กับงานที่เราทำ หนึ่งสิ่งที่เราเจอคือคนที่มีภาวะ "ซึมเศร้า" ที่บางคนก็ไม่อยากจะอยู่บนโลกใบนี้แล้ว
เราไม่ใช่หมอ และไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ (กำลังเรียน Phycology กับ UTS ) แต่เท่าที่สังเกตและพอประมวลสาเหตุบางอย่างได้ ก็จะประมาณนี้ 1. เสพสื่อ social media มากเกินไป แล้วเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนนั้นคนนี้ สื่อ social media คือโลกเสมือนนะครับ และในนั้นมีอะไรเยอะแยะมากมายที่ "ปลอม" และฉาบฉวย คนจะโพสต์เฉพาะสิ่งที่สวยงามเกี่ยวกับชีวิตตัวเอง ความสำเร็จ ความสุข blah...blah... ซึ่งมันไม่ใช่ชีวิตเขาทั้งหมด มันอาจจะเป็นแค่ 1% ของชีวิตของเขาก็ได้ อีก 99% เราไม่รู้ คนเราจะชอบมองคนที่สำเร็จเฉพาะตอนที่เขาอยู่บนที่สูงเท่านั้น ช่วงที่เขาไต่เต้าขึ้นไปนั้น ไม่มีใครเห็น 2. เสพสื่อ social media มากเกินไป care ความคิดเห็นของคนอื่น เอาความคิดเห็นของคนอื่นมาย้ำคิดย้ำทำกับตัวเอง ถ้าเราทำงาน ใช้ชีวิตอยู่กับโลกของความเป็นจริง ไม่หลอกตัวเอง รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ความคิดเห็นของคนอื่นก็ทำอะไรเราไม่ได้ ใช้ชีวิตแบบ no สน no care They don't pay my bills. แล้วเราอยู่กับครอบครัว ญาติพี่น้องและ inner-circle ที่หวังดีกับเราจริง ๆ ความคิดเห็นขยะเหล่านั้นก็ทำอะไรเราไม่ได้ อันนี้จากประสบการณ์คนที่โดนแขวนที่: - กลุ่มโยกย้าย; 1.1M คน - กลุ่มตลาดหลวง; หลายล้านคนอยู่ แต่ก็นั่นแหละ เราไม่สนและเราไม่แคร์ เพราะเรามีจุดยืนที่ชัดเจน และเราก็สุงสิงกับคนที่คิดคล้าย ๆ เรา มีความสุขจะตาย support ซึ่งกันและกัน Hate speech ทำอะไรเราไม่ได้ และเราก็ไม่จำเป็นต้องโต้ตอบ ไม่ได้เงิน!!! เราก็ใช้ชีวิตหล่อ ๆ สวย ๆ ของพวกเราไป ให้พวกเขา "อกแตกตาย" Living a HAPPY LIFE is a true REVENGE นะครับ. 3. False expectation of oneself อีกอันหนึ่งก็คือ เราต้องรู้ศักยภาพของเราเอง รู้ limitation ของเราเอง ทุกคนหวังสูง อยากอยู่ที่สูง แต่เราต้องไม่โกหกตัวเอง จริง ๆ แล้วอยู่ที่ไหน ทำอะไรก็ได้ ขอแค่เรามีความสุข ทุกอย่างเริ่มมาจากข้างใน - กินไข่ต้ม 4 ฟอง ก็มีความสุขได้ครับ อึออกมาเหมือนกัน - เอาปัจจัย 4 เบื้องต้นก็พอ ชีวิตไม่ต้องหรูหราหมาเห่า แค่ต้องสะดวกสบาย ไม่ลำบากมาก ตามกำลังทรัพย์ที่เรามี กลับไปดูข้อ 1 เราก็ไม่ต้องเอาเราไปเปรียบเทียบกับใครไง คนเราความสามารถไม่เท่ากัน จะให้เราเก่งเหมือน Novak Djokovic หรือ David Beckham ก็คงไม่ได้ เราต้องไม่หลอกตัวเอง หรือเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับใครสะจนทำให้เรารู้สึกตัวเล็ก เราสามารถเอาเขาเป็น idol ได้ แต่เราก็ "เป็นเราในแบบของเราที่เราเป็น" ทะเยอะทยานได้ เอาแต่พองาม เดินทางสายกลางดีที่สุด ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร เราเป็นกำลังใจให้เสมอ โดย "ส่วนตัว" แล้ว เราไม่เชื่อเรื่องการทานยา เราคิดว่ามันแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ถ้า "ยา" มันช่วยให้เราใช้ชีวิตประจำได้ ก็ว่ากันไป อันนั้นก็คง no choice โดย "ส่วนตัว" แล้ว เราเชื่อในเรื่องของ "ธรรมโอสภ" ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร ถ้าคุณอยู่กับปัจจุบันและอยู่กับตัวเอง เราคิดว่าทุกอย่างมันจะ heal ของมันเอง ร่างกายเราและจิตใจเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ครับ อย่าดูแคลนเขา เขาสามารถ heal ตัวของเขาเองได้ แค่เราต้องรู้จักเขาให้มาก ๆ อะไรที่มันแตกหักมาจากข้างใน เราก็ต้องซ่อมกันที่ข้างใน ยาก็ใช้ได้นะครับ แต่นั่นแหละ เราก็คิดว่ามันก็แค่ปลายเหตุ เช้า ๆ วันจันทร์ เราก็เขียนอะไรของเราไปเรื่อยเปื่อยนะครับ โปรดอย่าถือสา และเราก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ (เราเรียนจบจาก UTS เมื่อไรก็ค่อยว่ากัน) เมื่อเราล้ม เราก็ต้องลุกขึ้นมานะครับ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ว่ากันไป ปัดเข่า เชิดหน้า แล้วไปต่อ ถ้าไม่ไหว หาใครคุยด้วย เดินจุงมือกันไป อย่าเดินคนเดียว |
AuthorJohn Paopeng Archives
March 2025
Categories |