม่มีคนเห็น ไม่มีคนรู้ ความเหน็ดเหนื่อยกับงานหลังบ้าน back office ไม่มีคนเห็น ไม่มีคนรู้ หรือรู้ก็รู้มาก ส่วนมากก็ "ทีม J" นี่แหละที่ email หากันรัว ๆ สำหรับเรา เราไม่ได้คิดอะไรมากครับ email = เงิน เท่านั้นเลย ครอบครัวได้อยู่ได้กิน คนรอบข้างได้อยู่ได้กิน มีเหลือเราก็เผื่อแผ่ ทุกวันนี้ใครจะยืมเงิน ผ่านด่านภรรยาเราให้ได้ก่อน ครบจบที่การตัดสินใจของภรรยาดีที่สุด จะได้ไม่ต้องปวดหัวทีหลัง ชีวิตมันไม่ได้อะไรมาง่าย ๆ เลยนะครับ คนใน "inner-circle" จะรู้ดีว่าเราและทีมงานทำงานหนักแค่ไหน ทุกเช้า ประมาณ 5am
เมื่อเตรียม T2 Green Tea เสร็จ สิ่งแรกที่เราทำ login เข้าไปเงินใน Home Loan accounts ว่าตอนนี้เป็นหนี้เหลืออยู่เท่าไหร่ 1. เรามีแค่ 2 ธนาคารของ Home Loan นั่นคือ RAMS และ NAB เราจะเปิดดูเฉพาะของ RAMS เพราะเป็น Home Loan อันเก่า ๆ ที่พยายามจะโปะอยู่ ส่วนของ NAB เราแทบจะไม่ login เข้าไปเลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามระบบ 30 ปีอะไรของมัน เอาแค่ของ RAMS ก่อนก็พอ ไม่อย่างนั้นก็จะเครียดและหนักตัวเองเงิน บ้านเช่าแต่ละหลังมันจัดการตัวของมันเองอยู่แล้ว เพียงแค่เราก็อยากจะโปะอันไหนได้เราก็จะค่อย ๆ โปะไป ก็เริ่มต้นจากของ RAMS นี่แหละเพราะมันคือ account แรก ๆ และ login เข้าไป มันก็เห็นหมดเลย บัญชีใหญ่ ๆ ก็เรากู้มา 2. RAMS มี redraw facility แต่ของ NAB เราไม่ได้ทำเอาไว้ เอาไปทีละอย่างก่อน เอาแค่ของ RAMS ให้รอดก่อน Redraw facility คือเราสามารถถอนเงินออกมาได้ 4 บัญชีใหญ่ ๆ ของ RAMS (RAMS มี 7 บัญชี) ถ้าเราโปะหมด ซึ่งหมายถึงยอด balance ต้องเหลือ $0 ทุกบัญชี เงินที่อยู่ในนั้นก็มากพอที่ซื้อบ้านหรือ apartment แถว Sydney ให้กับลูก project สุดท้ายของเรากับภรรยาที่อยากจะทำทิ้งเอาไว้ให้ลูก 2 คน 4 บัญชีใหญ่ของ RAMS เอาโปะไปแล้ว 3 เหลือ 1 แต่จากการบวก ลบ คูณ หาร และถ้างานที่เข้าอยู่ในระดับนี้ตลอดไป เราคิดว่าเราสามารถโปะบัญชีที่ 4 ได้ ถ้าเอา 4 บัญชีมารวมกัน เราก็สามารถ redraw เงินออกมาซื้อ apartment 2-bed 2-bath แถว ๆ Sydney ได้ อันนี้ในกรณีที่เราไม่อยากจะทำเรื่องกู้ใหม่ แต่คงกู้แหละ อย่างน้อยเราก็อุ่นใจว่ามีเงินในบัญชีมากพอในการซื้อสด เราไม่แนะนำให้ใครซื้อสดนะครับ เพราะเงินที่จะเอามาซื้อสด เราสามารถเอาไป deposit บ้านได้อีกหลายหลัง บ้านที่มีคนเช่าอยู่แล้ว ซึ่งหาไม่ยาก เรามี Buyer Agent ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว เราเองก็ไม่กะซื้อสดนะครับ สู้เราเอาเงินไปซื้อ investment properties ดีกว่า แต่พวก investment properties พวกนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เราทำงานซื้อบ้านใน Sydney ในลูกเราเสร็จสิ้นแล้ว เราไม่อยากชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่อยากปวดหัวหลายทาง เอาทีละอย่าง กินทีละคำ กินแต่พอดี ที่คำนวญเอาไว้ ก็คำนวญดูเฉย ๆ ว่า "เออ ถ้าจะทำก็ทำได้นะ" 3. บัญชีของบริษัทก็แยกไป บัญชีส่วนตัวก็แยกไป ไม่มีอะไรมาก มันคือความสุขของคนทำงานครับ ทุกเช้า login เข้าไปดูตัวเลข เสร็จแล้วก็นั่งอ่านหนังสือตอนเช้าเงียบ ๆ รอลูกลิงตื่น แล้วไปส่งเขาไปโรงเรียนทุกเช้า แล้วเราก็ไป gym 10am กว่า ๆ ก็เริ่มทำงาน นี่แหละชีวิต จาก 25 Dec 2024 - 25 Feb 2025
ลดจาก 69kg เหลือ 64.2kg หลัก ๆ คือต้องการลดไขมันตรงหน้าท้อง ส่วนกล้ามเนื้อ ตอนนี้กลับมาทำ weight training บ้างเล็กน้อย 1. หลัก ๆ คือหักดิบแป้ง น้ำตาล และอาหารแปรรูป หักดิบในที่นี้คือแทบจะเหลือ 0 คือไม่แตะเลย อาจมีแค่เดือนละครั้ง เวลาแขกมาที่บ้าน ที่เราอาจต้องกิน dessert กับเขา (มันล่อตาล่อใจมาก) นอกนั้นเราตัดได้หมด เราไม่ชอบทานอาหารนอกบ้าน ถ้าไม่มีใครซื้อขนมเข้าบ้าน มันก็ง่าย 2. อาหารหลายอย่าง เราบอกภรรยา ไม่ต้องซื้อเผื่อเรา อย่างเช่น Pho เป็นต้น เขาจะซื้อจากร้านเวียดนามอาทิตย์ละครั้ง ก็ซื้อแค่ให้เขาและลูก ๆ ก็พอ เราก็ทานอาหารปิ่นโตของเรา หรือไม่ก็ไข่ต้ม 4 ฟอง อย่าดูแคลนไข่ต้มนะครับ มันอิ่มและอยู่ท้องมาก และกิมจิทุกวัน เพราะเป็นอาหาร biotic กิมจิเราไม่ได้ซื้อจากร้าน grocery นะครับ เพราะอันนั้นจะเป็น mass production มาจากโรงงาน เราซื้อจากร้านอาหารเกาหลี ร้านเพื่อนของเพื่อน พวกเราไปอุดหนุนบ่อย ทุก week แหละ เพราะภรรยาเราไป gym แถวนั้น เขาก็จะซื้ออะไรติดมือมา กิมจิที่ร้านเกาหลีที่พวกเราซื้อจะเป็นกิมจิที่เขาทำเอง รสชาติ original home made สุด ๆ เพื่อนเกาหลีเราเยอะ ก็พอจะรู้ว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดี 3. เราออกกำลังเบา ๆ ตอนเช้าช่วงท้องว่าง ช่วงที่ยัง fast อยู่ เรา fast; 7pm - 11am เราส่งลูกสาวไปโรงเรียน 8:10am เราก็เข้า gym ต่อ แล้วค่อยเริ่มทำงาน Monday - Friday ก็จะเป็นแบบนี้ เป็น cardio เบา ๆ 40 นาที เดินบน threadmill 3km บ้าง 4km บ้างแล้วแต่วัน เป็นอะไรที่ไม่หนักเลย ส่วน Pilates และ Yoga ก็ตอนเย็น; 3 times a week พอน้ำหนักกลับมาอยู่ที่ประมาณ 65kg เราก็เริ่มทำ weight training แล้ว แต่จะเป็นแค่ตอนเย็น ช่วงที่ลูกสาวไป dance เราก็ drop เขาที่ dance studio แล้วก็เข้า gym ลูกสาว dance เสร็จ เราก็ไปรับกลับบ้าน routine ชีวิตมันก็จะประมาณนี้ เป็น routine ง่าย ๆ แต่มีความสุข เอา routine ของลูกเป็นที่ตั้ง คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้อง work around it... ชีวิตมันก็แค่นี้แหละครับ 4. ไขมันหน้าท้อง ยังลดได้อีก ต้องการแบนราบ ส่วนกล้มเนื้อ เราก็เริ่มกลับเข้าไปทำ weight training แล้ว ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ไม่รีบ ทำเท่าที่เวลาเรามี แต่ cardio ทุกเช้าหลังส่งลูกสาวไปโรงเรียน Monday - Friday อันนี้ไม่ขาดแน่นอน มันเป็น routine ตอนเช้าไปแล้ว ลดไขมันส่วนเกิน ลดแทบทุกความเสี่ยงนะครับ อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ เราคือหมอที่ดีที่สุด 25/02/2025 💕💕💕 กับงานที่เราทำ หนึ่งสิ่งที่เราเจอคือคนที่มีภาวะ "ซึมเศร้า" ที่บางคนก็ไม่อยากจะอยู่บนโลกใบนี้แล้ว
เราไม่ใช่หมอ และไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ (กำลังเรียน Phycology กับ UTS ) แต่เท่าที่สังเกตและพอประมวลสาเหตุบางอย่างได้ ก็จะประมาณนี้ 1. เสพสื่อ social media มากเกินไป แล้วเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนนั้นคนนี้ สื่อ social media คือโลกเสมือนนะครับ และในนั้นมีอะไรเยอะแยะมากมายที่ "ปลอม" และฉาบฉวย คนจะโพสต์เฉพาะสิ่งที่สวยงามเกี่ยวกับชีวิตตัวเอง ความสำเร็จ ความสุข blah...blah... ซึ่งมันไม่ใช่ชีวิตเขาทั้งหมด มันอาจจะเป็นแค่ 1% ของชีวิตของเขาก็ได้ อีก 99% เราไม่รู้ คนเราจะชอบมองคนที่สำเร็จเฉพาะตอนที่เขาอยู่บนที่สูงเท่านั้น ช่วงที่เขาไต่เต้าขึ้นไปนั้น ไม่มีใครเห็น 2. เสพสื่อ social media มากเกินไป care ความคิดเห็นของคนอื่น เอาความคิดเห็นของคนอื่นมาย้ำคิดย้ำทำกับตัวเอง ถ้าเราทำงาน ใช้ชีวิตอยู่กับโลกของความเป็นจริง ไม่หลอกตัวเอง รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ความคิดเห็นของคนอื่นก็ทำอะไรเราไม่ได้ ใช้ชีวิตแบบ no สน no care They don't pay my bills. แล้วเราอยู่กับครอบครัว ญาติพี่น้องและ inner-circle ที่หวังดีกับเราจริง ๆ ความคิดเห็นขยะเหล่านั้นก็ทำอะไรเราไม่ได้ อันนี้จากประสบการณ์คนที่โดนแขวนที่: - กลุ่มโยกย้าย; 1.1M คน - กลุ่มตลาดหลวง; หลายล้านคนอยู่ แต่ก็นั่นแหละ เราไม่สนและเราไม่แคร์ เพราะเรามีจุดยืนที่ชัดเจน และเราก็สุงสิงกับคนที่คิดคล้าย ๆ เรา มีความสุขจะตาย support ซึ่งกันและกัน Hate speech ทำอะไรเราไม่ได้ และเราก็ไม่จำเป็นต้องโต้ตอบ ไม่ได้เงิน!!! เราก็ใช้ชีวิตหล่อ ๆ สวย ๆ ของพวกเราไป ให้พวกเขา "อกแตกตาย" Living a HAPPY LIFE is a true REVENGE นะครับ. 3. False expectation of oneself อีกอันหนึ่งก็คือ เราต้องรู้ศักยภาพของเราเอง รู้ limitation ของเราเอง ทุกคนหวังสูง อยากอยู่ที่สูง แต่เราต้องไม่โกหกตัวเอง จริง ๆ แล้วอยู่ที่ไหน ทำอะไรก็ได้ ขอแค่เรามีความสุข ทุกอย่างเริ่มมาจากข้างใน - กินไข่ต้ม 4 ฟอง ก็มีความสุขได้ครับ อึออกมาเหมือนกัน - เอาปัจจัย 4 เบื้องต้นก็พอ ชีวิตไม่ต้องหรูหราหมาเห่า แค่ต้องสะดวกสบาย ไม่ลำบากมาก ตามกำลังทรัพย์ที่เรามี กลับไปดูข้อ 1 เราก็ไม่ต้องเอาเราไปเปรียบเทียบกับใครไง คนเราความสามารถไม่เท่ากัน จะให้เราเก่งเหมือน Novak Djokovic หรือ David Beckham ก็คงไม่ได้ เราต้องไม่หลอกตัวเอง หรือเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับใครสะจนทำให้เรารู้สึกตัวเล็ก เราสามารถเอาเขาเป็น idol ได้ แต่เราก็ "เป็นเราในแบบของเราที่เราเป็น" ทะเยอะทยานได้ เอาแต่พองาม เดินทางสายกลางดีที่สุด ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร เราเป็นกำลังใจให้เสมอ โดย "ส่วนตัว" แล้ว เราไม่เชื่อเรื่องการทานยา เราคิดว่ามันแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ถ้า "ยา" มันช่วยให้เราใช้ชีวิตประจำได้ ก็ว่ากันไป อันนั้นก็คง no choice โดย "ส่วนตัว" แล้ว เราเชื่อในเรื่องของ "ธรรมโอสภ" ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร ถ้าคุณอยู่กับปัจจุบันและอยู่กับตัวเอง เราคิดว่าทุกอย่างมันจะ heal ของมันเอง ร่างกายเราและจิตใจเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ครับ อย่าดูแคลนเขา เขาสามารถ heal ตัวของเขาเองได้ แค่เราต้องรู้จักเขาให้มาก ๆ อะไรที่มันแตกหักมาจากข้างใน เราก็ต้องซ่อมกันที่ข้างใน ยาก็ใช้ได้นะครับ แต่นั่นแหละ เราก็คิดว่ามันก็แค่ปลายเหตุ เช้า ๆ วันจันทร์ เราก็เขียนอะไรของเราไปเรื่อยเปื่อยนะครับ โปรดอย่าถือสา และเราก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ (เราเรียนจบจาก UTS เมื่อไรก็ค่อยว่ากัน) เมื่อเราล้ม เราก็ต้องลุกขึ้นมานะครับ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ว่ากันไป ปัดเข่า เชิดหน้า แล้วไปต่อ ถ้าไม่ไหว หาใครคุยด้วย เดินจุงมือกันไป อย่าเดินคนเดียว "Back to 65kg in 1.5 months, from 69kg"
1. เราหนัก 65kg มาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วครับ สูง 182cm เราหุ่นนี้หุ่นเดียวมาโดยตลอดตั้งแต่ year 10 (ม.4) มาจนถึงเรียนมหาลัยก็ 65kg ทำงานก็ 65kg มาโดยตลอดเป็นหลายเวลา 2. ปีที่แล้ว 2024 งานยุ่งมากครับ และก็ย้ายบ้านด้วย ปล่อยตัวปล่อยใจให้น้ำหนักขึ้น 69kg หลาย ๆ คนบอกว่าดูดีมีน้ำมีนวล แต่เราไม่ชอบครับ เราชอบที่ 65kg เพราะความคุ้นชิน เราหนัก 65kg มาตั้งแต่ ม.4 แล้วและจะพยายาม maintain อยู่ใน level แล้ว 3. ปี 2022; เราเริ่มกินอาหารแบบ Keto Diet แต่ก็เป็น Keto แบบหลอก ๆ คือไม่ทานข้าว ทานเส้นไข่ขาวแทน สั่งจากเมืองไทย เราตัดข้าวออกจากชีวิตก็จริง แต่ก็ยังทานแป้งอยู่ ทาน Pizza, ขนมปัง, เส้นก๋วยเตี๋ยว, กลับเมืองไทยก็ขนมจีนทุกวัน มันก็ยังเป็นแป้งอยู่ 4. ส่วนน้ำตาล เราก็ตัดมานานแล้ว ตั้งแต่ Nov 2017 (เข้า workshop @Tony robbins) แต่ก็ตัดหลอก ๆ แบบตัดออกจากชากาแฟ แค่นั้น มันก็ยังมีน้ำตาลมาจากขนมหวานต่าง ๆ และอาหารแปรรูป 5. เริ่มจริงจังตัดแป้ง ตัดน้ำตาล คราวนี้ตัดอาหารแปรรูปด้วย พวกขนมคบเคี้ยวอะไรต่าง ๆ ที่มันวันผลิตและมันหมดอายุ นั่นคืออาหารแปรรูป ไส้กรอกเอย ลูกชิ้นเอย แป้งทั้งนั้นครับ ก็เลยหักดิบ เริ่ม 25/12/2024 ไม่เกี่ยวกับ New Year Resolutions นะครับ เราเป็นคนไม่มี New Year Resolution เราอยากทำอะไรก็ทำเลย เผอิญว่าช่วง Dec - Jan เป็นช่วงหยุดงาน มันก็เลยมีเวลาทำอะไรได้ง่าย 6. หักดิบที่หักดิบจริง ๆ คือ ข้าว ต่อให้ไปทานข้างนอก มีคนสั่ง lunch special ให้ เราก็จะทานแต่กับ ไม่ทานข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยวทุกอย่างไม่ทาน Pho ก็หมดสิทธิ์ พวกขนมปังทุกอย่าง พวก Croissant และอาหารทุกอย่างที่ผานกระบวนการผลิต ผ่านการแปรรูป เราไม่ทาน เราเน้นอาหารตามธรรมชาติ ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด ไข่คืออาหารที่ดีที่สุด ไข่ต้มง่ายที่สุดครับ ไม่ผ่านการผลิตอะไรเลย พวกเนื้อพวกอะไรเราก็ทานตามปรกติ เน้นไข่ เน้นโปรตีน 7. เราอาจทานขนมทานอะไรบ้าง แค่ 1-2 ครั้งเวลาเชิญแขกมาที่ร้าน ซึ่งเราต้องรับรอง ก็ต้องมี dessert เป็นธรรมดาไม่ว่ากัน 8. เดินทาง ทำงานต่างรัฐก็ไม่หลุด ทานอาหารที่ lounge ของสายการบินก็ไม่หลุด ไม่มีคำว่าเสียดายอยากทานอาหารอร่อย... blah... blah... ไม่มี 9. เวลาคนทำอาหารมาฝาก หรือมีของมาฝาก เราก็ปฏิเสธไปเลยว่าเราไม่กินสิ่งนี้ สิ่งนี้ คำว่า "ไม่หวาน" ของคนเราไม่เท่ากัน ของเราคือ "0 ความหวาน" ไปเลย เชื่อเถอะ น้ำตาลมันแอบแฝงอยู่ทุกที่แหละ น้ำยำเอย น้ำตำส้มตำเอย ก็เลยต้องตัดแบบหักดิบ 10. ออกกำลังกายแค่ cardio ตามปรกติ ไม่มีการยก weight ไม่มีการ trainning ใด ๆ แค่วิ่งหรือเดินบน treadmill 3km บ้าง 5 km บ้าง 5-6 วันต่ออาทิตย์ ไม่ได้ออกกำลังหนักเลย ถ้าเราควบคุมการกินแล้ว เราไม่ต้องโหมออกกำลังกายก็ได้ เดี๋ยวเรื่อง build กล้ามเนื้อ เดี๋ยวเอาไว้ทีหลัง และพยายามออกกำลังกายช่วง fasting (เรา fast 8pm - 11am) 11. นอนเป็นเวลา พยายามนอน 10pm หรือ late สุดไม่เกิน 11pm เพราะร่างกายจะเผาผลาญเวลานอน และ growth hormone จะหลั่งทำงานช่วง 10pm - 2am เป็นช่วง prime time ของร่างกาย 12. เด็ก ๆ ไขมันจะสะสมใต้ผิวหนังนะครับ ถ้าไม่เด็กอย่างเรา ไขมันจะสะสมตรงหน้าท้อง ก็ต้องจัดการเรื่องการกิน อย่าเอาชีวิตตัวเองไปเทียบตอนตัวเองเป็นเด็กเป็นวัยรุ่น 13. จริง ๆ น้ำหนักเราเริ่มลงมาที่ 65kg ได้สักพักแล้ว แต่ยังไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับการกินของแต่ละวัน ตอนนี้ค่อนข้างคงที่แล้ว ที่เหลือก็ maintain หรือ build กล้ามเนื้อ ร่างเรา เราสร้างได้ ไม่ต้องมี trainner เราทำของเราเอง อ่านและศึกษาให้เยอะ ๆ ก็แค่นั้น อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอนะครับ ร่างเรามีร่างเดียว 25/12/2024 - 16/02/2025 16/02/2025 💕💕💕 ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เราจะไม่ติดอยู่กับกับดักของความสำเร็จเดิม ๆ วันนี้ "รุ่ง" พรุ่งนี้เราอาจจะ "ล่วง" ก็ได้ เราต้องตั้งมั่นอยู่กับการมีสติ อยู่กับความเป็นจริง เท้าต้องติดดิน อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน พรุ่งนี้งานอาจจะเหลือ 0 ก็ได้ ตอนนี้มีแรงก็คว้าเอาไว้ก่อน และที่สำคัญคือก่อนที่จะช่วยเหลืออะไรใคร เราต้องไม่เบียดเบียนตัวเองหรือนำมาซึ่งความทุกข์ของเรา 09/02/2025 💕💕💕 หากใครก็ตามแต่ที่ทำธุรกิจอยู่แล้วมีคนมาขอหุ้นหรือ partner ด้วย
P' J อยากจะแนะนำว่า ให้ตอบปฏิเสธไปเลย 1. หุ้นส่วนหรือ partner จะนำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ 2. บุคคลคนคนนั้นถ้าเขาอยากจะทำอะไรเอง เขาทำเองไปแล้ว ถ้าเขาไม่ทำเองก็แสดงว่าเราต้องมีความรู้ความสามารถอะไรบางอย่างที่เขาไม่มี เขาถึงอยากจะมาหุ้นกับเรา แสดงว่าเราต้องมีดีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่มี ถ้าเรามีความรู้ความสามารถเราก็ทำเองเลยสิ ทำไมเราต้องให้คนอื่นมา leverage ความสามารถของเรา 3. หากเรามีความรู้ความสามารถแต่ขาดเงินทุน ให้เราหา "คนลงทุน" ครับ อย่าหาหุ้นส่วนทางธุรกิจ คนลงทุนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจไม่เหมือนกัน คนลงทุนส่วนมากก็แค่เอาเงินมาลงแล้วปล่อยให้เราบริหารจัดการไป ให้อิสระเราในการทำงาน ส่วนหุ้นส่วน โอ๊ยยยยย เช้า สาย บ่าย เย็น ต้องออกความคิดเห็น เธอจะเลี้ยวซ้าย ฉันจะเลี้ยวขวา เชื่อเถอะ จบกันไม่ดีสักรายหรือน้อยมากถึงมากที่สุดที่จะอยู่กันยืด อะไร ใด ๆ P' J ไม่อยากเห็นใครกลายเป็นเครื่องมือของใครนะครับ ก้าวทีละช้า ๆ กินแต่พอดีคำ เมื่อวันเวลามาถึง at the right place, right time with the right people ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเอง |
AuthorJohn Paopeng Archives
April 2025
Categories |