ภรรยาเราตอนนี้ปลอดโรคร้ายแล้วก็จริง ตอนนี้ตรวจไม่พบเนื้อร้ายในร่างกายแล้วครับ scan และ check ทุกอย่างแล้ว
แต่ก็ใช่ว่าชีวิตจะกลับมาปกติเหมือนเดิม 100% มันไม่เหมือนเดิมหรอกครับ คนเรามันผ่านเรื่องราวอะไรแบบนี้มา มันไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย มันเป็นเรื่องของสภาพทางจิตใจด้วย กับคนที่นั่งอยู่บน fence แล้วเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น สภาพจิตใจมันจะไม่เหมือนเดิมนะครับ ต่อให้กำลังใจจะดี จะเข้มแข็งขนาดไหนก็ตามเถอะ mental health สำคัญมากนะครับ อยู่ดูแลกันไป ถึงแม้การให้คีโมจะสิ้นสุดลงแล้ว ถึงแม้การฉายแสงจะสิ้นสุดลงแล้ว ถึงแม้ตอนนี้ไม่ตรวจไม่เจอเซลล์ร้ายในร่างกายแล้ว ภรรยาเรายังคงต้อง follow up อะไรอีกหลาย ๆ อย่าง 1. ทุก ๆ 1 ปีภรรยาเราก็ยังต้องเจอ breast specialist เป็นเวลา 5 ปี มาตรวจหาเนื้อร้ายปีละครั้ง 5 ปีต่อจากนี้ 2. ภรรยาเราต้องทานยาเพื่อ block ฮอร์โมนทุกวัน วันละ 2 เม็ด เป็นระยะเวลา 10 ปี ยาไม่ได้แพงมาก น่าจะกล่องละประมาณ $9 10 ปี มันช่างยาวนานซะเหลือเกิน 3. ภรรยาเราทดลองใช้ยาอีกตัวหนึ่ง เป็นยาใหม่ อันนี้ฟรี ยาตัวนี้ต้องทาน 2 ปี ยาตัวนี้ไม่มีขายตามร้านยาทั่ว ๆ ไป ต้องส่งตรงมาจากบริษัทยาเท่านั้น ถ้าไม่ฟรี ก็จะตกกล่องละ $450/เดือน (2 ปีก็คูณเองนะครับ) โชคดีที่ภรรยาเราได้ฟรี หมอ oncology ที่ Wollongong Private Hospital ช่วยเขียนจดหมายให้ เราจะให้ฟรีแค่ประมาณ 200 คน 4. ภรรยาเราช่วงนี้ทุก ๆ เดือนยังคงต้อง follow up กับหมอ oncology ก็ต้องมีการตรวจเลือด และ scan อะไรต่าง ๆ นานา ก็ยังไม่ได้สบายนะครับ ยังคงต้อง follow up กันทุก ๆ เดือนอยู่ช่วงนี้ 5. เนื่องด้วยการผ่าตัด แผลเป็นและกล้ามเนื้อบางส่วนก็จะไม่เหมือนเดิม และการทำฉายแสงที่รังสีมันจ่อและแผดเผากล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเราทุก ๆ วัน วันละ 30 นาที เป็นระยะเวลาหลายอาทิตย์ แน่นอนกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อตรงจุดนั้นก็ต้องมีผลกระทบ ภรรยาเราก็ต้องหา physiologist ด้วย บางอย่างก็ต้อง takes time, physiologist ก็บอกว่าปัญหาบางปัญหาก็ต้องค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ รักษากันไป 1.5 ปี และอื่น ๆ อีกมากมาย เมื่อชีวิตเจอมรสุม มันทำให้ครอบครัวเราจับมือกันแน่นขึ้น แสดงออกถึงความรักและความห่วงใยกันทุกวัน เพราะเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง จะเจอกับอะไร ิยิ่งเราสูญเสียหลานชายเราไป ชีวิตพวกเรายิ่งไม่เหมือนเดิม มุมมองของชีวิตของพวกเราเปลี่ยนไปตลอดกาล วิธีการปฏิบัติต่อคนในครอบครัวพวกเราก็เปลี่ยนไปตลอดกาล ทั้งครอบครัวที่มีพวกเรากันแค่ 4 ครอบครัวที่เมืองไทย พวกเราจับมือกันแน่นขึ้น แสดงออกถึงความรักความห่วงใยที่มีต่อกัน โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องเดา ไม่ต้องสงสัยในความรักที่พวกเรามีให้ต่อกัน อย่ารอให้สูญเสีย someone ในครอบครัวก่อนนะครับ ถึงจะแสดงออกถึงความรักที่มีต่อกัน เราโชคดี เราเติบโตมากับคุณอาที่หัวสมัยใหม่ การแสดงออกถึงความรักที่มีต่อกันในครอบครัว พวกเราแสดงออกได้แบบไม่เขอะเขิน เรายังจำได้ เราอายุ 30+ กลับเมืองไทย เราก็ยังนอนหนุนตักคุณอาอยู่เลย ที่บ้านเราไม่ใช่เรื่องแปลก หรือการกอด การเดินจับมือคุณอา คุณแม่ พวกเราทำกันเป็นปกติ ชีวิตทุก ๆ วินาทีมีค่ามากนะครับ อย่าปล่อยให้ผ่านไปวัน ๆ บอกรักคนข้างกาย บอกรักคนในครอบครัว บอกรักคุณพ่อ คุณแม่ที่อยู่ที่เมืองไทย ที่อยู่ห่างไกลกันนะครับ เพราะเราไม่รู้เลยว่า "พรุ่งนี้" จะมาถึงหรือเปล่า ...อยู่กับปัจจุบัน... 10/06/2023 #จอห์นเผ่าเพ็ง #เพราะฉะนั้น #มันถึงเป็นเช่นฉะนี้
0 Comments
Leave a Reply. |
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
August 2024
Categories |