เมื่อหลายปีก่อน จำไม่ได้แล้วว่าปีไหน มันนานมากแล้ว
น่าจะไม่เกิน 4 ปีที่แล้ว เรามีน้อง 2 คน เป็นแฟนกัน เขานัดเข้ามาอยากจะปรึกษาเรื่องวีซ่าของเขา เราก็ busy ช่วงนั้นมีบินกลับเมืองไทยด้วย น้องเขาก็รอไม่ได้ ก็เลยนัดเจอกันที่สนามบิน Sydney Airport เราก็บ้าพอที่รับนัดกับลูกค้าที่สนามบิน คือใช้เวลาทุกวินาทีในแต่ละวันให้คุ้มค่าจริง ๆ แต่นั่นมันเมื่อสมัย 3-4 ปีก่อนนะ ถ้าเป็นทุกวันนี้เราก็คงไม่ทำหรอก เพราะบินกลับมาก็เหนื่อยแล้ว อยากจะพัก เราจำได้ว่า เราก็นัดเวลาอะไรกับน้องไว้แล้วเรียบร้อย เราก็กะเวลาที่เรารอรับกระเป๋า นั่น นี่ โน่น เอาไว้พอสมควร เรานัดเจอกันที่ cafe ในสนามบิน พอเราออกมาแล้ว เอ๊า น้องเขายังมาไม่ถึง ยังหาที่จอดรถไม่ได้ สรุปคือเราต้องนั่งรอ บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่ไม่ชอบ เราขอบตรงเวลา ปรกติเราคุยกับลูกค้า เราจะพยายาม limit เวลาเอาไว้ไม่ได้เกิน 1 hr แต่นี่รู้สึกว่าติดลม เราคุยกันนานพอสมควร จำได้ว่า เกิน 1 hr เพราะกว่าจะกลับถึง Wollongong ก็เที่ยง ๆ บ่าย ๆ เพราะจริง ๆ แล้ว flight เที่ยวเช้า เราต้องกลับถึง Wollongong เร็วกว่านี้ เราลืมไปแล้วหละ ว่า case ของน้องเป็นยังไง จนจู่ ๆ เขาทักเข้ามาอีกรอบ และก็ให้เราทำ case ให้ หลังจากที่เขาหายไป 3-4 ปีนะ เพราะก่อนหน้านั้น เขาก็มีนายจ้างที่เขามีบริษัทดูแลในเรื่องอิมมิเกรชั่นอยู่แล้ว เขาก็เลยไม่ได้ใช้เรา มาวันนี้ ผ่านไป 3-4 ปี น้องบอกว่า เขาคือคนที่เรานั่งคุย case กันที่สนามบิน มันก็มี case เดียวนี่แหละที่เรานั่งคุยกันที่สนามบิน Sydney จริง ๆ มีเด็ดกว่านี้อีก คือที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนตี 3 (3am) เพราะเครื่องเราลง 2am แล้วรอต่อเครื่องไปต่างจังหวัดตอน 7am วกกลับเข้ามาที่เรื่องน้องคนที่เรา consult ไปที่ Sydney ก็เอาเป็นว่าเขากลับมาทำ case กับเราแล้ว หลังจากที่หายไป 3-4 ปี พอรู้อย่างนี้แล้ว เราก็พอมีกำลังใจในการทำงานนะ เออนะ เราก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เราไป ไม่ว่าจะดีหรือเลว สักวันหนึ่งมันก็คงจะวกกลับมาหาเรา ไม่ช้าก็เร็ว เผอิญว่านี่เป็นเรื่องที่ดี ก็ดีไป มีงานเข้ามา เราก็ต้องดีใจจ๊ะ ไม่บ่น |
AuthorJohn Paopeng Archives
October 2023
Categories |