วันนี้เราขอเอาความรู้ตอนสมัยเรียน master degree จาก USQ (University of Southern Queensland) มาฝากนะครับ
โดยส่วนตัวแล้ว เราชอบศึกษาการตลาด การบริหาร การทำงานของคนญี่ปุ่น และวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอยู่แล้ว เราก็เลยเลือกที่จะลงเรียนอักษรญี่ปุ่นที่ UOW เพิ่ม ช่วงที่เรียนโทที่ USQ 1 วิชาที่เราชอบก็คือวิชา "Marketing Management" เพราะเราต้องอ่านและ analyse พวก case study ของบริษัทดัง ๆ ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก เราชอบ case study ของบริษัท Toyota เกี่ยวกับการวาง positioning ของ Lexus หลาย ๆ คนไม่รู้ว่า Lexus เป็น luxury car ของญี่ปุ่น หลาย ๆ คนคิดว่า Lexus เป็น luxury car มาจากยุโรป ที่ญี่ปุ่น รถ Lexus ก็จะเป็น brand Toyota Lexus เพราะยังไงคนญี่ปุ่นก็เป็นชาตินิยมอยู่แล้ว สินค้ามีชื่อ Toyota ติดอยู่ ยังไงคนญี่ปุ่นก็ซื้อ แต่เราก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังใช้ชื่อ Toyota Lexus อยู่มั้ย เพราะ case study ที่เราเรียนมา ก็นานพอสมควรแล้ว ที่ต่างประเทศ Lexus จะแยกออกจาก Toyota ซึ่งก็เป็น branding ที่ชัดเจน ที่ญี่ปุ่น ศูนย์ซ่อมหรือศูนย์ให้บริการของ Toyota กับ Lexus จะเป็นศูนย์เดียวกัน แต่ทางเข้าออกศูนย์จะอยู่คนละประตู บรรยากาศและการบริการของข้างในศูนย์ก็จะแตกต่างกันไปด้วย เป็นไงหละ มันเป็นการวาง positioning ที่เก๋มาก ประมาณว่า business class เข้าประตูหนึง และ economy class เข้าอีกประตูหนึง อะไร ยังไงยังงั้น เราเคยสังเกตไหมว่า Lexus ไม่เคยมีโปรโมชั่นลดราคาอะไร นั่น นี่ โน่น เลย ซึ่งแตกต่างจาก Toyota ซึ่งมันก็ทำให้รู้ว่า การวาง position ของสินค้าในตลาดนั้นสำคัญ ถ้าเราวาง position ให้เป็น high end product การตลาดและ positioning มันก็ต้องแตกต่างกันไป เพราะถ้าเผื่อไม่อย่างนั้นแล้ว สินค้าบางสินค้าก็จะกลายเป็น "สินค้าแบกะดิน" ได้ สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ เราคิดว่ามันสำคัญนะ ที่เราจะต้อง position brand ของเรายังไง จริง ๆ แล้วเรื่องนี้สำคัญกับทุกคนแหละ ต่อให้เราไม่ทำธุรกิจหรือเป็นผู้ประกอบการก็เถอะ เพราะมนุษย์ทุกคนคือ salesperson นะครับ ขาย idea, ขายตัวตน มันนำมาประยุกต์ใช้ด้วยกันได้หมดเลย ไม่เฉพาะเจาะจงเฉพาะผู้ประกอบการเท่านั้น "To Sell Is Human" เราชื่นชอบ marketing strategy ของบริษัท Toyota Japan นะ ที่สามารถวาง position ของสินค้าได้แตกต่างและเด่นชัดมาก Toyota รุ่นธรรมดา ก็จะวาง position อีกแบบหนึง Toyota Lexus ก็จะวาง position อีกแบบหนึง เก่งหนะ ช่างคิด ช่างทำ มันเป็นการใช้ imagination และผสมผสานเข้ากับ creative thinking มาก ๆ เลย มันไม่ใช่การ "think outside the the box" แต่นี่มันคือการ "break the box and be free" มากกว่า เราไม่ชอบ concept ของพวก "think outside the box" เพราะการ "think outside the box" แสดงว่ามันยังมีกรอบทางด้านความคิดอยู่ มันยังไม่ "free" ยังไม่เป็นอิสระทางด้านความคิด แต่ถ้าเราสามารถ break the box ได้ มันก็จะกลายเป็นความคิดที่ไม่มีกรอบเลย เป็นอิสระ เราสามารถ imagine หรือใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่เรามีในการคิดและทำอะไรต่าง ๆ นานา ซึ่งมันก็รวมกันการตลาด การวาง position ของ brand ของเราด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็สามารถนำเอามาประยุกต์ใช้กับชีวิตการทำงาน หรือชีวิตประจำวันทั่ว ๆ ไปของเราได้ |
AuthorJohn Paopeng Archives
August 2023
Categories |