ที่บ้านเราไม่มีเครื่องเล่มเกมส์ console อะไรใด ๆ
ไม่มี Xbox ไม่มี PlayStation ไม่มี iPad ไม่มี tablet และลูกลิงทั้ง 2 จะรู้นิสัย daddy ดีว่า ของเล่นอะไรที่ไม่ educational ลูก ๆ จะหมดสิทธิ์ได้ ดังนั้นคือ "ไม่ต้องขอ ไม่ต้องอ้อน" เพราะขอหรืออ้อนเราก็ไม่ได้อยู่ดี ไม่ต้องเสียเวลา เงินทองหามายาก กว่าจะได้แต่ละบาท แต่ละสลึง ที่บ้านเราไม่ได้งก แต่ต้องใช้เงินให้เห็นคุณค่า เห็นคุณค่าของเงินและหยาดเหงื่อแรงงานของคนที่หา ลูกลิงต้องรอและเห็นใจคนที่หาตังค์ด้วย ดังนั้นที่บ้านเราของเล่นของลูก ๆ ตอนที่ลูกลิงเด็ก ๆ จะเป็นพวก lego หรือพวกตัวต่ออะไรต่าง ๆ จะไม่มีของเล่นที่เล่นแบบเอามันส์ เอาสนุกเฉย ๆ และที่สำคัญคือ ตัวเราเองไม่เคยซื้อของเล่นอะไรให้ลูกเลย แม่เค๊าจะเป็นคนซื้อแต่ก็ซื้อน้อยมาก ก็จะซื้อให้ช่วงวันเกิดหรือ X'mas อะไรประมาณนี้ ของเล่นลูกลิงก็จะมาจากน้า ๆ และยายของเขาที่สิงคโปร์ เพราะลูกลิงเป็นแค่หลาน 2 ของตระกูลฝ่ายภรรยา ดังนั้นของเล่นลูกลิงจะมีเยอะมากอยู่แล้ว ทั้งที่นี่และที่สิงคโปร์ ดังนั้นพ่อกับแม่ไม่จำเป็นต้องซื้อของเล่นให้ลูกเลย แค่น้าซื้อมาให้ ส่งมาให้จากสิงคโปร์ก็เต็มบ้านแล้ว พอลูกลิงโต เขาก็เลิกเล่น เครื่อง entertainment อะไรที่บ้านเราจึงแทบไม่มี เราและภรรยามองว่ามันเป็นสิ่งสิ้นเปลือง เวลาลูกลิงไปเล่นที่บ้านเพื่อน อยากจะเล่มเกมส์อะไรต่าง ๆ เล่นให้เต็มที่เลย แต่ไม่ต้องมางอแงว่าอยากจะมีบ้างเวลากลับมาที่บ้าน อันนี้เรา make it clear กับลูก ๆ มากและลูก ๆ ก็เข้าใจ เพราะสู้เราเก็บเงินแล้วไปทำอะไรกันอย่างอื่นกันดีกว่า ปรกติถ้าไม่มี COVID ครอบครัวก็บินไปเที่ยวต่างรัฐกันอยู่แล้ว ปีละครั้งอยู่แล้วเวลาปิดเทอม รัฐไหนก็ได้ ส่วนมากก็ชอบ VIC หรือ QLD กัน หรือไม่ก็เที่ยวกันใกล้ ๆ 3-4 วัน เป็น family holiday จะดีกว่า ดีกว่าเอาเงินไปซื้อเครื่องเล่น console อะไรต่าง ๆ ที่บ้านมี Smart TV ต่อเข้า YouTube ได้ ก็ดูไปสิ ใครจะว่าอะไร ทำไมจะต้องมี Netflix หรือเครื่องเล่นเกมส์อะไรต่าง ๆ นานา เกิดเป็นลูก "Daddy J" ต้องทำใจจ๊ะ ครอบครัวไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ปากก็ต้องกัด ตีนก็ต้องถีบ เนื่องด้วยที่บ้านเราไม่มี Netflix เวลาที่เราและลูก ๆ ไปเที่ยวหรือพักตามโรงแรมต่าง ๆ เพราะลูกลิงตัวเล็กก็ต้องมีแข่ง dance ตามเมืองต่าง ๆ ช่วงปิดเทอม เราก็ให้อิสระกับลูกลิงทั้ง 2 ในการดู Netflix ที่โรงแรม คราวนี้หละ เค๊าดูหนัง series กันจบไปเป็นเรื่อง ๆ จบไปเป็น season กันเลยทีเดียว ลูกลิงตัวโตจะไม่ค่อยเท่าไหร่ เนื่องด้วยเป็นผู้ชายและก็โตแล้ว เค๊าก็จะไม่อ้อนหรือขออะไร แต่ลูกลิงตัวเล็กนี่สิ ยังเล็ก ยังเด็กอยู่ ก็จะ "daddy daddy ขอนั่นหน่อย ขอนี่หน่อย" ขอมี Netflix ที่บ้านหน่อย จริงๆ ลูกลิงก็เริ่มอ้อนมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วแหละ แต่ปีที่แล้วลูกลิงตัวโตยังเรียน year 11 อยู่ เราก็เลยบอกว่า ไม่เอา Netflix ไม่เอา distraction อะไรใด ๆ เข้ามาในบ้าน เดี๋ยวลูกลิงไม่อ่านหนังสือ ไม่มีสมาธิในการเรียน Daddy ก็เลยบอกว่า งั้นรอให้ลูกลิงตัวโตจบ year 12 ก่อน สอบ HSC ก่อนแล้วค่อยติด Netflix ก็แล้วกัน การที่เราคุยอะไรกับเด็ก ๆ แล้วให้ timeline กับพวกเขา เด็ก ๆ จะเข้าใจ อันนี้ก็เป็นจิตวิทยาเด็กทั่ว ๆ ไปที่คนที่เป็นอาจารย์สอนหนังสือต้องรู้ เวลาที่สอนลูกศิษย์ที่โรงเรียน: - message ต้องชัดเจนว่าเรากำลังสื่อสารอะไรกับลูกศิษย์ - มี timeline ที่แน่นอนให้กับลูกศิษย์ อะไรที่เราใช้ที่โรงเรียน เราก็เอามาประยุกต์ใช้ที่บ้านได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเข้มงวดเหมือนที่โรงเรียน ที่บ้านเราจะเป็น "open door policy" คือห้องทุกห้องต้องเปิดประตู จะปิดประตูก็ต่อเมื่อเวลานอน อาบน้ำ หรือเข้าห้องน้ำ ดังนั้นเราจะเห็นตลอดว่าลูกลิงทำอะไรอยู่ในห้อง ลูกลิงตัวโตก็อยู่แต่ในห้องตัวเอง อ่านหนังสือ ทำการบ้านอะไรของเขาไป การเรียนเขาเริ่มเด่นชัดมาตั้งแต่ year 9 แล้ว ดังนั้นจึงปรกติมากที่เขาจะอยู่ในห้องและอ่านหนังสือหรือทำการบ้านอะไรของเราไป ซึ่งก็ต้องเปิดประตูและเราก็เห็นทุกอย่างว่าเขาทำอะไรบ้าง ส่วนลูกลิงตัวเล็ก ก็ทำการบ้านหรืออ่านหนังสือที่ computer desk ที่ living room มากกว่า เขาไม่ค่อยอยู่ในห้องนอนของเขา ลูกลิงตัวโตเริ่มเรียนหนักเมื่อเป็น senior year; year 11 and year 12 พอขึ้น year 11 เขาก็จะขลุกตัวอยู่ในห้อง อ่านหนังสือ ทำการบ้านอะไรของเขาไป ก็จะออกมาพัก break บ้าง ดู YouTube ที่ livig room บ้าง ที่บ้านเราไม่ค่อยดู TV เพราะมันไม่มีอะไรดู นาน ๆ จะดู X-Factor, The Voice อะไรประมาณนี้บ้าง แต่รายการอะไรอื่น ๆ ก็จะไม่ค่อยดูกัน เราก็เลยโชคดี ไม่ต้องปากเปียกปากแฉะกับเรื่องการดู TV ของลูก ๆ โดยเฉพาะลูกลิงตัวโตเนี๊ยะ แทบจะไม่ดู TV เลย เค๊าก็จะอยู่ในห้องของเค๊ามากกว่า ลูกลิงตัวเล็กเขาก็ชอบอะไรที่เกี่ยวกับ dance อะไรต่าง ๆ นานาของเขาใน YouTube ดูกับแม่เค๊า 2 คน คุยกันกระน๊องกระแน๊งกันอยู่ 2 คนของเค๊า เนื่องด้วยลูกลิงตัวโตจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องของเค๊าอยู่แล้ว จะไม่ค่อยออกมาอยู่ตรง living room ลูกลิงตัวเล็กก็เลยออกไอเดียอันบรรเจิดว่า "daddy เราติด Netflix เลยได้มั้ย เพราะ Goh Goh ก็อยู่แต่ในห้อง เขาไม่รู้หรอกว่าเราติด Netflix, ถ้า Goh Goh เดินออกจากห้อง พวกเราก็รีบกด remote control เปลี่ยนช่อง" ดูซิ idea ของนาง บรรเจิดมั้ย พอพูดเสร็จแค่นั้นแหละ ลูกลิงตัวโตก็เดินออกมาจากห้อง และถามว่า พูดอะไรกันหนะ เขาได้ยินว่าพูดถึงเขา พวกเราก็เลยพากันหัวเราะกันใหญ่ Goh Goh เป็นภาษาจีนกลาง แปลว่า "พี่ชาย" จากวันที่ลูกลิงตัวเล็กขอมี Netflix ที่บ้านเมื่อปีที่แล้ว และเราก็สัญญาลูกลิงเอาไว้ว่ารอให้ลูกลิงตัวโตจบ year 12 ก่อน สอบ HSC เสร็จก่อน พรุ่งนี้ วันที่ 29 Nov 2021 เป็นวันสอบ HSC วิชาสุดท้ายของลูกลิงตัวโต ก็คงต้องถึงเวลาแล้วสินะที่เราต้องทำตามสัญญา พรุ่งนี้ลูกลิงตัวโตสอบเสร็จ ชีวิตการเรียน high school เขาก็คงจะเป็นอิสระแล้ว ชีวิตต่อจากนี้ก็คงไม่ต้องมีกฎมีเกณฑ์อะไรมาก แต่ก็ยังคงต้องทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องสาวอยู่ พรุ่งนี้ตอนบ่าย เราก็คงจะ sign up กับ Netflix เลย หลังจากที่ลูกลิงตัวโตสอบเสร็จ ส่วนจะดูอะไรได้วันไหน อะไรยังไงต้องมานั่งคุยกันอีกที โดยเฉพาะลูกลิงตัวเล็กที่ยังต้องเรียน high school อยู่ การมีชีวิตครอบครัว เราไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรตามครอบครัวอื่น ไม่ต้องไปทำอะไรตามแฟชั่น ชีวิตครอบครัวเรา พวกเราต้องออกแบบกันเอง ออกกฎกันเองว่าพวกเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยแบบไหน ที่เขียนมาทั้งหมด เราก็แค่อยากจะบอกว่า ครอบครัวอื่นเขาจะมี game console, มี iPad มี tablet ให้ลูก นั่นมันเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับครอบครัวเรา ชีวิตครอบครัวเรา พวกเราก็ต้องออกแบบกันเองนะครับ เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรตามกระแส ไม่จำเป็นต้องมี Netflix หรือ Streaming services อื่น ๆ เพียงเพราะเพื่อน ๆ หรือครอบครัวอื่นมี อย่าให้ peer pressure มามีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเรา เราสามารถมีความสุขและเป็นครอบครัวที่อบอุ่นได้ ใบแบบของเรา ในเวอร์ชันของเรา :) เราจะอยากจะฝากเอาไว้แค่นี้ครับ Sun: 28/11/2021 Comments are closed.
|
บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณพ่อลูก 2 Archives
April 2023
|