สิงคโปร์เป็นประเทศหมู่เกาะ
เป็นประเทศเล็ก ๆ ไม่แตกต่างจากจังหวัดภูเก็ต เป็นแค่ another dot on the map แต่ว่าเป็นประเทศที่พัฒนามาก เป็นประเทศที่ powerful มาก เพราะการเมืองการวางนโยบายที่เข้มแข็ง มีกฏหมายลงโทษนักการเมืองที่โกงกินที่รุนแรง เนื่องด้วยสิงคโปร์เป็นประเทศที่เล็ก สมัยเมื่อปี 1998-2001 ที่เราอยู่ที่สิงคโปร์ สิงคโปร์มีประชากรแค่ 3 ล้านคนเอง 20 ปีผ่านไป ตอนนี้สิงคโปร์มีประชากรมากถึง 6 ล้านคนแล้ว ซึ่งส่วนมากก็ import มาจากประเทศจีนและก็ประเทศอินเดีย เนื่องด้วยคนสิงคโปร์สมัยใหม่ new generation ไม่ต้องการมีลูก ไม่ต้องการมีภาระ รัฐบาลก็เลยต้อง import คนมาจากประเทศอื่น ถ้าพวกเธอไม่ต้องการผลิตลูกออกมา รัฐบาลก็ต้อง import คนมาจากประเทศอื่น ดังนั้นห้ามบ่น ห้าม complain จ๊ะ มันเป็นสัจธรรมของชีวิต ความคิดของคนสังคมเมือง ก็จะเป็นอะไรที่แตกต่างกันออกไป มันเป็นความคิดที่แตกต่าง มันเป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป เนื่องด้วยสิงคโปร์เป็นประเทศหมู่เกาะ เป็นประเทศที่เล็ก ที่อยู่อาศัยส่วนมากก็จะเป็นตึกสูง เป็น condominium สูง ถ้าไม่สูงขึ้นฟ้า ก็เจาะลึกลงดิน เรายอมรับในความสามารถของวิศวกรของที่นี่จริง ๆ คือเขาเก่งมาก ทำได้แทบทุกอย่าง ประเทศเขาเจริญจริง ๆ ทางด้าน technology และ living standard นะ นโยบายการถือครอบครองที่ดินของที่นี่จึงมีจำกัด สมัยเมื่อสิงคโปร์ยังไม่ได้พัฒนาถึงขนาดนี้ สมัยก่อนก็ยังมีทุ่งนา มีไร่ มีสวน ตอนนี้ไม่มีแล้ว ที่ดินทุกที่ ที่ดินทุกแปลง ถูกเวนคืนเป็นของรัฐบาลเกือบ 99% จะมีแค่หมู่เกาะเล็ก ๆ รอบนอกที่ยังมีความเป็นทุ่งนา เป็นไร่ เป็นสวน หมู่เกาะเล็ก ๆ รอบนอกเหล่านั้นก็จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้พวกเราไปเที่ยวกัน เสาร์ อาทิตย์ ไปปั่นจักรยานเล่นกัน นั่งเรือจากสิงคโปร์ไปไม่กี่นาที พื้นที่ดินทั้งหมดของประเทศที่ไม่ถูกเวนคืน เราก็จะเรียกว่า freehold ซึ่งหมายความว่าเจ้าของสามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ ปลูกสร้างบ้านได้ และถ่ายเทกรรมสิทธิ์เป็นของตัวเองจากรุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูกได้ ซึ่งราคาจะแพงแสนแพงมาก... ที่ดินที่เหลือนอกนั้นก็จะเป็นของรัฐบาล; 99% รัฐบาลก็จะบริหารที่ดินเหล่านั้นเองบ้าง หรือปล่อยให้เช่าให้กับบริษัทเอกชนบ้าง บริษัทเอกชนก็จะสร้าง condominium และคนที่ซื้อก็สามารถเป็นเจ้าของได้แค่ 99 ปี ซึ่งก็มากเกินพอสำหรับการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ นี่เป็นนโยบายที่ประเทศหมู่เกาะหลาย ๆ ประเทศนำมาประยุกต์ใช้กัน การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ 99 ปี (Fiji เป็นต้น) ที่ดินที่รัฐบาลบริหารเอง สร้างตึกอาคารที่อยู่อาศัยเอง เราก็เรียกว่า HDB; Housing and Development Board คนสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็น citizen หรือ PR (Permanent Resident) จะสามารถมี HDB flat ได้แค่ 1 หลังเท่านั้น หลังที่ 2 หรือหลังต่อ ๆ ไปจะต้องเป็น condominium ที่ซื้อจากบริษัทเอกชนเท่านั้น เราเรียกกันว่า 2nd property 2nd property ก็จะแพงมาก ห้อง unit เล็ก ๆ ไม่กี่ตารางเมตร ก็ 1 ล้าน SGD ขึ้นไป อัตราแลกเปลี่ยนเงิน SGD กับ AUD ปรกติแล้วใกล้เคียง 1:1 มาก แต่ตอนนี้เงินของ AUD อ่อนตัวมาก เงินของ SGD ก็เลยมีค่ามากกว่านิดหนึ่ง แต่ไม่มากนัก จุดประสงค์ของ HDB หรือตึกที่ดูแลโดยรัฐบาลสิงคโปร์ก็เพื่อให้ชาวสิงคโปร์ได้มีที่พักอาศัย ไม่ได้มีเอาไว้เพื่อให้คนเช่าหรือเก็งกำไร สำหรับใครก็ต้องการใช้เช่าตึก HDB เราก็ต้องทำเรื่องอนุญาตผ่าน HDB ซึ่ง apartment ที่เราซื้อ เราก็ต้องขออนุญาตและทำเรื่องเพื่อปล่อยให้คนเช่าได้ มันก็อาจจะวุ่นวาย มี paperwork เยอะนิดหนึ่ง แต่มันก็ทำได้ ดังนั้น ถ้าคิดจะลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ข้ออ้างอย่าเยอะ มองทุกอย่างให้เป็นโอกาส 2nd property หรือบ้าน/apartment หลังที่ 2 จะต้องจ่ายภาษีในอัตตราที่สูงกว่าปรกติ เพราะรัฐบาลก็ถือว่าคนที่มีกำลังซื้อบ้านหรือ apartment หลังที่ 2 ต้องมีกำลังในการจ่ายภาษีที่สูงกว่า ถึงแม้กฎหมายจะเข้มงวดในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่สิงคโปร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำการลงทุน หรือมี passive income จากประเทศนี้ไม่ได้ มันก็มี way ของมันอยู่ ก็อย่างที่บอกแหละ ข้ออ้างอย่าเยอะ คิดแล้วทำ ทำทันที เรากับภรรยาก็มี apartment ที่สิงคโปร์แค่ห้องเดียว; fully furnished 2 bedroom unit, เราก็สามารถปล่อยเช่าได้ในราคาที่ดี เราซื้อมาประมาณ 6 ปีแล้ว เป็น brand new unit เรายังไม่ได้เข้าไปอยู่เลย เพราะเราซื้อตอนที่เราที่ออสเตรเลีย เราก็ปล่อยให้เช่าตลอด ถ้าช่วงไหนที่เราเดินทางมาสิงคโปร์ แล้วเผอิญเป็นช่วงที่ห้องเราว่าง เราก็ได้เข้าไปพัก แค่ไม่กี่วันเอง เพราะบ้านหลังอื่นพวกเราก็มีกัน ที่เป็นของ sister in law เป็นของครอบครัวเรา ดอกเบี้ย home loan ที่สิงคโปร์ต่ำมากเมื่อเทียบเท่ากับดอกเบี้ย homeloan ที่ออสเตรเลีย ดอกเบี้ย home loan ที่พวกเรากู้มา ก็อยู่ที่ 2.99% และกู้เป็นระยะเวลา 29 ปี แต่เราจ่ายทั้งหมดแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หมดหนี้หมดสิน จ่ายให้มันจบ ๆ ไป นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แฟนเราและลูกลิงพากันมาสิงคโปร์ summer นี้ เพื่อมาจัดการเรื่อง paperwork เรื่องบ้านด้วย ก็จัดการจ่ายให้มันหมด ๆ ไป ก็ถือว่าพวกเราก็ debt free ที่สิงคโปร์แล้ว จ่ายค่าบ้านที่สิงคโปร์ได้ภายใน 6 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องทำงานหนัก และ discipline กับการจับจ่ายใช้สอยเงินทอง ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีหนี้ของ apartment ที่สิงคโปร์แล้ว แต่ apartment หลังนี้มันก็เป็น positive cashflow income มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เพราะดอกเบี้ยต่ำ เราจ่าย 2.99% หรือคิดเป็นเดือน ๆ ละ $775 (เราจำง่าย ๆ ที่ $800) และค่าเช่าเราปล่อยให้เช่าที่ $2,250/เดือน ซึ่งยังไงก็ได้กำไรอยู่แล้ว ก็โชคดีที่คนเช่าเราเป็นพวกทำงานแบบ professional มีกำลังในการจ่ายค่าเช่า เราก็เลยสบายหน่อย จ่ายภาษีสิ้นปีทุกปีที่สิงคโปร์ ยังไงก็เหลือกำไร เป็น passive income อยู่ ดังนั้น คนเราถ้าคิดจะมี passive invome ข้ออ้างอย่าเยอะ อย่ามัวแต่คิดว่า ที่ประเทศนั้นทำลำบาก ประเทศนี้ทำลำบาก จริง ๆ แล้วมันสามารถทำได้หมด ถ้าศึกษาให้ดี ๆ มันก็ทำได้ ถ้าคนเราคิดจะทำอะไร ข้ออ้างไม่ต้องเยอะ คิดแล้วทำ ทำทันที อีก 1 blog เกี่ยวกับการลงทุน อีก 1 blog เกี่ยวกับประสบการณ์ตรง อัก 1 blog เกี่ยวกับ passive income ชอบแปลว่า "ใช่" แต่ถ้าถูกใจ ช่วย "แชร์" Comments are closed.
|
บันทึกชีวิตการลงทุน เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ Archives
September 2023
|